ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
โครงงานวิทยาศาสตร์



ความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์

   • โครงงานวิทยาศาสตร์หมายถึง กิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่
       นักเรี ยนเป็ นผูริเริ่ มและลงมือปฏิบติ ศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเองโดยอาศัย ทักษะ และ
                       ้                   ั
       กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปช่วยแสวงหาความรู ้ หรื อแก้ปัญหา

ความสาคัญของโครงงานวิทยาศาสตร์

   • วิธีการแสวงหาความรู ้ในแนวลึก
   • ต่อยอดความรู ้ให้เกิดขึ้น
   • เสริ มสร้างองค์ความรู ้ผเู ้ รี ยนและสังคม
   • สนองต่อชุมชน
จริยธรรมในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์

   • การใช้ประโยชน์จากผลงานผูอื่น
                             ้
   • ความซื่อตรงทางวิชาการ
   • http://www.vcharkarn.com/project/

ความสาคัญของโครงงานวิทยาศาสตร์

   • วิธีการแสวงหาความรู้ในแนวลึก

   • ต่อยอดความรู ้ให้เกิดขึ้น

   • เสริ มสร้างองค์ความรู้ผเู้ รี ยนและสังคม

   • สนองต่อชุมชน
คุณค่ าของโครงงานวิทยาศาสตร์

   • นักเรี ยนได้พฒนา และแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง และความสามารถพิเศษ
                  ั

   • นักเรี ยนได้ศึกษาค้นคว้า และเรี ยนรู ้ในสิ่ งที่ตนเองสนใจมากกว่าการเรี ยนรู ้ในห้องเรี ยน

   • นักเรี ยนมีความสนใจในการเรี ยนวิทยาศาสตร์ และประกอบอาชีพทางวิทยาศาสตร์ มากขึ้น

   • ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างความสัมพันธ์ ระหว่างครู อาจารย์ กับนักเรี ยน และ โรงเรี ยน กับ
     ชุมชน

ประเภทของโครงงานตามระดับความคิดนักเรียน

   • Guided Project นักเรี ยนใช้ความคิดน้อย ครู ให้คาปรึ กษามาก ออกแบบการทดลอง เพื่อตอบปัญหา
     นักเรี ยนรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุ ปผล นาเสนอ ด้วยตนเอง

   • Less-Guided Project ครู และนักเรี ยนร่ วมกันกาหนดปั ญหา และวิธีรวบรวมข้อมูล เพื่อตอบปั ญหา
     นักเรี ยนรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุ ปผล นาเสนอด้วยตนเอง

   • Unguided Project ครู ให้คาปรึ กษาน้อย นักเรี ยน ทาด้วยตนเองทุกขั้นตอน

ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์

   1. โครงงานประเภทสารวจ รวบรวมข้ อมูล

   • หมายถึง การสารวจข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดจากความต้องการสารวจ รวบรวมข้อมูล มาจัดจาแนกเป็ น
       หมวดหมู่ และนาเสนอในรู ปแบบต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็น ลักษณะ ความสัมพันธ์ กับเรื่ องที่ตองการ
                                                                                           ้
       ศึกษา เช่น การสารวจภาคสนาม และอาจจะนากลับมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบติการอีก หรื อ
                                                                     ั
       ทาการศึกษา ณ แหล่งสารวจ

   2. โครงงานประเภทการทดลอง

   •     หมายถึง โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองเป็ นโครงงานที่มีการออกแบบการทดลองเพื่อ
       ศึกษาผลของตัวแปรอิสระ (ตัวแปรต้น) ที่มีผลต่อตัวแปรตาม โดยควบคุมตัวแปรอื่น ๆ (ตัวแปร
       ควบคุม) ที่จะมีอิทธิ พลต่อผลการทดลอง
3. โครงงานประเภทสิ่ งประดิษฐ์

   • เป็ นโครงงานที่ประยุกต์หลักการหรื อทฤษฎีต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ มาประดิษฐ์เป็ นเครื่ องมือ
       เครื่ องใช้หรื ออุปกรณ์ท่ีเป็ นประโยชน์ในการใช้สอย อาจคิดประดิษฐ์ของใหม่ ๆ หรื อปรับปรุ ง
                             ่
       ดัดแปลงของเดิมที่มีอยูแล้ว ให้มีประสิ ทธิ ภาพสู งขึ้น หรื อเป็ นแบบจาลอง

   4. โครงงานประเภททฤษฏี

   •    เป็ นโครงงานที่เสนอทฤษฏี หลักการใหม่ ตามแนวคิดของตนเอง หรื อการอธิ บายแนวคิดใหม่ ๆ
                  ่
       ซึ่ งอาจอยูในรู ปของสู ตร สมการ คาอธิ บาย ในเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งอย่างมีเหตุผล เสนอ ในรู ปของ
       ทฤษฎี หลักการ แนวคิด อาจเติมจินตนาการร่ วมด้วย

ขั้นตอนการทาโครงงาน

   • กาหนดปั ญหา กาหนดหัวข้อเรื่ อง

   • ตั้งสมมุติฐาน

   • ออกแบบการทดลอง การศึกษาค้นคว้า

   • ดาเนินการทดลอง ศึกษาค้นคว้า

   • สรุ ปผล (เกิดปั ญหาใหม่ ขั้นตอนการศึกษาใหม่)

   • นาเสนอผลงาน ประเมินผลงาน

   • จัดนิทรรศการ ส่ งประกวด

ขั้นตอนการทาโครงงานประกอบด้ วย

   • การคิดและเลือกเรื่ องที่จะทาโครงงาน

   • การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง

   • การจัดทาเค้าโครงของโครงงาน
• การดาเนินโครงงาน

   • การเขียนรายงานโครงงาน

   • การแสดงผลงานของโครงงาน

ทาโครงงานเรื่องอะไรดี

   • หัวข้อโครงงาน ควรมาจากปั ญหา คาถาม ความอยากรู้อยากเห็นของนักเรี ยนเอง

หัวข้ อโครงงานมาจากไหน

   • จุดประกาย จากการรับรู ้ รับฟัง ข้อมูลข่าวสาร

   • การเยียมชมสถานที่ต่างๆ
           ่

   • กิจกรรมการเรี ยนการสอนในโรงเรี ยน

   • งานอดิเรก

   • ต่อยอดจากโครงงานเดิมที่ทาไว้แล้ว

   • การสนทนากับบุคคลต่างๆ

   • การสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว

การพิจารณาความเหมาะสมของหัวข้ อโครงงาน

   • ความรู้ ทักษะ

   • วัสดุ อุปกรณ์

   • แหล่งเรี ยนรู ้

   • เวลา

   • อาจารย์ที่ปรึ กษา
• ความปลอดภัย

    • งบประมาณ

    • การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง

    • รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูลในรู ปแบบอื่น เช่น การขอคาปรึ กษา การสารวจวัสดุอุปกรณ์ การ
        สารวจเบื้องต้น

    • รวบรวมข้อมูลอย่างเป็ นระบบ และจดบันทึกไว้เป็ นหลักฐาน ควรจัดแสดงสมุดบันทึกพร้อมการจัด
        แสดงโครงงาน

    • ช่วยในการตัดสิ นใจเลือกหัวข้อโครงงาน กาหนดขอบข่ายของเรื่ องที่จะศึกษาให้เฉพาะเจาะจง

    • ช่วยให้สามารถออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานได้อย่างเหมาะสม

    • ต้องศึกษาข้อมูล ก่อนเริ่ มทาโครงงาน

    • โครงงานวิทยาศาสตร์

    • โครงร่ างโครงงานวิทยาศาสตร์ (Proposal)

การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ประกอบด้ วยหัวข้ อต่ าง ๆ ดังนี้

1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผูจดทาโครงงาน
         ้ั
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึ กษาโครงงาน
4. บทคัดย่อ
5. กิตติกรรมประกาศ (คาขอบคุณ)
6. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
7. วัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน
8. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี)
9. ขอบเขตของการทาโครงงาน
10.วิธีดาเนินการ
11.ผลการศึกษาค้นคว้า
12. สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ
13. เอกสารอ้างอิง




                                        ขั้นตอนการทาโครงงาน
กลยุทธ์ …การทาโครงงานให้ สัมฤทธิ์ผล

1. กาหนดปั ญหา

2. ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

3. ตั้งสมมติฐาน

4. ออกแบบการทดลอง

5. ทาการทดลองและบันทึกผล

6. วิเคราะห์และสรุ ปผลการทดลอง

7.เผยแพร่ ผกาหนดปัญหา
  ขั้นที่ 1 ลงาน

         สาคัญมาก เพราะ เป็ นจุดเริ่ มต้น ของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
                                             ่
กลยุทธ์ ไม่มองไกลเลิศเลอถึงขั้นเพ้อฝัน แค่อยูในชีวตประจาวันและใกล้ตว
                                                  ิ                ั

          มอง = สังเกต (อย่างลึกซึ้ ง) และ สงสัย
คำถำมทั่วไป
 ทาไมใบพลูด่างทีระดับความสู ง
                ่
     ต่ างกันมีขนาดต่ างกัน


     คำถำมเชิงวิจัย

ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่าง
  ่
     มีขนาดต่ างกันหรือไม่
ขั้นที่ 2 ศึกษาข้ อมูลทีเ่ กียวข้ อง
                             ่

                              รู ้เขารู ้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
กลยุทธ์        ตีโจทย์ให้ แตก แยกคาสาคัญ

ข้ อมูลทีเ่ กี่ยวข้ อง

- ปั จจัยที่มีผลต่อการเจริ ญเติบโตของพลูด่าง
          สาคัญมาก เพราะ เป็ นจุดเริ่ มต้น ของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
- เทคนิคการวัด

- พันธุ์ของพลูด่าง

   ขั้นที่ 3 ตั้งสมมติฐาน
                         ตั้งสมมติฐาน : คาดเดาคาตอบ ตีกรอบสิ่ งที่จะศึกษา

คาถามวิจัย : ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่างมีขนาดต่ างกันหรือไม่
               ่

สมติฐาน : ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่างจะมีขนาดต่ างกัน
            ่

  ขั้นที่ 4 ออกแบบการทดลอง



     • กลยุทธ์ ออกแบบอย่างมีระบบ

     • ระบุตัวแปร แฉ....ความสั มพันธ์


                                       ถ้ าเปลียน ตัวแปรต้ น
                                               ่

                                        แล้วจะเกิดอะไรขึนกับ ตัวแปรตาม
                                                        ้

                                        ต้ องควบคุมสิ่ งอื่นให้ เหมือนกัน
คาถามวิจัย : ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่างมีขนาดต่ างกันหรือไม่
                     ่

                ตัวแปรต้ น:    ระดับความสู ง

                ตัวแปรตาม:     ขนาดของใบ

                ควบคุม:        วิธีการวัดขนาดของใบ
                               บริเวณทีศึกษาต้ นพลูด่าง
                                       ่
                               ความสมบูรณ์ ของใบ

ตารางบันทึกผล

                                                   ขนาดของใบไม้
       ระดับความสู ง
                                      เส้นขอบใบไม้       เส้นกลางใบไม้




   เพิ่มระดับความสูง                                                 นิยามขนาดให้ ชดเจน
                                                                                   ั
         ที่จะวัด                จานวนใบที่จะวัด
ขั้นที่ 5 ทาการทดลองและเก็บข้ อมูล

กลยุทธ์ BE A SCIENTIST

ทาตามแผน ทาตามระบบ บันทึกผลทุกครั้ ง   ทาการทดลองซ้า
๶รียนรู้วิธีทำโครงงานวิทยาศาสตร์
ขั้นที่ 6 วิเคราะห์ และสรุ ปผล


                กลยุทธ์ ต้ องซื่อสั ตย์ : ยึดผลการทดลองเป็ นหลัก

                อย่า เปลียนผลการทดลองเพือให้ สอดคล้องกับสมมติฐาน
                         ่              ่




                                                                         นาเสนอแบบกราฟ


                                                                       ไม่ ทาลายตัวอย่ าง


                                                                       ไม่ สรุ ปเกินกว่ าที่ทดลอง




ขั้นที่ 7 เผยแพร่ ผลงาน



                                                                          แลกเปลียนเรียนรู้
                                                                                 ่

                                                                   แหล่งเผยแพร่

                                                                   - วารสารวิชาการ
                                                                   - งานประชุมวิชาการ เช่ น วทร. วทท.
                                                                   - การประกวดโครงงาน
ตัวอย่ างแผงแสดงโครงงาน




                                             อาจารย์ อัครสิ ทธิ์ บุญส่งแท้
                                              อาจารย์ ดร.กฤษฎา บุญชม
                                  ผูช่วยศาสตราจารย์ ดร.อโนดาษ์ รัชเวทย์
                                    ้
                    ( เอกสารประกอบคาบรรยายการอบรมครู สอนไม่ตรงวุฒิ )

More Related Content

๶รียนรู้วิธีทำโครงงานวิทยาศาสตร์

  • 1. โครงงานวิทยาศาสตร์ ความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ • โครงงานวิทยาศาสตร์หมายถึง กิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ นักเรี ยนเป็ นผูริเริ่ มและลงมือปฏิบติ ศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเองโดยอาศัย ทักษะ และ ้ ั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปช่วยแสวงหาความรู ้ หรื อแก้ปัญหา ความสาคัญของโครงงานวิทยาศาสตร์ • วิธีการแสวงหาความรู ้ในแนวลึก • ต่อยอดความรู ้ให้เกิดขึ้น • เสริ มสร้างองค์ความรู ้ผเู ้ รี ยนและสังคม • สนองต่อชุมชน จริยธรรมในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ • การใช้ประโยชน์จากผลงานผูอื่น ้ • ความซื่อตรงทางวิชาการ • http://www.vcharkarn.com/project/ ความสาคัญของโครงงานวิทยาศาสตร์ • วิธีการแสวงหาความรู้ในแนวลึก • ต่อยอดความรู ้ให้เกิดขึ้น • เสริ มสร้างองค์ความรู้ผเู้ รี ยนและสังคม • สนองต่อชุมชน
  • 2. คุณค่ าของโครงงานวิทยาศาสตร์ • นักเรี ยนได้พฒนา และแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง และความสามารถพิเศษ ั • นักเรี ยนได้ศึกษาค้นคว้า และเรี ยนรู ้ในสิ่ งที่ตนเองสนใจมากกว่าการเรี ยนรู ้ในห้องเรี ยน • นักเรี ยนมีความสนใจในการเรี ยนวิทยาศาสตร์ และประกอบอาชีพทางวิทยาศาสตร์ มากขึ้น • ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างความสัมพันธ์ ระหว่างครู อาจารย์ กับนักเรี ยน และ โรงเรี ยน กับ ชุมชน ประเภทของโครงงานตามระดับความคิดนักเรียน • Guided Project นักเรี ยนใช้ความคิดน้อย ครู ให้คาปรึ กษามาก ออกแบบการทดลอง เพื่อตอบปัญหา นักเรี ยนรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุ ปผล นาเสนอ ด้วยตนเอง • Less-Guided Project ครู และนักเรี ยนร่ วมกันกาหนดปั ญหา และวิธีรวบรวมข้อมูล เพื่อตอบปั ญหา นักเรี ยนรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุ ปผล นาเสนอด้วยตนเอง • Unguided Project ครู ให้คาปรึ กษาน้อย นักเรี ยน ทาด้วยตนเองทุกขั้นตอน ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. โครงงานประเภทสารวจ รวบรวมข้ อมูล • หมายถึง การสารวจข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดจากความต้องการสารวจ รวบรวมข้อมูล มาจัดจาแนกเป็ น หมวดหมู่ และนาเสนอในรู ปแบบต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็น ลักษณะ ความสัมพันธ์ กับเรื่ องที่ตองการ ้ ศึกษา เช่น การสารวจภาคสนาม และอาจจะนากลับมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบติการอีก หรื อ ั ทาการศึกษา ณ แหล่งสารวจ 2. โครงงานประเภทการทดลอง • หมายถึง โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองเป็ นโครงงานที่มีการออกแบบการทดลองเพื่อ ศึกษาผลของตัวแปรอิสระ (ตัวแปรต้น) ที่มีผลต่อตัวแปรตาม โดยควบคุมตัวแปรอื่น ๆ (ตัวแปร ควบคุม) ที่จะมีอิทธิ พลต่อผลการทดลอง
