ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
แต่งหน้าลุคปาร์ตี้สุดแซ่บ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ที่มาและความสาคัญ
การแต่งหน้ามีความสาคัญและมีบทบาทในชีวิตประจาวันของเรา
เป็นอย่างมากไม่ว่าเพศใดก็ตาม ซึ่งผู้จัดทาเองก็มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่อง
ความสวยความงาม อีกทั้งในปัจจุบันการแต่งหน้าสามารถเรียนรู้ได้ด้วย
ตนเองและส่วนใหญ่มาจากกระแสความนิยมด้านความบันเทิง เช่น ละคร
ภาพยนตร์ รวมถึงกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย ทาให้เกิดความสนใจและ
เริ่มเรียนรู้การแต่งหน้าในรูปแบบต่างๆมากมาย เช่น การแต่งหน้าไปทางาน
การแต่งหน้าตามศิลปินหรือดาราที่ชื่นชอบ การแต่งหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยต่างๆ
บนใบหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง ทาให้ดูสวยดูหล่อขึ้นได้ รวมทั้ง
การแต่งหน้าเพื่อไปเทศกาลหรืองานสาคัญ เช่น ฮาโลวีน งานรับปริญญา
การไปสมัครงาน รวมถึงการไป งานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ซึ่งถ้าเรารู้จักการ
แต่งหน้าอย่างถูกวิธีและเหมาะสมแก่ตนเองแล้วก็จะสร้างความโดดเด่น
ความประทับใจให้แก่ตนเองและผู้พบเห็น จึงทาให้ผู้ศึกษาโครงงานนี้
สามารถเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าไปงานปาร์ตี้ได้ รวมทั้งแนะนาเกี่ยวกับ
เครื่องสาอางและอุปกรณ์แต่งหน้า รวมทั้งเทคนิคต่างๆในการแต่งหน้า
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถแต่งหน้าได้ด้วยตนเอง
2. เพื่อฝึกทักษะการเรียนรู้ในการแต่งหน้า
3. เพื่อแนะนาเครื่องสาอาง
ขอบเขตโครงงาน
สอนการแต่งหน้าไปปาร์ตี้แบบง่ายๆ โดยแนะนาการใช้เครื่องสาอาง
และอุปกรณ์ในการแต่งหน้า
หลักการและทฤษฎี
ความงามอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
ความงามโดยธรรมชาติ และความงามที่เกิดโดยมนุษย์ที่เข้าไปสร้างสรรค์
ทาให้เกิดความสวยงาม โดยการแต่งเติมสีสัน รูปร่าง ความคิด
เสริมสร้างความงามให้กับสิ่งนั้นและบริเวณ รอบข้าง ก่อให้เกิด
ความเพลิดเพลินและเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ ความงามถือเป็น
สิ่งที่เกิดมาคู่กับธรรมชาติ โดยเฉพาะมนุษย์ จึงมีคากล่าวที่ว่า
"ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง"
มาเริ่มการแต่งหน้า
ลุคปาร์ตี้สุดแซ่บกันเลย !!
