ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ภูมิหลัง

วรรณกรรมท้องถิ่น เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่บันทึกเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ การประพฤติปฏิบติของ
                                                                                                    ั
ประชาชนธรรมดาทั่วไป ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

วัฒนธรรมพื้นบ้านมีขอบข่ายกว้างขวาง โดยตามรูปแบบได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

๑. วัฒนธรรมพื้นบ้านประเภทต้องอาศัยภาษา ได้แก่

๑.๑ นิทานพื้นบ้าน เช่น เทพนิยาย นิทนประจำาถิ่น นิทานวีรบุรุษ นิทานเกี่ยวกับสัตว์ นิทานอธิบายเหตุ นิทานตลก
ขบขัน นิทานร่าเริง

๑.๒ ภาษาถิ่น รวมทั้งวัฒนธรรมการพูดจาและการตั้งชือ เช่น ชือบ้านนามเมือง ที่มความเชื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง
                                                ่        ่                 ี

๑.๓ บทภาษิต คำาคม คำาพังเพย

๑.๔ ปริศนาคำาทาย

๑.๕ คำาพูดที่คล้องจองกัน เช่น คำากลอนสำาหรับเด็ก

๑.๖ เพลงพื้นบ้าน ได้แก่ เพลงพื้นบ้านที่ร้องด้วยภาษาถิ่น มีทำานองเป็นของท้องถิ่น เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงขับ
ร้อง เป็นเรื่องราว

๒. วัฒนธรรมพื้นบ้านประเภทที่ไม่ต้องอาศัยภาษาเป็นสื่อ ได้แก่

๒.๑ สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน

๒.๒ ศิลปะพื้นบ้าน

๒.๓ หัตถกรรมพื้นบ้าน

๒.๔ เครื่องแต่งกายพื้นบ้าน

๒.๕ อาหารพื้นบ้าน การบริโภคและนิสัยของชาวบ้าน
๒.๖ อากัปกิริยาของชาวบ้าน เช่น ท่าทางการแสดงความอาย อาการโกรธ อาการตอบรับหรือปฏิเสธ และ
อากัปกิริยาทั่ว ๆ ไป

๒.๗ ดนตรีพื้นบ้าน

๓. วัฒนธรรมพื้นบ้านประเภท ประสมประสาน

๓.๑ ความเชื่อ ได้แก่ การถือโชคลาง คาถาอาคม หารทำาเสน่ห์และเครื่องรางของขลัง

๓.๒ ละครชาวบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน และระบำาของชาวบ้าน

๓.๓ ประเพณี และพิธกรรมพื้นบ้าน
                  ี

๓.๔ งานมหกรรม พิธการฉลอง
                 ี

๓.๕ การเล่น หรือกีฬาพื้นบ้าน รวมทั้งการเล่นของเด็ก

๓.๖ ยากลางบ้าน

จากการแบ่งประเภทของวัฒนธรรมพื้นบ้านดังกล่าวแล้ว จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมพื้นบ้านสัมพันธ์กับชีวิตความเป็ยอยู่
ทุกอย่างของคนในท้องถิ่น ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นต้องแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์
และการเมือง

ความหมายของวรรณกรรมท้องถิ่น


วรรณกรรมท้องถิ่น หมายถึง วรรณกรรมี่เป็นมุขปาฐะ (ใช้ถอยคำาเล่าสืบต่อ ๆ กันมา) และลายลักษณ์(บันทึกใน
                                                           ้
วัสดุต่าง ๆ เช่น ในใบลาน และบันทึกในกระดาษที่เรียกว่า สมุดไทย สมุดข่อย เป็นต้น) วรรณกรรมเหล่านี้ปรากฏ
อยู่ในท้องถิ่นภาคต่าง ๆ ของไทย โดยคนท้องถิ่นนั้นเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมา รูปแบบฉันทลักษณ์เป็นไปตามความ
นิยมของคนท้องถิ่น ภาษาที่ใช้เป็นภาษาของท้องถิ่นนั้น ๆ วรรณกรรมท้องถิ่นมีอยู่ในทุกท้องถิ่นของประเทศไทย
เช่น ท้องถิ่นใต้ ท้องถิ่นเหนือ ท้องถิ่นอีสาน ท้องถิ่นภาคกลาง

ลักษณะของวรรณกรรมท้องถิ่น

วรรณกรรมท้องถิ่นมีลกษณะที่สรุปได้ ดังนี้
                   ั

๑. ชาวบ้านในท้องถิ่นเป็นผู้สร้างสรรค์ คัดลอกและเผยแพร่

๒. กวีผู้ประพันธ์ ส่วนมากคือ พระภิกษุและชาวบ้าน โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง

๓. ภาษาที่ใช้เป็นภาษาประจำาถิ่น เป็นภาษาที่เรียบบง่ายมุ่งการสื่อความหมายกับผู้อ่าน

                 สำานวนโวหารเป็นของท้องถิ่น

                 ๔. เนื้อเรื่องมุ่งให้ความบันเทิงใจ บางครั้งได้สอดแทรกคติธรรมของพุทธศาสนา

                 ๕. ค่านิยมยึดปรัชญาแบบชาวพุทธ

ประวัติความเป็นมาในการศึกษาวรรณกรรมท้องถิ่น

การศึกษาวรรณกรรมไทย (รวมทั้งวรรณคดี หรือวรรณกรรมแบบฉบับ) เริ่มศึกษาเมื่อสมัย
รัชกาลที่ ๕ โดยมีการตั้งโบราณคดีสโมสร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ ได้รวบรวม ชำาระ ซ่อมแซมวรรณกรรมที่
กระจัดกระจาย โดยผู้รวบรวมคือ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต ขุนนาง ซึ่งรูจักแต่วรรณคดีหรือวรรณกรรมในราชสำานัก
                                                              ้
เท่านั้น

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีการตั้งวรรณคดีสโมสร เมือ พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยดำาเนินการต่อจากโบราณคดีสโมสร โดย
                                                    ่
ได้จัดประเภทของวรรณกรรมและพิจารณาว่าวรรณกรรมใดสมควรยกย่อง แต่การศึกษาก็อยู่ในวงจำากัด การศึกษา
จึงจำากัดอยู่เพียงในวรรณกรรมที่ชำาระได้ในครั้งนั้นเท่านั้ น ไม่ได้ศกษาวรรณกรรมอื่น ๆ ให้กว้างขวางออกไป
                                                                   ึ
วรรณกรรมชาวบ้าน ชาววัดจึงถูกทอดทิ้งอยู่เป็นนาน

เมื่อราว พ.ศ. ๒๕๐๒ สถาบันการศึกษาระดับอุดมได้นำาศึกษา ได้แนวคิดจาสกตะวันตกที่นิยมศึกษาเรื่องราวทาง
พื้นบ้าน และเสนอเป็นวิทยาการในหลักสูตร ที่เรียกชือว่า Folklore ใช้ชอว่า “คติชาวบ้าน” บ้าง “คติชนวิทยา” บ้าง
                                                 ่                 ื่
จากการศึกษาทำาให้ทราบถึงแนวคิด คตินิยม ปรัชญาชีวิตของสังคมในท้องถิ่นต่าง ๆ ของไทย มีความแตกต่างจาก
ปรัชญาชีวิตและสังคมของภาคกลางเกือบสิ้นเชิง จึงทำาให้มีการหันมาศึกษาวรรณกรรมในแต่ละท้องถิ่นมากขึ้น จน
ต่อมาได้มีการจัดรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2524(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
๒๕๓๓)

การเปรียบเทียบวรรณกรรมแบบฉบับกับวรรณกรรมท้องถิ่น


            วรรณกรรมแบบฉบับ(วรรณคดี)                                      วรรณกรรมท้องถิ่น

๑. ชนชั้นสูง เจ้านาย ข้าราชสำานักมีสิทธิมีส่วนเป็น    ๑. ชาวบ้านทั่วไปมีสิทธิเป็นเจ้าของ คือ
เจ้าของ
                                                      -ผู้สร้างสรรค์ ผู้ใช้
-ผู้สร้างสรรค์ รวมถึงจดบันทึก คัดลอก
                                                      -อนุรักษ์
-ผู้ใช้(อ่าน ฟัง)
                                                      -แพร่หลายในหมู่ชาวบ้าน
-อนุรกษ์
     ั

-แพร่หลายในราชสำานัก

๒. กวี ผู้ประพันธ์ เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต หรือเจ้า
นาย ฉะนั้นมโนทัศน์ ค่านิยมและทัศนะที่เห็นสังคม        ๒. กวีผู้ประพันธ์ เป็นชาวพื้นบ้าน หรือพระภิกษุ
สมัยนั้นจึงจำากัดอยู่ในรั้วในวัง หรือมีการสอดแทรก     สร้างสรรค์วรรณกรรมขึ้นมา ด้วยใจรักมากกว่า “บำาเรอ
สภาวะสังคมก็เป็นแบบมองเห็นสังคมอย่างเบื้อบนม          ท้าวไท้ ธิราช ผู้มีบุญ” ฉะนั้นมโนทัศน์เกี่ยวกับสภาวะ
องลงมา                                                ของสังคมจึงเป็นสังคมชาวบ้านแบบประชาคมท้องถิ่น

๓. ภาษาและกวีโวหารนิยมการใช้คำาศัพท์อดมไป
                                        ุ             ๓. ภาษาที่ใช้เป็นภาาาง่าย ๆ เรียบ ๆ มุ่งการนื่อความ
ด้วย คำาบาลีสันสกฤต โดยเชื่อว่าเป็นการแสดง            หมายเป็นสำาคัญ ส่วนใหญ่เป็นภาษาของท้องถิ่นนั้น
ภูมิปัญญาของกวี แพรวพราวไปด้วยกวีโวหารที่เข้าใจ       ละเว้นคำาศัพท์บาลีสันสกฤต โวหารนิยมสำานวนที่ใช้ใน
ยาก                                                   ท้องถิ่น

๔. เนื้อหาส่วนใหญ่จะมุ่งในการบอพระเกียรติ ทั้งทาง     ๔. เนื้อหา ส่วนใหญ่มุ่งในทางระบายอารมณ์ บันเทิง
ตรงและทางอ้อม แต่ต่างก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการผ่อน   ใจ แต่แฝงคติธรรมทางพุทธศาสนา แม้ว่าตัวเอกของ
คลาย ทางด้านอารมณ์และศาสนาอยู่ไม่น้อย                 เรื่องจะเป็นกษัตริย์กตาม แต่มิได้มุ่งยอพระเกียรติมาก
                                                                           ็
                                                      นัก
๕. ค่านิยมอุดมคติยดปรัชญาชีวิตแบบสังคมชาวพุทธ
                  ึ
และยกย่องสถาบันกษัตริยอีกด้วย
                       ์                              ๕. ค่านิยมและอุดมคติโดยทั่วไปเหมือนกับวรรณกรรม
                                                      แบบฉบับ ยกย่องสถาบันกษัตริย์แต่ไม่เน้นมากนัก


คุณค่าของวรรณกรรมท้องถิ่น
วรรณกรรมท้องถิ่นมีประโยชน์มากมายหลายประการดังนี้

๑. ให้ความบันเทิงใจแก่ชุมชน เช่น ขับเสภาในภาคกลาง เล่าค่าวหรือขับลำานำาภาคเหนือ อ่านนหังสือในบุญเงือน
เฮือนดีในภาคอีสาน การสวดหนังสือและสวดด้านของภาคใต้

๒. ให้เข้าใจในค่านิยม โลกทัศน์ของแต่ละท้องถิ่นโดยผ่านทางวรรณกรรม

๓. เข้าใจวัฒนธรรมของชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น

๔. ก่อให้เกิดความรักถิ่น หวงแหนมาตุภูมิ และรักสามัคคีในท้องถิ่นของตน

More Related Content

What's hot (20)

การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติการกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
การกำจัดลูกน้ำโดยวิธีธรรมชาติ
ปณิธิ ศรีสุวรรณนพกุล
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
wanchalerm sotawong
พระไตรปิฎก
พระไตรปิฎกพระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก
พัน พัน
7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง
7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง
7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง
เอเดียน คุณาสิทธิ์
การศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรง
การศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรงการศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรง
การศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรง
Kru Tew Suetrong
ประโยคที่ซับซ้อน
ประโยคที่ซับซ้อนประโยคที่ซับซ้อน
ประโยคที่ซับซ้อน
พัน พัน
การเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือ
การเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือการเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือ
การเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือ
usaneetoi
สมบัติของสารพัȨุกรรม
สมบัติของสารพัȨุกรรมสมบัติของสารพัȨุกรรม
สมบัติของสารพัȨุกรรม
Wan Ngamwongwan
โวหารใȨาร๶ขียน
โวหารใȨาร๶ขียนโวหารใȨาร๶ขียน
โวหารใȨาร๶ขียน
krubuatoom
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรมการเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
5.ชุดที่ 2 โครงสร้างของเซลล์
เอเดียน คุณาสิทธิ์
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
Chittraporn Phalao
ลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูล
ลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูลลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูล
ลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูล
ปิยะดนัย วิเคียน
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
Thanawut Rattanadon
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
Kruthai Kidsdee
หน่วยที่ 4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
หน่วยที่  4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศหน่วยที่  4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
หน่วยที่ 4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
Srion Janeprapapong
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
Sp'z Puifai
เอกสารประกอบการเรียน วิชานาฏศิลป์ หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4
เอกสารประกอบการเรียน  วิชานาฏศิลป์  หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4เอกสารประกอบการเรียน  วิชานาฏศิลป์  หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4
เอกสารประกอบการเรียน วิชานาฏศิลป์ หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4
Panomporn Chinchana
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
wanchalerm sotawong
การศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรง
การศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรงการศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรง
การศึกษารายกรณี ครูธัญญา ซื่อตรง
Kru Tew Suetrong
ประโยคที่ซับซ้อน
ประโยคที่ซับซ้อนประโยคที่ซับซ้อน
ประโยคที่ซับซ้อน
พัน พัน
การเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือ
การเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือการเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือ
การเขียนบรรณานุกรมจากหȨงสือ
usaneetoi
สมบัติของสารพัȨุกรรม
สมบัติของสารพัȨุกรรมสมบัติของสารพัȨุกรรม
สมบัติของสารพัȨุกรรม
Wan Ngamwongwan
โวหารใȨาร๶ขียน
โวหารใȨาร๶ขียนโวหารใȨาร๶ขียน
โวหารใȨาร๶ขียน
krubuatoom
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรมการเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผนแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
Chittraporn Phalao
ลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูล
ลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูลลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูล
ลักษณะของྺ้อมูลที่ึϸและการจัึϹก็บྺ้อมูล
ปิยะดนัย วิเคียน
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยวิธีการทางประวัติศาสตร์
Thanawut Rattanadon
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
แบบสอบถาม โครงการบันทึกรักการอ่าน2013
Kruthai Kidsdee
หน่วยที่ 4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
หน่วยที่  4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศหน่วยที่  4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
หน่วยที่ 4 การเลือกแหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
Srion Janeprapapong
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
Sp'z Puifai
เอกสารประกอบการเรียน วิชานาฏศิลป์ หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4
เอกสารประกอบการเรียน  วิชานาฏศิลป์  หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4เอกสารประกอบการเรียน  วิชานาฏศิลป์  หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4
เอกสารประกอบการเรียน วิชานาฏศิลป์ หลักการชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ม.4
Panomporn Chinchana

Similar to วรรณกรรมท้องถิ่น ภูมิหลัง (20)

โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทานโครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
Rawinnipha Joy
ประวัติྺองวรรณคดี
ประวัติྺองวรรณคดีประวัติྺองวรรณคดี
ประวัติྺองวรรณคดี
Ruangrat Watthanasaowalak
วรรณคดีไทยกับบริบททางสังคม
วรรณคดีไทยกับบริบททางสังคมวรรณคดีไทยกับบริบททางสังคม
วรรณคดีไทยกับบริบททางสังคม
mayavee16
ประเภทของสารสน๶ทศท้องถิ่น
ประเภทของสารสน๶ทศท้องถิ่นประเภทของสารสน๶ทศท้องถิ่น
ประเภทของสารสน๶ทศท้องถิ่น
นางสาวอัมพร แสงมณี
แนวทางการศึกษาคติชȨิทยา
แนวทางการศึกษาคติชȨิทยาแนวทางการศึกษาคติชȨิทยา
แนวทางการศึกษาคติชȨิทยา
Similun_maya
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...
Jee Ja
วรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรมวรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรม
Aor's Sometime
สรุปเนื้อหา ติว
สรุปเนื้อหา ติวสรุปเนื้อหา ติว
สรุปเนื้อหา ติว
Ruangrat Watthanasaowalak
Key of sheet 8 56x
Key of sheet 8 56xKey of sheet 8 56x
Key of sheet 8 56x
Pracha Wongsrida
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทานโครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
Rawinnipha Joy
ประวัติྺองวรรณคดี
ประวัติྺองวรรณคดีประวัติྺองวรรณคดี
ประวัติྺองวรรณคดี
Ruangrat Watthanasaowalak
วรรณคดีไทยกับบริบททางสังคม
วรรณคดีไทยกับบริบททางสังคมวรรณคดีไทยกับบริบททางสังคม
วรรณคดีไทยกับบริบททางสังคม
mayavee16
แนวทางการศึกษาคติชȨิทยา
แนวทางการศึกษาคติชȨิทยาแนวทางการศึกษาคติชȨิทยา
แนวทางการศึกษาคติชȨิทยา
Similun_maya
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...
หนังสือส่งเสริมการอ่าน ร่วมรักษ์ ร่วมสืบสานจากบ้านสู่เมือง กลุ่มสาระการเรียนร...
Jee Ja
วรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรมวรรณคดีและวรรณกรรม
วรรณคดีและวรรณกรรม
Aor's Sometime
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd

วรรณกรรมท้องถิ่น ภูมิหลัง

  • 1. ภูมิหลัง วรรณกรรมท้องถิ่น เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้าน ที่บันทึกเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ การประพฤติปฏิบติของ ั ประชาชนธรรมดาทั่วไป ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน วัฒนธรรมพื้นบ้านมีขอบข่ายกว้างขวาง โดยตามรูปแบบได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ ๑. วัฒนธรรมพื้นบ้านประเภทต้องอาศัยภาษา ได้แก่ ๑.๑ นิทานพื้นบ้าน เช่น เทพนิยาย นิทนประจำาถิ่น นิทานวีรบุรุษ นิทานเกี่ยวกับสัตว์ นิทานอธิบายเหตุ นิทานตลก ขบขัน นิทานร่าเริง ๑.๒ ภาษาถิ่น รวมทั้งวัฒนธรรมการพูดจาและการตั้งชือ เช่น ชือบ้านนามเมือง ที่มความเชื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง ่ ่ ี ๑.๓ บทภาษิต คำาคม คำาพังเพย ๑.๔ ปริศนาคำาทาย ๑.๕ คำาพูดที่คล้องจองกัน เช่น คำากลอนสำาหรับเด็ก ๑.๖ เพลงพื้นบ้าน ได้แก่ เพลงพื้นบ้านที่ร้องด้วยภาษาถิ่น มีทำานองเป็นของท้องถิ่น เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลงขับ ร้อง เป็นเรื่องราว ๒. วัฒนธรรมพื้นบ้านประเภทที่ไม่ต้องอาศัยภาษาเป็นสื่อ ได้แก่ ๒.๑ สถาปัตยกรรมพื้นบ้าน ๒.๒ ศิลปะพื้นบ้าน ๒.๓ หัตถกรรมพื้นบ้าน ๒.๔ เครื่องแต่งกายพื้นบ้าน ๒.๕ อาหารพื้นบ้าน การบริโภคและนิสัยของชาวบ้าน
  • 2. ๒.๖ อากัปกิริยาของชาวบ้าน เช่น ท่าทางการแสดงความอาย อาการโกรธ อาการตอบรับหรือปฏิเสธ และ อากัปกิริยาทั่ว ๆ ไป ๒.๗ ดนตรีพื้นบ้าน ๓. วัฒนธรรมพื้นบ้านประเภท ประสมประสาน ๓.๑ ความเชื่อ ได้แก่ การถือโชคลาง คาถาอาคม หารทำาเสน่ห์และเครื่องรางของขลัง ๓.๒ ละครชาวบ้าน การละเล่นพื้นบ้าน และระบำาของชาวบ้าน ๓.๓ ประเพณี และพิธกรรมพื้นบ้าน ี ๓.๔ งานมหกรรม พิธการฉลอง ี ๓.๕ การเล่น หรือกีฬาพื้นบ้าน รวมทั้งการเล่นของเด็ก ๓.๖ ยากลางบ้าน จากการแบ่งประเภทของวัฒนธรรมพื้นบ้านดังกล่าวแล้ว จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมพื้นบ้านสัมพันธ์กับชีวิตความเป็ยอยู่ ทุกอย่างของคนในท้องถิ่น ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นต้องแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และการเมือง ความหมายของวรรณกรรมท้องถิ่น วรรณกรรมท้องถิ่น หมายถึง วรรณกรรมี่เป็นมุขปาฐะ (ใช้ถอยคำาเล่าสืบต่อ ๆ กันมา) และลายลักษณ์(บันทึกใน ้ วัสดุต่าง ๆ เช่น ในใบลาน และบันทึกในกระดาษที่เรียกว่า สมุดไทย สมุดข่อย เป็นต้น) วรรณกรรมเหล่านี้ปรากฏ อยู่ในท้องถิ่นภาคต่าง ๆ ของไทย โดยคนท้องถิ่นนั้นเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมา รูปแบบฉันทลักษณ์เป็นไปตามความ นิยมของคนท้องถิ่น ภาษาที่ใช้เป็นภาษาของท้องถิ่นนั้น ๆ วรรณกรรมท้องถิ่นมีอยู่ในทุกท้องถิ่นของประเทศไทย เช่น ท้องถิ่นใต้ ท้องถิ่นเหนือ ท้องถิ่นอีสาน ท้องถิ่นภาคกลาง ลักษณะของวรรณกรรมท้องถิ่น วรรณกรรมท้องถิ่นมีลกษณะที่สรุปได้ ดังนี้ ั ๑. ชาวบ้านในท้องถิ่นเป็นผู้สร้างสรรค์ คัดลอกและเผยแพร่ ๒. กวีผู้ประพันธ์ ส่วนมากคือ พระภิกษุและชาวบ้าน โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ๓. ภาษาที่ใช้เป็นภาษาประจำาถิ่น เป็นภาษาที่เรียบบง่ายมุ่งการสื่อความหมายกับผู้อ่าน สำานวนโวหารเป็นของท้องถิ่น ๔. เนื้อเรื่องมุ่งให้ความบันเทิงใจ บางครั้งได้สอดแทรกคติธรรมของพุทธศาสนา ๕. ค่านิยมยึดปรัชญาแบบชาวพุทธ ประวัติความเป็นมาในการศึกษาวรรณกรรมท้องถิ่น การศึกษาวรรณกรรมไทย (รวมทั้งวรรณคดี หรือวรรณกรรมแบบฉบับ) เริ่มศึกษาเมื่อสมัย
  • 3. รัชกาลที่ ๕ โดยมีการตั้งโบราณคดีสโมสร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ ได้รวบรวม ชำาระ ซ่อมแซมวรรณกรรมที่ กระจัดกระจาย โดยผู้รวบรวมคือ นักปราชญ์ ราชบัณฑิต ขุนนาง ซึ่งรูจักแต่วรรณคดีหรือวรรณกรรมในราชสำานัก ้ เท่านั้น ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ มีการตั้งวรรณคดีสโมสร เมือ พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยดำาเนินการต่อจากโบราณคดีสโมสร โดย ่ ได้จัดประเภทของวรรณกรรมและพิจารณาว่าวรรณกรรมใดสมควรยกย่อง แต่การศึกษาก็อยู่ในวงจำากัด การศึกษา จึงจำากัดอยู่เพียงในวรรณกรรมที่ชำาระได้ในครั้งนั้นเท่านั้ น ไม่ได้ศกษาวรรณกรรมอื่น ๆ ให้กว้างขวางออกไป ึ วรรณกรรมชาวบ้าน ชาววัดจึงถูกทอดทิ้งอยู่เป็นนาน เมื่อราว พ.ศ. ๒๕๐๒ สถาบันการศึกษาระดับอุดมได้นำาศึกษา ได้แนวคิดจาสกตะวันตกที่นิยมศึกษาเรื่องราวทาง พื้นบ้าน และเสนอเป็นวิทยาการในหลักสูตร ที่เรียกชือว่า Folklore ใช้ชอว่า “คติชาวบ้าน” บ้าง “คติชนวิทยา” บ้าง ่ ื่ จากการศึกษาทำาให้ทราบถึงแนวคิด คตินิยม ปรัชญาชีวิตของสังคมในท้องถิ่นต่าง ๆ ของไทย มีความแตกต่างจาก ปรัชญาชีวิตและสังคมของภาคกลางเกือบสิ้นเชิง จึงทำาให้มีการหันมาศึกษาวรรณกรรมในแต่ละท้องถิ่นมากขึ้น จน