ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
1


ความกลัว ١٤/٨/٥٤

อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์สามารถจำาแนกได้ ๓ ลักษณะ ได้แก่
ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจเนื่องจากถูก ขัดขวางความต้องการ
ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกว่าเป็นอันตราย/ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง
ความพึงพอใจ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีความสุขเมื่อได้รับการตอบสนอง

อารมณ์ อื่น ๆ เป็นผลที่เกิดจากอารมณ์เดียว หรือมากกว่าของอารมณ์ทั้งสาม ตัวอย่างเช่น
รังเกียจ เดือดดาล เคียดแค้น เป็นรูปแบบของอารมณ์โกรธ
ความวิตกกังวล การอิจฉา และความรู้สึกผิดจะอยูบนพื้นฐานของความกลัว
                                              ่
ความรักและความสุขจะมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกพึงพอใจ
ความโศกเศร้าเป็นเสมือนการรวมกันของอารมณ์กลัวและอารมณ์โกรธ

ความกลัวในทางจิตวิทยา

ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกเป็นอันตราย /ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง เช่น
เด็กเล็ก ๆ กลัวเสียงดัง กลัวสิ่งแปลกประหลาด กลัวความมืด กลัวคำาขู่ กลัวถูกทอดทิ้งตามลำาพัง
เด็กโต นอกจากกลัวเหมือนเด็กเล็ก ยังกลัวคำาเยาะเย้ย กลัวไม่เท่าเทียมเพื่อน กลัวเพื่อนไม่คบ ฯลฯ
วัยรุ่น/ผู้ใหญ่ มีความกลัวในทางสังคมมากขึ้น กลัวผิดหวัง กลัวในบทบาททางเพศ กลัวไม่ได้รับการยอมรับ
กลัวดูไม่ดี กลัวความล้มเหลว กลัวตกงาน วิตกกังวล ห่วงใย อิจฉา ฯลฯ
ผู้สูงอายุ กลัวความเจ็บป่วย กลัวโดดเดี่ยว กลัวไม่มีใครดูแล กลัวไม่มีเงินเลี้ยงตัว ฯลฯ
ทางจิตวิทยาถือว่าความกลัวเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้หลีกเลี่ยงจากอันตราย แต่ความกลัวที่มีมากจน
เกินไป หรือกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว หรือกลัวโดยไม่มีเหตุผลล้วนทำาให้เสียสุขภาพจิต ควรได้รบการแก้ไข
                                                                                        ั
ด้วยการทำาจิตบำาบัด

แต่มซักกีคนที่ได้รับการบำาบัด?
    ี    ่

เรารู้ตวทุกครั้งไหมว่าเรามีความกลัว? เมื่อกลัวรู้ไหมว่ากลัวอะไรและกลัวทำาไม?
       ั

เราจะไม่กลัวได้ไหม และจะเลิกกลัวได้อย่างไร?

บ่อยครั้งที่เรามีความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ไม่มีความสุข โดยไม่รู้สาเหตุ ถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่าเรามี
ความกลัว หรือความวิตกกังวลแฝงอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำาให้เราไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกจาก
ความรู้สึกเช่นนั้นได้

และมีบางครั้งเราเกิดความกลัวแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากลัวนั้นคืออะไร ต้องการเวลาและผู้ช่วยในการหาคำาตอบ
และแก้ไข ซึงระหว่างนั้นเราก็ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อไป
            ่

หลายครั้งทีเรารูตัวว่ากลัวอะไร แต่เลิกกลัวไม่ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆนา ๆ
           ่    ้
ความกลัวมาจากไหน

ความกลัว(spirit of fear)เริ่มครอบงำามนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อมนุษย์ได้ทำาบาปครั้งแรก และจากมันไม่เคย
ปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระจากความกลัวอีกเลย นี่เป็นเหตุผลสำาคัญที่เราเลิกกลัวไม่ได้ เพราะมันฝังลึกอยู่ใน
จิตวิญญาณของเรา บวกกับ มันยังเข้าหาเราได้ทางจิตใจในชีวิตประจำาวันเหมือนที่มันหลอกเอวาด้วย
2


ปฐมกาล 3:10 ชายคนนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้า
พระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย”

เหตุใดซาตานจึงเลือกโยบเป็นเหยื่อในการท้าทายพระเจ้า

โยบ 3:25 เพราะสิ่งทีข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า
                    ่

เพราะก่อนที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดแก่โยบ โยบได้เกิดความกลัวขึ้นในใจก่อน เขาถวายเครื่องเผาบูชาเป็น
ประจำาเพราะกลัวว่าบุตรของเขาได้กระทำาบาปและแช่งพระเจ้าอยู่ในใจ เขาได้เปิดโอกาสให้แก่มารก่อน
(โยบ 1:١ - 5)

แม้อัครสาวกผู้อยู่ใกล้ชิดพระเยซูก็ไม่เว้น ดูความกลัวของเปโตรในมัดธาย 14 : 28-32

ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์
เดินบนนำ้าไปหาพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนนำ้าไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขา
เห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำาลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” ในทันใดนั้นพระเยซู
ทรงเอื้อมพระหัตถ์ จับเขาไว้แล้วตรัสว่า “ท่านสงสัยทำาไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” เมื่อพระองค์
กับเปโตร ขึนเรือแล้ว ลมก็เงียบลง
           ้

วิธีเอาชนะความกลัว

١. ดูกรณีของเปโตร จะพบว่าเมื่อตาของเขามองที่พระเยซู ความเชื่อทำาให้เขาเดินบนนำ้าได้ แต่เมื่อมอง
ไปที่คลื่นลม ความกลัวได้ทำาลายความเชื่อของเขาไป ทำาให้เขาจมลง เมื่อเขาร้องเรียกพระเยซู นั่น
แสดงออกถึงความเชื่อ พระเยซูจึงดึงมือเขาขึ้นมา

จากกรณีของเปโตรเราได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน เมื่อความเชื่อมากขึ้น
ความกลัวจะลดลง แต่พอความกลัวมากขึ้นความเชื่อก็จะลดลงเช่นกัน เราจึงควรจะพัฒนาความเชื่อให้มาก
ขึ้นทั้งขนาดของความเชื่อ ความแข็งแรงไม่สั่นคลอนง่าย และความต่อเนื่องในการพัฒนาความเชื่อ เพราะ..

ความเชื่อและความกลัวไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ !!!!

ฮีบรู ١١:1 ....เป็นความเชื่อโดยสมบูรณ์ว่าพระเจ้าทรงดูแลอยู่เบื้องหลังชีวิตเราในทุกด้าน แม้เราจะไม่มี
อะไรเป็นข้อพิสูจน์

แต่ความกลัวเป็นความไม่เชื่อ หรือเชื่อน้อย ความกลัวจึงสามารถเข้าครอบงำาอารมณ์และจิตใจเราได้ ดังนั้น
การจะเอาชนะความกลัวและความวิตกกังวล จึงต้องอาศัยความเชื่อ ซึงตรงข้ามกับความไม่เชื่อ(ความกลัว)
                                                                ่

เราต้องทำาความเข้าใจว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเองได้ แต่ความเชื่อเป็นของขวัญจากพระเจ้า
(เอเฟซัส ٢:8 – 9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน
ทั้งหลายกระทำาเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำาก็หามิได้ เพื่อมิให้คน
หนึ่งคนใดอวดได้)

แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาเราเผชิญหน้ากับความกลัว เราเคยทำาอย่างไร?
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะลืมพระเจ้าไปชั่วขณะ เราจะใช้กำาลังของเราเอง หรือไม่ก็หาผู้ช่วยที่เป็นผู้อ่อนกำาลัง
ด้วยกัน เมื่อไม่ไหวแล้วเราจึงค่อยขอให้พระเจ้าช่วย การช่วยตนเองไม่งอมืองอเท้าเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรง
พอพระทัย แต่พระเจ้าจะทรงพอพระทัยมากกว่าเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์ทรงเสริมกำาลังและสติ
ปัญญาพร้อม ๆ กับการที่เราได้ลงมือแก้ปัญหาไปด้วย
3


٢. ทำาความเข้าใจพระวจนะ ٣ ข้อนี้ แล้วบอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไร

2 ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว(spirit of fear)ให้กับเรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอร
ปด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้กับเรา (his spirit fills us with power, love, and self-control.)

เราได้เรียนรู้ว่า ความกลัวไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ที่พระเจ้าประทานให้เป็นจิตที่มีพลังอำานาจ จิตที่มีความ
รัก และความสามารถในการบังคับตนเอง

กาลาเทีย ٥ : 22-٢٣ ฝ่ายผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความ
อดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน

ผลลัพธ์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นในตัวเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของประทานเหล่านี้เมื่อได้มาแล้ว แต่เราไม่ใช้
เก็บเอาไว้เฉย ๆ ก็อาจลืมไปว่ามีอยู่ไม่ได้เอามาใช้ หรือเมื่อคิดจะนำามาใช้ก็อาจใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่คล่อง
เพราะเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน

(พี่ซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่มารู้ว่ามีแต่หาไม่เจอ พอหาเจอใช้ไม่ได้ถ่านหมด ใส่ถ่านใหม่ก็ยังใช้ไม้ได้เพราะใช้
ไม่เป็นไม่เคยลองใช้ ٥٥٥٥٥٥...หัวเราะ เป็นแบบเดียวกันไหม?)

1 ยอห์น 4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัว
เข้ากับการลงโทษ และผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์

เราได้เรียนรู้ว่า เรายังมีตัวช่วยอีกมากมายซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้เอามาใช้ โดยเฉพาะ
ความรัก เพราะที่ไหนมีความรัก ทีนั้นไม่มีความกลัว เมื่อเอาความเชื่อผนวกกับความรัก แล้วความกลัวจะ
                                     ่
เหลือเหรอ

(ตอนลูกเราเล็ก ๆ แล้วเขาร้องไห้จ้าเพราะความกลัว เมื่อเราอุ้มเขากอดเขาแน่นด้วยความรัก บอกว่า โอ๋....
แม่รักลูก เขาเงียบทันที ขา พระเจ้าก็คอยทำาอย่างนั้นกับเรา แต่เราโตแล้ว เลยทำาแบบผู้ใหญ่น่ะ มีสอน
บ้างปลอบบ้าง ขูบ้างและที่เรากลัวที่สุด ก็คือ ออออ... การตีสอนการ แต่ก็เพราะความรัก)
                 ่

٣. การเรียนรู้จากพระวจนะ 3 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นเคล็ดลับสำาคัญในการรอดพ้นจากความกลัว
เอเฟซัส 4:27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร

โรม 10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำาไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำา
ไปสู่ความรอด

ยากอบ 2:17 ความเชื่อก็เช่นกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล

พระธรรมข้อแรก บอกไว้ชัดเจนว่าอย่าให้โอกาสแก่มาร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามารนั้นคอยวนเวียนจ้องหา
โอกาสที่จะ “กัดกิน” เราอยู่ เมื่อเราเปิดโอกาสแม้แต่น้อยนิดให้ความกลัวเข้าครอบงำา ขนาดของความกลัว
ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และหยุดยั้งไม่อยู่ เป็นวงจรอุบาทว์

แล้วการกระทำาอะไรล่ะที่เปิดโอกาสให้ความกลัว เรารู้อยู่แล้วว่าความกลัวเป็นศัตรูของความเชื่อ อะไรที่เรา
ควรทำากับความเชื่อเราก็ทำาแบบตรงกันข้ามซะกับความกลัว แค่นั้นเอง 5555…..

โรม ١٠:10 บอกเราว่าเราต้องเชื่อด้วยใจและยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปาก และยากอบ ٢:١٧ บอกว่า
เราต้องประพฤติตามความเชื่อจึงจะเกิดผล
4


ดังนั้นสำาหรับความกลัว เราก็ต้องไม่ปล่อยใจให้หวาดกลัว ไม่ยอมรับด้วยปาก และไม่ประพฤติในทางที่
แสดงออกเป็นรูปธรรมว่าเรากลัว เช่น บางคนคอยพูดยำ้าเตือนกับตัวเอง เล่าให้คนอื่นฟัง และแสดงออก/
กระทำา ทีแสดงว่า ฉันกลัวว่า.........ฉันกังวลว่า....... มันต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย......... ว่าแล้วไม่มีผิด.......
          ่
ตัวอย่าง เป็นห่วงลูกกลับบ้านดึก ในความคิดอาจจะกลัวอุบัติเหตุ และเหตุร้าย ๆต่าง ๆ การกระทำาก็อาจจะ
บ่นให้อนอื่นฟัง หรือคอยฟังข่าวว่ามีอุบัติเหตุที่ไหน คอยชะเง้อมองประตูบ้าน คอยฟังเสียงโทรศัพท์ โทร
เช็คว่าลูกอยู่ที่ไหน (อันเป็นต้นเหตุให้เขารำาคาญและอาจพาลไม่รับโทรศัพท์ ยิงทำาให้เราเป็นประสาท
                                                                                 ่
มากกว่าเดิม) ติดต่อไม่ได้ก็โทรไปถามเพื่อนลูกทำาให้เขาโกลาหลไปกับเราด้วย ฯลฯ ไม่เป็นอันทำาอะไร
เพราะใจไม่สงบสุข

ก็แล้วควรทำาอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวสรุปให้ตอนจบ ใจเย็น ๆ จ ^_^

สรุปวิธีเอาชนะความกลัว

1. คนเราไม่สามารถเชื่อและกลัวในเวลาเดียวกันได้ จงฝึกฝนความเชื่อให้เข้มแข็ง เพื่อเอาชนะความกลัว

٢. ใช้ความรักของพระเจ้าเอาชนะความกลัว (٢ รุม ١ จ้า จะเหลือเหรอ)

٣. ไม่เปิดโอกาสแก่มาร เมื่อความกลัวเข้ามาในชีวิต อย่ารับด้วยปาก อย่าเชื่อด้วยใจ และไม่ประพฤติตาม
เพราะความเชื่อทำางานอย่างไร ความกลัวก็ทำางานเช่นเดียวกัน เมื่อทำาตรงกันข้าม ความกลัวก็จะไร้ผล

٥٥٥٥٥.... อย่าเพิ่งดีใจไป ความกลัว(มาร) มันไม่ยอมแพ้เราง่าย ๆหรอก เพราะมนุษย์เรานั้นมันไม่มีใคร
สมบูรณ์แบบ รู้แต่ก็มักจะไม่ทำา/หรือไม่ก็ทำาไม่ได้ มารจึงยังหัวเราะเยาะเราได้อยู่

แต่พระเจ้าก็ทรงทราบจุดอ่อนของเราดี

จึงมีพระวจนะที่ให้พลังกับเราในการต่อสู้กับความกลัว ให้เห็นอยู่ตลอด ตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงวิวรณ์ ด้วยคำา
ว่า “อย่ากลัวเลย” (God reminds us to “Fear not.”) และยังครอบคลุมความกลัวทุกชนิด

ตัวอย่าง

อิสยาห์ 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำาลัง
เจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา

มัดธาย ١٠:28 – 31 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำานาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้
ทรงฤทธ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ นกกระจาบ ٢ ตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้า
พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรง
นับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่า นกกระจาบหลายตัว

สดุดี ٥6:11 ในพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำาอะไรแก่ข้าพเจ้าได้(เพราะ
รู้จักพระเจ้าอย่างดี รู้ว่าพระเจ้าแสนดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะวางใจในพระเจ้าไม่ จริงป่าว ว ว )

สดุดี ٥:11 แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่
                                 ั
เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์ จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์

ความกลัวที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงอีก 1 อย่างคือ ความเกรงกลัวพระเจ้า

ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับคนที่ไม่เชื่อ
5


หมายถึง กลัวการตัดสินโทษบาปและความตายนิรันดร์ ซึงจะแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์
                                                ่

ลูกา 12 :4 – 5 มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย และภายหลัง
ไม่มีอะไรที่จะทำาได้อีก แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใดจงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตน แล้วก็ยังมี
ฤทธิ์อำานาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอก ท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ

ฮีบรู 10 : 30 - 31 เพราะเรารูจักพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า “ การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง และได้
                               ้
ตรัสอีกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาชนชาติของพระองค์ การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้า
ผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นที่น่าหวาดกลัว

ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับผู้เชื่อ

ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นความเคารพยำาเกรงที่ทำาให้เกิดผลดีในการดำาเนินชีวิตตามนำ้าพระทัยพระเจ้า

สดุดี 111:10 ความยำาเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ทปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี
                                                                   ี่
การสรรเสริญพระเจ้าดำารงอยู่เป็นนิตย์

สุภาษิต 14:26 - 27 ความยำาเกรงพระเจ้าทำาให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง ความ
ยำาเกรงพระเจ้าเป็นนำ้าพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกเลี่ยงจากบ่วงของความมรณาได้

สุภาษิต 19:23 ความยำาเกรงพระเจ้านำาไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มี
อันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา

สุภาษิต ١:7 ความยำาเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำาสั่งสอน (สติ
ปัญญามาจากการที่รจักพระเจ้าจริง ๆ ว่าพระองค์บริสุทธิ์ ยุตธรรม และถูกต้อง)
                 ู้                                      ิ

เฉลยธรรมบัญญัติ ١٠ :12 ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำา
อย่างไร คือให้ยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำาเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์
ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย

เฉลยธรรมบัญญัติ ٢: ١٠0 - 21 ท่านทั้งหลายจงยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติ
พระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์ จงปฏิญาณด้วยออกพระนามพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของ
ท่านทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงกระทำาการใหญ่และน่ากลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได่
เห็นนี้

ความเกรงกลัวพระเจ้าจึงเป็นรากฐานของการเดินในทางของพระองค์ รับใช้พระองค์ และรักพระเจ้า

อีกประการหนึ่งเราไม่มีเหตุผลในการหวาดกลัวพระเจ้า เพราะพระสัญญาที่ว่าไม่มีอะไรแยกเราจากความรัก
ของพระองค์ได้

โรม 8 : 38 – 39 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า
หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งที่จะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่ง
ใด ๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำาให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ใน
พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
6


การตีสอน

 ฮีบรู 12 : 6 – 11 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอย
เมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้
ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น
ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัตต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตร
                                                                    ิ
ของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียว
                                       ิ
กับคนอื่น ๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ

อีกประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะ
อยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำาเริญมิใช่หรือ เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียง
ชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นชอบของเขาเท่านั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อ
ให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ เมื่อมีการตีสอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อ
มาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำาราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น คือความชอบธรรมนั่นเอง

        ความเกรงกลัวพระเจ้า สำาหรับผูเชื่อจึงไม่ได้มีเพียงความรัก เคารพยำาเกรง และเชื่อฟังเท่านั้น แต่
                                      ้
รวมถึงการรูจักพระเจ้าอย่างแท้จริง เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเกลียดความบาปแค่ไหน และเกรงกลัวการลงโทษ
           ้
บาปจากพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้ในชีวิตของผู้เชื่อ ความเกรงกลัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราดำาเนินชีวิต และ
ปฏิบัติตนให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าอยู่เสมอ

การทดลอง

       พระเจ้าเข้าใจความอ่อนแอของเรา และต้องการให้เรามุ่งมั่นพัฒนาความเชื่อ และพระคัมภีร์ก็บอก
ชัดเจนว่าความเชื่อจะไม่เติบโตและเข้มแข็งถ้าปราศจากการทดลอง

ความเชื่อเป็นคุณสมบัติสำาคัญของคริสเตียน (Fiath is the cornerstone of Christianity)

เราเชื่อ(believe)ในการดำารงอยูของพระองค์ โดยความศรัทธา (fiath) = fiath เป็นเครื่องมือที่ทำาให้
                              ่
เรา beleive

ยากอบ ٤-١:٢ ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำาบากต่าง ๆ ก็จงถือว่า
เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำาให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง
และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน
ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย

         คนจำานวนมาก (รวมเราด้วย ฮิ ฮิ...) ไม่ให้ความสำาคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้ยกไว้เป็นสิ่งสำาคัญในชีวิต ไม่
สนใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้าผูซึ่งรักเขาอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากความเชื่อเป็นของประทานจาก
                               ้
พระเจ้า พระองค์จึงประทานโอกาสในการทดลองเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ และพัฒนาความเชื่อให้เข้มแข็งและ
มั่นคงขึ้น

        ปัญหาและความทุกข์ยาก เป็นเครื่องมือสำาคัญที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็ง
เราจะพบว่ามีตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์หลายคน ทีเมื่อต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว หรือความยากลำาบาก
                                                    ่
แต่ยังเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังและยอมให้พระคำาเติมเต็มความคิด ผลที่สุดแล้วจะพบว่าการทดลองแต่ละครั้งเป็น
เหมือนบันไดที่ก้าวไปสู่ความเชื่อที่เข้มแข็งและมั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถกล่าวได้ว่า
7


“พระเจ้าได้ช่วยกู้ข้าพเจ้าในอดีต พระองค์จะทรงนำาพาข้าพเจ้าให้ผ่านความทุกข์ยากในวันนี้ และจะยังคง
ยกชูข้าพเจ้าต่อไปในอนาคต”

“ He sustained me in the past, He’ll carry me through today and He’ll uphold me in the future.”

พระเจ้าได้ทำางานในชีวิตของดาวิดเช่นเดียวกัน เมื่อดาวิดอาสาต่อสู้กับโกไลแอธ

1 ซามูเอล 17:37 และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจาก
ขยุมเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟิลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จง
   ้
ไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตย์อยู่กับเจ้า

ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าช่วยกู้เขาจากอันตรายในอดีต เขาเคยมีประสบการณ์กับฤทธิ์อำานาจและการช่วยกู้ของ
พระเจ้า จึงพัฒนาความเชื่อที่สามารถขจัดความกลัว (fearless fiath) ขึ้น

สดุดี 27 :1-14 เป็นเครื่องมือที่ดาวิดใช้ต่อสู้กับความกลัว เมื่อเกิดความกลัวจงอธิษฐานอย่างดาวิด

โรม ١0:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระ
คริสต์

การได้ยน การอ่าน การศึกษาพระวจนะเป็นรากฐานในการพัฒนาความเชื่อ พระเจ้าต้องการให้เรา
         ิ
รู้จักพระองค์อย่างถ่องแท้ และวางชีวิตไว้กบพระองค์
                                         ั

การอธิษฐาน ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อให้แข็งแรง และขจัดความกลัว/ความวิตกกังวลออกไป

สรุป

เราสามารถเอาชนะความกลัวด้วยความเชื่อและความรัก

ซึ่งสร้างได้ด้วยการศึกษาพระวจนะ และการอธิษฐาน อย่างจริงจัง จนมี
ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า และเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นในตัว
เราอย่างแท้จริง
8
Ad

Recommended

กำลังใจแห่งชีวิต
กำลังใจแห่งชีวิต
watthaiparis
๶รื่องศาสȨ๶ชน
๶รื่องศาสȨ๶ชน
Tongsamut vorasan
073หลักธรรมพื้นฐาน
073หลักธรรมพื้นฐาน
niralai
จิตที่พ้Ȩากทุกྺ์
จิตที่พ้Ȩากทุกྺ์
duangdee tung
พระพุทธศาสȨ
พระพุทธศาสȨ
Suraphat Honark
Luangta mahabua
Luangta mahabua
MI
ความก้าวร้าวจิตวิทยา
ความก้าวร้าวจิตวิทยา
นพณัฐ อินทร์จันทร์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
suraidabungasayu
ทฤษฎีการ๶รี่ยȨู้ของแบนึϸรา
ทฤษฎีการ๶รี่ยȨู้ของแบนึϸรา
Roiyan111
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
Nattayaporn Dokbua
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
orawan chaiyakhan
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
earlychildhood024057
ตัวอย่างบทคัึϸ่อ
ตัวอย่างบทคัึϸ่อ
sukanya5729
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
freelance
Angrysuppress
Angrysuppress
Alvinzeroone Chen
๶รียนรู้วิธีออกจากทุกข์
๶รียนรู้วิธีออกจากทุกข์
Panda Jing
คำนำทำ 4
คำนำทำ 4
Songsarid Ruecha
จุดพลัง - ค้นพบความ ศรัทธา
จุดพลัง - ค้นพบความ ศรัทธา
Spiritualibrary
๶ครียึϹึϹก็หายไึϹ
๶ครียึϹึϹก็หายไึϹ
Phairot Odthon
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
dentyomaraj
๶ลือกที่จะมอง
๶ลือกที่จะมอง
Panda Jing
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
niralai
ชวิตȨ้มีแต่สุข_อ.๶ฉลิมชัย
ชวิตȨ้มีแต่สุข_อ.๶ฉลิมชัย
Achara Sritavarit
จุดพลัง - ธรรมเนียม อีสเตอร
จุดพลัง - ธรรมเนียม อีสเตอร
Spiritualibrary
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
Songsarid Ruecha

More Related Content

Viewers also liked (8)

ความก้าวร้าวจิตวิทยา
ความก้าวร้าวจิตวิทยา
นพณัฐ อินทร์จันทร์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
suraidabungasayu
ทฤษฎีการ๶รี่ยȨู้ของแบนึϸรา
ทฤษฎีการ๶รี่ยȨู้ของแบนึϸรา
Roiyan111
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
Nattayaporn Dokbua
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
orawan chaiyakhan
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
earlychildhood024057
ตัวอย่างบทคัึϸ่อ
ตัวอย่างบทคัึϸ่อ
sukanya5729
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
ทฤษฏีพัฒนาการของซิกมันด์ ฟรอยด์
suraidabungasayu
ทฤษฎีการ๶รี่ยȨู้ของแบนึϸรา
ทฤษฎีการ๶รี่ยȨู้ของแบนึϸรา
Roiyan111
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
Nattayaporn Dokbua
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
orawan chaiyakhan
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
earlychildhood024057
ตัวอย่างบทคัึϸ่อ
ตัวอย่างบทคัึϸ่อ
sukanya5729

Similar to ความกลัว (20)

กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
freelance
Angrysuppress
Angrysuppress
Alvinzeroone Chen
๶รียนรู้วิธีออกจากทุกข์
๶รียนรู้วิธีออกจากทุกข์
Panda Jing
คำนำทำ 4
คำนำทำ 4
Songsarid Ruecha
จุดพลัง - ค้นพบความ ศรัทธา
จุดพลัง - ค้นพบความ ศรัทธา
Spiritualibrary
๶ครียึϹึϹก็หายไึϹ
๶ครียึϹึϹก็หายไึϹ
Phairot Odthon
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
dentyomaraj
๶ลือกที่จะมอง
๶ลือกที่จะมอง
Panda Jing
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
niralai
ชวิตȨ้มีแต่สุข_อ.๶ฉลิมชัย
ชวิตȨ้มีแต่สุข_อ.๶ฉลิมชัย
Achara Sritavarit
จุดพลัง - ธรรมเนียม อีสเตอร
จุดพลัง - ธรรมเนียม อีสเตอร
Spiritualibrary
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
Songsarid Ruecha
พิธีอธิษฐาȨิต๶พื่อ๶พื่อชีวิตใหม่
พิธีอธิษฐาȨิต๶พื่อ๶พื่อชีวิตใหม่
niralai
วิบากกรรมྺองหัวกะทิ
วิบากกรรมྺองหัวกะทิ
Poramate Minsiri
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
Nongkran_Jarurnphong
จุดพลัง - พระองค์ทรงชีวิต
จุดพลัง - พระองค์ทรงชีวิต
Spiritualibrary
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
กลุ่ม Mix --มนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง...ด่วน 1
freelance
๶รียนรู้วิธีออกจากทุกข์
๶รียนรู้วิธีออกจากทุกข์
Panda Jing
จุดพลัง - ค้นพบความ ศรัทธา
จุดพลัง - ค้นพบความ ศรัทธา
Spiritualibrary
๶ครียึϹึϹก็หายไึϹ
๶ครียึϹึϹก็หายไึϹ
Phairot Odthon
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
dentyomaraj
๶ลือกที่จะมอง
๶ลือกที่จะมอง
Panda Jing
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
ศึกษาวิถีธรรมวิถีพุทธ
niralai
ชวิตȨ้มีแต่สุข_อ.๶ฉลิมชัย
ชวิตȨ้มีแต่สุข_อ.๶ฉลิมชัย
Achara Sritavarit
จุดพลัง - ธรรมเนียม อีสเตอร
จุดพลัง - ธรรมเนียม อีสเตอร
Spiritualibrary
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
Songsarid Ruecha
พิธีอธิษฐาȨิต๶พื่อ๶พื่อชีวิตใหม่
พิธีอธิษฐาȨิต๶พื่อ๶พื่อชีวิตใหม่
niralai
วิบากกรรมྺองหัวกะทิ
วิบากกรรมྺองหัวกะทิ
Poramate Minsiri
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
Nongkran_Jarurnphong
จุดพลัง - พระองค์ทรงชีวิต
จุดพลัง - พระองค์ทรงชีวิต
Spiritualibrary
Ad

ความกลัว

  • 1. 1 ความกลัว ١٤/٨/٥٤ อารมณ์พื้นฐานของมนุษย์สามารถจำาแนกได้ ๓ ลักษณะ ได้แก่ ความโกรธ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พึงพอใจเนื่องจากถูก ขัดขวางความต้องการ ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกว่าเป็นอันตราย/ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง ความพึงพอใจ เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีความสุขเมื่อได้รับการตอบสนอง อารมณ์ อื่น ๆ เป็นผลที่เกิดจากอารมณ์เดียว หรือมากกว่าของอารมณ์ทั้งสาม ตัวอย่างเช่น รังเกียจ เดือดดาล เคียดแค้น เป็นรูปแบบของอารมณ์โกรธ ความวิตกกังวล การอิจฉา และความรู้สึกผิดจะอยูบนพื้นฐานของความกลัว ่ ความรักและความสุขจะมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกพึงพอใจ ความโศกเศร้าเป็นเสมือนการรวมกันของอารมณ์กลัวและอารมณ์โกรธ ความกลัวในทางจิตวิทยา ความกลัว เป็นอารมณ์ที่แสดงออกถึงความรู้สึกเป็นอันตราย /ไม่เป็นผลดีต่อตนเอง เช่น เด็กเล็ก ๆ กลัวเสียงดัง กลัวสิ่งแปลกประหลาด กลัวความมืด กลัวคำาขู่ กลัวถูกทอดทิ้งตามลำาพัง เด็กโต นอกจากกลัวเหมือนเด็กเล็ก ยังกลัวคำาเยาะเย้ย กลัวไม่เท่าเทียมเพื่อน กลัวเพื่อนไม่คบ ฯลฯ วัยรุ่น/ผู้ใหญ่ มีความกลัวในทางสังคมมากขึ้น กลัวผิดหวัง กลัวในบทบาททางเพศ กลัวไม่ได้รับการยอมรับ กลัวดูไม่ดี กลัวความล้มเหลว กลัวตกงาน วิตกกังวล ห่วงใย อิจฉา ฯลฯ ผู้สูงอายุ กลัวความเจ็บป่วย กลัวโดดเดี่ยว กลัวไม่มีใครดูแล กลัวไม่มีเงินเลี้ยงตัว ฯลฯ ทางจิตวิทยาถือว่าความกลัวเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้หลีกเลี่ยงจากอันตราย แต่ความกลัวที่มีมากจน เกินไป หรือกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว หรือกลัวโดยไม่มีเหตุผลล้วนทำาให้เสียสุขภาพจิต ควรได้รบการแก้ไข ั ด้วยการทำาจิตบำาบัด แต่มซักกีคนที่ได้รับการบำาบัด? ี ่ เรารู้ตวทุกครั้งไหมว่าเรามีความกลัว? เมื่อกลัวรู้ไหมว่ากลัวอะไรและกลัวทำาไม? ั เราจะไม่กลัวได้ไหม และจะเลิกกลัวได้อย่างไร? บ่อยครั้งที่เรามีความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ไม่มีความสุข โดยไม่รู้สาเหตุ ถ้าวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะพบว่าเรามี ความกลัว หรือความวิตกกังวลแฝงอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทำาให้เราไม่สามารถแก้ไขหรือหาทางออกจาก ความรู้สึกเช่นนั้นได้ และมีบางครั้งเราเกิดความกลัวแต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากลัวนั้นคืออะไร ต้องการเวลาและผู้ช่วยในการหาคำาตอบ และแก้ไข ซึงระหว่างนั้นเราก็ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวต่อไป ่ หลายครั้งทีเรารูตัวว่ากลัวอะไร แต่เลิกกลัวไม่ได้ด้วยเหตุผลต่าง ๆนา ๆ ่ ้ ความกลัวมาจากไหน ความกลัว(spirit of fear)เริ่มครอบงำามนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อมนุษย์ได้ทำาบาปครั้งแรก และจากมันไม่เคย ปล่อยให้มนุษย์เป็นอิสระจากความกลัวอีกเลย นี่เป็นเหตุผลสำาคัญที่เราเลิกกลัวไม่ได้ เพราะมันฝังลึกอยู่ใน จิตวิญญาณของเรา บวกกับ มันยังเข้าหาเราได้ทางจิตใจในชีวิตประจำาวันเหมือนที่มันหลอกเอวาด้วย
  • 2. 2 ปฐมกาล 3:10 ชายคนนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้า พระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย” เหตุใดซาตานจึงเลือกโยบเป็นเหยื่อในการท้าทายพระเจ้า โยบ 3:25 เพราะสิ่งทีข้ากลัวก็มาเหนือข้า และสิ่งที่ข้าครั่นคร้ามก็ตกแก่ข้า ่ เพราะก่อนที่เรื่องร้าย ๆ จะเกิดแก่โยบ โยบได้เกิดความกลัวขึ้นในใจก่อน เขาถวายเครื่องเผาบูชาเป็น ประจำาเพราะกลัวว่าบุตรของเขาได้กระทำาบาปและแช่งพระเจ้าอยู่ในใจ เขาได้เปิดโอกาสให้แก่มารก่อน (โยบ 1:١ - 5) แม้อัครสาวกผู้อยู่ใกล้ชิดพระเยซูก็ไม่เว้น ดูความกลัวของเปโตรในมัดธาย 14 : 28-32 ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์ เดินบนนำ้าไปหาพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนนำ้าไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขา เห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำาลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” ในทันใดนั้นพระเยซู ทรงเอื้อมพระหัตถ์ จับเขาไว้แล้วตรัสว่า “ท่านสงสัยทำาไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” เมื่อพระองค์ กับเปโตร ขึนเรือแล้ว ลมก็เงียบลง ้ วิธีเอาชนะความกลัว ١. ดูกรณีของเปโตร จะพบว่าเมื่อตาของเขามองที่พระเยซู ความเชื่อทำาให้เขาเดินบนนำ้าได้ แต่เมื่อมอง ไปที่คลื่นลม ความกลัวได้ทำาลายความเชื่อของเขาไป ทำาให้เขาจมลง เมื่อเขาร้องเรียกพระเยซู นั่น แสดงออกถึงความเชื่อ พระเยซูจึงดึงมือเขาขึ้นมา จากกรณีของเปโตรเราได้เรียนรู้ว่า ความเชื่อและความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกัน เมื่อความเชื่อมากขึ้น ความกลัวจะลดลง แต่พอความกลัวมากขึ้นความเชื่อก็จะลดลงเช่นกัน เราจึงควรจะพัฒนาความเชื่อให้มาก ขึ้นทั้งขนาดของความเชื่อ ความแข็งแรงไม่สั่นคลอนง่าย และความต่อเนื่องในการพัฒนาความเชื่อ เพราะ.. ความเชื่อและความกลัวไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ !!!! ฮีบรู ١١:1 ....เป็นความเชื่อโดยสมบูรณ์ว่าพระเจ้าทรงดูแลอยู่เบื้องหลังชีวิตเราในทุกด้าน แม้เราจะไม่มี อะไรเป็นข้อพิสูจน์ แต่ความกลัวเป็นความไม่เชื่อ หรือเชื่อน้อย ความกลัวจึงสามารถเข้าครอบงำาอารมณ์และจิตใจเราได้ ดังนั้น การจะเอาชนะความกลัวและความวิตกกังวล จึงต้องอาศัยความเชื่อ ซึงตรงข้ามกับความไม่เชื่อ(ความกลัว) ่ เราต้องทำาความเข้าใจว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเองได้ แต่ความเชื่อเป็นของขวัญจากพระเจ้า (เอเฟซัส ٢:8 – 9 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน ทั้งหลายกระทำาเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำาก็หามิได้ เพื่อมิให้คน หนึ่งคนใดอวดได้) แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาเราเผชิญหน้ากับความกลัว เราเคยทำาอย่างไร? ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะลืมพระเจ้าไปชั่วขณะ เราจะใช้กำาลังของเราเอง หรือไม่ก็หาผู้ช่วยที่เป็นผู้อ่อนกำาลัง ด้วยกัน เมื่อไม่ไหวแล้วเราจึงค่อยขอให้พระเจ้าช่วย การช่วยตนเองไม่งอมืองอเท้าเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรง พอพระทัย แต่พระเจ้าจะทรงพอพระทัยมากกว่าเมื่อเราพึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์ทรงเสริมกำาลังและสติ ปัญญาพร้อม ๆ กับการที่เราได้ลงมือแก้ปัญหาไปด้วย
  • 3. 3 ٢. ทำาความเข้าใจพระวจนะ ٣ ข้อนี้ แล้วบอกตัวเองว่าได้เรียนรู้อะไร 2 ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัว(spirit of fear)ให้กับเรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอร ปด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้กับเรา (his spirit fills us with power, love, and self-control.) เราได้เรียนรู้ว่า ความกลัวไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ที่พระเจ้าประทานให้เป็นจิตที่มีพลังอำานาจ จิตที่มีความ รัก และความสามารถในการบังคับตนเอง กาลาเทีย ٥ : 22-٢٣ ฝ่ายผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น คือ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความ อดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน ผลลัพธ์ที่ได้ถูกสร้างขึ้นในตัวเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ของประทานเหล่านี้เมื่อได้มาแล้ว แต่เราไม่ใช้ เก็บเอาไว้เฉย ๆ ก็อาจลืมไปว่ามีอยู่ไม่ได้เอามาใช้ หรือเมื่อคิดจะนำามาใช้ก็อาจใช้ไม่เป็นหรือใช้ไม่คล่อง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน (พี่ซื้อกล้องถ่ายรูปใหม่มารู้ว่ามีแต่หาไม่เจอ พอหาเจอใช้ไม่ได้ถ่านหมด ใส่ถ่านใหม่ก็ยังใช้ไม้ได้เพราะใช้ ไม่เป็นไม่เคยลองใช้ ٥٥٥٥٥٥...หัวเราะ เป็นแบบเดียวกันไหม?) 1 ยอห์น 4:18 ในความรักนั้นไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ขจัดความกลัวเสีย เพราะความกลัว เข้ากับการลงโทษ และผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักที่สมบูรณ์ เราได้เรียนรู้ว่า เรายังมีตัวช่วยอีกมากมายซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ไม่ได้เอามาใช้ โดยเฉพาะ ความรัก เพราะที่ไหนมีความรัก ทีนั้นไม่มีความกลัว เมื่อเอาความเชื่อผนวกกับความรัก แล้วความกลัวจะ ่ เหลือเหรอ (ตอนลูกเราเล็ก ๆ แล้วเขาร้องไห้จ้าเพราะความกลัว เมื่อเราอุ้มเขากอดเขาแน่นด้วยความรัก บอกว่า โอ๋.... แม่รักลูก เขาเงียบทันที ขา พระเจ้าก็คอยทำาอย่างนั้นกับเรา แต่เราโตแล้ว เลยทำาแบบผู้ใหญ่น่ะ มีสอน บ้างปลอบบ้าง ขูบ้างและที่เรากลัวที่สุด ก็คือ ออออ... การตีสอนการ แต่ก็เพราะความรัก) ่ ٣. การเรียนรู้จากพระวจนะ 3 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นเคล็ดลับสำาคัญในการรอดพ้นจากความกลัว เอเฟซัส 4:27 และอย่าให้โอกาสแก่มาร โรม 10:10 ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำาไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำา ไปสู่ความรอด ยากอบ 2:17 ความเชื่อก็เช่นกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล พระธรรมข้อแรก บอกไว้ชัดเจนว่าอย่าให้โอกาสแก่มาร เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามารนั้นคอยวนเวียนจ้องหา โอกาสที่จะ “กัดกิน” เราอยู่ เมื่อเราเปิดโอกาสแม้แต่น้อยนิดให้ความกลัวเข้าครอบงำา ขนาดของความกลัว ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว และหยุดยั้งไม่อยู่ เป็นวงจรอุบาทว์ แล้วการกระทำาอะไรล่ะที่เปิดโอกาสให้ความกลัว เรารู้อยู่แล้วว่าความกลัวเป็นศัตรูของความเชื่อ อะไรที่เรา ควรทำากับความเชื่อเราก็ทำาแบบตรงกันข้ามซะกับความกลัว แค่นั้นเอง 5555….. โรม ١٠:10 บอกเราว่าเราต้องเชื่อด้วยใจและยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปาก และยากอบ ٢:١٧ บอกว่า เราต้องประพฤติตามความเชื่อจึงจะเกิดผล
  • 4. 4 ดังนั้นสำาหรับความกลัว เราก็ต้องไม่ปล่อยใจให้หวาดกลัว ไม่ยอมรับด้วยปาก และไม่ประพฤติในทางที่ แสดงออกเป็นรูปธรรมว่าเรากลัว เช่น บางคนคอยพูดยำ้าเตือนกับตัวเอง เล่าให้คนอื่นฟัง และแสดงออก/ กระทำา ทีแสดงว่า ฉันกลัวว่า.........ฉันกังวลว่า....... มันต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย......... ว่าแล้วไม่มีผิด....... ่ ตัวอย่าง เป็นห่วงลูกกลับบ้านดึก ในความคิดอาจจะกลัวอุบัติเหตุ และเหตุร้าย ๆต่าง ๆ การกระทำาก็อาจจะ บ่นให้อนอื่นฟัง หรือคอยฟังข่าวว่ามีอุบัติเหตุที่ไหน คอยชะเง้อมองประตูบ้าน คอยฟังเสียงโทรศัพท์ โทร เช็คว่าลูกอยู่ที่ไหน (อันเป็นต้นเหตุให้เขารำาคาญและอาจพาลไม่รับโทรศัพท์ ยิงทำาให้เราเป็นประสาท ่ มากกว่าเดิม) ติดต่อไม่ได้ก็โทรไปถามเพื่อนลูกทำาให้เขาโกลาหลไปกับเราด้วย ฯลฯ ไม่เป็นอันทำาอะไร เพราะใจไม่สงบสุข ก็แล้วควรทำาอย่างไรล่ะ? เดี๋ยวสรุปให้ตอนจบ ใจเย็น ๆ จ ^_^ สรุปวิธีเอาชนะความกลัว 1. คนเราไม่สามารถเชื่อและกลัวในเวลาเดียวกันได้ จงฝึกฝนความเชื่อให้เข้มแข็ง เพื่อเอาชนะความกลัว ٢. ใช้ความรักของพระเจ้าเอาชนะความกลัว (٢ รุม ١ จ้า จะเหลือเหรอ) ٣. ไม่เปิดโอกาสแก่มาร เมื่อความกลัวเข้ามาในชีวิต อย่ารับด้วยปาก อย่าเชื่อด้วยใจ และไม่ประพฤติตาม เพราะความเชื่อทำางานอย่างไร ความกลัวก็ทำางานเช่นเดียวกัน เมื่อทำาตรงกันข้าม ความกลัวก็จะไร้ผล ٥٥٥٥٥.... อย่าเพิ่งดีใจไป ความกลัว(มาร) มันไม่ยอมแพ้เราง่าย ๆหรอก เพราะมนุษย์เรานั้นมันไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ รู้แต่ก็มักจะไม่ทำา/หรือไม่ก็ทำาไม่ได้ มารจึงยังหัวเราะเยาะเราได้อยู่ แต่พระเจ้าก็ทรงทราบจุดอ่อนของเราดี จึงมีพระวจนะที่ให้พลังกับเราในการต่อสู้กับความกลัว ให้เห็นอยู่ตลอด ตั้งแต่ปฐมกาล จนถึงวิวรณ์ ด้วยคำา ว่า “อย่ากลัวเลย” (God reminds us to “Fear not.”) และยังครอบคลุมความกลัวทุกชนิด ตัวอย่าง อิสยาห์ 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำาลัง เจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา มัดธาย ١٠:28 – 31 อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำานาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ ทรงฤทธ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ นกกระจาบ ٢ ตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้า พระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ ถึงผมของท่านทั้งหลายก็ทรง นับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่า นกกระจาบหลายตัว สดุดี ٥6:11 ในพระเจ้า ข้าพเจ้าวางใจอย่างปราศจากความกลัว คนจะกระทำาอะไรแก่ข้าพเจ้าได้(เพราะ รู้จักพระเจ้าอย่างดี รู้ว่าพระเจ้าแสนดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะวางใจในพระเจ้าไม่ จริงป่าว ว ว ) สดุดี ٥:11 แต่ให้คนทั้งปวงที่ลี้ภยอยู่ในพระองค์นั้นเปรมปรีดิ์ ให้เขาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีอยู่ ั เสมอ และขอทรงป้องกันเขาไว้ เพื่อคนที่รักพระนามของพระองค์ จะปรีดาปราโมทย์อยู่ในพระองค์ ความกลัวที่พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงอีก 1 อย่างคือ ความเกรงกลัวพระเจ้า ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับคนที่ไม่เชื่อ
  • 5. 5 หมายถึง กลัวการตัดสินโทษบาปและความตายนิรันดร์ ซึงจะแยกจากพระเจ้าชั่วนิรันดร์ ่ ลูกา 12 :4 – 5 มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย และภายหลัง ไม่มีอะไรที่จะทำาได้อีก แต่เราจะเตือนให้ท่านรู้ก่อนว่าควรจะกลัวผู้ใดจงกลัวพระองค์ผู้ทรงฆ่าตน แล้วก็ยังมี ฤทธิ์อำานาจที่จะทิ้งลงในนรกได้ แท้จริงเราบอก ท่านว่าจงกลัวพระองค์นั้นแหละ ฮีบรู 10 : 30 - 31 เพราะเรารูจักพระองค์ผู้ได้ตรัสว่า “ การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง และได้ ้ ตรัสอีกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาชนชาติของพระองค์ การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้า ผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นที่น่าหวาดกลัว ความเกรงกลัวพระเจ้าสำาหรับผู้เชื่อ ไม่ใช่หวาดกลัว แต่เป็นความเคารพยำาเกรงที่ทำาให้เกิดผลดีในการดำาเนินชีวิตตามนำ้าพระทัยพระเจ้า สดุดี 111:10 ความยำาเกรงพระเจ้าเป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ทปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี ี่ การสรรเสริญพระเจ้าดำารงอยู่เป็นนิตย์ สุภาษิต 14:26 - 27 ความยำาเกรงพระเจ้าทำาให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง ความ ยำาเกรงพระเจ้าเป็นนำ้าพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกเลี่ยงจากบ่วงของความมรณาได้ สุภาษิต 19:23 ความยำาเกรงพระเจ้านำาไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มี อันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา สุภาษิต ١:7 ความยำาเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำาสั่งสอน (สติ ปัญญามาจากการที่รจักพระเจ้าจริง ๆ ว่าพระองค์บริสุทธิ์ ยุตธรรม และถูกต้อง) ู้ ิ เฉลยธรรมบัญญัติ ١٠ :12 ดูก่อน คนอิสราเอล พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงประสงค์ให้ท่านกระทำา อย่างไร คือให้ยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำาเนินตามทางทั้งปวงของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจของท่านทั้งหลาย เฉลยธรรมบัญญัติ ٢: ١٠0 - 21 ท่านทั้งหลายจงยำาเกรงพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติ พระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์ จงปฏิญาณด้วยออกพระนามพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญของ ท่านทั้งหลาย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของท่าน ผู้ทรงกระทำาการใหญ่และน่ากลัวซึ่งนัยน์ตาของท่านได่ เห็นนี้ ความเกรงกลัวพระเจ้าจึงเป็นรากฐานของการเดินในทางของพระองค์ รับใช้พระองค์ และรักพระเจ้า อีกประการหนึ่งเราไม่มีเหตุผลในการหวาดกลัวพระเจ้า เพราะพระสัญญาที่ว่าไม่มีอะไรแยกเราจากความรัก ของพระองค์ได้ โรม 8 : 38 – 39 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งที่จะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่ง ใด ๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำาให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ใน พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
  • 6. 6 การตีสอน ฮีบรู 12 : 6 – 11 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าละเลยต่อการตีสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าท้อถอย เมื่อพระองค์ทรงตีสอนนั้น เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงตีสอนผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงรับและทนเอาเถอะเพราะเป็นการตีสอน พระเจ้าทรงปฏิบัตต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นบุตร ิ ของพระองค์ ด้วยว่ามีบุตรคนใดเล่าที่บดาไม่ได้ตีสอนเขาบ้าง แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ถูกตีสอนเช่นเดียว ิ กับคนอื่น ๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นบุตร แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ อีกประการหนึ่ง เราทั้งหลายมีบิดาเป็นมนุษย์ที่ได้ตีสอนเรา และเราก็นับถือบิดานั้น ยิ่งกว่านั้นอีก เราควรจะ อยู่ใต้บังคับของพระบิดาแห่งวิญญาณจิต และมีชีวิตจำาเริญมิใช่หรือ เพราะบิดาที่เป็นมนุษย์ตีสอนเราเพียง ชั่วเวลาเล็กน้อย ตามความเห็นชอบของเขาเท่านั้น แต่พระองค์ได้ทรงตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อ ให้เราได้เข้าส่วนในวิสุทธิภาพของพระองค์ เมื่อมีการตีสอนนั้นดูไม่เป็นที่ชื่นใจเลย เป็นเรื่องเศร้าใจ แต่ต่อ มาภายหลังก็จะก่อให้เกิดความสุขสำาราญแก่บรรดาคนที่ต้องทนอยู่นั้น คือความชอบธรรมนั่นเอง ความเกรงกลัวพระเจ้า สำาหรับผูเชื่อจึงไม่ได้มีเพียงความรัก เคารพยำาเกรง และเชื่อฟังเท่านั้น แต่ ้ รวมถึงการรูจักพระเจ้าอย่างแท้จริง เข้าใจว่าพระเจ้าทรงเกลียดความบาปแค่ไหน และเกรงกลัวการลงโทษ ้ บาปจากพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นได้แม้ในชีวิตของผู้เชื่อ ความเกรงกลัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้เราดำาเนินชีวิต และ ปฏิบัติตนให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าอยู่เสมอ การทดลอง พระเจ้าเข้าใจความอ่อนแอของเรา และต้องการให้เรามุ่งมั่นพัฒนาความเชื่อ และพระคัมภีร์ก็บอก ชัดเจนว่าความเชื่อจะไม่เติบโตและเข้มแข็งถ้าปราศจากการทดลอง ความเชื่อเป็นคุณสมบัติสำาคัญของคริสเตียน (Fiath is the cornerstone of Christianity) เราเชื่อ(believe)ในการดำารงอยูของพระองค์ โดยความศรัทธา (fiath) = fiath เป็นเครื่องมือที่ทำาให้ ่ เรา beleive ยากอบ ٤-١:٢ ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำาบากต่าง ๆ ก็จงถือว่า เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะท่านทั้งหลายรู้ว่า การทดลองความเชื่อของท่านนั้นทำาให้เกิดความหนักแน่นมั่นคง และจงให้ความมั่นคงนั้นบรรลุผลอันสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่ดีพร้อม มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย คนจำานวนมาก (รวมเราด้วย ฮิ ฮิ...) ไม่ให้ความสำาคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้ยกไว้เป็นสิ่งสำาคัญในชีวิต ไม่ สนใจในความสัมพันธ์กับพระเจ้าผูซึ่งรักเขาอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากความเชื่อเป็นของประทานจาก ้ พระเจ้า พระองค์จึงประทานโอกาสในการทดลองเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ และพัฒนาความเชื่อให้เข้มแข็งและ มั่นคงขึ้น ปัญหาและความทุกข์ยาก เป็นเครื่องมือสำาคัญที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาความเชื่อที่เข้มแข็ง เราจะพบว่ามีตัวอย่างบุคคลในพระคัมภีร์หลายคน ทีเมื่อต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว หรือความยากลำาบาก ่ แต่ยังเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังและยอมให้พระคำาเติมเต็มความคิด ผลที่สุดแล้วจะพบว่าการทดลองแต่ละครั้งเป็น เหมือนบันไดที่ก้าวไปสู่ความเชื่อที่เข้มแข็งและมั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถกล่าวได้ว่า
  • 7. 7 “พระเจ้าได้ช่วยกู้ข้าพเจ้าในอดีต พระองค์จะทรงนำาพาข้าพเจ้าให้ผ่านความทุกข์ยากในวันนี้ และจะยังคง ยกชูข้าพเจ้าต่อไปในอนาคต” “ He sustained me in the past, He’ll carry me through today and He’ll uphold me in the future.” พระเจ้าได้ทำางานในชีวิตของดาวิดเช่นเดียวกัน เมื่อดาวิดอาสาต่อสู้กับโกไลแอธ 1 ซามูเอล 17:37 และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจาก ขยุมเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟิลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จง ้ ไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตย์อยู่กับเจ้า ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าช่วยกู้เขาจากอันตรายในอดีต เขาเคยมีประสบการณ์กับฤทธิ์อำานาจและการช่วยกู้ของ พระเจ้า จึงพัฒนาความเชื่อที่สามารถขจัดความกลัว (fearless fiath) ขึ้น สดุดี 27 :1-14 เป็นเครื่องมือที่ดาวิดใช้ต่อสู้กับความกลัว เมื่อเกิดความกลัวจงอธิษฐานอย่างดาวิด โรม ١0:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระ คริสต์ การได้ยน การอ่าน การศึกษาพระวจนะเป็นรากฐานในการพัฒนาความเชื่อ พระเจ้าต้องการให้เรา ิ รู้จักพระองค์อย่างถ่องแท้ และวางชีวิตไว้กบพระองค์ ั การอธิษฐาน ช่วยเพิ่มพูนความเชื่อให้แข็งแรง และขจัดความกลัว/ความวิตกกังวลออกไป สรุป เราสามารถเอาชนะความกลัวด้วยความเชื่อและความรัก ซึ่งสร้างได้ด้วยการศึกษาพระวจนะ และการอธิษฐาน อย่างจริงจัง จนมี ชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า และเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นในตัว เราอย่างแท้จริง
  • 8. 8