ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในนิินดินททย
 การตั้งถิ่นฐานหมายถึง การที่กลุ่มชนต่างๆเขามาอาศัยร่วมกัน และมีกิจกรรมร่วมกันใน
บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จนกลายเป็นชุมชน
 ในการศึกษาการตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย เป็นการวิเคราะห์ร่องรอยของมนุษย์สมัยก่อน
ประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในดินแดนไทย รวมทั้งข้อมูล จากเอกสารชาวต่างชาติเช่น จีน อินเดีย
อาหรับ ที่ได้เดินทางมาค้าขาย ในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศไทย ทาให้ทราบว่า ในดินแดน
ที่ปัจจุบันเป็นประเทศไทยนี้มีมนุษย์มาตั้งถิ่นฐานหลายพันปีมาแล้ว แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า
เป็นคนไทยหรือไม่ แต่ข้อสรุปที่ได้รับยอมรับ คือในดินแดนไทย มีมนุษย์อาศัยตั้งแต่สมัยหิน
เก่าและสมัยหินกลาง โดยอาศัยตามถ้าและเพิงผา และอาจอยู่กันเป็นกลุ่ม เมื่อขาดแคลน
อาหารก็จะย้ายไปแห่งที่มีอาหาร พอถึงสมัยหินใหม่ มนุษย์รู้จักการทาการเกษตร มีการตั้งถิ่น
ฐาน และสร้างสิ่งของสาธารณะ ทาให้มีโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น มีการ
แบ่งงานกันทา มีการแบ่งชนชั้นตามบทบาทและฐานะ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
 แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
 ปัจจัยทางกายภาพ
 ปัจจัยทางสังคม
ปัจจัยทางกายภาพ
 ปัจจัยทางกายภาพหมายถึง ลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่แวดล้อมตัวของ
มนุษย์
 มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐาน ในถิ่นที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การอยู่อาศัยและการ
ดารงชีวิตในด้านต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ 1. ภูมิอากาศ 2. ลักษณะภูมิประเทศ
3.ดินและน้า 4. ป่าไม้และแร่
ปัจจัยทางสังคม
 ปัจจัยทางสังคม ที่มีผลต่อการตั้งถิ่นฐานและการดาเนินชีวิตของผู้คนในภูมิภาคต่างๆ
ได้แก่
 ความปลอดภัย มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการความปลอดภัยทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ
และทรัพย์สิน ดังนั้นการเลือกตั้งถิ่นฐานจึงต้องคานึงถึงการอยู่ร่วมกันกับกลุ่มคนที่มี
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม คุ้นเคยกัน
 วัฒนธรรม ความเชื่อ และประเพณี กลุ่มคนที่มีความคิด ความเชื่อแบบเดียวกันหรือมี
การใช้ภาษาพูด การแต่งกาย การนับถือศาสนาเดียวกัน ย่อมจะตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่
เดียวกันและมีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีที่คล้ายคลึงกัน เหมือนกัน
การตั้งถิ่นฐานในนิินดินททย
การตั้งถิ่นฐานในนภาคเหนือ
 ลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือเป็น
ภูเขาทอดตัวจากเหนือลงมาใต้ ทิวเข่าที่
สาคัญได้แก่ ทิวเขาแดนลาว ทิวเขา
ถนนธงชัย ทิวเขาผีปันน้า และทิวเขา
หลวงพระบาง มีลาน้าไหลผ่าน และมีที
ราบสาคัญ 5 แห่งได้แก่ แอ่งเชียงใหม่-
ลาพูน แอ่งเชียงราย แอ่งลาปาง แอ่ง
น่าน และแอ่งแพร่ ซึ่งมีแม่น้าสาคัญคือ
แม่น้าปิง แม่น้าวัง แม่น้ายม และแม่น้า
น่าน
การตั้งถิ่นฐานในนภาคเหนือ ต่อ
 จากลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือทาให้มีการตั้งถิ่นฐานกระจ่ายไปตามแอ่งหรือที่ราบลุ่ม
แม่น้า ในที่ราบจะมีชุมชนหนาแน่น ส่วนที่สูงจะมีจะมีคนอาศัยอยู่น้อย
 ในภาคเหนือมีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยหินเก่าเป็นต้นมา
หลักฐานที่พบ เช่น ที่บ้านแม่ทะเละ บ้านดอนมูล จังหวัดลาปางพบ เครื่องมือหินกะเทาะอายุ
กว่า 500,000 ปี ที่ถ้าผี ปุงฮุย และ ถ้าผาชัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบเครื่องมือหินกะเทาะ
เศษภาชนะดินเผา เมล็ดพืช และ กระดูกสัตว์ โดยสันนิษฐานว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่
ดารงชีวิตโดยการล่าสัตว์และหาของป่า
 จากหลักฐานทางโบราณคดี แสดงให้เห็นว่า กลุ่มชนชุนในภาคเหนือตั่งหลักแหล่งบนที่สูงบน
ภูเขา และประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 – 15 จึงเคลื่อนย้ายลงมายังที่ราบ ขณะเดียวกัน มี
กลุ่มชุมชนจากที่อื่นเขามาตั้งหลักแหล่งตั้งบ้านเรือนขึ้นในที่ราบลุ่ม เช่น เมืองลาพูน เมือง
เขลางศ์นคร ภายหลังมีการหลายเมืองเข้าด้วยกันจึงกลายเป็นแคว้นเป็นอาณาจักร เช่น แคว้น
หริภุญชัย อาณาจักรล้านนา
การตั้งถิ่นฐานในนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
 ลักษณะภูมิประเทศ มีลักษณะราดเอียง
จากจะวันตกไปทางตะวันออกลงสู้แม่น้า
โขง ทางตะวันตกมีขอบสูงชันตามแนว
ทิวเขาเพชรบูรณ์ต่อไปทางทิวเขาดงพ
ยาเย็น ทางใต้มีขอบสูงชันตามทิวเขา
สันกาแพงและทิวเขาพนมดงรัก
ตอนกลางมีแอ่งคล้ายกระทะ แบ่ง
ออกเป็น 2 เขตย่อย มีทิวเขาภูพานกั้น
กลาง ได้แก่ แอ่งโคราช และ แอ่ง
สกลนคร
การตั้งถิ่นฐานในนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อ
 แอ่งโคราชมีพื้นที่เหมาะแก่การเพราะปลูก มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั่งแต่ยุคโลหะ เมื่อ
ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้า ซึ่งมีแม่น้ามูลและแม่น้า
สาขาไหลผ่าน จึงทาให้มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานจากลุ่มชนภายนอก ซึ่งทาให้ชุมชนเหล่า
มีมีการขยายตัวในยุสมัยต่างๆ โดยชุมชนในระยะแรกเป็นชุมชนหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่
บริเวณที่สูงในเขตที่ราบลุ่มแม่น้า ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดี เช่น การขุดพบหลุม
ศพโบราณในชั้นดินต่าสุดและภาชนะดินเผา ซึ่งมีอายุประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว และ
ต่อมาก็ได้มีการขยายตัวไปบริเวณกว้าง ซึ่งปัจจัยที่ทาให้ชุมชนเหล่านี้ขยายตัวได้แก่
1. ลักษณะภูมิประเทศที่มีแม่น้าหลายสายไหลผ่าน และสภาพอากาศแบบมรสมซึ่ง
เหมาะกับการทาเกษตรกรรม
2.มีทรัพยากรธรรมชาติที่สาคัญ คือ เหล็กและเกลือ
 เมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ เมืองฟ้าแดดสงยาง
การตั้งถิ่นฐานในนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อ
 แอ่งสกลนคร มีลักษณะเป็นที่ราบลาดลงสู่แม่น้าโขง มีเนินเขาเหมาะแก่การตั้งหลัก
แหล่ง และมีที่ราบเหมาะแก่การเพราะปลูก และมีแหล่งวัฒนธรรมที่สาคัญคือ แหล่ง
วัฒนธรรมบ้านเชียง อาเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ชุมชนแห่งนี้มีอายุประมาณ
3,000 ปีมาแล้ว มนุษย์มีการตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง มีหัวหน้าปกครอง ทา