ต่อมาได้มีการจัดรายวิชาวรรณกรรมท้องถิ่นในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ.2524(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓) การเปรียบเทียบวรรณกรรมแบบฉบับกับวรรณกรรมท้องถิ่น วรรณกรรมแบบฉบับ(วรรณคดี) วรรณกรรมท้องถิ่น ๑. ชนชั้นสูง เจ้านาย ข้าราชสำานักมีสิทธิมีส่วนเป็น ๑. ชาวบ้านทั่วไปมีสิทธิเป็นเจ้าของ คือ เจ้าของ -ผู้สร้างสรรค์ ผู้ใช้ -ผู้สร้างสรรค์ รวมถึงจดบันทึก คัดลอก -อนุรักษ์ -ผู้ใช้(อ่าน ฟัง) -แพร่หลายในหมู่ชาวบ้าน -อนุรกษ์ ั -แพร่หลายในราชสำานัก ๒. กวี ผู้ประพันธ์ เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต หรือเจ้า นาย ฉะนั้นมโนทัศน์ ค่านิยมและทัศนะที่เห็นสังคม ๒. กวีผู้ประพันธ์ เป็นชาวพื้นบ้าน หรือพระภิกษุ สมัยนั้นจึงจำากัดอยู่ในรั้วในวัง หรือมีการสอดแทรก สร้างสรรค์วรรณกรรมขึ้นมา ด้วยใจรักมากกว่า “บำาเรอ สภาวะสังคมก็เป็นแบบมองเห็นสังคมอย่างเบื้อบนม ท้าวไท้ ธิราช ผู้มีบุญ” ฉะนั้นมโนทัศน์เกี่ยวกับสภาวะ องลงมา ของสังคมจึงเป็นสังคมชาวบ้านแบบประชาคมท้องถิ่น ๓. ภาษาและกวีโวหารนิยมการใช้คำาศัพท์อดมไป ุ ๓. ภาษาที่ใช้เป็นภาาาง่าย ๆ เรียบ ๆ มุ่งการนื่อความ ด้วย คำาบาลีสันสกฤต โดยเชื่อว่าเป็นการแสดง หมายเป็นสำาคัญ ส่วนใหญ่เป็นภาษาของท้องถิ่นนั้น ภูมิปัญญาของกวี แพรวพราวไปด้วยกวีโวหารที่เข้าใจ ละเว้นคำาศัพท์บาลีสันสกฤต โวหารนิยมสำานวนที่ใช้ใน ยาก ท้องถิ่น ๔. เนื้อหาส่วนใหญ่จะมุ่งในการบอพระเกียรติ ทั้งทาง ๔. เนื้อหา ส่วนใหญ่มุ่งในทางระบายอารมณ์ บันเทิง ตรงและทางอ้อม แต่ต่างก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการผ่อน ใจ แต่แฝงคติธรรมทางพุทธศาสนา แม้ว่าตัวเอกของ คลาย ทางด้านอารมณ์และศาสนาอยู่ไม่น้อย เรื่องจะเป็นกษัตริย์กตาม แต่มิได้มุ่งยอพระเกียรติมาก ็ นัก ๕. ค่านิยมอุดมคติยดปรัชญาชีวิตแบบสังคมชาวพุทธ ึ และยกย่องสถาบันกษัตริยอีกด้วย ์ ๕. ค่านิยมและอุดมคติโดยทั่วไปเหมือนกับวรรณกรรม แบบฉบับ ยกย่องสถาบันกษัตริย์แต่ไม่เน้นมากนัก คุณค่าของวรรณกรรมท้องถิ่น
  • 4. วรรณกรรมท้องถิ่นมีประโยชน์มากมายหลายประการดังนี้ ๑. ให้ความบันเทิงใจแก่ชุมชน เช่น ขับเสภาในภาคกลาง เล่าค่าวหรือขับลำานำาภาคเหนือ อ่านนหังสือในบุญเงือน เฮือนดีในภาคอีสาน การสวดหนังสือและสวดด้านของภาคใต้ ๒. ให้เข้าใจในค่านิยม โลกทัศน์ของแต่ละท้องถิ่นโดยผ่านทางวรรณกรรม ๓. เข้าใจวัฒนธรรมของชาวบ้านในท้องถิ่นนั้น ๔. ก่อให้เกิดความรักถิ่น หวงแหนมาตุภูมิ และรักสามัคคีในท้องถิ่นของตน