Before After
สารบัญ
- การทารองพื้น
- การเลือกใช้แป้ง
- การลงอายแชโดว์
- การปัดแก้ม
-การทาลิปสติก
อุปกรณ์แต่งหน้า ขั้นตอนการแต่งหน้า บรรณานุกรม
ก่อนอื่นเราต้องรู้จักสีผิวและลักษณะผิวหน้าของตนเองก่อน
ซึ่งมีความสาคัญและสอดคล้องกับการเลือกสีและชนิดของรองพื้น
หากใครยังไม่รู้ ไปอ่านพร้อมๆ กันเล้ยย
โทนชมพู โทน
เหลือง
หรือ ผิวสีเข้ม
ผิวแ ห้ง ผิวธรรมดา ผิวมัน
ผิวผสม แ ละผิวแ พ้ง่าย
วิธีเลือกสีครีมรองพื้น
การที่เราสังเกตดูว่าตัวเรามีผิวสีอะไร ช่วยให้การเลือกซื้อรองพื้นง่ายและแม่นยาขึ้น
มีวิธีตรวจสอบง่าย ๆ โดยดูที่เส้นเลือดฝอยที่ข้อมือ และทดสอบโดยเครื่องประดับ
- หากเป็นสีเขียว หรือสีผิวเข้ากับเครื่องประดับสีทอง จัดอยู่ในอันเดอร์โทนเหลือง
- หากเป็นสีน้าเงิน หรือสีผิวเข้ากับเครื่องประดับสีเงินจัดอยู่ในอันเดอร์โทนชมพู
แต่ถ้าจะให้ชัวร์ๆ (มีเหตุหลายปัจจัยที่ทาให้ผิดพลาด ได้ต้องดูจากภาพรวม)
• ควรไปซื้อรองพื้นด้วยใบหน้าเปล่าเปลือยไร้เมคอัพ
เพราะจะทาให้เลือกสีรองพื้นได้ตรงกับสีผิวที่สุด
อย่าแต่งหน้าหรือทาครีมไปซื้อ เพราะอาจทาให้สีผิวผิดเพี้ยน
และ ได้รองพื้นที่ไม่ตรงกับสีผิวจริงมา
• ทดสอบเฉดสีบนใบหน้า
เป็นขั้นตอนที่สาคัญมาก เลือกรองพื้นที่สีใกล้เคียงกับสีผิวมากที่สุด แล้วป้าย
รองพื้นเหล่านั้นที่ข้างแก้มใกล้กับปลายคาง หลีกเลี่ยงทดสอบบนหน้าผากหรือ
จมูกเพราะเป็นส่วนที่ถูกแดดมากที่สุด จะทาให้เลือกสีออกมาคล้ากว่าความเป็นจริงได้
ภาพจาก : http://pantip.com/topic/30776514
• หลังจากป้ายรองพื้นบนใบหน้าแล้วก็ ทดสอบกับแสงธรรมชาติ เพราะแสงไฟ
สีส้มในห้างสรรพสินค้าอาจหลอกตาได้ เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงธรรมชาติแล้ว
ให้เลือกรองพื้นที่กลมกลืนกับสีผิวมากที่สุด
.. ต่อมาเป็นการตรวจสอบลักษณะผิว
• ผิวธรรมดา
ดูนุ่มชุ่มชื้น อิ่ม ดูมีน้ามีนวล เปล่งปลั่ง สุขภาพดี โครงสร้างผิวชั้นนอก
สมบูรณ์ ไม่มีริ้วรอยปรากฏให้เห็น และรูขุมขนเล็กกระชับ จะไม่มีน้ามันถูก
ดูดซับอยู่บนกระดาษทิชชู และผิวหน้าไม่ตึงหรือมีสะเก็ดคล้ายผิวลอกหรือ
เป็นขุย เมื่อซับหน้าเสร็จ จะรู้สึกผิวหน้านุ่มลื่น สบายผิวรวมทั้งมีความ
ยืดหยุ่นของผิวหนังดี ไม่รู้สึกระคายเคืองหรือตึงเกินไป
• ผิวมัน
จะสังเกตเห็นน้ามันถูกดูดซับบนกระดาษทิชชูอย่างชัดเจนเป็นดวงๆ ส่วนใหญ่
น้ามันจะมาจากบริเวณจมูก หน้าผากและโหนกแก้ม และเป็นผิวที่มีปัญหากับการ
ลงรองพื้นมากที่สุด เพราะคนผิวมันมักมีรูขุมขนที่กว้าง ดังนั้น
การเลือกรองพื้น ต้องเน้นที่ความบางเบา สามารถควบคุมความมันและอาพราง
รูขุมขนได้ และมีคุณสมบัติในการลดความมันเงา แต่ให้ความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะ
เพราะผิวมันก็ยังคงต้องการความชุ่มชื้นให้กับผิวในปริมาณที่เหมาะสม
• ผิวผสม
เป็นสภาพผิวอีกประเภทหนึ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ผิวที่มีสุขภาพดี ไม่ควรมันมากและแห้ง
มากในเวลาเดียวกัน แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
1. T-zone มัน แต่ข้างแก้มเป็นผิวแห้ง 2. T-zone มัน แต่ข้างแก้มเป็นผิวธรรมดา
ควรเลือกรองพื้น ที่เน้นการให้ความชุ่มชื้นในสองข้างแก้ม เวลาทาควรเน้นที่สองข้างแก้ม
และทาบริเวณ T-zone แต่น้อย เพื่อไม่ไปเพิ่มความมันเงาในบริเวณนี้
3. Oily with dry surface ผิวผสม ซึ่งเป็นผิวที่ค่อนข้างจะดูแลยาก เพราะผิวด้านบนจะ
แห้ง แต่ชั้นใต้ผิวจะมัน ควรเลือกรองพื้น เนื้อบางเบาและมีความชุ่มชื้น
• ผิวแห้ง
เช่นเดียวกับผิวธรรมดา แต่เมื่อซับหน้าเสร็จ ผิวหน้าจะตึงมากหรือแห้งไม่สบายผิว
รูขุมขนไม่กว้าง ถ้าผิวแห้งมากแล้วไม่ได้ทาครีมบารุงดีพอ เมื่อลงรองพื้นจะทาให้
เป็นขุย และเป็นคนมีโอกาสที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย
ควรเลือกรองพื้น ที่ความชุ่มชื้นแต่ไม่มีความมันบนใบหน้า เนื้อสัมผัสบางเบา หาก
หนาจะทาให้ยิ่งเพิ่มความเด่นชัดของริ้วรอยมากขึ้น และควรทาครีมบารุง เพื่อให้
ความชุ่มชื้นแก่ผิวสม่าเสมอ
• ผิวแพ้ง่าย
บอบบาง ผิวหน้าจะตึงและระคายเคืองง่ายมากแม้บนกระดาษทิชชูที่นุ่มนวล
มีปัญหาแพ้ง่าย แดง ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วๆ ไปในท้องตลาด
สภาพผิวนี้ก็ต้องระวังมากกว่าผิวชนิดอื่น ซึ่งถ้าไม่ละเอียดอ่อนในการเลือกครีม
รองพื้นจริงๆ ก็อาจจะทาให้ใบหน้าของเราพังได้ง่ายๆ ดังนั้น
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ระบุว่าทดสอบแล้วไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง
ซึ่งมักระบุว่า “allergy-tested"
• ผิวมันและเป็นสิวหรือผิวแห้งแต่เป็นสิว
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับสิว หรือที่มีส่วนผสมของ
Acne Oil Control ช่วยลดสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอุดตันพร้อมกับไม่ก่อให้เกิด
การระคายเคืองและมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว
หลังจากรู้ข้อมูลเบื้องต้นซึ่งมีความสาคัญและสอดคล้องกับการ
เลือกสีและชนิดของรองพื้นแล้ว
เราก็มาเริ่มแต่งหน้ากันจริงๆ โดยมีหัวข้อว่า ..
“แต่งหน้าลุคปาร์ตี้สุดแซ่บ” ซึ่งมีอุปกรณ์แต่งหȨาดังต่อไปนี้
1) Etude House Precious Mineral BB
Cream All Day Strong SPF30/PA++
2) e.l.f. Essential Tone Correcting
Concealer
3) ZA Perfect Fit Two-way
Foundation
4) BSC Eyebrow Pencil
5) Lola Eyebrow
6) Etude house eyeshadow look at
my eyes
7) IN2IT Waterproof Eye Colour
Set EWE09 Nautical
8) จำไม่ได้
9) ที่ดัดขนตาทั่วไป
10) Maybelline Lashionista Mascara
11) Oriental Princess Beneficial Ready
