ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
โดย คุณครูทพย์ วรรณ พิภพไชยาสิทธิ์
            ิ
โรงเรียนบางแม่ หม้ ายรัฐราษฎร์ รังสฤษดิ์
- ประกอบไปด้ วย 2 ช่ วงคือ Interphase
และ Mitotic phase
- ใช้ เวลาประมาณ 90 % ของวัฏจักร
- แบ่ งออกเป็ น 3 ระยะ ดังนี้
    - ระยะ G1 เจริญเติบโต สร้ างสารต่ างๆ
    - ระยะ S สั งเคราะห์ DNA
    - ระยะ G2 เตรียมพร้ อมทีจะแบ่ งเซลล์
                            ่
อุปกรณ์
การแบ่ งเซลล์มีการแบ่ งนิวเคลียส (karyokinesis)
แบ่ งออเป็ น 2 แบบ คือ
      - Mitosis การแบ่ งเซลล์ เพือการ ่
  เจริญเติบโต
      - Meiosis การแบ่ งเซลล์ เพือสร้ างเซลล์
                                        ่
  สื บพันธุ์ เช่ น สเปิ ร์ ม หรือ ไข่
1. Prophase

2. Metaphase

3. Anaphase

4. Telophase
- โครโมโซมมีการหดตัวหนาขึน และสั้ นลง
                            ้
- เซนโตรโซมเป็ นแหล่งสร้ างเส้ นไยสปิ นเดิล
- เซนโตรโซม จาลองตัวเองและแยกอยู่คนละขั้ว
                                โครโมโซมหดตัว ติดสี ย้อมเข้ ม
                             ซิสเตอร์ โครมาติดปรากฏชัดเจน
                             เซนตริโอลจาลองตัวเองและแยก
                             ไปยังคนละขั้วเซลล์
     Campbell et al., 2002
- เยือหุมนิวเคลียสสลายไป
      ่ ้
- โครโมโซมหดตัวสั้นที่สุด นิยมนับจานวน
โครโมโซมในระยะนี้
- เส้นใย mitotic spindle ดึงโครโมโซมให้มา
เรี ยงตัวตรงกลางเซลล์
       โครโมโซมทีประกอบด้ วย
                  ่
   2 ซิสเตอร์ โครมาติด มาเรียง
   ตัวกลางตรงเซลล์
                                       Campbell et al 2002
- เป็ นระยะทีส้ั นทีสุดในไมโทซิส
             ่ ่
- ซิสเตอร์ โครมาติด 2 เส้ นถูกดึงออกจากกันตรง
 ตาแหน่ งเซนโตรเมียร์
- ซิสเตอร์ โครมาติดเคลือนที่ไปยังคนละขั้วเซลล์
                         ่

                      ซิสเตอร์ โครมาติดถูกดึงแยกออกจากกัน และ
                      เคลือนที่ไปยังคน ละขั้ว
                          ่
     Campbell et al., 2002
- ระยะสุ ดท้ ายของการแบ่ งนิวเคลียส
 - เกิดนิวเคลียสใหม่ 2 ชุด
 - นิวคลีโอลัสที่หายไปเริ่มปรากฎขึนใหม่
                                   ้
- เข้ าสู่ สภาพนิวเคลียสในระยะอินเตอร์ เฟส
                      ระยะสุ ดท้ ายของ Mitosis เกิดเยือหุ้ม
                                                      ่
                  นิวเคลียสล้ อมรอบกลุ่ม daugther
                  chromosomrs และ nucleolus ปรากฏขึนใหม่   ้
    Campbell et al., 2002
- เป็ นระยะสุ ดท้ ายของการแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส




                                   Arms et al., 1991

            Cytokinesis ใน Paramecium
- Cytoplasm เกิดการคอดเว้ า
แบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน
ได้ เซลล์ใหม่ 2 เซลล์