การเกษตร ทาเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี และรู้จักทาเครื่องมือสาริดต่อมาสามารถทา
เครื่องมือจากเหล็ก มีประเพณีทาศพ และมีการประกอบพิธีกรรมเพื่อให้เกิดความอุดม
สมบูรณ์
 ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับวัฒนธรรมเขมร
เข้ามาจึงมีการสร้างปราสาท เป็นโบราณสถานแบบ พราหมณ์ – ฮินดู และ
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน
การตั้งถิ่นฐานในนภาคกลาง (รวมภาคตะวันออกดละตะวันตก)
 ภาคกลางตอนบนเป็นที่ราบลูกฟูกมีเนินเขาสลับ แม่น้า
สาคัญได้แก่ แม่น้าปิง แม่น้าวัง แม้น้ายม และแม่น้าน่าน
 ภาคกลางตอนล่าง เป็นที่ราบน้าท่วมถึง แม่น้าสาคัญ
ได้แก่ แม่น้าเจ้าพระยา แม่น้าท่าจีน แม่น้าสะแกกรัง
แม่น้าน้อย แม่น้าลพบุรี แม่น้าป่าสัก
 ภาคตะวันออก มีที่ราบอยู่บริเวณลุ่มน้าปราจีนบุรีทาง
เหนือ ตอนกลางเป็นที่สูงมีทิวเขาจันทบุรีและทิวเขา
บรรทัดต่อเนื่องกันและมีที่ราบชายฝั่งอยู่ทางตอนใต้ของ
ทิวเขาจันทบุรีกับอ่าวไทย เป็นที่ราบแคบๆที่มีความอุดม
สมบูรณ์ มีแม่น้าสาคัญคือ แม่น้าปราจีนบุรีหรือแม่น้าบาง
ปะกง แม่น้าระนอง แม้น้าประแสร์ แม่น้าเวฬุ แม่น้า
จันทบุรีและแม่น้าตราด
 ภาคตะวันตก มีทิวเขา 2 แนวต่อเนื่องกันคือ ทิวเขาถนน
ธงชัยและทิวเขาตะนาวศรี มีที่ราบหุบเขาที่สาคัญได้แก่ ที่
ราบลุ่มแม่น้าแควน้อยและที่ราบลุ่มแม่น้าแควใหญ่ และมี
ที่ราชายฝั่งทะเลในเขตจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์
การตั้งถิ่นฐานในนภาคกลาง (รวมภาคตะวันออกดละตะวันตก) ต่อ
 จากการที่ภาคกลางมีแม่น้าหลายหลายสาย และน้าได้พัดโคลนตะกอนมาทับถม ทับให้เหมาะแก่การ
ทาเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทานา ทั้งยังอานวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่ง จึงมีการตั้งถิ่นฐาน
ตามริมแม่น้าโดยทั่วไป ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในภาคกลาง มักพบ
ตามลุ่มน้า เช่น บ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี บ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี โคกพลับ จังหวัด
ราชบุรี
 มนุษย์ในบริเวณการตั้งถิ่นฐานในภาคกลางมีการตั้งถิ่นฐานเป็นสังคมหมู่บ้าน เพราะปลูก ทา
เครื่องปั้นดินเผา ในตะวันออกของภาคกลางพบการกระจายตัวของชุมชนอยู่มาก และตั้งถิ่นฐาน
บริเวณที่ใกล้กับแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุ ในพุทธศตวรรษที่ 7 ชุมชนเหล่านี้ได้เป็นศูนย์กลางการติดต่อ
ซื้อขายและวัฒนธรรมระหว่างอินเดียกับจีน ซึ่งมีแหล่งชุมชนที่ผลิตทองแดงที่สาคัญในเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ อยู่ที่จังหวัดลพบุรี บริเวณหุบเขาวงพระจันทร์และแหล่งโบราณคดีที่อยู่ใกล้เคียง
 การตั้งบานเรือนในสมัยประวัติศาสตร์สันนิฐานว่ามีพัฒนาการสืบเนื่องจากแหล่งชุมชนยุคก่อน
ประวัติศาสตร์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 มีเมืองต่างๆเกิดขึ้นในภาคกลาง และได้รับอิทธิพลจาก
อินเดียโดยเฉพาะวัฒนธรรมในด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ต่อมาได้รับวัฒนธรรม
จากเขมร โดยมีเมืองละโว้เป็นศูนย์กลาง จนเขมรเสื่อมอานาจจึงมีแคว้นหรืออาณาจักรของชนชาติไทย
เกิดขึ้น อาณาจักรที่สาคัญคือ อาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรอยุธยา
การตั้งถิ่นฐานในนภาคในต้
 มีลักษณะภูมิประเทศเป็นคาบสมุทร
ขนาบด้วยทะเลอันดามันและอ่าวไทย
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้ มีทิวเขา
ภูเก็ตและทิวเขานครศรีธรรมราช
ทอดตัวจากเหนือไปใต้กับทิวเขาสันกา
ลาคีรีกั้นเขตแดนไทยมาเลเซีย มีที่ราบ
ชายฝั่งทะเลทั้งสองด้านเป็นที่ราบใหญ่
เกิดจาคลื่นพัดดินตะกอนมาทับถมกัน
 ภูมิอากาศมีฝนตกตลอดทั้งปี
การตั้งถิ่นฐานในนภาคในต้
 ภาคใต้มีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคหินเก่า จากร่องรอยที่พบเครื่องมือหินกะเทาะของ
มนุษย์ยุคหินเก่า พบเครื่องมือหินยุคกลาง และพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ยุค
หินใหม่ตามถ้าต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการติดต่อกับผู้คนในดินแดนที่ห่างใกล้ จาก
หลักฐานที่พบ หม้อ 3 ขา แบบจีนในถ้าหลายแห่งตลอดแนวคาบสมุทร หลังจากนั้นจึง
อพยพลงมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง สร้างบ้านเรือนเป็นหมู่บ้านถาวร
ประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว ต่อมาชุมชนได้ขยายใหญ่ขึ้น และอยู่ระหว่างเส้นทางการ
ติดต่อซื้อขายระหว่างจีนกับอินเดีย ชุ่มชนเหล่านี้จึงพัฒนาเป็นแหล่งพักและขนถ่าย
สินค้า จนราวพุทธศตวรรษที่ 8-9 จึงเริ่มมีการติดต่อกับชาวตะวันตกจึงทาให้มีการ
ผสมผสานวัฒนธรรมและการเมือง จนชุมชนในภาคใต้มีพัฒนาการจนกลายเป็นชุมชน
เมือง และพัฒนาเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา

More Related Content

ม4 การตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย

  • 2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในนิินดินททย  การตั้งถิ่นฐานหมายถึง การที่กลุ่มชนต่างๆเขามาอาศัยร่วมกัน และมีกิจกรรมร่วมกันใน บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จนกลายเป็นชุมชน  ในการศึกษาการตั้งถิ่นฐานในดินแดนไทย เป็นการวิเคราะห์ร่องรอยของมนุษย์สมัยก่อน ประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในดินแดนไทย รวมทั้งข้อมูล จากเอกสารชาวต่างชาติเช่น จีน อินเดีย อาหรับ ที่ได้เดินทางมาค้าขาย ในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศไทย ทาให้ทราบว่า ในดินแดน ที่ปัจจุบันเป็นประเทศไทยนี้มีมนุษย์มาตั้งถิ่นฐานหลายพันปีมาแล้ว แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นคนไทยหรือไม่ แต่ข้อสรุปที่ได้รับยอมรับ คือในดินแดนไทย มีมนุษย์อาศัยตั้งแต่สมัยหิน เก่าและสมัยหินกลาง โดยอาศัยตามถ้าและเพิงผา และอาจอยู่กันเป็นกลุ่ม เมื่อขาดแคลน อาหารก็จะย้ายไปแห่งที่มีอาหาร พอถึงสมัยหินใหม่ มนุษย์รู้จักการทาการเกษตร มีการตั้งถิ่น ฐาน และสร้างสิ่งของสาธารณะ ทาให้มีโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น มีการ แบ่งงานกันทา มีการแบ่งชนชั้นตามบทบาทและฐานะ
  • 3. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์  แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ  ปัจจัยทางกายภาพ  ปัจจัยทางสังคม
  • 4. ปัจจัยทางกายภาพ  ปัจจัยทางกายภาพหมายถึง ลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่แวดล้อมตัวของ มนุษย์  มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐาน ในถิ่นที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การอยู่อาศัยและการ ดารงชีวิตในด้านต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ 1. ภูมิอากาศ 2. ลักษณะภูมิประเทศ 3.ดินและน้า 4. ป่าไม้และแร่
  • 5. ปัจจัยทางสังคม  ปัจจัยทางสังคม ที่มีผลต่อการตั้งถิ่นฐานและการดาเนินชีวิตของผู้คนในภูมิภาคต่างๆ ได้แก่  ความปลอดภัย มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการความปลอดภัยทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สิน ดังนั้นการเลือกตั้งถิ่นฐานจึงต้องคานึงถึงการอยู่ร่วมกันกับกลุ่มคนที่มี ความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม คุ้นเคยกัน  วัฒนธรรม ความเชื่อ และประเพณี กลุ่มคนที่มีความคิด ความเชื่อแบบเดียวกันหรือมี การใช้ภาษาพูด การแต่งกาย การนับถือศาสนาเดียวกัน ย่อมจะตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ เดียวกันและมีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีที่คล้ายคลึงกัน เหมือนกัน
  • 6. การตั้งถิ่นฐานในนิินดินททย การตั้งถิ่นฐานในนภาคเหนือ  ลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือเป็น ภูเขาทอดตัวจากเหนือลงมาใต้ ทิวเข่าที่ สาคัญได้แก่ ทิวเขาแดนลาว ทิวเขา ถนนธงชัย ทิวเขาผีปันน้า และทิวเขา หลวงพระบาง มีลาน้าไหลผ่าน และมีที ราบสาคัญ 5 แห่งได้แก่ แอ่งเชียงใหม่- ลาพูน แอ่งเชียงราย แอ่งลาปาง แอ่ง น่าน และแอ่งแพร่ ซึ่งมีแม่น้าสาคัญคือ แม่น้าปิง แม่น้าวัง แม่น้ายม และแม่น้า น่าน
  • 7. การตั้งถิ่นฐานในนภาคเหนือ ต่อ  จากลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือทาให้มีการตั้งถิ่นฐานกระจ่ายไปตามแอ่งหรือที่ราบลุ่ม แม่น้า ในที่ราบจะมีชุมชนหนาแน่น ส่วนที่สูงจะมีจะมีคนอาศัยอยู่น้อย  ในภาคเหนือมีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยหินเก่าเป็นต้นมา หลักฐานที่พบ เช่น ที่บ้านแม่ทะเละ บ้านดอนมูล จังหวัดลาปางพบ เครื่องมือหินกะเทาะอายุ กว่า 500,000 ปี ที่ถ้าผี ปุงฮุย และ ถ้าผาชัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบเครื่องมือหินกะเทาะ เศษภาชนะดินเผา เมล็ดพืช และ กระดูกสัตว์ โดยสันนิษฐานว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่ ดารงชีวิตโดยการล่าสัตว์และหาของป่า  จากหลักฐานทางโบราณคดี แสดงให้เห็นว่า กลุ่มชนชุนในภาคเหนือตั่งหลักแหล่งบนที่สูงบน ภูเขา และประมาณพุทธศตวรรษที่ 14 – 15 จึงเคลื่อนย้ายลงมายังที่ราบ ขณะเดียวกัน มี กลุ่มชุมชนจากที่อื่นเขามาตั้งหลักแหล่งตั้งบ้านเรือนขึ้นในที่ราบลุ่ม เช่น เมืองลาพูน เมือง เขลางศ์นคร ภายหลังมีการหลายเมืองเข้าด้วยกันจึงกลายเป็นแคว้นเป็นอาณาจักร เช่น แคว้น หริภุญชัย อาณาจักรล้านนา
  • 8. การตั้งถิ่นฐานในนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ลักษณะภูมิประเทศ มีลักษณะราดเอียง จากจะวันตกไปทางตะวันออกลงสู้แม่น้า โขง ทางตะวันตกมีขอบสูงชันตามแนว ทิวเขาเพชรบูรณ์ต่อไปทางทิวเขาดงพ ยาเย็น ทางใต้มีขอบสูงชันตามทิวเขา สันกาแพงและทิวเขาพนมดงรัก ตอนกลางมีแอ่งคล้ายกระทะ แบ่ง ออกเป็น 2 เขตย่อย มีทิวเขาภูพานกั้น กลาง ได้แก่ แอ่งโคราช และ แอ่ง สกลนคร