to Wear Automatic Face Colour
12) Skinfood Sugar Cookie Blusher
13) Collection Lasting Color Lipstick
#14
14) Revlon Super Lustrous Lipgloss
15) จำไม่ได้
ผิว : โทนชมพู ลักษณะผิว : ผิวผสม
ขั้นตอนแรก : หลังจากลงสกินแคร์ และครีมกันแดดเรียบร้อย ประมาณ10นาที ก็ลงไพร์เมอร์ และ
บีบี ครีม ออกมาจากหลอดประมาณปลายนิ้วก้อย(ไม่ใช้เยอะ) จากนั้นวอร์มครีม ประมาณ
5-10 วินาที แล้วแต้มลงบนใบหน้า 5 จุด ได้แก่ แก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก จมูก และคาง
จากนั้นใช้นิ้วนางเกลี่ยและกดเบาๆ จากนั้นทาคอนซิลเลอร์ใต้ตา
ส่วนประเภทของรองพื้นมีหลายแนวด้วยกัน ได้แก่
• ไพร์เมอร์ (Primer = Foundation Primer)
เป็นครีมที่เนื้อส่วนใหญ่เป็นเนื้อซิลิโคนใสและขุ่น สามารถปกปิดรูขุมขนได้ดี ไม่มัน บาง
ยี่ห้อพอทาแล้วยังมีประกายเงาแถมมาด้วย เพื่อให้ผิวหน้าดูผ่อง และเป็นตัวช่วยให้
เครื่องสาอางติดทนนานมากขึ้น
• เบส (Make up Base)
ทาหลังจากทากันแดดและบารุงผิว ทาให้สีผิวปรับให้สม่าเสมอ อาพรางสีผิวและริ้วรอย
ก่อนที่จะลงรองพื้นเพื่อให้ใบหน้าดูเนียนใส ...สาหรับคนที่ไม่ใช้รองพื้นแต่ใช้กันแดด
เบสสีต่างๆก็ช่วยในการปรับสีของกันแดดได้เช่นกัน เอาผสมกับกันแดดได้เลย
โดยส่วนใหญ่สมัยนี้เบสจะอยู่ในรูปแบบของเหลว เจล ครีม หรือเป็นครีม
อัดแท่งซึ่งมีสีต่างๆ กัน ดังนี้..
- สีเขียว
ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า รอยจ้าแดง หรือรอยแดงจากสิว
- สีชมพู สีม่วง
ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่าเสมอของส่วนที่หมองคล้าบนใบหน้า ช่วยทาให้หน้าดูสว่างขึ้น เหมาะ
กับสาวผิวขาว ถึงผิวสองสี
- สีเหลือง สีส้ม
ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหมองคล้า ทาให้หน้าสว่างขึ้นค่ะ เหมาะกับสาวผิวคล้าหน่อย
- สีขาว สีเนื้อ
ช่วยปรับให้สีผิวผ่องใส เรียบเนียน *ไม่มีกฎตายตัว*
• คอนซีลเลอร์ (Concealer)
ปกปิดหรือซ่อนจุดบกพร่องต่างๆ ที่อยู่บนผิวไม่ว่า
จะเป็นรอยสิว รอยคล้า รอยแดง จุดด่างดาเล็กๆ
แผลเป็นฝ้า กระ และจุดบกพร่องอื่นๆ ที่ปรากฏบน
ผิวหน้า เพราะคอนซีลเลอร์สามารถให้ระดับการปกปิด
อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนใหญ่มาในรูปแบบแท่งหรือ
ตลับที่สามารถแต้มปกปิด ตามจุดบนหน้าได้เลย
แต่ต้องระวังควรปรับสภาพบนผิวให้ชุ่มชื้นพอก่อน
ไม่งั้นจะแห้งและเป็นขุยได้
• รองพื้น (Foundation)
มีลักษณะเป็นเนื้อครีมหลากหลายชนิดแตกต่างตามความเข้มข้น เช่น
- รองพื้นแบบแท่ง (Stick) สาหรับช่วยปกปิดผิวที่มีปัญหาเหมาะสาหรับผิวแห้ง และไม่
เหมาะกับคนที่มีผิวมัน อาจจะมีปัญหาการเกลี่ยแล้วเป็นก้อนและอาจจะหนาเกินไป
เนื่องจากจะมีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ หากคนผิวมันใช้แบบนี้ ระหว่างวันจะทาให้
หน้าเหนอะหนะได้ ข้อดี คือ ใช้ได้ง่าย และ ช่วยให้การทารองพื้นเสร็จในเวลาอันสั้น
- แบบครีม (Cream) เน้นการปกปิดที่ดีเพราะเนื้อ
ครีมจะหนา และ ติดทน ผู้ใช้ต้องมีความชานาญก่อน
จึงจะเริ่มใช้ หรือไม่ก็เลือกใช้เฉพาะส่วนผิวหน้าที่มี
ปัญหา
- แบบน้า (Liquid) ชนิดนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว เป็น
พื้นฐานของรองพื้น และเหมาะกับผู้เริ่มใช้เพราะใช้
ง่าย และไม่ทาให้หน้าดูหนา ใช้คู่กับแปรงสาหรับรอง
พื้น จะทาให้เกลี่ยง่ายขึ้น แต่ปกปิดได้ไม่มากนัก
- แบบมูส (Mouse) เนื้อครีมที่ทาในรูปแบบฟองครีม
ทาให้ผิวดูสว่างขึ้นหลังใช้ ข้อดีจะไม่เกาะตามรอยร่องที่
เกิดจากการแสดงอารมณ์ของผิวหน้า จึงเหมาะเป็น
อย่างยิ่งสาหรับผู้มีริ้วรอย
- แบบแป้ง (Powder) เหมาะกับเด็กสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่ง
หัดแต่งหน้า เพราะใช้ง่าย ปกปิดได้ปานกลาง
นอกจากนี้ยังเหมาะกับช่วงหน้าร้อน เพราะไม่ทาให้ผิว
เหนอะหนะ
- แบบทิ้นส์ (Tinted Moisturizer)
มันคือ มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เติมสีเนื้อลงไปเล็กน้อย ทาให้หลังใช้จะดูผิวเรียนเนียนขึ้น แต่
ไม่ช่วยปกปิดมาก
- แบบเปลี่ยนสถานะ (Cream to Powder)
เหมาะกับผิวมัน หลังจากทารองพื้นไปบนผิวหน้าครีมรองพื้นจะเปลี่ยนเป็นแป้งโดยเร็ว
อุปกรณ์ที่ใช้ลงรองพื้น
• แปรง แบ่งออกได้หลายแบบ หลายระดับการปกปิด โดยสามารถปกปิดร่องหรือริ้วรอย
และรูขุมขนได้ดี จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้
- แปรงหัวแบน (Flat Foundation Brush)
เหมาะมากสาหรับรองพื้นเนื้อน้า เพราะเกลี่ยง่าย ปกปิดได้ปานกลางถึงปกปิดสูง
เทคนิคการใช้งานเล็กน้อยก็คือ ควรวอร์มเนื้อรองพื้นที่หลังมือก่อน แล้วค่อยใช้แปรงแตะ
รองพื้นปริมาณเล็กน้อย ถ้าต้องการมากขึ้นค่อยแตะเพิ่ม
- แปรงขนสกั๊งค์ (Stippling Brush/Duo Fiber Brush)
สาหรับใครที่ต้องการความเนียบ หน้าเป๊ะ ไปงานตอนกลางคืน แนะนาแปรงนี้ แต่
แปรงชนิดนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยถนัด การใช้งานจะสามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ใช้กด
(Stippling) เนื้อรองพื้นให้ทั่วๆ หน้า จะให้ลุคที่บางเบามากหรือที่รู้จักกันว่าเทคนิค
Airbrush และ อีกวิธีคือใช้วนเป็นวงกลมให้ทั่วใบหน้าเช่นกัน แบบนี้จะให้การปกปิดที่
มากกว่า แต่ต้องระวังการเป็นรอยขนแปรง ..ดูวิธีใช้จากคลิปด้านล่างได้เลย
ขอบคุณวิดีโอสอนโดย
คุณ gossmakeupartist
สมาชิกบน youtube
- Flat Top Brush ลักษณะจะคล้ายกับ Buffing Brush แต่จะต่างกันที่หัวแปรงชนิด
นี้จะตัดตรง ไม่โค้งมน เหมาะกับทั้งรองพื้นเนื้อน้าและเนื้อครีม แปรงชนิดนี้จะใช้งาน
ค่อนข้างยากสักนิด แม้จะใช้วนเป็นวงกลมเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ชานาญจริงก็มีสิทธิเป็น