                              Campbell et al., 2002
- Golgi vesicles เรียงตัวกลางเซลล์ เป็ น cell plate
- cell plate มี Plasmodesmata ทาให้ ไซโทพลาสซึมทั้ง
สองเซลล์ ต่อเนื่องกัน




                                         Arms et al., 1991
- เกิดขึนในยูคารีโอตทีมการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ
        ้                ่ ี
- ในสั ตว์ เกิดการแบ่ งเซลล์ ของเซลล์สืบพันธุ์
germ line cells
- ในพืชเกิดจากการแบ่ งของ somatic cells ที่ได้ รับการ
กระตุ้นจากสิ่ งแวดล้ อมภายในหรือภายนอก
- เป็ นการแบ่ งนิวเคลียสได้ เซลล์ 4 เซลล์ ที่มีจานวน
โครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่งจากเซลล์ เริ่มต้ น
- มีการแบ่ งนิวเคลียสและไซโทพลาสซึม 2 ครั้ง
แบ่ งออกเป็ น 2 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ดังนี้

    - Meiosis I
    - Meiosis II
Campbell et al. , 2002



-   homologous chromosome มาเข้ าคู่กน
                                     ั
-   เกิด crossing over
-   homologous chromosome แยกจากกัน
-   โครโมโซมลดจานวนลงครึ่งหนึ่ง
-   ผลลัพธ์ ได้ 2 เซลล์


- sister chromatids แยกออกจากกัน
- ผลลัพธ์ ได้ 4 เซลล์
- แต่ ละเซลล์ มพนธุกรรมแตกต่ างกัน
               ี ั
แบ่ งออกได้ หลายระยะดังนี้
1. Prophase I       3. Anaphase I
2. Metaphase I      4. Telophase I




                               Campbell et al., 2002
- แต่ ละโครโมโซมประกอบไปด้ วย
ซิสเตอร์ โครมาติด 2 เส้ น
- synapsis ของ homologous
chromosome ปรากฏเป็ น bivalent
- เกิด crossing over ระหว่ าง non
sister chromatids
- เกิด gene recombination
                                    Campbell et al., 2002
Brum et al., 1994


                    - Synapsis ของ Homologous
                       chromosome
                     - แต่ ละ bivalent ปรากฏเห็น 4
                       โครมาติดเรียกว่ า tetrad
                     - crossing over เกิดขึนสมบูรณ์
                                             ้
Brum et al., 1994
- โครโมโซมหดตัวสั้ นทีสุด
                      ่
- คู่ของโครโมโซมคู่เหมือน
  เคลือนที่ไปเรียงตัวกลางเซลล์
      ่
- ไคแอสมาเลือนไปอยู่ปลาย
              ่
  โครโมโซมและหลุดออกจากกัน
                                 Campbell et al., 2002
- คู่ของโครโมโซมคู่เหมือน
  เคลือนทีแบบส่ ุ มไปคนละ
      ่ ่
  ขั้วของเซลล์
- การเข้ าชุดอย่างอิสระของ
  โครโมโซม ทาให้ เกิดการ
  เปลียนแปลงพันธุกรรม
       ่
- เซลล์สืบพันธุ์มีความ
                             Campbell et al., 2002
  หลากหลายทางพันธุกรรม
- โครโมโซมคลายตัวยาวขึน เกิดนิวเคลียสใหม่
                        ้
- หลังจากเกิดการแบ่ งไซโตพลาสมจะได้ 2 เซลล์
- แต่ ละเซลล์มีจานวนโครโมโซมครึ่งหนึ่งของเซลล์เดิม




                                     Brum et al.,1994
- กระบวนการเหมือนกับการแบ่ งไมโทซิสปกติ
- เซลล์ เริ่มต้ นในการแบ่ งคือ haploid cell (n)
- ไม่ มีการจาลองตัวเองของโครโมโซม หรือDNA ขึน   ้
   มาอีก
- เป็ นการแยกกันของ sister chromatids