  • 9. การตั้งถิ่นฐานในนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อ  แอ่งโคราชมีพื้นที่เหมาะแก่การเพราะปลูก มีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั่งแต่ยุคโลหะ เมื่อ ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มแม่น้า ซึ่งมีแม่น้ามูลและแม่น้า สาขาไหลผ่าน จึงทาให้มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานจากลุ่มชนภายนอก ซึ่งทาให้ชุมชนเหล่า มีมีการขยายตัวในยุสมัยต่างๆ โดยชุมชนในระยะแรกเป็นชุมชนหมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณที่สูงในเขตที่ราบลุ่มแม่น้า ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดี เช่น การขุดพบหลุม ศพโบราณในชั้นดินต่าสุดและภาชนะดินเผา ซึ่งมีอายุประมาณ 2,500 ปีมาแล้ว และ ต่อมาก็ได้มีการขยายตัวไปบริเวณกว้าง ซึ่งปัจจัยที่ทาให้ชุมชนเหล่านี้ขยายตัวได้แก่ 1. ลักษณะภูมิประเทศที่มีแม่น้าหลายสายไหลผ่าน และสภาพอากาศแบบมรสมซึ่ง เหมาะกับการทาเกษตรกรรม 2.มีทรัพยากรธรรมชาติที่สาคัญ คือ เหล็กและเกลือ  เมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ เมืองฟ้าแดดสงยาง
  • 10. การตั้งถิ่นฐานในนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อ  แอ่งสกลนคร มีลักษณะเป็นที่ราบลาดลงสู่แม่น้าโขง มีเนินเขาเหมาะแก่การตั้งหลัก แหล่ง และมีที่ราบเหมาะแก่การเพราะปลูก และมีแหล่งวัฒนธรรมที่สาคัญคือ แหล่ง วัฒนธรรมบ้านเชียง อาเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ชุมชนแห่งนี้มีอายุประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว มนุษย์มีการตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง มีหัวหน้าปกครอง ทา การเกษตร ทาเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี และรู้จักทาเครื่องมือสาริดต่อมาสามารถทา เครื่องมือจากเหล็ก มีประเพณีทาศพ และมีการประกอบพิธีกรรมเพื่อให้เกิดความอุดม สมบูรณ์  ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับวัฒนธรรมเขมร เข้ามาจึงมีการสร้างปราสาท เป็นโบราณสถานแบบ พราหมณ์ – ฮินดู และ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน
  • 11. การตั้งถิ่นฐานในนภาคกลาง (รวมภาคตะวันออกดละตะวันตก)  ภาคกลางตอนบนเป็นที่ราบลูกฟูกมีเนินเขาสลับ แม่น้า สาคัญได้แก่ แม่น้าปิง แม่น้าวัง แม้น้ายม และแม่น้าน่าน  ภาคกลางตอนล่าง เป็นที่ราบน้าท่วมถึง แม่น้าสาคัญ ได้แก่ แม่น้าเจ้าพระยา แม่น้าท่าจีน แม่น้าสะแกกรัง แม่น้าน้อย แม่น้าลพบุรี แม่น้าป่าสัก  ภาคตะวันออก มีที่ราบอยู่บริเวณลุ่มน้าปราจีนบุรีทาง เหนือ ตอนกลางเป็นที่สูงมีทิวเขาจันทบุรีและทิวเขา บรรทัดต่อเนื่องกันและมีที่ราบชายฝั่งอยู่ทางตอนใต้ของ ทิวเขาจันทบุรีกับอ่าวไทย เป็นที่ราบแคบๆที่มีความอุดม สมบูรณ์ มีแม่น้าสาคัญคือ แม่น้าปราจีนบุรีหรือแม่น้าบาง ปะกง แม่น้าระนอง แม้น้าประแสร์ แม่น้าเวฬุ แม่น้า จันทบุรีและแม่น้าตราด  ภาคตะวันตก มีทิวเขา 2 แนวต่อเนื่องกันคือ ทิวเขาถนน ธงชัยและทิวเขาตะนาวศรี มีที่ราบหุบเขาที่สาคัญได้แก่ ที่ ราบลุ่มแม่น้าแควน้อยและที่ราบลุ่มแม่น้าแควใหญ่ และมี ที่ราชายฝั่งทะเลในเขตจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
  • 12. การตั้งถิ่นฐานในนภาคกลาง (รวมภาคตะวันออกดละตะวันตก) ต่อ  จากการที่ภาคกลางมีแม่น้าหลายหลายสาย และน้าได้พัดโคลนตะกอนมาทับถม ทับให้เหมาะแก่การ ทาเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทานา ทั้งยังอานวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่ง จึงมีการตั้งถิ่นฐาน ตามริมแม่น้าโดยทั่วไป ร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในภาคกลาง มักพบ ตามลุ่มน้า เช่น บ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี บ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี โคกพลับ จังหวัด ราชบุรี  มนุษย์ในบริเวณการตั้งถิ่นฐานในภาคกลางมีการตั้งถิ่นฐานเป็นสังคมหมู่บ้าน เพราะปลูก ทา เครื่องปั้นดินเผา ในตะวันออกของภาคกลางพบการกระจายตัวของชุมชนอยู่มาก และตั้งถิ่นฐาน บริเวณที่ใกล้กับแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุ ในพุทธศตวรรษที่ 7 ชุมชนเหล่านี้ได้เป็นศูนย์กลางการติดต่อ ซื้อขายและวัฒนธรรมระหว่างอินเดียกับจีน ซึ่งมีแหล่งชุมชนที่ผลิตทองแดงที่สาคัญในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ อยู่ที่จังหวัดลพบุรี บริเวณหุบเขาวงพระจันทร์และแหล่งโบราณคดีที่อยู่ใกล้เคียง  การตั้งบานเรือนในสมัยประวัติศาสตร์สันนิฐานว่ามีพัฒนาการสืบเนื่องจากแหล่งชุมชนยุคก่อน ประวัติศาสตร์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 มีเมืองต่างๆเกิดขึ้นในภาคกลาง และได้รับอิทธิพลจาก อินเดียโดยเฉพาะวัฒนธรรมในด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ต่อมาได้รับวัฒนธรรม จากเขมร โดยมีเมืองละโว้เป็นศูนย์กลาง จนเขมรเสื่อมอานาจจึงมีแคว้นหรืออาณาจักรของชนชาติไทย เกิดขึ้น อาณาจักรที่สาคัญคือ อาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรอยุธยา
  • 13. การตั้งถิ่นฐานในนภาคในต้  มีลักษณะภูมิประเทศเป็นคาบสมุทร ขนาบด้วยทะเลอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้ มีทิวเขา ภูเก็ตและทิวเขานครศรีธรรมราช ทอดตัวจากเหนือไปใต้กับทิวเขาสันกา ลาคีรีกั้นเขตแดนไทยมาเลเซีย มีที่ราบ ชายฝั่งทะเลทั้งสองด้านเป็นที่ราบใหญ่ เกิดจาคลื่นพัดดินตะกอนมาทับถมกัน  ภูมิอากาศมีฝนตกตลอดทั้งปี
  • 14. การตั้งถิ่นฐานในนภาคในต้  ภาคใต้มีมนุษย์อาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคหินเก่า จากร่องรอยที่พบเครื่องมือหินกะเทาะของ มนุษย์ยุคหินเก่า พบเครื่องมือหินยุคกลาง และพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์ยุค หินใหม่ตามถ้าต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการติดต่อกับผู้คนในดินแดนที่ห่างใกล้ จาก หลักฐานที่พบ หม้อ 3 ขา แบบจีนในถ้าหลายแห่งตลอดแนวคาบสมุทร หลังจากนั้นจึง อพยพลงมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง สร้างบ้านเรือนเป็นหมู่บ้านถาวร ประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว ต่อมาชุมชนได้ขยายใหญ่ขึ้น และอยู่ระหว่างเส้นทางการ ติดต่อซื้อขายระหว่างจีนกับอินเดีย ชุ่มชนเหล่านี้จึงพัฒนาเป็นแหล่งพักและขนถ่าย สินค้า จนราวพุทธศตวรรษที่ 8-9 จึงเริ่มมีการติดต่อกับชาวตะวันตกจึงทาให้มีการ ผสมผสานวัฒนธรรมและการเมือง จนชุมชนในภาคใต้มีพัฒนาการจนกลายเป็นชุมชน เมือง และพัฒนาเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมา