ร้อยกรอง
- 3. ร้อยกรอง ร้อยกรอง คือ คำประพันธ์ที่แต่งขึ้นอย่างสละสลวย มีความไพเราะและมีข้อบังคับในการแต่งเรียกว่า “ฉันทลักษณ์” นักเรียนรู้จักร้อยกรองประเภทใดบ้าง
- 4. ประเภทของร้อยรอง ร้อยกรองมี ๕ ประเภทใหญ่ ๆ คือ ๑ . โคลง ได้แก่ โคลงสี่สุภาพ โคลงดั้น ๒ . ฉันท์ ได้แก่ วสันตดิลกฉันท์ อินทรวิเชียรฉันท์ ๓ . กาพย์ ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๔ . กลอน ได้แก่ กลอนสุภาพ กลอนสักวา ๕ . ร่าย ได้แก่ ร่ายยาว ร่ายโบราณ นอกจากนี้นักเรียนคิดว่ายังมีอะไรอีกบ้าง
- 6. ลักษณะบังคับในการแต่งบทร้อยกรอง ๑ . คณะ จำนวนคำที่บังคับตามฉันทลักษณ์สำหรับบทร้อยกรองทุกประเภท กาพย์ยานี ๑๑ กำหนดไว้ว่า ๑ บาท มี ๑๑ คำ กลอนสุภาพ กำหนดไว้ว่า ๑ บาท มี ๗ - ๙ คำ ๒ . คำสัมผัส คือ การเขียนคำให้คล้องจองเมื่ออ่านแล้วทำให้เกิดความไพเราะ ซึ่งเป็น สิ่งสำคัญที่สุด ในการเขียนร้อยกรอง คำสัมผัสมี ๒ ชนิด
- 7. คำสัมผัส ก . สัมผัสนอกหรือสัมผัสบังคับ คือ การสัมผัสเสียงสระระหว่างวรรค ซึ่งจะกำหนดไว้ตายตัวสำหรับร้อยกรองแต่ละชนิด จะขาดไม่ได้ถือว่าผิดฉันทลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีสัมผัสระหว่างบทเมื่อเขียนบทร้อยกรองมากกว่า ๑ บท จะต้องมีคำส่งสัมผัสในบทต่อไป
- 8. ตัวอย่างสัมผัสนอก จงรักนวลสงวนงามห้ามใจ ไว้ อย่าหลง ใหล จำคำที่พร่ำ สอน คิดถึงหน้าบิดาแลมาร ดร อย่ารีบ ร้อน เร็วนักมักไม่ ดี เมื่อสุกงอมหอมหวนจึงควร หล่น อยู่กับ ต้น อย่าให้พรากไปจาก ที่ อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งาม ดี เมื่อบุญ มี คงจะมาอย่าปรารมภ์
- 9. ข . สัมผัสใน คือ การสัมผัสระหว่างคำในแต่ละวรรค จะมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีก็จะทำให้ร้อยกรองมีความไพเราะยิ่งขึ้น สัมผัสในมี ๒ ชนิด คือ สัมผัสสระ คือ คำที่มีเสียงสระเดียวกันและมีตัวสะกดอยู่มาตราเดียวกัน เช่น เป็น มนุษย์สุด นิ ยม เพียง ลม ปาก จะได้ ยาก โหย หิว เพราะ ชิว หา
- 10. สัมผัสอักษร คือ คำที่มีเสียงพยัญชนะต้นเหมือนหรือคล้ายกัน เช่น พระ โหยหวน ครวญเพลง วังเวง จิต ให้ชวนคิด ถึงถิ่นถวิล หวัง ๓ . คำเอกโท เป็นลักษณะบังคับในการแต่งโคลง คำเอก คือ คำที่มีรูปวรรณยุกต์เอกกำกับ เช่น นี่ พี่ คำโท คือ คำที่มีรูปวรรณยุกต์โทกำกับ เช่น ห้า น้า
- 11. ๔ . คำครุ คำลหุ เป็นลักษณะบังคับในการแต่งฉันท์ คำครุ ( ใช้สัญลักษณ์ ั ) คือ คำที่ประสมเสียงสระยาวในแม่ ก กา และมีตัวสะกด รวมทั้ง อำ ไอ ใอ เอา คำลหุ ( ใช้สัญลักษณ์ ุ ) คือ คำที่ประสมสระเสียงสั้นในแม่ ก กา ซึ่งไม่มีตัวสะกด
- 12. กลอนสุภาพ คณะ - ๑ บท มี ๒ บาท - ๑ บาท มี ๒ วรรค - ๑ บท มี ๔ วรรค - วรรคหนึ่งมีคำจำนวน ๗ - ๙ คำ - วรรคที่ ๑ เรียกว่า วรรคสดับ วรรคที่ ๒ เรียกว่า วรรครับ วรรคที่ ๓ เรียกว่า วรรครอง วรรคที่ ๔ เรียกว่า วรรคส่ง
- 15. กลอนดอกสร้อย คณะ - ๑ บท มี ๘ วรรค - วรรคแรกมี ๔ คำ คำที่ ๒ ใช้คำว่า เอ๋ย คำสุดท้ายของบทจะลงท้ายด้วยคำว่า เอย เสมอ
- 17. ตัวอย่างกลอนดอกสร้อย จันทร์เอ๋ยจันทร์ เจ้า ใครขอ ข้าว ขอแกงท้องแห้ง หนอ ร้องจนเสียงแห้งแหบถึงแสบ คอ จันทร์จะ รอ ให้เราก็เปล่า ดาย ยืมจมูกท่านหายใจเห็นไม่ คล่อง จะหา ช่อง เลี้ยงตนเร่งขวน ขวาย แม้นเป็นคนเกียจคร้านพานกรีด กราย ไปมัว หมาย จันทร์เจ้าอดข้าวเอย
- 18. กลอนสักวา คณะ - ๑ บทมี ๘ วรรค วรรคแรกขึ้นต้นด้วยคำว่า สักวา และวรรคสุดท้ายของบทจะลงท้ายด้วย เอย เสมอ
- 20. ตัวอย่างกลอนสักวา สักวาหวานอื่นมีหมื่น แสน ไม่เหมือน แม้น พจมานที่หวาน หอม กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะ ยอม อาจจะ น้อม จิตโน้มด้วยโลม ลม แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบ ปลื้ม ดังดูด ดื่ม บอระเพ็ดต้องเข็ด ขม ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอา รมณ์ ใครฟัง ลม เมินหน้าระอาเอย
- 21. โคลงสี่สุภาพ คณะ - ๑ บท มี ๔ บาท มีวรรคหน้ากับวรรคหลัง - วรรคหน้าของทุกบาทมี ๕ คำ วรรคหลังของบาทที่ ๑ ๒ และ ๓ มีวรรคละ ๒ คำ สามารถเติมคำสร้อยในวรรคหลังของบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ ได้อีก ๒ คำ สัมผัส - สัมผัสสระมีลักษณะบังคับตามแผนผัง - มีการกำหนดรูปวรรณยุกต์เอก ๗ ตำแหน่ง และรูปวรรณยุกต์โท ๔ ตำแหน่ง
- 24. กาพย์ยานี ๑๑ คณะ - ๑ บท มี ๒ บาท ( ๔ วรรค ) - วรรคหน้ามี ๕ คำ วรรคหลังมี ๖ คำ ( หน้า ๕ หลัง ๖ ) รวมบาทละ ๑๑ คำ
- 26. พ่อจึงแถลง ไข ให้แจ้ง ใจ อย่างถ้วน ถี่ เมล็ดพืชที่เจ้า มี ไม่ มี วันผลิดอก ใบ เพราะพ่อคั่วสุก แล้ว นะลูก แก้ว จงเข้า ใจ พ่อสิควรสง สัย ว่าเหตุ ใด มันงอกงาม ตัวอย่างกาพย์ยานี ๑๑
- 27. ภาระงาน ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ ๔ - ๕ คน แล้วส่งผู้แทนกลุ่มออกมาจับฉลาก นักเรียนแต่ละกลุ่มจะได้ฉลากประเภทของบทประพันธ์ที่ไม่ซ้ำกัน ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มดูรูปภาพที่ครูกำหนดให้แล้วแต่งบทร้อยกรองตามประเภทร้อยกรองที่กลุ่มจับฉลากได้ โดยแต่งเป็นร้อยกรอง ๒ บท ( ให้เวลา ๑๕ นาที ) - ผู้แทนกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน