�ݺ�ߣ

รายงานโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้
เปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน
โดย
นายธีรยุทธ อุทธา
ตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองคู(โสภณประชานุกูล)
นวัตกรรมการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนและทักษะในศตวรรษที่ 21
โรงเรียนบ้านหนองคู(โสภณประชานุกูล)
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4
สานักงานคณะการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ความสาคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นาเสนอ
อาเซียนหรือสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Associatipn of
Southeast Asian Nation) ปรากฏในคาประกาศปฏิญญาอาเซียนที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8
สิงหาคม 2510 ประเทศได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปินส์ สิงคโปร์ บรูไนดา
รุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความคิดริเริ่มใน
การก่อตั้งประชาคมอาเซียน โดยมี 3 เสาหลัก ได้แก่ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือ
ด้านการเมืองและความมั่นคง และความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ในการก้าวเข้าสู่
ประชาคมอาเซียนนั้น ประเทศไทยต้องมีการเตรียมความพร้อมทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ด้านการศึกษา ซึ่งการจัดการศึกษาของสถาบันการศึกษาจึงจาเป็นต้องมีหลักสูตรอาเซียน เพื่อให้
ประชากรได้เรียนรู้เกี่ยวกับ วัฒนธรรมด้านภาษา อาหาร การดาเนินชีวิต อันเป็นพื้นฐานของการ
อยู่ร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียนได้อย่างกลมกลืน

การขับเคลื่อนของภาคส่วนต่างๆต่อปัญหาโรงเรียน
สถานศึกษาเพื่อการบริหารจัดการเพื่อให้บุคลากรในสถานศึกษามีความรู้ความเข้าใจ
เกี่ยวกับ ความเป็นอาเซียน จัดทาหลักสูตรอาเซียน จัดการเรียนการสอน การพัฒนานวัตกรรมใน
ห้องเรียน ตลอดจนการเผยแพร่นวัตกรรมไปสู่ชุมชน แล้วปรากฏว่า สภาพโดยทั่วไป โรงเรียน
ได้จัดกิจกรรมต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ยังขาดวิธีการสร้าง
ความตระหนักให้กับบุคลากรในสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวของให้เข้าใจถึง
ความสาคัญ การบริหารจัดการด้านทรัพยากรและการเติบโตของประชากร รวมทั้งความ
เชื่อมโยงของประเด็นเหล่านี้ต่อความยั่งยืนของสังคม สนับสนุนให้คนในสังคมรู้จักทางาน
ร่วมกันภายในชุมชน เพื่อเป็นพื้นฐานสาคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดการทางานร่วมกันภายในอาเซียน
เพื่อความสงบสุข ความเจริญ และอนาคตที่ยั่งยืน โดยได้จัดทาโครงการ พัฒนาศูนย์การเรียนรู้
สู่ประชาคมอาเซียน และได้ประเมินโครงการ เพื่อนาผลมาใช้ในการปรับปรุง แก้ไข และพัฒนา
งานอย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลให้เกิดคุณภาพอย่างยั่งยืน

องค์ประกอบโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ (Learning School)
ผู้นา
เทคโนโลยี
หลักสูตร
การจัดการคุณภาพ
ครู
โรงเรียนแห่ง
การเรียนรู้

- บริบทของสถานศึกษาไม่เอื้อต่อการจัด
กิจกรรม
- ครูไม่มีความรู้ความเข้าใจที่ดีพอ
- หลักสูตรยังขาดความชัดเจนยั่งยืนของ
ข้อจากัดของการบริหารการศึกษา
- ความยั่งยืนหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
(ยังไม่ให้ความสาคัญเท่าที่ควร)
- ปัญหาการเผยแพร่สู่ชุมชน
- ปัญหาขาดความตระหนักรู้
แนวคิดในการดาเนินการประเมินโครงการ
CIPP MODEL ปัญหา
การประเมินปัจจัย
นาเข้า
(Input)
การประเมินผล
ผลิต
(Product)
การประเมิน
สภาพแวดล้อม
(context)
การประเมิน
กระบวนการ
(Process)
***CIPP MODEL เป็นแนวคิดการประเมินของสตัฟเฟิลบีม ในปี ค.ศ. 1971 (Danail L. Stufflebeam)

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อจัดทาแนวทางการดาเนินงานโครงการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน: ASEAN
Learning School
2. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและความตระหนักเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนแก่
ผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนของโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งศูนย์และ
โรงเรียนเครือข่าย รวมทั้งศึกษานิเทศก์
3. เพื่อพัฒนาโรงเรียนที่เป็นศูนย์อาเซียนศึกษาให้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับอาเซียนที่มี
ความพร้อมสาหรับนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา ในโรงเรียนที่เป็นที่ตั้งศูนย์และโรงเรียน
เครือข่าย รวมทั้งประชาชนในชุมชนที่รายรอบโรงเรียน
4. เพื่อพัฒนาให้ครูและนักเรียนในโรงเรียนที่เป็นศูนย์อาเซียนศึกษาสามารถใช้
ภาษาต่างประเทศ พหุวัฒนธรรม และเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ ในการสื่อสารกับ
ประเทศในประชาคมอาเซียน

รูปแบบการประเมินโครงการ
รูปแบบการประเมินแบบ CIPP MODEL เป็นแนวคิดการประเมินของสตัฟเฟิลบีม ในปี ค.ศ. 1971
(Danail L. Stufflebeam)เป็นการประเมินวัตถุประสงค์และรายละเอียดต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับ
โครงการ มีลักษณะเป็นแบบประเมินเมื่อเสร็จสิ้นการดาเนินงานโดยประเมินในด้านต่างๆ ดังนี้
• การประเมินสภาวะแวดล้อม( Context Evaluation ) ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผน ในการ
กาหนดวัตถุประสงค์
• การประเมินการวิจัยเบื้องต้น( Input Evaluation ) เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างเพื่อกาหนดรูปแบบ
ของโครงการ
• การประเมินกระบวนการ( Process Evaluation ) เป็นการตัดสินใจในด้านการประยุกต์ใช้เพื่อควบคุมการ
ดาเนินการของโครงการ
• การประเมินผลผลิต( Product Evaluation ) จะช่วยในการตัดสินใจเพื่อตัดสินและดูผลสาเร็จของโครงการ

กระบวนการผลิตผลงานหรือขั้นตอนการผลิตผลงาน
รูปแบบประเมินแบบ CIPP MODEL
• การประเมินสภาวะแวดล้อม
• การประเมินการวิจัยเบื้องต้น
• การประเมินกระบวนการ
• การประเมินผลผลิต

การรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบโดยใช้การนารูปแบบจาลองซิป
(CIPP MODEL) ซึ่งเป็นการประเมิน 4 ด้าน ได้แก่
• ด้านบริบทหรือสภาวะแวดล้อม(Context)
• ด้านปัจจัยเบื้องต้นหรือปัจจัยป้อน(Input)
• ด้านกระบวนการการดาเนินงาน (Process)
• ด้านผลผลิต (Product)

สรุปผลการประเมินโครงการ
ผลการประเมินโครงการหลังการดาเนินงานโดยรวมเฉลี่ยทุกด้านอยู่ใน
ระดับมาก และมีคะแนนเฉลี่ยในแต่ละด้านดังนี้ คือ ด้านสภาวะแวดล้อม มี
ค่าเฉลี่ย 3.50 ด้านปัจจัย มีค่าเฉลี่ย 3.51 ด้านกระบวนการมีค่าเฉลี่ย 3.87 และ
ด้านผลผลิต มีค่าเฉลี่ย 4.50 รวมเฉลี่ย 4.10 อยู่ที่ระดับ มาก

บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned)
1. ควรมีการประชุม ประเมินผล และรายงานผล
2. การสร้างขวัญกาลังใจผู้ปฏิบัติงาน
3. จาเป็นต้องอาศัยการประเมินโครงการ(Project evaluation)
4. บริบทสภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่ต้องเน้นความเป็นอาเซียน
5. การเผยแพร่ /การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ
- กิจกรรมเปิดประตูสู่อาเซียน - การประชาสัมพันธ์ทางเว็บไซต์โรงเรียน
- กิจกรรมจิตอาสา - การเป็นวิทยากร

ภาพบรรยากาศการจัดกิจกรรมอาเซียน
โรงเรียนบ้านหนองคู (โสภณประชานุกูล)

จบการนาเสนอ
สวัสดี
www.nongkoo.in.th
Facebook: Teerayut Utta

�ݺ�ߣ

Tee

More Related Content

Tee