 Prophase II Metaphase II Anaphase II
 และ Telophase II
- โครโมโซมหดตัวหนาขึนอีก
                    ้
- เส้ นใยสปิ นเดิลไปจับที่
  เซนโตรเมียร์


                             Campbell et al., 2002
- เส้ นใยสปิ นเดิลดึงโครโมโซม
  ทีขดตัวหนาทีสุด ไปอยู่ในแนว
    ่            ่
  equational plane

                                Campbell et al., 2002
- เส้ นใยสปิ นเดิลดึงซิสเตอร์
ดึงโครมาติดแยกออกจากกัน
ไปยังคนละขั้วเซลล์
                                Campbell et al., 2002
ซิสเตอร์ โครมาติด ที่แยกออก
จากกัน กลายเป็ นโครโมโซม
ของเซลล์ ลูก เกิดนิวเคลียส
ใหม่ 2 ชุด แต่ ละชุดมีจานวน
โครโมโซม n

                              Campbell et al., 2002
Campbell et al., 2002




Meiosis II : การแยกกันของ sister chromatids
เปรียบเทียบการแบ่ งเซลล์แบบ Mitosis และMeiosis




     Cambell et al., 2002
ไมโทซีส                                             ไมโอซีส
1.จานวนโครโมโซมหลังการแบ่งยังเท่าเดิม            1.โครโมโซมลดลงครึ่งหนึงในไมโอซีส เนื่องจากการ
                                                                       ่
                                                 แยกกันของมอโลกัส โครโมโซม ส่วนไมโอซีส II จะ
                                                 เป็ นการแบ่งแบบไมโทซีสธรรมดา
2.กระบวนการแบ่งเซลล์มีเพียงขันตอนเดียวโดยมี
                                ้             2.กระบวนการแบ่งเซลล์มี 2 ขันตอน มีแบ่ง
                                                                         ้
การจาลองตัวเองของโครโมโซมแล้ วแยกไปยังขัสทัง้ นิวเคลียสและแบ่งไซโทพลาสซึมอย่างละ 2 ครัง ได้
                                         ้                                            ้
สองแล้ วแบ่งไซโทพลาซึมได้ เป็ น 2 เซลล์       เซลล์ใหม่ 4 เซลล์
3.โครโมโซมไม่มีการเข้ าคูกน ไม่มีการแลกเปลี่ยน
                         ่ั                      3.เกิดการเข้ าคูกนเกิด crossing over และมีการ
                                                                 ่ั
ชิ ้นส่วนของฮอมอโลกัสโครโมโซม                    แลกเปลี่ยนชิ ้นส่วนของโครโมโซม
4.องค์ประกอบทางพันธุกรรมและโครโมโซมของ           4.องค์ประกอบทางพันธุกรรมและโครโมโซม ใน
เซลล์ใหม่ทงสองจะเหมือนกัน
          ั้                                     เซลล์ใหม่ อาจแตกต่างกันบ้ างเนื่องจากมีการ
                                                 crossing over
5.จานวนโครโมโซมในเซลล์ทงสองที่ได้ จะเท่ากับ
                       ั้                        5. จานวนโครโมโซมในเซลล์ทงสองที่ได้ จะมีเพียง
                                                                         ั้
เซลล์เดิม                                        ครึ่งหนึงของเซลล์เดิม
                                                         ่
6.เซลล์ใหม่ที่ได้ แบ่งเซลล์แบบไมโทซีสได้ อีก     6.เซลล์ใหม่ที่ได้ ไม่สามารถแบ่งเซลล์แบบไมโอซีส
                                                 ได้ อีก แต่อาจแบ่งแบบไมโทซีสได้
7.โดยปกติจะเกิดที่เซลล์ร่างกายของสัตว์และ        7.เกิดที่เซลล์ที่ทาหน้ าที่เป็ นเซลล์สืบพันธุ์เท่านัน
                                                                                                     ้
เนื ้อเยื่อเจริญของพืช
8.กระบวนการจะเกิดตังแต่ไซโกตหรื อเอมบริโอไป
                   ้                             8.กระบวนการจะเกิดในพืชหรื อสัตว์ที่สืบพันธุ์ได้
เรื่ อยๆ                                         แล้ วเท่านัน
                                                            ้                                            กลับ

More Related Content

อุปกรณ์

  • 1. โดย คุณครูทพย์ วรรณ พิภพไชยาสิทธิ์ ิ โรงเรียนบางแม่ หม้ ายรัฐราษฎร์ รังสฤษดิ์
  • 2. - ประกอบไปด้ วย 2 ช่ วงคือ Interphase และ Mitotic phase - ใช้ เวลาประมาณ 90 % ของวัฏจักร - แบ่ งออกเป็ น 3 ระยะ ดังนี้ - ระยะ G1 เจริญเติบโต สร้ างสารต่ างๆ - ระยะ S สั งเคราะห์ DNA - ระยะ G2 เตรียมพร้ อมทีจะแบ่ งเซลล์ ่
  • 4. การแบ่ งเซลล์มีการแบ่ งนิวเคลียส (karyokinesis) แบ่ งออเป็ น 2 แบบ คือ - Mitosis การแบ่ งเซลล์ เพือการ ่ เจริญเติบโต - Meiosis การแบ่ งเซลล์ เพือสร้ างเซลล์ ่ สื บพันธุ์ เช่ น สเปิ ร์ ม หรือ ไข่
  • 5. 1. Prophase 2. Metaphase 3. Anaphase 4. Telophase
  • 6. - โครโมโซมมีการหดตัวหนาขึน และสั้ นลง ้ - เซนโตรโซมเป็ นแหล่งสร้ างเส้ นไยสปิ นเดิล - เซนโตรโซม จาลองตัวเองและแยกอยู่คนละขั้ว โครโมโซมหดตัว ติดสี ย้อมเข้ ม ซิสเตอร์ โครมาติดปรากฏชัดเจน เซนตริโอลจาลองตัวเองและแยก ไปยังคนละขั้วเซลล์ Campbell et al., 2002
  • 7. - เยือหุมนิวเคลียสสลายไป ่ ้ - โครโมโซมหดตัวสั้นที่สุด นิยมนับจานวน โครโมโซมในระยะนี้ - เส้นใย mitotic spindle ดึงโครโมโซมให้มา เรี ยงตัวตรงกลางเซลล์ โครโมโซมทีประกอบด้ วย ่ 2 ซิสเตอร์ โครมาติด มาเรียง ตัวกลางตรงเซลล์ Campbell et al 2002
  • 8. - เป็ นระยะทีส้ั นทีสุดในไมโทซิส ่ ่ - ซิสเตอร์ โครมาติด 2 เส้ นถูกดึงออกจากกันตรง ตาแหน่ งเซนโตรเมียร์ - ซิสเตอร์ โครมาติดเคลือนที่ไปยังคนละขั้วเซลล์ ่ ซิสเตอร์ โครมาติดถูกดึงแยกออกจากกัน และ เคลือนที่ไปยังคน ละขั้ว ่ Campbell et al., 2002
  • 9. - ระยะสุ ดท้ ายของการแบ่ งนิวเคลียส - เกิดนิวเคลียสใหม่ 2 ชุด - นิวคลีโอลัสที่หายไปเริ่มปรากฎขึนใหม่ ้ - เข้ าสู่ สภาพนิวเคลียสในระยะอินเตอร์ เฟส ระยะสุ ดท้ ายของ Mitosis เกิดเยือหุ้ม ่ นิวเคลียสล้ อมรอบกลุ่ม daugther chromosomrs และ nucleolus ปรากฏขึนใหม่ ้ Campbell et al., 2002
  • 10. - เป็ นระยะสุ ดท้ ายของการแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส Arms et al., 1991 Cytokinesis ใน Paramecium
  • 11. - Cytoplasm เกิดการคอดเว้ า แบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน ได้ เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ Campbell et al., 2002
