ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
สื่อและแหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้  หมายถึง วัสดุอุปกรณ์ หรือวิธีการ ซึ่งอาจจำแนกเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อบุคคล สื่อวัสดุ สื่ออุปกรณ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แหล่งการเรียนรู้ หมายถึง แหล่งข้อมูลข่าวสารสารสนเทศและประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่รู้แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง สื่อและแหล่งการเรียนรู้  คือ สิ่งที่ใช้เป็นสื่อกลางให้ผู้สอนสามารถมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือทำให้บทเรียนง่ายขึ้นและในการจัดทำสื่อขึ้นใช้ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของสื่อที่ดี คือน่าสนใจ ประหยัดช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้รวดเร็วและถูกต้อง การเขียนสื่อและแหล่งการเรียนรู้ให้เขียนตามเรียงลำดับกิจกรรมการเรียนรู้
สื่อการสอน  หมายถึง ตัวกลางที่และสารสนเทศไปสู่ผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุเครื่องมือและเทคนิควิธีการที่ผู้สอนนำมาประกอบการเรียนการสอน เพื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสื่อการสอน หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราตัวผู้เรียนที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้  หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวผู้เรียนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สื่อการสอนและสื่อการเรียนรู้มีความเหมือนกันคือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สื่อการสอนสื่อการสอนและสื่อการเรียนรู้มีความแตกต่างกันคือ สื่อการสอนยังเป็นเพียงตัวกลางที่ใช้ในการถ่ายทอดเนื้อหาความรู้เท่านั้นและผู้สอนเป็นผู้นำมาหรือจัดเตรียมเพื่อประกอบการเรียนการสอน แต่สื่อการการเรียนเป็นเครื่องมือที่ใช้ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มพูนทักษะ ผู้เรียนสามารถค้นคว้าและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
๑ . สื่อการสอน นักวิชาการและนักเทคโนโลยีการศึกษา ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ให้ความหมายของสื่อการสอนไว้หลายท่านดังนี้ เชอรส์  ( Shores . ๑๙๖ o: ๑  )  กล่าวว่า สื่อการสอนเป็นเครื่องมือช่วยสื่อความหมายใดๆก็ตามที่จัดโดยครูและนักเรียน ฮาส และแพคเกอร์  (Hass and PacKer . ๑๙๖๔ : ๑๑ )  กล่าวว่า สื่อการสอน คือ เครื่องมือที่ช่วยในการถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่เป็นจริงได้แก่ ทักษะ ทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจ  ฯลฯหรือเป็นอุปกรณ์การสอนที่เราสามารถได้ยินและมองเห็นได้เท่าๆกัน บราวน์และคนอื่นๆ  (Brown and other . ๑๙๖๔ : ๕๘๔ )  กล่าวว่าสื่อการสอนหมายถึง จำพวกอุปกรณ์ทั้งหลายที่สามารถเสนอความรู้ให้แก่ผู้เรียน จนเกิดผลการเรียนที่ดีทั้งนี้รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
๒ . ประเภทของสื่อการสอน Dele  ( ๑๙๖๓ : ๑ o ๗ - ๑๒๘ )  ได้แบ่งสื่อการสอนออกเป็น  11 ประเภท โดยยึดหลักความเป็นรูปธรรมและนามธรรม ๑ . ประสบการณ์โดยตรงที่มีความหมาย เป็นประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากความเป็นจริง ๒ . ประสบการณ์จำลอง เป็นการจำลองประสบการณ์จากของจริง เพราะของจริงอาจใหญ่เกินไป เช่น หุ่นจำลอง ๓ . ประสบการณ์นาฏการ เป็นการมีส่วนร่วมในการแสดงในการศึกษาเนื้อหาที่ต้องจะแสดง
๔ . การสาธิต เป็นการให้ดูตัวอย่างประกอบการอธิบายการสาธิตที่ดีต้องมีอุปกรณ์ประกอบ เช่นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ๕ . การศึกษานอกสถานที่หมายถึง การพาผู้เรียนไปศึกษานอกสถานที่เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวางขึ้น ๖ . นิทรรศการ หมายถึง การแสดงสิ่งของต่างๆเพื่อให้ความรู้ผู้ดู ไว้ให้ผู้ดูรับประสบการณ์จากสิ่งต่างๆเหล่านี้ ๗ .  โทรทัศน์การศึกษา รายการโทรทัศน์ที่จะทำให้ผู้เรียนได้เห็นภาพและได้ยินเสียงความเป็นไปของเหตุการณ์ต่างๆ ๘ . ภาพยนตร์เป็นการจำลองเหตุการณ์มาให้ผู้เรียนได้ดูได้ฟังใกล้เคียงกับความเป็นจริง
๙ . ภาพนิ่ง ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาด แผ่นโปร่งใส สไลด์ ฯลฯ ๑ 0 . ทัศนสัญลักษณ์ ได้แก่แผนภาพ แผนภูมิ แผนสถิติ ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญลักษณ์สำหรับการถ่ายทอดความหมาย นำมาแทนความหมายที่เป็นข้อเท็จจริง ๑๑ . วจนสัญลักษณ์ ได้แก่คำพูด ตัวหนังสือ ตัวอักษรผู้ที่จะเข้าใจสัญลักษณ์นี้ได้ต้องอาศัย ประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐานมากพอสมควร จากการที่นักเทคโนโลยีการศึกษาได้แบ่งประเภทของการสื่อสารการสอนไว้นั้น พอจะสรุปได้ ๓ ประเภทดังนี้   ๑ประเภทของวัสดุ เป็นสื่ออยู่ในรูปภาพ เสียง หรืออักษร แยกได้เป็น ๒ ชนิดคือ
๑ . ๑ ชนิดที่สามารถสื่อความหมายได้ด้วยตัวของมันเอง เช่นรูปภาพ แผนภูมิ ภาพวาด หนังสือ เป็นต้น ๑ . ๒ ชนิดที่ต้องอาศัยเครื่องมือเสนอเรื่องราวไปสู่ผู้เรียน เช่น ภาพโปร่งแสง  สไลด์ แถบบันทึกเสียง ฟิล์มภาพยนตร์เป็นต้น ๒ . ประเภทเครื่องมือ หมายถึงเครื่องมือที่ใช้ส่งผ่านความรู้ไปสู่ผู้เรียน เช่นเครื่องฉายชนิดต่างๆ เครื่องเสียงชนิดต่างๆ ฯลฯ ๓ . ประเภทเทคนิคหรือวิธีการ หมายถึง เทคนิคหรือวิธีการที่จะใช้ร่วมกับวัสดุและเครื่องมือหรือใช้เพียงลำพังในการจัดการเรียนการสอน เช่น การสาธิต การทดลอง ฯลฯ
๓ . หลักการใช้สื่อการสอน แบ่งออกเป็น ๔ หลักดังนี้คือ  ๑หลักการเลือก (   Selection) โนเอลและโอนาร์ด  (Noel and Leonard . ๑๙๖๔ : ๒๖ - ๒๘ ) ให้หลักการเลือกสื่อการสอน ไว้ดังนี้ ๑ . มีความเหมาะสมกับระดับสติปัญญาของผู้เรียน ๒ . เหมาะสมกับประสบการณ์เดิมของผู้เรียน ๓ . เหมาะสมกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน ๔ . เหมาะสมกับเรื่องที่สอน
๕ . มีลักษณะที่น่าสนใจ ๖ . ตรงกับจุดประสงค์ในการเรียนการสอน ๗ . ไม่เสียเวลาในการใช้มากเกินไป ๘ . เป็นแบบง่ายๆและไม่ซับซ้อนจนเกินไป ๙ . ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ๑ o . ช่วยให้การเสริมสร้างเจตคติที่ดีแก่ผู้เรียน ๑๑ . ช่วยเพิ่มทักษะให้แก่ผู้เรียน ๑๒ . ให้ผลดีต่อการเรียนการสอนมากที่สุด ๑๓ . ราคาไม่แพงจนเกินไป
๒ . หลักการเตรียม (Preparation) อีริคสันและเคิร์ล (EricksonandCurl . ๑๙๗๒ : ๑๖๓ - ๑๗ o)   ได้กล่าวถึงการเรียนก่อนการใช้สื่อการสอนต้องเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนดังนี้ ๑ . การพัฒนาสร้างความพร้อมเฉพาะอย่าง เช่น จะให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมการสอน ตอนไหน อย่างไร ๒ . แนะนำผู้เรียนเพื่อเป็นการเร้าให้เกิดการเรียนรู้จากสื่อที่ครูเลือกมา ๓ . สร้างกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสื่อการสอน ๔ . เลือกหาวิธีที่เหมาะสม ที่จะนำไปสู่การใช้สื่อการสอนนั้นๆ ๕ . ใช้แหล่งการเรียนอื่นๆเพื่อสร้างความพร้อมให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน ๖ . สามารถวางแผนกำหนดช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม
๓ . หลักการนำเสนอ (Presentation) อีริคสันและเคิร์ล (EricksonandCurl . ๑๙๗๒ : ๑๖๓ - ๑๗ o)   ได้กล่าวว่าเพื่อให้การนำเสนอได้ผล ครูควรมีความรู้ความสามารถและทักษะพื้นฐานดังนี้ ๑ . เลือกกิจกรรมการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนอยากเรียน อยากรู้ตามจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน ๒ . ใช้คำถามเป็นตัวกระตุ้นและชี้แนะ ๓ . ใช้การอภิปรายเพื่อนำไปสู่เนื้อหาและการสร้างมโนมติ ๔ . จัดกลุ่มผู้เรียนให้เหมาะสมและสร้างกิจกรรมท้าทายในการแก้ปัญหา ๕ . ใช้สื่ออย่างมีลำดับ
๖ . สามารถดำเนินการจัดสภาพการณ์ต่างๆในการใช้สื่อการสอนเพื่อการเรียนรู้ ๗ . สามารถจัดกลุ่มกิจกรรมให้ผู้เรียนหาความรู้จากสื่อต่างๆได้ เช่น จัดป้ายนิเทศจัดมุมวิชาการ ๔ . หลักการประเมินผล  (Evaluation) ไฮนิค . โมเลนดา , และรัชเซล (Heimich.Molenda and ussel. ๑๙๘๕ : ๓๔ - ๓๕ ) กล่าวว่าการประเมินผลควรกระทำใน  ๓ ลักษณะดังต่อไปนี้ ๑ . การประเมินผลกระบวนการสอน เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่าผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ทั้งในด้านผู้สอน สื่อการ
สอน และวิธีสอน โดยการประเมินผลสามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังการสอน ๒ . ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ว่ามีกฎเกณฑ์เท่าใด การประเมินผลทำได้ เช่น วัตถุประสงค์ที่เป็นเชิงทักษะพิสัยอาจเป็นการวัดกระบวนการของพฤติกรรม การตอบคำถามแบบปรนัย ๓ . การประเมินผลสื่อและวิธีการใช้สื่อและวิธีการสอน เป็นการประเมินผลเพื่อหาประสิทธิภาพของสื่อ ความคุ้มประโยชน์ของสื่อต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปรับปรุงระยะสื่อ ระยะเวลาในการนำเสนอ การประเมินผลต่างๆเหล่านี้เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
การออกแบบสื่อ องค์ประกอบที่สำคัญในการเรียนการสอนคือสื่อการการสอน สื่อการสอนแต่ละชนิดมีดังนี้ ๑ . ความเหมาะสม สื่อที่จะใช้นั้นเหมาะสมกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของการสอนหรือไม่ ๒ . ความเข้าใจ สื่อที่ใช้จะช่วยให้นักเรียนได้ข้อสรุปที่ถูกต้องหรือไม่ ๓ . ความเข้าใจ สื่อที่ใช้จะช่วยให้นักเรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่นักเรียน ๔ . ประสบการณ์ที่ได้รับ สื่อที่ใช้นั้นช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้แก่นักเรียน
๕ . เหมาะสมกับวัย ระดับความยากง่ายของเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสื่อชนิดนั้นๆเหมาะสมกับระดับความสามารถ ความสนใจและความพ้อมของนักเรียนหรือไม่ ๖ . เที่ยงตรงในเนื้อหา สื่อนั้นช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาที่ถูกต้องหรือไม่ ๗ . ใช้การได้ดี  สื่อจะนำมาใช้ควรทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้ดี ๘ . คุ้มค่ากับราคา ผลที่จะได้คุ้มค่ากับเวลา เงิน และการจัดเตรียมสื่อนั้นหรือไม่ ๙ . ตรงกับความต้องการ สื่อนั้นช่วยให้นักเรียนร่มกิจกรรมตามที่ครูต้องการหรือไม่ ๑ o . สื่อนั้นช่วยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจในช่วงเวลานานพอสมควรหรือไม่
ประโยชน์ของสื่อ ๑ . เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากวัตถุที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้สร้างแนวความคิดด้วยตนเอง ๒ . กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในเรื่องที่จะเรียนมากขึ้น ๓ . ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้นและสามารถจดจำได้นาน ๔ . ให้ประสบการณ์ที่ส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง ๕ . นำประสบการณ์นอกห้องเรียนมาให้นักเรียนศึกษาในห้องเรียนได้
การออกแบบสื่อการสอน การออกแบบสื่อการสอน คือ การวางแผนสร้างสรรค์สื่อการสอนหรือการปรับปรุงสื่อการสอนให้มีประสิทธิภาพและมีสภาพที่ดีโดยอาศัยหลักการทางศิลปะ องค์ประกอบของการออกแบบ ๑ . จุด (Dots)    ๒ .  เส้น   (Line)  ๓ . รูปร่าง - รูปทรง (Shape-From)  ๔ . ปริมาตร   (Volume)  ๕ . ลักษณะพื้นผิว (Texture)    ๖ . บริเวณที่ว่าง (Space)  ๗ . สี (color)    ๘ . น้ำหนักสื่อ (Value)
การเลือกสื่อ การดัดแปลงและการออกแบบสื่อ  (Select,Modify or Design Materials) การเลือกสื่อที่เหมาะสมนั้นต้องพิจารณาตามหลัก ๓ ประการ ดังนี้ ๑ . การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษามักจะมีทรัพยากรที่สามารถใช้เป็นสื่อได้อยู่แล้ว ๒ . การดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้วให้ใช้ได้ดีและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นทั้งนี้ย่อมขึ้นกับเวลาและงบประมาณในการดัดแปลงสื่อด้วย ๓ . การออกแบบสื่อและผลิตภัณฑ์ใหม่ ถ้าสื่อนั้นมีอยู่แล้วและตรงกับจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน เราก็สามารถนำมาใช้ได้เลย
การออกแบบสื่อและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๑ . จุดมุ่งหมาย ต้องพิจารณาว่าต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนอะไร ๒ . ผู้เรียนควรได้พิจารณาผู้เรียนทั้งโดยรวมว่าเป็นใคร มีความรู้พื้นฐานและทักษะอะไรมาก่อน ๓ . ค่าใช้จ่าย มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ๔ . ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ถ้าตนเองไม่มีทักษะจะหาผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาจากแหล่งใด ๕ . เครื่องมือและอุปกรณ์ มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นพอเพียงต่อการผลิตหรือไม่ ๖ . เวลามีพอสำหรับการออกแบบหรือไม่
จบการนำเสนอ แล้วคร้า

More Related Content

สื่อและแหล่งการเรียนรู้

  • 1.
  • 2. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หมายถึง วัสดุอุปกรณ์ หรือวิธีการ ซึ่งอาจจำแนกเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อบุคคล สื่อวัสดุ สื่ออุปกรณ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แหล่งการเรียนรู้ หมายถึง แหล่งข้อมูลข่าวสารสารสนเทศและประสบการณ์ที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่รู้แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง สื่อและแหล่งการเรียนรู้ คือ สิ่งที่ใช้เป็นสื่อกลางให้ผู้สอนสามารถมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพหรือทำให้บทเรียนง่ายขึ้นและในการจัดทำสื่อขึ้นใช้ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของสื่อที่ดี คือน่าสนใจ ประหยัดช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้รวดเร็วและถูกต้อง การเขียนสื่อและแหล่งการเรียนรู้ให้เขียนตามเรียงลำดับกิจกรรมการเรียนรู้
  • 3. สื่อการสอน หมายถึง ตัวกลางที่และสารสนเทศไปสู่ผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุเครื่องมือและเทคนิควิธีการที่ผู้สอนนำมาประกอบการเรียนการสอน เพื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสื่อการสอน หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราตัวผู้เรียนที่ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวผู้เรียนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สื่อการสอนและสื่อการเรียนรู้มีความเหมือนกันคือ เป็นเครื่องมือที่ใช้ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สื่อการสอนสื่อการสอนและสื่อการเรียนรู้มีความแตกต่างกันคือ สื่อการสอนยังเป็นเพียงตัวกลางที่ใช้ในการถ่ายทอดเนื้อหาความรู้เท่านั้นและผู้สอนเป็นผู้นำมาหรือจัดเตรียมเพื่อประกอบการเรียนการสอน แต่สื่อการการเรียนเป็นเครื่องมือที่ใช้ถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ เพิ่มพูนทักษะ ผู้เรียนสามารถค้นคว้าและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
  • 4. ๑ . สื่อการสอน นักวิชาการและนักเทคโนโลยีการศึกษา ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ให้ความหมายของสื่อการสอนไว้หลายท่านดังนี้ เชอรส์ ( Shores . ๑๙๖ o: ๑ ) กล่าวว่า สื่อการสอนเป็นเครื่องมือช่วยสื่อความหมายใดๆก็ตามที่จัดโดยครูและนักเรียน ฮาส และแพคเกอร์ (Hass and PacKer . ๑๙๖๔ : ๑๑ ) กล่าวว่า สื่อการสอน คือ เครื่องมือที่ช่วยในการถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่เป็นจริงได้แก่ ทักษะ ทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจ ฯลฯหรือเป็นอุปกรณ์การสอนที่เราสามารถได้ยินและมองเห็นได้เท่าๆกัน บราวน์และคนอื่นๆ (Brown and other . ๑๙๖๔ : ๕๘๔ ) กล่าวว่าสื่อการสอนหมายถึง จำพวกอุปกรณ์ทั้งหลายที่สามารถเสนอความรู้ให้แก่ผู้เรียน จนเกิดผลการเรียนที่ดีทั้งนี้รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
  • 5. ๒ . ประเภทของสื่อการสอน Dele ( ๑๙๖๓ : ๑ o ๗ - ๑๒๘ ) ได้แบ่งสื่อการสอนออกเป็น 11 ประเภท โดยยึดหลักความเป็นรูปธรรมและนามธรรม ๑ . ประสบการณ์โดยตรงที่มีความหมาย เป็นประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากความเป็นจริง ๒ . ประสบการณ์จำลอง เป็นการจำลองประสบการณ์จากของจริง เพราะของจริงอาจใหญ่เกินไป เช่น หุ่นจำลอง ๓ . ประสบการณ์นาฏการ เป็นการมีส่วนร่วมในการแสดงในการศึกษาเนื้อหาที่ต้องจะแสดง
  • 6. ๔ . การสาธิต เป็นการให้ดูตัวอย่างประกอบการอธิบายการสาธิตที่ดีต้องมีอุปกรณ์ประกอบ เช่นการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ๕ . การศึกษานอกสถานที่หมายถึง การพาผู้เรียนไปศึกษานอกสถานที่เพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวางขึ้น ๖ . นิทรรศการ หมายถึง การแสดงสิ่งของต่างๆเพื่อให้ความรู้ผู้ดู ไว้ให้ผู้ดูรับประสบการณ์จากสิ่งต่างๆเหล่านี้ ๗ . โทรทัศน์การศึกษา รายการโทรทัศน์ที่จะทำให้ผู้เรียนได้เห็นภาพและได้ยินเสียงความเป็นไปของเหตุการณ์ต่างๆ ๘ . ภาพยนตร์เป็นการจำลองเหตุการณ์มาให้ผู้เรียนได้ดูได้ฟังใกล้เคียงกับความเป็นจริง
  • 7. ๙ . ภาพนิ่ง ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาด แผ่นโปร่งใส สไลด์ ฯลฯ ๑ 0 . ทัศนสัญลักษณ์ ได้แก่แผนภาพ แผนภูมิ แผนสถิติ ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญลักษณ์สำหรับการถ่ายทอดความหมาย นำมาแทนความหมายที่เป็นข้อเท็จจริง ๑๑ . วจนสัญลักษณ์ ได้แก่คำพูด ตัวหนังสือ ตัวอักษรผู้ที่จะเข้าใจสัญลักษณ์นี้ได้ต้องอาศัย ประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐานมากพอสมควร จากการที่นักเทคโนโลยีการศึกษาได้แบ่งประเภทของการสื่อสารการสอนไว้นั้น พอจะสรุปได้ ๓ ประเภทดังนี้ ๑ประเภทของวัสดุ เป็นสื่ออยู่ในรูปภาพ เสียง หรืออักษร แยกได้เป็น ๒ ชนิดคือ
  • 8. ๑ . ๑ ชนิดที่สามารถสื่อความหมายได้ด้วยตัวของมันเอง เช่นรูปภาพ แผนภูมิ ภาพวาด หนังสือ เป็นต้น ๑ . ๒ ชนิดที่ต้องอาศัยเครื่องมือเสนอเรื่องราวไปสู่ผู้เรียน เช่น ภาพโปร่งแสง สไลด์ แถบบันทึกเสียง ฟิล์มภาพยนตร์เป็นต้น ๒ . ประเภทเครื่องมือ หมายถึงเครื่องมือที่ใช้ส่งผ่านความรู้ไปสู่ผู้เรียน เช่นเครื่องฉายชนิดต่างๆ เครื่องเสียงชนิดต่างๆ ฯลฯ ๓ . ประเภทเทคนิคหรือวิธีการ หมายถึง เทคนิคหรือวิธีการที่จะใช้ร่วมกับวัสดุและเครื่องมือหรือใช้เพียงลำพังในการจัดการเรียนการสอน เช่น การสาธิต การทดลอง ฯลฯ
  • 9. ๓ . หลักการใช้สื่อการสอน แบ่งออกเป็น ๔ หลักดังนี้คือ ๑หลักการเลือก ( Selection) โนเอลและโอนาร์ด (Noel and Leonard . ๑๙๖๔ : ๒๖ - ๒๘ ) ให้หลักการเลือกสื่อการสอน ไว้ดังนี้ ๑ . มีความเหมาะสมกับระดับสติปัญญาของผู้เรียน ๒ . เหมาะสมกับประสบการณ์เดิมของผู้เรียน ๓ . เหมาะสมกับความต้องการและความสนใจของผู้เรียน ๔ . เหมาะสมกับเรื่องที่สอน
  • 10. ๕ . มีลักษณะที่น่าสนใจ ๖ . ตรงกับจุดประสงค์ในการเรียนการสอน ๗ . ไม่เสียเวลาในการใช้มากเกินไป ๘ . เป็นแบบง่ายๆและไม่ซับซ้อนจนเกินไป ๙ . ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น ๑ o . ช่วยให้การเสริมสร้างเจตคติที่ดีแก่ผู้เรียน ๑๑ . ช่วยเพิ่มทักษะให้แก่ผู้เรียน ๑๒ . ให้ผลดีต่อการเรียนการสอนมากที่สุด ๑๓ . ราคาไม่แพงจนเกินไป