  • 3. 3. โครงงานประเภทสิ่ งประดิษฐ์ • เป็ นโครงงานที่ประยุกต์หลักการหรื อทฤษฎีต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ มาประดิษฐ์เป็ นเครื่ องมือ เครื่ องใช้หรื ออุปกรณ์ท่ีเป็ นประโยชน์ในการใช้สอย อาจคิดประดิษฐ์ของใหม่ ๆ หรื อปรับปรุ ง ่ ดัดแปลงของเดิมที่มีอยูแล้ว ให้มีประสิ ทธิ ภาพสู งขึ้น หรื อเป็ นแบบจาลอง 4. โครงงานประเภททฤษฏี • เป็ นโครงงานที่เสนอทฤษฏี หลักการใหม่ ตามแนวคิดของตนเอง หรื อการอธิ บายแนวคิดใหม่ ๆ ่ ซึ่ งอาจอยูในรู ปของสู ตร สมการ คาอธิ บาย ในเรื่ องใดเรื่ องหนึ่งอย่างมีเหตุผล เสนอ ในรู ปของ ทฤษฎี หลักการ แนวคิด อาจเติมจินตนาการร่ วมด้วย ขั้นตอนการทาโครงงาน • กาหนดปั ญหา กาหนดหัวข้อเรื่ อง • ตั้งสมมุติฐาน • ออกแบบการทดลอง การศึกษาค้นคว้า • ดาเนินการทดลอง ศึกษาค้นคว้า • สรุ ปผล (เกิดปั ญหาใหม่ ขั้นตอนการศึกษาใหม่) • นาเสนอผลงาน ประเมินผลงาน • จัดนิทรรศการ ส่ งประกวด ขั้นตอนการทาโครงงานประกอบด้ วย • การคิดและเลือกเรื่ องที่จะทาโครงงาน • การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง • การจัดทาเค้าโครงของโครงงาน
  • 4. • การดาเนินโครงงาน • การเขียนรายงานโครงงาน • การแสดงผลงานของโครงงาน ทาโครงงานเรื่องอะไรดี • หัวข้อโครงงาน ควรมาจากปั ญหา คาถาม ความอยากรู้อยากเห็นของนักเรี ยนเอง หัวข้ อโครงงานมาจากไหน • จุดประกาย จากการรับรู ้ รับฟัง ข้อมูลข่าวสาร • การเยียมชมสถานที่ต่างๆ ่ • กิจกรรมการเรี ยนการสอนในโรงเรี ยน • งานอดิเรก • ต่อยอดจากโครงงานเดิมที่ทาไว้แล้ว • การสนทนากับบุคคลต่างๆ • การสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว การพิจารณาความเหมาะสมของหัวข้ อโครงงาน • ความรู้ ทักษะ • วัสดุ อุปกรณ์ • แหล่งเรี ยนรู ้ • เวลา • อาจารย์ที่ปรึ กษา
  • 5. • ความปลอดภัย • งบประมาณ • การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง • รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูลในรู ปแบบอื่น เช่น การขอคาปรึ กษา การสารวจวัสดุอุปกรณ์ การ สารวจเบื้องต้น • รวบรวมข้อมูลอย่างเป็ นระบบ และจดบันทึกไว้เป็ นหลักฐาน ควรจัดแสดงสมุดบันทึกพร้อมการจัด แสดงโครงงาน • ช่วยในการตัดสิ นใจเลือกหัวข้อโครงงาน กาหนดขอบข่ายของเรื่ องที่จะศึกษาให้เฉพาะเจาะจง • ช่วยให้สามารถออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานได้อย่างเหมาะสม • ต้องศึกษาข้อมูล ก่อนเริ่ มทาโครงงาน • โครงงานวิทยาศาสตร์ • โครงร่ างโครงงานวิทยาศาสตร์ (Proposal) การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ประกอบด้ วยหัวข้ อต่ าง ๆ ดังนี้ 1. ชื่อโครงงาน 2. ชื่อผูจดทาโครงงาน ้ั 3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึ กษาโครงงาน 4. บทคัดย่อ 5. กิตติกรรมประกาศ (คาขอบคุณ) 6. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 7. วัตถุประสงค์ของการทาโครงงาน 8. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) 9. ขอบเขตของการทาโครงงาน 10.วิธีดาเนินการ
  • 6. 11.ผลการศึกษาค้นคว้า 12. สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ 13. เอกสารอ้างอิง ขั้นตอนการทาโครงงาน กลยุทธ์ …การทาโครงงานให้ สัมฤทธิ์ผล 1. กาหนดปั ญหา 2. ศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง 3. ตั้งสมมติฐาน 4. ออกแบบการทดลอง 5. ทาการทดลองและบันทึกผล 6. วิเคราะห์และสรุ ปผลการทดลอง 7.เผยแพร่ ผกาหนดปัญหา ขั้นที่ 1 ลงาน สาคัญมาก เพราะ เป็ นจุดเริ่ มต้น ของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ่ กลยุทธ์ ไม่มองไกลเลิศเลอถึงขั้นเพ้อฝัน แค่อยูในชีวตประจาวันและใกล้ตว ิ ั มอง = สังเกต (อย่างลึกซึ้ ง) และ สงสัย
  • 7. คำถำมทั่วไป ทาไมใบพลูด่างทีระดับความสู ง ่ ต่ างกันมีขนาดต่ างกัน คำถำมเชิงวิจัย ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่าง ่ มีขนาดต่ างกันหรือไม่
  • 8. ขั้นที่ 2 ศึกษาข้ อมูลทีเ่ กียวข้ อง ่ รู ้เขารู ้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลยุทธ์ ตีโจทย์ให้ แตก แยกคาสาคัญ ข้ อมูลทีเ่ กี่ยวข้ อง - ปั จจัยที่มีผลต่อการเจริ ญเติบโตของพลูด่าง สาคัญมาก เพราะ เป็ นจุดเริ่ มต้น ของการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ - เทคนิคการวัด - พันธุ์ของพลูด่าง ขั้นที่ 3 ตั้งสมมติฐาน ตั้งสมมติฐาน : คาดเดาคาตอบ ตีกรอบสิ่ งที่จะศึกษา คาถามวิจัย : ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่างมีขนาดต่ างกันหรือไม่ ่ สมติฐาน : ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่างจะมีขนาดต่ างกัน ่ ขั้นที่ 4 ออกแบบการทดลอง • กลยุทธ์ ออกแบบอย่างมีระบบ • ระบุตัวแปร แฉ....ความสั มพันธ์ ถ้ าเปลียน ตัวแปรต้ น ่ แล้วจะเกิดอะไรขึนกับ ตัวแปรตาม ้ ต้ องควบคุมสิ่ งอื่นให้ เหมือนกัน
  • 9. คาถามวิจัย : ทีระดับความสู งต่ างกัน ใบพลูด่างมีขนาดต่ างกันหรือไม่ ่ ตัวแปรต้ น: ระดับความสู ง ตัวแปรตาม: ขนาดของใบ ควบคุม: วิธีการวัดขนาดของใบ บริเวณทีศึกษาต้ นพลูด่าง ่ ความสมบูรณ์ ของใบ ตารางบันทึกผล ขนาดของใบไม้ ระดับความสู ง เส้นขอบใบไม้ เส้นกลางใบไม้ เพิ่มระดับความสูง นิยามขนาดให้ ชดเจน ั ที่จะวัด จานวนใบที่จะวัด
  • 10. ขั้นที่ 5 ทาการทดลองและเก็บข้ อมูล กลยุทธ์ BE A SCIENTIST ทาตามแผน ทาตามระบบ บันทึกผลทุกครั้ ง ทาการทดลองซ้า
  • 12. ขั้นที่ 6 วิเคราะห์ และสรุ ปผล กลยุทธ์ ต้ องซื่อสั ตย์ : ยึดผลการทดลองเป็ นหลัก อย่า เปลียนผลการทดลองเพือให้ สอดคล้องกับสมมติฐาน ่ ่ นาเสนอแบบกราฟ ไม่ ทาลายตัวอย่ าง ไม่ สรุ ปเกินกว่ าที่ทดลอง ขั้นที่ 7 เผยแพร่ ผลงาน แลกเปลียนเรียนรู้ ่ แหล่งเผยแพร่ - วารสารวิชาการ - งานประชุมวิชาการ เช่ น วทร. วทท. - การประกวดโครงงาน
  • 13. ตัวอย่ างแผงแสดงโครงงาน อาจารย์ อัครสิ ทธิ์ บุญส่งแท้ อาจารย์ ดร.กฤษฎา บุญชม ผูช่วยศาสตราจารย์ ดร.อโนดาษ์ รัชเวทย์ ้ ( เอกสารประกอบคาบรรยายการอบรมครู สอนไม่ตรงวุฒิ )