ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
พัฒนาการทางด้านสังคม วัฒนธรรม
 รายชื่อสมาชิกกลุ่ม
1.   นายดิลก               อินต๊ะสิน          เลขที่ 3
2.   นายประกาญจน์          อุ่นนันท์กาศ       เลขที่ 6
3.   นายภาสกร              วงศ์ใหญ่ เลขที่ 11
4.   นายวชิรวิทย์ ชินะข่าย           เลขที่ 12
5.   นายศวัสกร             คาฮอม              เลขที่ 13
6.   น.ส.อัฉรา             จุฑาวราราษฎร์ เลขที่ 31

                  เสนอครูสายพิน วงษารัตน์
พัฒนาการทางด้านสังคม วัฒนธรรม
พัฒนาการ ทางด้านสังคม และ วัฒนธรรม
ศาสนาและความเชื่อ
            ในสมัยสุโขทัย ราษฏรโดยทั่วไปมีการนับถือผี วิญญาณของบรรพบุรุษ
ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ พระพุทธศาสนา ส่วนศาสนาพราหมณ์อาจจะมีการนับ
ถืออยู่บ้างในราชสานักสุโขทัยตอนปลาย
1. การนับถือผี
            การนับถือผี เทวดา นางไม้ การเชื่อถือโชคลางและสิ่งศักดิ์สทธิ์ต่าง ๆ
                                                                         ิ
ยังคงมีอยู่ในจิตสานึกของคนไทยมาตั้งแต่ด้งเดิม ถึงแม้ ว่ากาลต่อมาจะได้ รับคติทาง
                                                 ั
พระพุทธศาสนาแล้ วก็ตาม ในสมัยสุโขทัยมีการนับถือผีของบรรพบุรุษซึ่งถือว่า
เป็ นสิ่งศักดิ์สทธิ์ จึงต้ องจัดให้ มีพิธการเซ่นไหว้ อยู่เป็ นประจา นอกจากนี้ยงเชื่อถือ
                ิ                        ี                                    ั
คาสัตย์สาบานและภูตผีประจาสถานที่ต่างๆอีกด้ วย
2. พระพุทธศาสนา
           ชาวสุโขทัยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทอย่างลังกาวงศ์
โดยมีพระมหากษัตริย์เป็ นองค์อุปถัมภ์ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทนี้ได้
เจริญรุ่งเรืองมากในรัชสมัยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช เมื่ออาณาจักรสุโขทัยมี
ความสัมพันธ์อนดีกบเมืองนครศรีธรรมราช ทรงเห็นว่าวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์
                 ั ั
นิกายนี้มีความสารวมน่าเลื่อมใสศรัทธา จึงโปรดเกล้ าฯ นิมนต์ข้ ึนมาตั้งวงศ์ท่กรุง
                                                                            ี
สุโขทัยด้ วย พระสงฆ์เหล่านั้นนอกจากจะได้ ทาการเผยแผ่ศาสนาและอบรมสั่งสอน
ศีลธรรมแก่ประชาชนแล้ ว ยังได้ ทาการแปลพระไตรปิ ฏกจากภาษาสันสกฤตมา
เป็ นภาษาบาลีด้วย สาหรับนิกายมหายานนั้น ก็มีผ้ ูนับถืออยู่บ้าง แต่ทว่าไม่ค่อยมี
บทบาทมากนัก เนื่องจากชาวสุโขทัยส่วนใหญ่นับถือนิกายเถรวาทอย่างลังกาวงศ์
เป็ นปึ กแผ่นมั่นคงอยู่แล้ ว
3. ศาสนาพราหมณ์
          ศาสนาพราหมณ์จากอินเดียได้ ขยายเข้ าไปในอาณาจักรกัมพูชาก่อน และ
สันนิษฐานว่าในสมัยสุโขทัยตอนปลายคงมีการรับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์เข้ า
มาในราชสานักด้ วย ทั้งนี้เพราะจากหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 4 ปรากฏว่ามี
คาว่า “สวยราชย์”“อศูรย์ธปัตย์”และ “ ระราชบัญญัติ”เป็ นต้ น แสดงว่ามีการใช้ ราชา
      เ          ไ      ิ           พ
ศัพท์สาหรับพระเจ้ าแผ่นดินที่มีฐานะเป็ นพระผู้เป็ นเจ้ าตามคติของศาสนา
พราหมณ์ ซึ่งถือว่าพระมหากษัตริย์คือภาคหนึ่งของพระผู้เป็ นเจ้ า อันหมายถึงพระ
ศิวะหรือไม่กพระนารายณ์ ถ้ าเป็ นเช่นนี้อทธิพลของศาสนาพราหมณ์กเ็ ริ่มมีบทบาท
              ็                          ิ
ในราชสานักสุโขทัยตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1(ลิไท) เป็ นต้ นมา โดยเริ่มมี
อิทธิพลในทางการเมืองการปกครองเป็ นสาคัญ นอกจากนี้ในสมัยพระมหาธรรม
ราชาที่ 1 (ลิไท) ยังโปรดเกล้ าฯ ให้ หล่อเทวรูปพระอิศวรและพระศิวะแล้ วนาไป
ประดิษฐานไว้ ในหอเทวาลัยมหาเกษตรในป่ ามะม่วงอีกด้ วย
ภาษาและวรรณกรรม
ภาษา
     จากศิลาจารึกหลักที่ ๑ ปรากฏข้ อความเกี่ยวข้ องกับการประดิษฐ์ ตัว
อักษรไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชใน พ.ศ. 1826 จากศิลาจารึกดังกล่าวจึง
เป็ นที่เชื่อกันว่า อักษรไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชซึ่งจารึกลงศิลาจารึกใน
พ.ศ. 1826 นั้น เป็ นอักษรไทยเก่าแก่ท่สดที่ใช้ ในประเทศไทย
                                       ีุ
     ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ สรุปว่า อักษรพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
ดัดแปลงมาจากอักษรขอมหวัด เพราะมีรูปลักษณะคล้ ายคลึงกันมาก
     นันทนา ด่านวิวัฒน์ กล่าวว่า อักษรต้ นตระกูลของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
คือ อักษรพราหมี อักษรคฤนห์ และอักษรขอมหวัด
แต่จากการศึกษาและวิจัยเปรียบเทียบจารึกต่างของ ก่องแก้ ว วีระ
ประจักษ์ ค้ นพบว่า รูปแบบตัวอักษรไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชนั้น
ได้ รับอิทธิพลมาจากรูปอักษรแบบปัลลวะของราชวงศ์ปัลลวะแห่งประเทศ
อินเดียตอนใต้ โดยอักขรวิธในการเขียนพ่อขุนรามคาแหงมหาราชได้ วางรูป
                             ี
สระให้ เรียงอยู่บันทัดเดียวกับพยัญชนะ
       ต่อมาในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ได้ ปรากฏรูปอักษรแบบ
ใหม่ข้ นคล้ ายๆกับรูปอักษรของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช แต่มีการแก้ ไขที่
        ึ
วางของรูปสระเสียใหม่โดยวางไว้ ข้างหน้ า ข้ างหลัง ข้ างบน หรือข้ างล่าง ของ
รูปพยัญชนะต้ น อักษรไทยทั้ง 2 สมัยนี้ จัดเป็ นต้ นกาเนิดของวัոธรรมไทย
ทางด้ านตัวอักษร
วรรณกรรม
 1. ศิลาจารึก
     ศิลาจารึกที่พบในสมัยสุโขทัยมีประมาณไม่น้อยกว่า 30 หลัก ที่สาคัญมาก
ได้ แก่ ศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งมีคุณค่าทางภาษา กฎหมาย การปกครอง วัฒนธรรม
นับเป็ นวรรณกรรมที่แสดงให้ เห็นถึงสภาพสังคมและวัฒนธรรมของสุโขทัยได้ เป็ น
อย่างดี
2. ไตรภูมิพระร่วง
      พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ทรงพระราช
นิพนธ์ข้ นเมื่อ พ.ศ. 1888 เพื่อใช้ ในเทศนาโปรด
         ึ
พระราชมารดาและเพื่ออบรมสั่งสอนประชาชน
ให้ บรรลุถึงซึ่งนิพพาน ไตรภูมิพระร่วงนี้นับว่า
เป็ นวรรณคดีเล่มแรกของไทยที่เขียนเป็ นเล่ม
อย่างสมบูรณ์ โดยบรรยายถึงความทุกข์ยากของ
เปรต พรรณนาถึงสวรรค์ ถ้ อยคาบรรยาย
ก่อให้ เกิดภาพพจน์และอารมณ์ เป็ นการระงับ
อารมณ์ของผู้ฟังและผู้อ่านที่มีอารมณ์ใฝ่ ต่า ให้
เกิดความเกรงกลัวต่อบาปและนรก จึงมีอทธิพล  ิ
ต่อจิตใจและความเชื่อของคนไทยในสมัยนั้นเป็ น
อย่างมาก
3. สุภาษิตพระร่วง
      สุภาษิตดังกล่าวมีข้อสันนิษฐาน 2 ประเด็นคือ เชื่อว่ามีการแต่งสุภาษิต
เหล่านี้ข้ นมาในสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช หรือมิฉะนั้นก็แต่งขึ้นมาในสมัย
           ึ
พระมหาธรรมราชาที่ 1
ประติมากรรม
 1. พระพุทธรูป
      การปั้นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย จะมีอยู่ 4 อิริยาบถ คือ นั่ง นอน ยืน และ
เดิน ศิลปะที่เกี่ยวกับการปั้นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนี้ ปรากฏว่ามีร่องรอยของ
ศิลปะแบบลังกาและอินเดียผสมอยู่บ้าง แต่ต่อมาก็ถูกปรับปรุงให้ เป็ นแบบสุโขทัย
เอง
2. การทาเครื่องสังคโลก
    เครื่องสังคโลกของสุโขทัยนอกจากจะเป็ นสินค้ าหัตถกรรมซึ่งเป็ นที่นิยมของ
ตลาดในสมัยนั้นแล้ ว ยังถือว่าเป็ นผลงานทางด้ านศิลปกรรมที่เป็ นลักษณะเฉพาะ
ของสุโขทัยด้ วย โดยช่างฝี มือจะปั้นเครื่องสังคโลกในรูปแบบต่าง ๆ
พัฒนาการ ทางด้านสังคม และ วัฒนธรรม

พัฒนาการทางด้านสังคม
     สภาพสังคมในสมัยอยุธยา เป็ นแบบระบบศักดินา ซึ่งจะเป็ นตัวแบ่ง
สิทธิ หน้ าที่และความรับผิดชอบของคนในสังคม ผู้ท่มีศกดินาสูงก็จะมีสทธิ
                                                   ี ั                ิ
หน้ าที่ และความรับผิดชอบสูง ผู้ท่มีศกดินาต่าก็จะมีสทธิ หน้ าที่ และความ
                                  ี ั               ิ
รับผิดชอบน้ อยลดหลั่นกันตามศักดินาที่ได้ รับ พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นผู้
พระราชทานศักดินาให้ แก่เจ้ านาย ขุนนาง และราษฎร
1. กลุ่มคนในสังคม
        กลุ่มคนในสังคมอยุธยาแบ่งได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
        1.1 ชนชั้นผู้ปกครอง
1) พระมหา+++ เป็ นประมุขสูงสุดของอาณาจักร ทรงมีอานาจเด็ดขาดในการ
ดาเนินการทุกอย่าง มีหน้ าที่ดูแลราษฎรให้ อยู่ร่มเย็นเป็ นสุข
2) เจ้ านาย เป็ นชนชั้นที่มีฐานะรองจากพระมหา+++ เป็ นผู้ท่สบเชื้อสายมาจาก
                                                               ีื
พระมหา+++ มีตาแหน่งลดหลั่นกันตามพระยศ มีหน้ าที่ช่วยพระมหา+++
ปกครองบ้ านเมือง
 3) ขุนนาง เป็ นบุคคลที่ถวายตัวเข้ ารับราชการ มีหน้ าที่ช่วยพระมหา+++ดูแล
ปกครองบ้ านเมือง ควบคุมดูแลราษฎร ตามตาแหน่งหน้ าที่ท่ได้ รับมอบหมาย
                                                             ี
1.2 ชนชั้นผู้ถูกปกครอง
 1) ไพร่ หมายถึง ราษฎรทั่วไป เป็ นกลุ่มคนที่มจานวนมากที่สดในสังคม ไพร่
                                                  ี            ุ
ที่เป็ นชายต้ องขึ้นสังกัดมูลนายตามกรมกองแห่งใดแห่งหนึ่ง และมีหน้ าที่รับใช้
บ้ านเมือง แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท ดังนี้
        - ไพร่หลวง คือ ชายฉกรรจ์ท่สงกัดอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ มีหน้ าที่ทางาน
                                      ีั
รับใช้ บ้านเมืองปี ละ 6 เดือน ไพร่หลวงจะถูกเกณฑ์แรงงานมาทางานต่าง ๆ
เช่น สร้ างวัด สร้ างวัง ป้ อมปราการ และถูกเกณฑ์ไปรบยามเกิดสงคราม
        - ไพร่สม เป็ นไพร่ท่พระมหา+++พระราชทานให้ แก่มูลนายตามศักดิ
                              ี
นา เมื่อเกิดศึกสงครามก็ถูกเกณฑ์ไปรบ
        - ไพร่ส่วย เป็ นไพร่หลวงที่ส่งสิ่งของมาแทนการถูกเกณฑ์แรงงาน สิ่งของ
ที่ไพร่ส่วยส่งมาส่วนใหญ่เป็ นสิ่งของสาคัญ เช่น มูลค้ างคาว ดีบุก ของป่ า เป็ น
ต้ น
ชนชั้นไพร่สามารถเปลี่ยนฐานะของตนเองให้ เป็ นขุนนางได้ ถ้ ามี
ความสามารถเพียงพอ และถวายตัวเข้ ารับราชการ
2) ทาส เป็ นคนที่ขาดสิทธิในแรงงานและชีวิต ไม่มีอสระในการทาสิ่งใดต้ อง
                                                      ิ
ทางานตามที่นายเงินสั่ง ถือเป็ นชนชั้นที่ต่าที่สดในสังคมอยุธยา มีหลาย
                                               ุ