  • 11. ๒ . หลักการเตรียม (Preparation) อีริคสันและเคิร์ล (EricksonandCurl . ๑๙๗๒ : ๑๖๓ - ๑๗ o) ได้กล่าวถึงการเรียนก่อนการใช้สื่อการสอนต้องเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนดังนี้ ๑ . การพัฒนาสร้างความพร้อมเฉพาะอย่าง เช่น จะให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมการสอน ตอนไหน อย่างไร ๒ . แนะนำผู้เรียนเพื่อเป็นการเร้าให้เกิดการเรียนรู้จากสื่อที่ครูเลือกมา ๓ . สร้างกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสื่อการสอน ๔ . เลือกหาวิธีที่เหมาะสม ที่จะนำไปสู่การใช้สื่อการสอนนั้นๆ ๕ . ใช้แหล่งการเรียนอื่นๆเพื่อสร้างความพร้อมให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน ๖ . สามารถวางแผนกำหนดช่วงเวลาได้อย่างเหมาะสม
  • 12. ๓ . หลักการนำเสนอ (Presentation) อีริคสันและเคิร์ล (EricksonandCurl . ๑๙๗๒ : ๑๖๓ - ๑๗ o) ได้กล่าวว่าเพื่อให้การนำเสนอได้ผล ครูควรมีความรู้ความสามารถและทักษะพื้นฐานดังนี้ ๑ . เลือกกิจกรรมการสอนที่กระตุ้นให้ผู้เรียนอยากเรียน อยากรู้ตามจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน ๒ . ใช้คำถามเป็นตัวกระตุ้นและชี้แนะ ๓ . ใช้การอภิปรายเพื่อนำไปสู่เนื้อหาและการสร้างมโนมติ ๔ . จัดกลุ่มผู้เรียนให้เหมาะสมและสร้างกิจกรรมท้าทายในการแก้ปัญหา ๕ . ใช้สื่ออย่างมีลำดับ
  • 13. ๖ . สามารถดำเนินการจัดสภาพการณ์ต่างๆในการใช้สื่อการสอนเพื่อการเรียนรู้ ๗ . สามารถจัดกลุ่มกิจกรรมให้ผู้เรียนหาความรู้จากสื่อต่างๆได้ เช่น จัดป้ายนิเทศจัดมุมวิชาการ ๔ . หลักการประเมินผล (Evaluation) ไฮนิค . โมเลนดา , และรัชเซล (Heimich.Molenda and ussel. ๑๙๘๕ : ๓๔ - ๓๕ ) กล่าวว่าการประเมินผลควรกระทำใน ๓ ลักษณะดังต่อไปนี้ ๑ . การประเมินผลกระบวนการสอน เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่าผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ทั้งในด้านผู้สอน สื่อการ
  • 14. สอน และวิธีสอน โดยการประเมินผลสามารถทำได้ทั้งก่อนและหลังการสอน ๒ . ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ว่ามีกฎเกณฑ์เท่าใด การประเมินผลทำได้ เช่น วัตถุประสงค์ที่เป็นเชิงทักษะพิสัยอาจเป็นการวัดกระบวนการของพฤติกรรม การตอบคำถามแบบปรนัย ๓ . การประเมินผลสื่อและวิธีการใช้สื่อและวิธีการสอน เป็นการประเมินผลเพื่อหาประสิทธิภาพของสื่อ ความคุ้มประโยชน์ของสื่อต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ปรับปรุงระยะสื่อ ระยะเวลาในการนำเสนอ การประเมินผลต่างๆเหล่านี้เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
  • 15. การออกแบบสื่อ องค์ประกอบที่สำคัญในการเรียนการสอนคือสื่อการการสอน สื่อการสอนแต่ละชนิดมีดังนี้ ๑ . ความเหมาะสม สื่อที่จะใช้นั้นเหมาะสมกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของการสอนหรือไม่ ๒ . ความเข้าใจ สื่อที่ใช้จะช่วยให้นักเรียนได้ข้อสรุปที่ถูกต้องหรือไม่ ๓ . ความเข้าใจ สื่อที่ใช้จะช่วยให้นักเรียนรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่นักเรียน ๔ . ประสบการณ์ที่ได้รับ สื่อที่ใช้นั้นช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้แก่นักเรียน
  • 16. ๕ . เหมาะสมกับวัย ระดับความยากง่ายของเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสื่อชนิดนั้นๆเหมาะสมกับระดับความสามารถ ความสนใจและความพ้อมของนักเรียนหรือไม่ ๖ . เที่ยงตรงในเนื้อหา สื่อนั้นช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้เนื้อหาที่ถูกต้องหรือไม่ ๗ . ใช้การได้ดี สื่อจะนำมาใช้ควรทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้ดี ๘ . คุ้มค่ากับราคา ผลที่จะได้คุ้มค่ากับเวลา เงิน และการจัดเตรียมสื่อนั้นหรือไม่ ๙ . ตรงกับความต้องการ สื่อนั้นช่วยให้นักเรียนร่มกิจกรรมตามที่ครูต้องการหรือไม่ ๑ o . สื่อนั้นช่วยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจในช่วงเวลานานพอสมควรหรือไม่
  • 17. ประโยชน์ของสื่อ ๑ . เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้จากวัตถุที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้สร้างแนวความคิดด้วยตนเอง ๒ . กระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในเรื่องที่จะเรียนมากขึ้น ๓ . ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้นและสามารถจดจำได้นาน ๔ . ให้ประสบการณ์ที่ส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง ๕ . นำประสบการณ์นอกห้องเรียนมาให้นักเรียนศึกษาในห้องเรียนได้
  • 18. การออกแบบสื่อการสอน การออกแบบสื่อการสอน คือ การวางแผนสร้างสรรค์สื่อการสอนหรือการปรับปรุงสื่อการสอนให้มีประสิทธิภาพและมีสภาพที่ดีโดยอาศัยหลักการทางศิลปะ องค์ประกอบของการออกแบบ ๑ . จุด (Dots) ๒ . เส้น (Line) ๓ . รูปร่าง - รูปทรง (Shape-From) ๔ . ปริมาตร (Volume) ๕ . ลักษณะพื้นผิว (Texture) ๖ . บริเวณที่ว่าง (Space) ๗ . สี (color) ๘ . น้ำหนักสื่อ (Value)
  • 19. การเลือกสื่อ การดัดแปลงและการออกแบบสื่อ (Select,Modify or Design Materials) การเลือกสื่อที่เหมาะสมนั้นต้องพิจารณาตามหลัก ๓ ประการ ดังนี้ ๑ . การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ในสถาบันการศึกษามักจะมีทรัพยากรที่สามารถใช้เป็นสื่อได้อยู่แล้ว ๒ . การดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้วให้ใช้ได้ดีและเหมาะสมมากยิ่งขึ้นทั้งนี้ย่อมขึ้นกับเวลาและงบประมาณในการดัดแปลงสื่อด้วย ๓ . การออกแบบสื่อและผลิตภัณฑ์ใหม่ ถ้าสื่อนั้นมีอยู่แล้วและตรงกับจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน เราก็สามารถนำมาใช้ได้เลย
  • 20. การออกแบบสื่อและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๑ . จุดมุ่งหมาย ต้องพิจารณาว่าต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนอะไร ๒ . ผู้เรียนควรได้พิจารณาผู้เรียนทั้งโดยรวมว่าเป็นใคร มีความรู้พื้นฐานและทักษะอะไรมาก่อน ๓ . ค่าใช้จ่าย มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ๔ . ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิค ถ้าตนเองไม่มีทักษะจะหาผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาจากแหล่งใด ๕ . เครื่องมือและอุปกรณ์ มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นพอเพียงต่อการผลิตหรือไม่ ๖ . เวลามีพอสำหรับการออกแบบหรือไม่