  • 12. - Golgi vesicles เรียงตัวกลางเซลล์ เป็ น cell plate - cell plate มี Plasmodesmata ทาให้ ไซโทพลาสซึมทั้ง สองเซลล์ ต่อเนื่องกัน Arms et al., 1991
  • 13. - เกิดขึนในยูคารีโอตทีมการสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ ้ ่ ี - ในสั ตว์ เกิดการแบ่ งเซลล์ ของเซลล์สืบพันธุ์ germ line cells - ในพืชเกิดจากการแบ่ งของ somatic cells ที่ได้ รับการ กระตุ้นจากสิ่ งแวดล้ อมภายในหรือภายนอก - เป็ นการแบ่ งนิวเคลียสได้ เซลล์ 4 เซลล์ ที่มีจานวน โครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่งจากเซลล์ เริ่มต้ น - มีการแบ่ งนิวเคลียสและไซโทพลาสซึม 2 ครั้ง
  • 14. แบ่ งออกเป็ น 2 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ดังนี้ - Meiosis I - Meiosis II
  • 15. Campbell et al. , 2002 - homologous chromosome มาเข้ าคู่กน ั - เกิด crossing over - homologous chromosome แยกจากกัน - โครโมโซมลดจานวนลงครึ่งหนึ่ง - ผลลัพธ์ ได้ 2 เซลล์ - sister chromatids แยกออกจากกัน - ผลลัพธ์ ได้ 4 เซลล์ - แต่ ละเซลล์ มพนธุกรรมแตกต่ างกัน ี ั
  • 16. แบ่ งออกได้ หลายระยะดังนี้ 1. Prophase I 3. Anaphase I 2. Metaphase I 4. Telophase I Campbell et al., 2002
  • 17. - แต่ ละโครโมโซมประกอบไปด้ วย ซิสเตอร์ โครมาติด 2 เส้ น - synapsis ของ homologous chromosome ปรากฏเป็ น bivalent - เกิด crossing over ระหว่ าง non sister chromatids - เกิด gene recombination Campbell et al., 2002
  • 18. Brum et al., 1994 - Synapsis ของ Homologous chromosome - แต่ ละ bivalent ปรากฏเห็น 4 โครมาติดเรียกว่ า tetrad - crossing over เกิดขึนสมบูรณ์ ้ Brum et al., 1994
  • 19. - โครโมโซมหดตัวสั้ นทีสุด ่ - คู่ของโครโมโซมคู่เหมือน เคลือนที่ไปเรียงตัวกลางเซลล์ ่ - ไคแอสมาเลือนไปอยู่ปลาย ่ โครโมโซมและหลุดออกจากกัน Campbell et al., 2002
  • 20. - คู่ของโครโมโซมคู่เหมือน เคลือนทีแบบส่ ุ มไปคนละ ่ ่ ขั้วของเซลล์ - การเข้ าชุดอย่างอิสระของ โครโมโซม ทาให้ เกิดการ เปลียนแปลงพันธุกรรม ่ - เซลล์สืบพันธุ์มีความ Campbell et al., 2002 หลากหลายทางพันธุกรรม
  • 21. - โครโมโซมคลายตัวยาวขึน เกิดนิวเคลียสใหม่ ้ - หลังจากเกิดการแบ่ งไซโตพลาสมจะได้ 2 เซลล์ - แต่ ละเซลล์มีจานวนโครโมโซมครึ่งหนึ่งของเซลล์เดิม Brum et al.,1994
  • 22. - กระบวนการเหมือนกับการแบ่ งไมโทซิสปกติ - เซลล์ เริ่มต้ นในการแบ่ งคือ haploid cell (n) - ไม่ มีการจาลองตัวเองของโครโมโซม หรือDNA ขึน ้ มาอีก - เป็ นการแยกกันของ sister chromatids Prophase II Metaphase II Anaphase II และ Telophase II
  • 23. - โครโมโซมหดตัวหนาขึนอีก ้ - เส้ นใยสปิ นเดิลไปจับที่ เซนโตรเมียร์ Campbell et al., 2002
  • 24. - เส้ นใยสปิ นเดิลดึงโครโมโซม ทีขดตัวหนาทีสุด ไปอยู่ในแนว ่ ่ equational plane Campbell et al., 2002
  • 25. - เส้ นใยสปิ นเดิลดึงซิสเตอร์ ดึงโครมาติดแยกออกจากกัน ไปยังคนละขั้วเซลล์ Campbell et al., 2002
  • 26. ซิสเตอร์ โครมาติด ที่แยกออก จากกัน กลายเป็ นโครโมโซม ของเซลล์ ลูก เกิดนิวเคลียส ใหม่ 2 ชุด แต่ ละชุดมีจานวน โครโมโซม n Campbell et al., 2002
  • 27. Campbell et al., 2002 Meiosis II : การแยกกันของ sister chromatids
  • 29. ไมโทซีส ไมโอซีส 1.จานวนโครโมโซมหลังการแบ่งยังเท่าเดิม 1.โครโมโซมลดลงครึ่งหนึงในไมโอซีส เนื่องจากการ ่ แยกกันของมอโลกัส โครโมโซม ส่วนไมโอซีส II จะ เป็ นการแบ่งแบบไมโทซีสธรรมดา 2.กระบวนการแบ่งเซลล์มีเพียงขันตอนเดียวโดยมี ้ 2.กระบวนการแบ่งเซลล์มี 2 ขันตอน มีแบ่ง ้ การจาลองตัวเองของโครโมโซมแล้ วแยกไปยังขัสทัง้ นิวเคลียสและแบ่งไซโทพลาสซึมอย่างละ 2 ครัง ได้ ้ ้ สองแล้ วแบ่งไซโทพลาซึมได้ เป็ น 2 เซลล์ เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ 3.โครโมโซมไม่มีการเข้ าคูกน ไม่มีการแลกเปลี่ยน ่ั 3.เกิดการเข้ าคูกนเกิด crossing over และมีการ ่ั ชิ ้นส่วนของฮอมอโลกัสโครโมโซม แลกเปลี่ยนชิ ้นส่วนของโครโมโซม 4.องค์ประกอบทางพันธุกรรมและโครโมโซมของ 4.องค์ประกอบทางพันธุกรรมและโครโมโซม ใน เซลล์ใหม่ทงสองจะเหมือนกัน ั้ เซลล์ใหม่ อาจแตกต่างกันบ้ างเนื่องจากมีการ crossing over 5.จานวนโครโมโซมในเซลล์ทงสองที่ได้ จะเท่ากับ ั้ 5. จานวนโครโมโซมในเซลล์ทงสองที่ได้ จะมีเพียง ั้ เซลล์เดิม ครึ่งหนึงของเซลล์เดิม ่ 6.เซลล์ใหม่ที่ได้ แบ่งเซลล์แบบไมโทซีสได้ อีก 6.เซลล์ใหม่ที่ได้ ไม่สามารถแบ่งเซลล์แบบไมโอซีส ได้ อีก แต่อาจแบ่งแบบไมโทซีสได้ 7.โดยปกติจะเกิดที่เซลล์ร่างกายของสัตว์และ 7.เกิดที่เซลล์ที่ทาหน้ าที่เป็ นเซลล์สืบพันธุ์เท่านัน ้ เนื ้อเยื่อเจริญของพืช 8.กระบวนการจะเกิดตังแต่ไซโกตหรื อเอมบริโอไป ้ 8.กระบวนการจะเกิดในพืชหรื อสัตว์ที่สืบพันธุ์ได้ เรื่ อยๆ แล้ วเท่านัน ้ กลับ