ประเภท เช่น ทาสสินไถ่ ทาสในเรือนเบี้ย ทาสเชลย เป็ นต้ น

2. สถาบันศาสนา
       กลุ่มบุคคลในสถาบันศาสนา ได้ แก่ กลุ่มพระสงฆ์ เป็ นชนชั้นที่มีฐานะ
ทางสังคมที่ไม่เกี่ยวข้ องกับการปกครองบ้ านเมืองโดยตรง อาจถือได้
ว่า พระสงฆ์มีสถานภาพใกล้ เคียงกับชนชั้นมูลนาย เพราะได้ รับการยกเว้ นการ
เกณฑ์แรงงานและการเสียภาษีให้ แก่รัฐ
ศิลปวัոธรรมไทยสมัยอยุธยา
         การสถาปนาอาณาจักรอยุธยาใน พ.ศ.๑๘๙๓ นับเป็ นการเริ่มต้ น
ศิลปวัոธรรมไทยในสมัยอยุธยาซึ่งมีรากฐานมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์
และสถาบันศาสนา ไม่ว่าจะเป็ นทางด้ านศิลปกรรม วรรณกรรมประเพณี รวมทั้ง
พระพุทธศาสนา ซึ่งคนไทยศรัทธาและยึดมั่นเป็ นสรณะมาโดยตลอด
ศิลปวัոธรรมไทยในสมัยอยุธยาเกิดจากการผสมผสานระหว่าง
ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนไทย และ ศิลปวัฒนธรรมที่รับมาจากภายนอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปวัฒธรรมจากอินเดียที่อยุธยารับมาจากเขมรและจาก
อินเดียโดยตรง
ลักษณะของศิลปวัฒนธรรมในสมัยอยุธยา แบ่งได้ หลายประเภท โดยสรุปลักษณะที่สาคัญ
แต่ละประเภท ดังนี้
1. ศิลปกรรมสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม ประณีตศิลป์
2. วรรณกรรม
3. ประเพณี
4. พระพุทธศาสนา
ประณีตศิลป์
งานประณีตศิลป์ สมัยอยุธยาถือได้ ว่ามีความเจริญถึงขีดสุดเหนือกว่าศิลปะแบบอื่นๆ งาน
ประณีตศิลป์ ที่เกิดขึ้นมีหลายประเภท เช่น
- เครื่องไม้ จาหลัก
ได้ แก่ ตู้พระธรรม ธรรมาสน์ พระพุทธรูป บานประตู หน้ าต่าง หน้ าบันพระอุโบสถ ตู้เก็บ
หนังสือ
- ลายรดนา คือการนาทองมาปิ ดลงบนรักสีดาบนพื้นที่เขียนภาพหรือลวดลายแล้ วรดนา
             ้                                                                   ้
ล้ างออก นิยมใช้ ในบานประตูโบสถ์วิหาร ตู้พระธรรม ตู้ใส่หนังสือ เป็ นต้ น
พัฒนาการ ทางด้านสังคม และ วัฒนธรรม
พัฒนาการด้ านสังคมและวัฒนธรรม
โครงสร้ างทางสังคมไทยสมัยธนบุรีประกอบด้ วยชนชั้นต่างๆ ได้ แก่
-พระมหากษัตริย์ เป็ นผู้ท่มีพระราชอานาจสูงสุดในแผ่นดิน
                          ี
-พระบรมวงศานุวงศ์ ได้ แก่ ราชวงศ์ช้ันผู้ใหญ่ บรรดาพระราชโอรสและพระราช
ธิดา
-ไพร่ ได้ แก่ คนธรรมดาสามัญที่เป็ นชายฉกรรจ์ ส่วนเด็ก ผู้หญิงหรือคนชราถือ
เป็ นบริวารของไพร่
-ทาส หมายถึง บุคคลที่มิได้ เป็ นไทแก่ตนเองโดยสิ้นเชิง
-พระสงฆ์ เป็ นผู้สบทอดพระพุทธศาสนา และเป็ นผู้อบรมสั่งสอนคนในสังคมให้
                  ื
เป็ นคนดี
งานสร้ างสรรค์ศิลปะและวรรณกรรม
* ความเจริญรุ่งเรืองด้ านศิลปแขนงต่างๆ ในสมัยธนบุรีไม่ปรากฏเด่นชัดนัก
เนื่องจากบ้ านเมืองตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดรัชกาล ความบีบคั้นทาง
๶ศรษฐกิจและบรรดาช่างฝี มือถูกพม่ากวาดต้ อนไปจานวนมาก
* งานสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่เป็ นงานซ่อมแซมบูรณะปฏิสงขรณ์วัดวาอาราม
                                                       ั
ต่างๆ และงานก่อสร้ างพระราชวังเดิม
* งานวรรณกรรม ได้ แก่ รามเกียรติ์ (พระราชนิพนธ์บางตอนในสมเด็จพระเจ้ า
ตากสิน),ลิลิตเพชรมงกุฏ (หลวงสรวิชิต),และโคลงยอพระเกียรติ์พระเจ้ ากรุง
ธนบุรี(นายสวนมหาดเล็ก) เป็ นต้ น

More Related Content

What's hot (20)

บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก
บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูกบทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก
บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก
พัน พัน
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จวิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
Nat Ty
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ARM ARM
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
Jariya Huangjing
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
Sudarat Makon
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
kruthai40
ใบงาȨฎหมาย
ใบงาȨฎหมายใบงาȨฎหมาย
ใบงาȨฎหมาย
พจีกานต์ หว่านพืช
อารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸยอารยธรรมอิȨึϸย
อารยธรรมอิȨึϸย
Toey Songwatcharachai
พัոาการของอาณาจักรธȨุรี
พัոาการของอาณาจักรธȨุรีพัոาการของอาณาจักรธȨุรี
พัոาการของอาณาจักรธȨุรี
พัน พัน
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
warintorntip
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
Padvee Academy
ประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทย
ประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทยประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทย
ประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทย
Padvee Academy
วิ๶คราะห์คำประพันธ์
วิ๶คราะห์คำประพันธ์วิ๶คราะห์คำประพันธ์
วิ๶คราะห์คำประพันธ์
kwanboonpaitoon
ความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทย
ความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทยความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทย
ความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทย
fadiljijai
บทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศ
บทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศบทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศ
บทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศ
Suwannaphum Charoensiri
โตฎก ฉันท์ 12
โตฎก ฉันท์ 12โตฎก ฉันท์ 12
โตฎก ฉันท์ 12
MilkOrapun
บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก
บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูกบทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก
บทละครพูด เรื่อง เห็นแก่ลูก
พัน พัน
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จวิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
วิชชุมมาลา ฉันท์ ๘ เสร็จ
Nat Ty
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ARM ARM
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
Jariya Huangjing
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์สามัคคีเภทคำฉัȨ์
สามัคคีเภทคำฉัȨ์
Sudarat Makon
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
บทอาขยาน ภาษาไทย ม.๓
kruthai40
พัոาการของอาณาจักรธȨุรี
พัոาการของอาณาจักรธȨุรีพัոาการของอาณาจักรธȨุรี
พัոาการของอาณาจักรธȨุรี
พัน พัน
อารยธรรมจีน
อารยธรรมจีนอารยธรรมจีน
อารยธรรมจีน
warintorntip
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
Padvee Academy
ประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทย
ประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทยประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทย
ประวัติศาสตร์การ๶มืองการปกครองྺองไทย
Padvee Academy
วิ๶คราะห์คำประพันธ์
วิ๶คราะห์คำประพันธ์วิ๶คราะห์คำประพันธ์
วิ๶คราะห์คำประพันธ์
kwanboonpaitoon
ความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทย
ความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทยความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทย
ความหลากหลายทางวัฒȨรรมྺองไทย
fadiljijai
บทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศ
บทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศบทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศ
บทบาทหȨาที่ของรัฐบาลใȨารพัոาประ๶ทศ
Suwannaphum Charoensiri
โตฎก ฉันท์ 12
โตฎก ฉันท์ 12โตฎก ฉันท์ 12
โตฎก ฉันท์ 12
MilkOrapun

Viewers also liked (8)

๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
ประวัติศาสตร์๶ศรษฐกิจไทย
ประวัติศาสตร์๶ศรษฐกิจไทยประวัติศาสตร์๶ศรษฐกิจไทย
ประวัติศาสตร์๶ศรษฐกิจไทย
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
การเมืองก...Pptx กลุ่ม 2
การเมืองก...Pptx กลุ่ม 2การเมืองก...Pptx กลุ่ม 2
การเมืองก...Pptx กลุ่ม 2
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1page
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1pageพัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1page
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1page
Prachoom Rangkasikorn
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจ
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจพัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจ
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจ
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
ใบความรู้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1page
ใบความรู้  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1pageใบความรู้  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1page
ใบความรู้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1page
Prachoom Rangkasikorn
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรีประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยธนบุรี
ครูพัฒวิทย์ ครูพัฒวิทย์
๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
๶ศรษฐกิจในสมัยสุโขทัย อยุธยา และธนบุรี
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1page
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1pageพัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1page
พัոาการึϹาน๶ศรษฐกิจสมัยสุโขทัย+568+55t2his p04 f10-1page
Prachoom Rangkasikorn
ใบความรู้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1page
ใบความรู้  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1pageใบความรู้  สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1page
ใบความรู้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ป.3+450+dltvsocp3+54soc p03f 29-1page
Prachoom Rangkasikorn

Similar to พัฒนาการทางด้านสังคม วัฒนธรรม (20)

การศึกษาไทยใȨมัยโบราณ
การศึกษาไทยใȨมัยโบราณการศึกษาไทยใȨมัยโบราณ
การศึกษาไทยใȨมัยโบราณ
ssuser930700
อาณาจักรอยุธยา
อาณาจักรอยุธยาอาณาจักรอยุธยา
อาณาจักรอยุธยา
sangworn
พระธาตุช๶วดากอง
พระธาตุช๶วดากองพระธาตุช๶วดากอง
พระธาตุช๶วดากอง
Thammasat University
งาȨังคม...
งาȨังคม...งาȨังคม...
งาȨังคม...
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
พุทธศาสนามหายาȨȨทย
พุทธศาสนามหายาȨȨทยพุทธศาสนามหายาȨȨทย
พุทธศาสนามหายาȨȨทย
Padvee Academy
การเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทย
การเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทยการเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทย
การเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทย
Padvee Academy
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
๶วสสัȨรวิเคราะห์
๶วสสัȨรวิเคราะห์๶วสสัȨรวิเคราะห์
๶วสสัȨรวิเคราะห์
Tongsamut vorasan
ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)
ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)
ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)
หนุ่มน้อย ดาร์จีลิ่ง
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่น
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่น
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่น
sumanan vanict
รุ่งอรุณแห่งความสุข
รุ่งอรุณแห่งความสุขรุ่งอรุณแห่งความสุข
รุ่งอรุณแห่งความสุข
Kwandjit Boonmak
วัոธรรมไทย
วัոธรรมไทยวัոธรรมไทย
วัոธรรมไทย
babyoam
ธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่าย
ธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่ายธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่าย
ธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่าย
Chinnakorn Pawannay
การนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทย
การนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทยการนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทย
การนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทย
Rung Kru
การศึกษาไทยใȨมัยโบราณ
การศึกษาไทยใȨมัยโบราณการศึกษาไทยใȨมัยโบราณ
การศึกษาไทยใȨมัยโบราณ
ssuser930700
อาณาจักรอยุธยา
อาณาจักรอยุธยาอาณาจักรอยุธยา
อาณาจักรอยุธยา
sangworn
พระธาตุช๶วดากอง
พระธาตุช๶วดากองพระธาตุช๶วดากอง
พระธาตุช๶วดากอง
Thammasat University
พุทธศาสนามหายาȨȨทย
พุทธศาสนามหายาȨȨทยพุทธศาสนามหายาȨȨทย
พุทธศาสนามหายาȨȨทย
Padvee Academy
การเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทย
การเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทยการเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทย
การเข้ามาและพัոาการพุทธศาสนาใȨระ๶ทศไทย
Padvee Academy
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1พุทธประวัติ 1
พุทธประวัติ 1
wanpenrd
๶วสสัȨรวิเคราะห์
๶วสสัȨรวิเคราะห์๶วสสัȨรวิเคราะห์
๶วสสัȨรวิเคราะห์
Tongsamut vorasan
ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)
ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)
ท่องแดนพระพุทธศาสนา ที่ศรีลังกา(ส่วนหน้า)
หนุ่มน้อย ดาร์จีลิ่ง
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่น
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่น
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใȨี่ปุ่น
sumanan vanict
รุ่งอรุณแห่งความสุข
รุ่งอรุณแห่งความสุขรุ่งอรุณแห่งความสุข
รุ่งอรุณแห่งความสุข
Kwandjit Boonmak
วัոธรรมไทย
วัոธรรมไทยวัոธรรมไทย
วัոธรรมไทย
babyoam
ธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่าย
ธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่ายธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่าย
ธรรมราชาและเทวราชาในวรรณคดีลิลิตตะ๶ลงพ่าย
Chinnakorn Pawannay
การนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทย
การนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทยการนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทย
การนำชาดกเข้ามาใȨระ๶ทศไทย
Rung Kru

More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20)

กำแพงเบอร์ลิน
กำแพงเบอร์ลินกำแพงเบอร์ลิน
กำแพงเบอร์ลิน
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)
พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)
พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand
พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)
พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)
พัฒนาการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ (ใช้)
Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand

พัฒนาการทางด้านสังคม วัฒนธรรม

  • 2.  รายชื่อสมาชิกกลุ่ม 1. นายดิลก อินต๊ะสิน เลขที่ 3 2. นายประกาญจน์ อุ่นนันท์กาศ เลขที่ 6 3. นายภาสกร วงศ์ใหญ่ เลขที่ 11 4. นายวชิรวิทย์ ชินะข่าย เลขที่ 12 5. นายศวัสกร คาฮอม เลขที่ 13 6. น.ส.อัฉรา จุฑาวราราษฎร์ เลขที่ 31 เสนอครูสายพิน วงษารัตน์
  • 4. พัฒนาการ ทางด้านสังคม และ วัฒนธรรม ศาสนาและความเชื่อ ในสมัยสุโขทัย ราษฏรโดยทั่วไปมีการนับถือผี วิญญาณของบรรพบุรุษ ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ พระพุทธศาสนา ส่วนศาสนาพราหมณ์อาจจะมีการนับ ถืออยู่บ้างในราชสานักสุโขทัยตอนปลาย 1. การนับถือผี การนับถือผี เทวดา นางไม้ การเชื่อถือโชคลางและสิ่งศักดิ์สทธิ์ต่าง ๆ ิ ยังคงมีอยู่ในจิตสานึกของคนไทยมาตั้งแต่ด้งเดิม ถึงแม้ ว่ากาลต่อมาจะได้ รับคติทาง ั พระพุทธศาสนาแล้ วก็ตาม ในสมัยสุโขทัยมีการนับถือผีของบรรพบุรุษซึ่งถือว่า เป็ นสิ่งศักดิ์สทธิ์ จึงต้ องจัดให้ มีพิธการเซ่นไหว้ อยู่เป็ นประจา นอกจากนี้ยงเชื่อถือ ิ ี ั คาสัตย์สาบานและภูตผีประจาสถานที่ต่างๆอีกด้ วย
  • 5. 2. พระพุทธศาสนา ชาวสุโขทัยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทอย่างลังกาวงศ์ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็ นองค์อุปถัมภ์ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทนี้ได้ เจริญรุ่งเรืองมากในรัชสมัยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช เมื่ออาณาจักรสุโขทัยมี ความสัมพันธ์อนดีกบเมืองนครศรีธรรมราช ทรงเห็นว่าวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ ั ั นิกายนี้มีความสารวมน่าเลื่อมใสศรัทธา จึงโปรดเกล้ าฯ นิมนต์ข้ ึนมาตั้งวงศ์ท่กรุง ี สุโขทัยด้ วย พระสงฆ์เหล่านั้นนอกจากจะได้ ทาการเผยแผ่ศาสนาและอบรมสั่งสอน ศีลธรรมแก่ประชาชนแล้ ว ยังได้ ทาการแปลพระไตรปิ ฏกจากภาษาสันสกฤตมา เป็ นภาษาบาลีด้วย สาหรับนิกายมหายานนั้น ก็มีผ้ ูนับถืออยู่บ้าง แต่ทว่าไม่ค่อยมี บทบาทมากนัก เนื่องจากชาวสุโขทัยส่วนใหญ่นับถือนิกายเถรวาทอย่างลังกาวงศ์ เป็ นปึ กแผ่นมั่นคงอยู่แล้ ว
  • 6. 3. ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพราหมณ์จากอินเดียได้ ขยายเข้ าไปในอาณาจักรกัมพูชาก่อน และ สันนิษฐานว่าในสมัยสุโขทัยตอนปลายคงมีการรับอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์เข้ า มาในราชสานักด้ วย ทั้งนี้เพราะจากหลักฐานศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 4 ปรากฏว่ามี คาว่า “สวยราชย์”“อศูรย์ธปัตย์”และ “ ระราชบัญญัติ”เป็ นต้ น แสดงว่ามีการใช้ ราชา เ ไ ิ พ ศัพท์สาหรับพระเจ้ าแผ่นดินที่มีฐานะเป็ นพระผู้เป็ นเจ้ าตามคติของศาสนา พราหมณ์ ซึ่งถือว่าพระมหากษัตริย์คือภาคหนึ่งของพระผู้เป็ นเจ้ า อันหมายถึงพระ ศิวะหรือไม่กพระนารายณ์ ถ้ าเป็ นเช่นนี้อทธิพลของศาสนาพราหมณ์กเ็ ริ่มมีบทบาท ็ ิ ในราชสานักสุโขทัยตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1(ลิไท) เป็ นต้ นมา โดยเริ่มมี อิทธิพลในทางการเมืองการปกครองเป็ นสาคัญ นอกจากนี้ในสมัยพระมหาธรรม ราชาที่ 1 (ลิไท) ยังโปรดเกล้ าฯ ให้ หล่อเทวรูปพระอิศวรและพระศิวะแล้ วนาไป ประดิษฐานไว้ ในหอเทวาลัยมหาเกษตรในป่ ามะม่วงอีกด้ วย
  • 7. ภาษาและวรรณกรรม ภาษา จากศิลาจารึกหลักที่ ๑ ปรากฏข้ อความเกี่ยวข้ องกับการประดิษฐ์ ตัว อักษรไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชใน พ.ศ. 1826 จากศิลาจารึกดังกล่าวจึง เป็ นที่เชื่อกันว่า อักษรไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชซึ่งจารึกลงศิลาจารึกใน พ.ศ. 1826 นั้น เป็ นอักษรไทยเก่าแก่ท่สดที่ใช้ ในประเทศไทย ีุ ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ สรุปว่า อักษรพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ดัดแปลงมาจากอักษรขอมหวัด เพราะมีรูปลักษณะคล้ ายคลึงกันมาก นันทนา ด่านวิวัฒน์ กล่าวว่า อักษรต้ นตระกูลของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช คือ อักษรพราหมี อักษรคฤนห์ และอักษรขอมหวัด
  • 8. แต่จากการศึกษาและวิจัยเปรียบเทียบจารึกต่างของ ก่องแก้ ว วีระ ประจักษ์ ค้ นพบว่า รูปแบบตัวอักษรไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชนั้น ได้ รับอิทธิพลมาจากรูปอักษรแบบปัลลวะของราชวงศ์ปัลลวะแห่งประเทศ อินเดียตอนใต้ โดยอักขรวิธในการเขียนพ่อขุนรามคาแหงมหาราชได้ วางรูป ี สระให้ เรียงอยู่บันทัดเดียวกับพยัญชนะ ต่อมาในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ได้ ปรากฏรูปอักษรแบบ ใหม่ข้ นคล้ ายๆกับรูปอักษรของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช แต่มีการแก้ ไขที่ ึ วางของรูปสระเสียใหม่โดยวางไว้ ข้างหน้ า ข้ างหลัง ข้ างบน หรือข้ างล่าง ของ รูปพยัญชนะต้ น อักษรไทยทั้ง 2 สมัยนี้ จัดเป็ นต้ นกาเนิดของวัոธรรมไทย ทางด้ านตัวอักษร
  • 9. วรรณกรรม 1. ศิลาจารึก ศิลาจารึกที่พบในสมัยสุโขทัยมีประมาณไม่น้อยกว่า 30 หลัก ที่สาคัญมาก ได้ แก่ ศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งมีคุณค่าทางภาษา กฎหมาย การปกครอง วัฒนธรรม นับเป็ นวรรณกรรมที่แสดงให้ เห็นถึงสภาพสังคมและวัฒนธรรมของสุโขทัยได้ เป็ น อย่างดี
  • 10. 2. ไตรภูมิพระร่วง พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ทรงพระราช นิพนธ์ข้ นเมื่อ พ.ศ. 1888 เพื่อใช้ ในเทศนาโปรด ึ พระราชมารดาและเพื่ออบรมสั่งสอนประชาชน ให้ บรรลุถึงซึ่งนิพพาน ไตรภูมิพระร่วงนี้นับว่า เป็ นวรรณคดีเล่มแรกของไทยที่เขียนเป็ นเล่ม อย่างสมบูรณ์ โดยบรรยายถึงความทุกข์ยากของ เปรต พรรณนาถึงสวรรค์ ถ้ อยคาบรรยาย ก่อให้ เกิดภาพพจน์และอารมณ์ เป็ นการระงับ อารมณ์ของผู้ฟังและผู้อ่านที่มีอารมณ์ใฝ่ ต่า ให้ เกิดความเกรงกลัวต่อบาปและนรก จึงมีอทธิพล ิ ต่อจิตใจและความเชื่อของคนไทยในสมัยนั้นเป็ น อย่างมาก
  • 11. 3. สุภาษิตพระร่วง สุภาษิตดังกล่าวมีข้อสันนิษฐาน 2 ประเด็นคือ เชื่อว่ามีการแต่งสุภาษิต เหล่านี้ข้ นมาในสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช หรือมิฉะนั้นก็แต่งขึ้นมาในสมัย ึ พระมหาธรรมราชาที่ 1
  • 12. ประติมากรรม 1. พระพุทธรูป การปั้นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย จะมีอยู่ 4 อิริยาบถ คือ นั่ง นอน ยืน และ เดิน ศิลปะที่เกี่ยวกับการปั้นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยนี้ ปรากฏว่ามีร่องรอยของ ศิลปะแบบลังกาและอินเดียผสมอยู่บ้าง แต่ต่อมาก็ถูกปรับปรุงให้ เป็ นแบบสุโขทัย เอง
  • 13. 2. การทาเครื่องสังคโลก เครื่องสังคโลกของสุโขทัยนอกจากจะเป็ นสินค้ าหัตถกรรมซึ่งเป็ นที่นิยมของ ตลาดในสมัยนั้นแล้ ว ยังถือว่าเป็ นผลงานทางด้ านศิลปกรรมที่เป็ นลักษณะเฉพาะ ของสุโขทัยด้ วย โดยช่างฝี มือจะปั้นเครื่องสังคโลกในรูปแบบต่าง ๆ
  • 14. พัฒนาการ ทางด้านสังคม และ วัฒนธรรม พัฒนาการทางด้านสังคม สภาพสังคมในสมัยอยุธยา เป็ นแบบระบบศักดินา ซึ่งจะเป็ นตัวแบ่ง สิทธิ หน้ าที่และความรับผิดชอบของคนในสังคม ผู้ท่มีศกดินาสูงก็จะมีสทธิ ี ั ิ หน้ าที่ และความรับผิดชอบสูง ผู้ท่มีศกดินาต่าก็จะมีสทธิ หน้ าที่ และความ ี ั ิ รับผิดชอบน้ อยลดหลั่นกันตามศักดินาที่ได้ รับ พระมหากษัตริย์ทรงเป็ นผู้ พระราชทานศักดินาให้ แก่เจ้ านาย ขุนนาง และราษฎร
  • 15. 1. กลุ่มคนในสังคม กลุ่มคนในสังคมอยุธยาแบ่งได้ 2 ลักษณะ ดังนี้ 1.1 ชนชั้นผู้ปกครอง 1) พระมหา+++ เป็ นประมุขสูงสุดของอาณาจักร ทรงมีอานาจเด็ดขาดในการ ดาเนินการทุกอย่าง มีหน้ าที่ดูแลราษฎรให้ อยู่ร่มเย็นเป็ นสุข 2) เจ้ านาย เป็ นชนชั้นที่มีฐานะรองจากพระมหา+++ เป็ นผู้ท่สบเชื้อสายมาจาก ีื พระมหา+++ มีตาแหน่งลดหลั่นกันตามพระยศ มีหน้ าที่ช่วยพระมหา+++ ปกครองบ้ านเมือง 3) ขุนนาง เป็ นบุคคลที่ถวายตัวเข้ ารับราชการ มีหน้ าที่ช่วยพระมหา+++ดูแล ปกครองบ้ านเมือง ควบคุมดูแลราษฎร ตามตาแหน่งหน้ าที่ท่ได้ รับมอบหมาย ี
  • 16. 1.2 ชนชั้นผู้ถูกปกครอง 1) ไพร่ หมายถึง ราษฎรทั่วไป เป็ นกลุ่มคนที่มจานวนมากที่สดในสังคม ไพร่ ี ุ ที่เป็ นชายต้ องขึ้นสังกัดมูลนายตามกรมกองแห่งใดแห่งหนึ่ง และมีหน้ าที่รับใช้ บ้ านเมือง แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท ดังนี้ - ไพร่หลวง คือ ชายฉกรรจ์ท่สงกัดอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ มีหน้ าที่ทางาน ีั รับใช้ บ้านเมืองปี ละ 6 เดือน ไพร่หลวงจะถูกเกณฑ์แรงงานมาทางานต่าง ๆ เช่น สร้ างวัด สร้ างวัง ป้ อมปราการ และถูกเกณฑ์ไปรบยามเกิดสงคราม - ไพร่สม เป็ นไพร่ท่พระมหา+++พระราชทานให้ แก่มูลนายตามศักดิ ี นา เมื่อเกิดศึกสงครามก็ถูกเกณฑ์ไปรบ - ไพร่ส่วย เป็ นไพร่หลวงที่ส่งสิ่งของมาแทนการถูกเกณฑ์แรงงาน สิ่งของ ที่ไพร่ส่วยส่งมาส่วนใหญ่เป็ นสิ่งของสาคัญ เช่น มูลค้ างคาว ดีบุก ของป่ า เป็ น ต้ น
  • 17. ชนชั้นไพร่สามารถเปลี่ยนฐานะของตนเองให้ เป็ นขุนนางได้ ถ้ ามี ความสามารถเพียงพอ และถวายตัวเข้ ารับราชการ 2) ทาส เป็ นคนที่ขาดสิทธิในแรงงานและชีวิต ไม่มีอสระในการทาสิ่งใดต้ อง ิ ทางานตามที่นายเงินสั่ง ถือเป็ นชนชั้นที่ต่าที่สดในสังคมอยุธยา มีหลาย ุ ประเภท เช่น ทาสสินไถ่ ทาสในเรือนเบี้ย ทาสเชลย เป็ นต้ น 2. สถาบันศาสนา กลุ่มบุคคลในสถาบันศาสนา ได้ แก่ กลุ่มพระสงฆ์ เป็ นชนชั้นที่มีฐานะ ทางสังคมที่ไม่เกี่ยวข้ องกับการปกครองบ้ านเมืองโดยตรง อาจถือได้ ว่า พระสงฆ์มีสถานภาพใกล้ เคียงกับชนชั้นมูลนาย เพราะได้ รับการยกเว้ นการ เกณฑ์แรงงานและการเสียภาษีให้ แก่รัฐ
  • 18. ศิลปวัոธรรมไทยสมัยอยุธยา การสถาปนาอาณาจักรอยุธยาใน พ.ศ.๑๘๙๓ นับเป็ นการเริ่มต้ น ศิลปวัոธรรมไทยในสมัยอยุธยาซึ่งมีรากฐานมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันศาสนา ไม่ว่าจะเป็ นทางด้ านศิลปกรรม วรรณกรรมประเพณี รวมทั้ง พระพุทธศาสนา ซึ่งคนไทยศรัทธาและยึดมั่นเป็ นสรณะมาโดยตลอด ศิลปวัոธรรมไทยในสมัยอยุธยาเกิดจากการผสมผสานระหว่าง ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนไทย และ ศิลปวัฒนธรรมที่รับมาจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปวัฒธรรมจากอินเดียที่อยุธยารับมาจากเขมรและจาก อินเดียโดยตรง
  • 19. ลักษณะของศิลปวัฒนธรรมในสมัยอยุธยา แบ่งได้ หลายประเภท โดยสรุปลักษณะที่สาคัญ แต่ละประเภท ดังนี้ 1. ศิลปกรรมสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม ประณีตศิลป์ 2. วรรณกรรม 3. ประเพณี 4. พระพุทธศาสนา ประณีตศิลป์ งานประณีตศิลป์ สมัยอยุธยาถือได้ ว่ามีความเจริญถึงขีดสุดเหนือกว่าศิลปะแบบอื่นๆ งาน ประณีตศิลป์ ที่เกิดขึ้นมีหลายประเภท เช่น - เครื่องไม้ จาหลัก ได้ แก่ ตู้พระธรรม ธรรมาสน์ พระพุทธรูป บานประตู หน้ าต่าง หน้ าบันพระอุโบสถ ตู้เก็บ หนังสือ - ลายรดนา คือการนาทองมาปิ ดลงบนรักสีดาบนพื้นที่เขียนภาพหรือลวดลายแล้ วรดนา ้ ้ ล้ างออก นิยมใช้ ในบานประตูโบสถ์วิหาร ตู้พระธรรม ตู้ใส่หนังสือ เป็ นต้ น
  • 20. พัฒนาการ ทางด้านสังคม และ วัฒนธรรม พัฒนาการด้ านสังคมและวัฒนธรรม โครงสร้ างทางสังคมไทยสมัยธนบุรีประกอบด้ วยชนชั้นต่างๆ ได้ แก่ -พระมหากษัตริย์ เป็ นผู้ท่มีพระราชอานาจสูงสุดในแผ่นดิน ี -พระบรมวงศานุวงศ์ ได้ แก่ ราชวงศ์ช้ันผู้ใหญ่ บรรดาพระราชโอรสและพระราช ธิดา -ไพร่ ได้ แก่ คนธรรมดาสามัญที่เป็ นชายฉกรรจ์ ส่วนเด็ก ผู้หญิงหรือคนชราถือ เป็ นบริวารของไพร่ -ทาส หมายถึง บุคคลที่มิได้ เป็ นไทแก่ตนเองโดยสิ้นเชิง -พระสงฆ์ เป็ นผู้สบทอดพระพุทธศาสนา และเป็ นผู้อบรมสั่งสอนคนในสังคมให้ ื เป็ นคนดี
  • 21. งานสร้ างสรรค์ศิลปะและวรรณกรรม * ความเจริญรุ่งเรืองด้ านศิลปแขนงต่างๆ ในสมัยธนบุรีไม่ปรากฏเด่นชัดนัก เนื่องจากบ้ านเมืองตกอยู่ในภาวะสงครามตลอดรัชกาล ความบีบคั้นทาง ๶ศรษฐกิจและบรรดาช่างฝี มือถูกพม่ากวาดต้ อนไปจานวนมาก * งานสถาปัตยกรรม ส่วนใหญ่เป็ นงานซ่อมแซมบูรณะปฏิสงขรณ์วัดวาอาราม ั ต่างๆ และงานก่อสร้ างพระราชวังเดิม * งานวรรณกรรม ได้ แก่ รามเกียรติ์ (พระราชนิพนธ์บางตอนในสมเด็จพระเจ้ า ตากสิน),ลิลิตเพชรมงกุฏ (หลวงสรวิชิต),และโคลงยอพระเกียรติ์พระเจ้ ากรุง ธนบุรี(นายสวนมหาดเล็ก) เป็ นต้ น