ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
๶ครื่องใช้ไฟฟ้า
๶ครื่องใช้ไฟฟ้า คืออุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานรูปอื่น เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้แก่ 1.  ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง 2.  ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน 3.  ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล 4.  ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง
๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้แสงสว่าง  หลอดไฟฟ้า  เป็น๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีใช้ในทุกบ้านที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้า ไปเป็นพลังงานแสง หลอดไฟฟ้าที่ใช้ทั่วไป มี  3  ชนิด คือ  1.   หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา 2.   หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ 3.   หลอดไฟนีออน
หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดา   มีการเปลี่ยนรูปพลังงานจากพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นพลังงานแสง หลอดไฟฟ้าแบบธรรมดามี  2  แบบ คือแบบเกลียวและแบบเขี้ยว มีส่วนประกอบดังนี้ 1.   ไส้หลอด  ทำด้วยโลหะที่มีจุดหลอดเหลวสูง ทนความร้อนได้มาก มีความทานสูง เช่น ทังสเตน
2.   หลอดแก้ว ทำจากแก้วที่ทนความร้อนได้ดี ไม่แตกง่าย สูบอากาศออกจนหมดภายในบรรจุก๊าซไนโตรเจนและอาร์กอนเล็กน้อยก๊าซชนิดนี้ทำปฏิกิริยายาก ช่วยป้องกันไม่ให้ไส้หลอดระเหิดไปจับที่หลอดแก้วและช่วยไม่ให้ไส้หลอดไม่ขาดง่าย ถ้าบรรจุก๊าซออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากับไส้หลอด ซึ่งทำให้ไส้หลอดขาดง่าย   3. ขั้วหลอดไฟ เป็นจุดต่อวงจรไฟฟ้า มี  2  แบบ คือ แบบเขี้ยวและแบบเกลียว
หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ ( Fluorescent Lamp ) ทำด้วยหลอดแก้วที่สูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทไว้เล็กน้อย มีไส้ที่ปลายหลอดทั้งสองข้าง หลอดเรืองแสงอาจทำเป็นหลอดตรง หรือครึ่งวงกลมได้ ส่วนประกอบและการทำงานของหลอดเรืองแสง  มีดังนี้
1.  ตัวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทและก๊าซอาร์กอน เล็กน้อย   ผิวด้านในของหลอดเรืองแสงฉาบด้วยสารเรืองแสงชนิดต่างๆ แล้วแต่ความต้องการให้เรืองแสงเป็นสีใด เช่น ถ้าต้องการให้เรืองแสงสีเขียว ต้องฉาบด้วยสารซิงค์ซิลิเคต เป็นต้น 2.   ไส้หลอด ทำด้วยทังสเตนหรือวุลแฟรมอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านไส้หลอดจะทำให้ไส้หลอดร้อนขึ้น ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ไอปรอทที่บรรจุไว้ในหลอดกลายเป็นไอมากขึ้น
แต่ขณะนั้นกระแสไฟฟ้ายังผ่านไอปรอทไม่สะดวก เพราะปรอทยังเป็นไอน้อยทำให้ความต้านทานของหลอดสูง 3.  สตาร์ตเตอร์  ทำหน้าที่เป็นสวิตซ์ไฟฟ้าอัตโนมัติของวงจรโดยต่อขนานกับหลอด ทำด้วยหลอดแก้วภายในบรรจุก๊าซนีออนและแผ่นโลหะคู่ที่งอตัวได้ เมื่อได้รับความร้อนเมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านก๊าซนีออน ก๊าซนีออนจะติดไฟเกิดความร้อนขึ้น ทำให้แผ่นโลหะคู่งอจนแตะติดกันทำให้กลายเป็นวงจรปิดทำให้กระแสไฟฟ้าผ่านแผ่นโลหะได้ครบวงจร
ก๊าซนีออนที่ติดไฟอยู่จะดับและเย็นลง แผ่นโลหะคู่จะแยกออกจากกันทำให้เกิดความต้านทานสูงขึ้นอย่างทันทีซึ่งขณะเดียวกันกระแสไฟฟ้าจะผ่านไส้หลอดได้มากขึ้นทำให้ไส้หลอดร้อนขึ้นมาก ปรอทก็จะเป็นไอมากขึ้นจนพอที่นำกระแสไฟฟ้าได้  4.  แบลลัสต์  เป็นขดลวดที่พันอยู่บนแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะเกิดการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้น
เมื่อแผ่นโลหะคู่ในสตาร์ตเตอร์แยกตัวออกจากกันนั้น จะเกิดวงจรเปิดชั่วขณะแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในแบลลัสต์ จึงทำให้เกิดความต่างศักย์ระหว่างไส้หลอดทั้งสองข้างสูงขึ้นเพียง พอที่จะทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไอปรอทจากไส้หลอดข้างหนึ่งไปยังไส้หลอดอีกข้างหนึ่งได้ เคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดจากแบลลัสต์นั้นจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำไหลสวนทางกับกระแสไฟฟ้าจากวงจรไฟฟ้าในบ้าน ทำให้กระแส ไฟฟ้าที่จะเข้าสู่วงจรของหลอดเรืองแสงลดลง
หลอดไฟนีออน   เป็นหลอดแก้วที่ถูกลนไฟแล้วดัดให้เป็นรูปหรือตัวอักษร ไม่มีไส้หลอดแต่ที่ปลายทั้งสองข้างจะมีขั้วไฟฟ้าทำด้วยโลหะ ต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ที่มีความต่างศักย์สูงประมาณ  10 , 00 โวลต์ ภายในหลอดสูบอากาศออกจนหมดแล้วใส่ก๊าซบางชนิดที่ให้แสงสีต่างๆออกมาเมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน เช่นก๊าซนีออนให้แสงสีแดงหรือส้ม ก๊าซฮีเลียมให้แสงสีชมพู
ความต่างศักย์ที่สูงมากๆ จะทำให้ก๊าซที่บรรจุไว้ในหลอดเกิดการแตกตัวเป็นอิออน และนำไฟฟ้าได้เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านก๊าซเหล่านี้จะทำให้ก๊าซร้อนติดไฟให้แสงสีต่างๆได้
๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เป็นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานความร้อน โดยใช้หลักการคือ เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดตัวนำที่มีความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนำนั้นจะร้อนจนสามารถนำความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากเป็น๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนมาก จึงสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้๶ครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ
เมื่อใช้ในเวลาที่เท่ากัน  ฉะนั้นขณะใช้๶ครื่องใช้ไฟฟ้าให้พลังงานความร้อนจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ตัวอย่าง๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า กาต้มน้ำ เครื่องต้มกาแฟ เตาไฟฟ้า ฯลฯ
๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล มีการเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล โดยอาศัยหลักการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า  ด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่ามอ๶ตอร์และเครื่องควบคุมความเร็ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักใน๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล  ตัวอย่าง  ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น พัดลม เครื่อง ซักผ้า เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ฯลฯ
มอ๶ตอร์   เป็น๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ประกอบด้วยขดลวดที่พันรอบแกนโลหะที่วางอยู่ระหว่างขั้วแม่เหล็ก โดยเมื่อผ่านกระแสไฟฟ้าเข้าไปยังขดลวดที่อยู่ระหว่างขั้วแม่เหล็ก จะทำให้ขดลวดหมุนไปรอบแกน และเมื่อสลับขั้วไฟฟ้า การหมุนของขดลวดจะหมุนกลับทิศทางเดิม
มอ๶ตอร์    มี  2  ประเภท คือ  มอ๶ตอร์กระแสตรง  และ มอ๶ตอร์กระแสสลับ มอ๶ตอร์กระแสตรง  เป็นมอ๶ตอร์ที่ต้องใช้ไฟฟ้ากระแสตรงผ่านเข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์เพื่อทำให้เกิดการดูดและผลักกันของแม่เหล็กถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากขดลวดมอ๶ตอร์จึงหมุนได้
มอ๶ตอร์กระแสสลับ  เป็นมอ๶ตอร์ที่ต้องใช้กับไฟฟ้ากระแสสลับ โดยใช้หลักการดูดและผลักกันของแม่เหล็กถาวรกับแม่เหล็กไฟฟ้าจากขดลวดมาทำให้เกิดการหมุนของมอ๶ตอร์
การเลือก๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล จะต้องพิจารณาดูข้อกำหนดในการใช้ เช่น ใช้กับความต่างศักย์ไฟฟ้าเท่าใด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการใช้๶ครื่องใช้ไฟฟ้า และไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ ๶ครื่องใช้ไฟฟ้านั้น และเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า  ควรพิจารณา  กำลังไฟฟ้า   ของ๶ครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆด้วย
๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานเสียง ๶ครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง ได้แก่เครื่องรับวิทยุเครื่องบันทึกเสียง ฯลฯ เครื่องรับวิทยุ เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานเสียง โดยรับคลื่นวิทยุ จากสถานีส่งแล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยายสัญญาณเสียงที่มีอยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าให้แรงขึ้นเมื่อผ่านสัญญาณไฟฟ้านี้ไปยังลำโพงจะทำให้ลำโพงสั่นสะเทือนเปลี่ยนเป็นเสียงที่สามารถรับฟังได้
เครื่องบันทึกเสียง  ขณะบันทึกด้วยการพูดผ่านไมโครโฟน ซึ่งจะเปลี่ยนพลังงานเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วบันทึกลงในแถบบันทึกเสียงซึ่งฉาบด้วยสารแม่เหล็กในรูปของสัญญาณแม่เหล็ก
๶ครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดขณะใช้งานจะมีการเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานอื่นได้พร้อมกันหลายรูปแบบ เช่น โทรทัศน์ จะเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงและ พลังงานเสียง ไดร์เป่าผม จะเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลและ พลังงานความร้อน วิทยุเทป จะเปลี่ยนรูปพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลและ พลังงานเสียง เป็นต้น
ประหยัดพลังงาน ลดภาวะโลกร้อน
บรรณานุกรม www.thaigoodview.com www.trueplookpanya.com www.smtv . com
การเลือก๶ครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน   จัดทำโดย ด . ญ .  ผกามาศ  คำทา ม . 3/1  เลขที่  12 ด . ญ .  ฐิติปวีณี  ฟูแสง ม . 3/1   เลขที่  17 ด . ญ .  ตุลาวัลย์  กองแก้ว ม . 3/1  เลขที่  19 ด . ญ .  นฤมล  วาเพ็ชร  ม . 3/1  เลขที่  20 ด . ญ .  รวินทร์นิภา  มาดูเหมา  ม . 3/1  เลขที่  29 ด . ญ .  อารีรัตน์  สุยะ ม . 3/1  เลขที่  38

More Related Content

๶ครื่องใช้ไฟฟ้า