คราบและไม่เรียบเนียนสูง แปรงชนิดนี้จะให้การปกปิดที่สูงที่สุดในบรรดาแปรงทั้งหมด
- Buffing Brush ลักษณะจะเป็นหัวพุ่มๆ ขนแปรงจะแน่นและเรียงตัว ตัวแปรงจะมน
นิดๆ แปรงชนิดนี้ให้ความเรียบเนียนขั้นเทพ การใช้งานจะใช้การบัฟหรือวนให้ทั่ว
ใบหน้า
ควรเลือกแปรงที่มีคุณภาพดี และควรลงน้าหนักมือให้เบาที่สุด
เพราะอาจทาให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าก่อนวัยอันควร
- ฟองน้า เหมาะมากสาหรับผู้ที่ต้องการการปกปิดระดับสูง หรือใช้เมื่อต้องไปออกงานที่
ต้องหน้าแน่นและเต็ม และอย่าลืมว่าฟองน้าเป็นสิ่งที่ต้องทาความสะอาดเช่นกัน
การใช้งานฟองน้านั้นมีหลายวิธี
1. ใช้ฟองน้าชุบน้าหมาดๆ แล้วใช้กดรองพื้น เหมาะมากสาหรับรองพื้นเนื้อครีมหรือรอง
พื้นเนื้อน้าที่เนื้อหนักๆ จะให้ความนวลเนียนและปกปิดสูง อย่า! ลากฟองน้าเด็ดขาด
นอกจากหน้าจะไม่เรียบเนียนแล้ว รองพื้นยังไม่ติดหน้าอีกต่างหาก
2. ใช้ฟองน้าแห้งๆ กดหรือวงเป็นวงกลม จะได้การปกปิด แต่อาจจะไม่เนียนเท่าฟองน้า
ที่ชุบน้า
ข้อเสียคือฟองน้าจะดูดซับเนื้อครีมเข้าไปทาให้เปลืองรองพื้นในแต่ละครั้ง
- นิ้วมือ เป็นสิ่งเดียวที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ หลายคนถนัดวิธีนี้มาก เพราะง่ายและ
รวดเร็ว แถมการใช้นิ้วมือก็ถือเป็นการวอร์มเนื้อรองพื้นไปในตัว ซึ่งจะทาให้
ลงรองพื้นได้กลืนไปกับผิวได้มาก
แต่ข้อเสียคือ ทาให้ทาในจุดเล็กๆไม่ละเอียด
ทั้งหมดนี่คือข้อมูลเกี่ยวกับรองพื้น และอย่าลืมว่าต้องหมั่นทาความ
สะอาดแปรงปละฟองน้า ที่ใช้ลงรองพื้นเป็นประจาด้วยเช่นกัน อย่างน้อย
อาทิตย์ละครั้ง เพราะแปรงที่ใช้กับรองพื้น หรือของเหลวอื่นๆ เป็นแหล่งสะสม
ของแบคทีเรียจานวนมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ PorschePoR สมาชิกเว็บพันทิปดอทคอม
และ เว็ปไซด์ www.rhulsean.com
การลงรองพื้นครั้งนี้ใช้ บีบี ครีม (BB cream) คือ
Etude House Precious Mineral BB Cream All Day
Strong SPF30/PA++
เป็นครีมที่รวมทุกอย่างอยู่ในตัวเดียว มีส่วนผสมของ เบส รองพื้น
กันแดด มอยเจอร์ไรเซอร์ รวมอยู่ในตัวเดียวกัน ทาให้ปรับสภาพ
ผิวหน้าให้เนียนใส และสามารถควบคุมความมันได้ มีเนื้อครีมที่อ่อน
ทาแล้วดูใส ไม่แน่น อีกทั้งประหยัดเวลาในการแต่งหน้า
ความเห็นส่วนตัว ทาแล้วดูไม่หนา เหมาะกับลุคกลางคืน
ลงรองพื้นเสร็จมาถึงขั้นตอนการทาแป้ง ซึ่งแป้งที่ใช้ คือ
Za Perfect Fit Two-way Foundation SPF20 PA++
แป้งผสมรองพื้นเนื้อเนียน สูตรบางเบาเป็นธรรมชาติ
ส่วนผสมสาคัญทั้ง
- Microfine Powder สีผิวให้เนียนเสมอ ดูกระจ่างใส
- Poreless Powder ช่วยอาพรางรูขุมขนที่เห็นเด่นชัด ให้
ดูเนียนเรียบ แลผิวหน้าดูเนียนนุ่ม
- Collagen ช่วยฟื้นบารุงผิวให้ยืดหยุ่น ดูกระชับ เปล่งปลั่ง
- Hyaluronic Acid ความชุ่มชื้นเพื่อผิวดูสดใส
ความเห็นส่วนตัว ใช้แล้วโอเคมากๆ
งานคิ้วต้องมา
โดยเริ่มจากใช้ดินสอค่อยๆเขียนโครงตามคิ้วของเราก่อน แล้วปัดแบบฝุ่นทับ
ภาพและข้อมูลจาก : คุณ Jossy Berry สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ประมาณนี้เลย
มาถึงการลงอายแชโดว์
1. เริ่มจากทาคอนซิลเลอร์ที่เปลือกตา
2. ลงวิ้งๆ ทั่วเปลือกตา
3. ลงสีชมพูครึ่งตาหลัง
4. ทาสีน้าตาลตรงขอบตาล่างเน้นหางตา
5. กรีดอายไลเนอร์
6. ดัดขนตาปัดมาสคาร่า
7. ทาสีฟ้าหัวตาล่าง
8. ติดขนตาปลอม
ปัดแก้ม
1. ทาปากจู๋ จะเห็นโหนกแก้ม และปัดตามแนวโดยปัด
แก้มแบบฝุ่นของ skinfood ก่อน
2. จากนั้นปัดแก้มแบบแท่งของ Oriental Princess
เพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า
การทาลิปสติก
- ถ้าอยากได้ลุคเบาๆ ทาลิปสติก
- ถ้าอยากดูเปรี้ยวสามารถทาได้โดยลงทิ้นสีแดงตรงกลางปากให้ดูมีชีวิตชีวา ก่อนทาลิป
จากนั้นก็ทาลิปกอตสีชมพูพีชทับลงไปให้ดูวิ้ง
เสร็จแล้ว!! กับลุค “ปาร์ตี้สุดแซ่บ”
ขอบคุณค่ะ ;)
• crowsmagazine. (-). เลือกครีมรองพื้นอย่างไรให้ถูกกับผิว สืบค้นเมื่อ17 มกราคม
, 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์:
http://www.crowsmagazine.com/articles_view.php?id=174
• Mari Santos. (2557). Korean Makeup Trends You Need To Try Now สืบค้น
เมื่อ 18 มกราคม, 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์:
http://www.buzzfeed.com/marisantos/7-korean-makeup-trends-you-
need-to-try-now#.fezxPm96w
• Jossy Berry. (2557). How to : Korean Makeup style สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม
, 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์: http://pantip.com/topic/31719784
• PorschePoR. (2556). คุณรู้จักและใช้งานรองพื้นได้ดีแค่ไหน สืบค้นเมื่อ 18
มกราคม, 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์: http://pantip.com/topic/30776514
บรรณานุกรม
ครูผู้สอน
คุณครู เขื่อนทอง มูลวรรณ์
ขอขอบคุณ
จัดทาโดย
น.ส.ชื่นทิพย์ นิธิมสารัศม์ ม.6/5 เลขที่ 36
น.ส.วราภรณ์ วิบูลกุล ม.6/5 เลขที่ 41

More Related Content

งาȨำเสนอ1

  • 2. ที่มาและความสาคัญ การแต่งหน้ามีความสาคัญและมีบทบาทในชีวิตประจาวันของเรา เป็นอย่างมากไม่ว่าเพศใดก็ตาม ซึ่งผู้จัดทาเองก็มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่อง ความสวยความงาม อีกทั้งในปัจจุบันการแต่งหน้าสามารถเรียนรู้ได้ด้วย ตนเองและส่วนใหญ่มาจากกระแสความนิยมด้านความบันเทิง เช่น ละคร ภาพยนตร์ รวมถึงกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย ทาให้เกิดความสนใจและ เริ่มเรียนรู้การแต่งหน้าในรูปแบบต่างๆมากมาย เช่น การแต่งหน้าไปทางาน การแต่งหน้าตามศิลปินหรือดาราที่ชื่นชอบ การแต่งหน้าเพื่อปกปิดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตนเอง ทาให้ดูสวยดูหล่อขึ้นได้ รวมทั้ง การแต่งหน้าเพื่อไปเทศกาลหรืองานสาคัญ เช่น ฮาโลวีน งานรับปริญญา การไปสมัครงาน รวมถึงการไป งานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ซึ่งถ้าเรารู้จักการ แต่งหน้าอย่างถูกวิธีและเหมาะสมแก่ตนเองแล้วก็จะสร้างความโดดเด่น ความประทับใจให้แก่ตนเองและผู้พบเห็น จึงทาให้ผู้ศึกษาโครงงานนี้ สามารถเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าไปงานปาร์ตี้ได้ รวมทั้งแนะนาเกี่ยวกับ เครื่องสาอางและอุปกรณ์แต่งหน้า รวมทั้งเทคนิคต่างๆในการแต่งหน้า
  • 3. วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ศึกษาสามารถแต่งหน้าได้ด้วยตนเอง 2. เพื่อฝึกทักษะการเรียนรู้ในการแต่งหน้า 3. เพื่อแนะนาเครื่องสาอาง ขอบเขตโครงงาน สอนการแต่งหน้าไปปาร์ตี้แบบง่ายๆ โดยแนะนาการใช้เครื่องสาอาง และอุปกรณ์ในการแต่งหน้า หลักการและทฤษฎี ความงามอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ความงามโดยธรรมชาติ และความงามที่เกิดโดยมนุษย์ที่เข้าไปสร้างสรรค์ ทาให้เกิดความสวยงาม โดยการแต่งเติมสีสัน รูปร่าง ความคิด เสริมสร้างความงามให้กับสิ่งนั้นและบริเวณ รอบข้าง ก่อให้เกิด ความเพลิดเพลินและเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ ความงามถือเป็น สิ่งที่เกิดมาคู่กับธรรมชาติ โดยเฉพาะมนุษย์ จึงมีคากล่าวที่ว่า "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง"
  • 6. สารบัญ - การทารองพื้น - การเลือกใช้แป้ง - การลงอายแชโดว์ - การปัดแก้ม -การทาลิปสติก อุปกรณ์แต่งหน้า ขั้นตอนการแต่งหน้า บรรณานุกรม
  • 8. วิธีเลือกสีครีมรองพื้น การที่เราสังเกตดูว่าตัวเรามีผิวสีอะไร ช่วยให้การเลือกซื้อรองพื้นง่ายและแม่นยาขึ้น มีวิธีตรวจสอบง่าย ๆ โดยดูที่เส้นเลือดฝอยที่ข้อมือ และทดสอบโดยเครื่องประดับ - หากเป็นสีเขียว หรือสีผิวเข้ากับเครื่องประดับสีทอง จัดอยู่ในอันเดอร์โทนเหลือง - หากเป็นสีน้าเงิน หรือสีผิวเข้ากับเครื่องประดับสีเงินจัดอยู่ในอันเดอร์โทนชมพู แต่ถ้าจะให้ชัวร์ๆ (มีเหตุหลายปัจจัยที่ทาให้ผิดพลาด ได้ต้องดูจากภาพรวม) • ควรไปซื้อรองพื้นด้วยใบหน้าเปล่าเปลือยไร้เมคอัพ เพราะจะทาให้เลือกสีรองพื้นได้ตรงกับสีผิวที่สุด อย่าแต่งหน้าหรือทาครีมไปซื้อ เพราะอาจทาให้สีผิวผิดเพี้ยน และ ได้รองพื้นที่ไม่ตรงกับสีผิวจริงมา
  • 9. • ทดสอบเฉดสีบนใบหน้า เป็นขั้นตอนที่สาคัญมาก เลือกรองพื้นที่สีใกล้เคียงกับสีผิวมากที่สุด แล้วป้าย รองพื้นเหล่านั้นที่ข้างแก้มใกล้กับปลายคาง หลีกเลี่ยงทดสอบบนหน้าผากหรือ จมูกเพราะเป็นส่วนที่ถูกแดดมากที่สุด จะทาให้เลือกสีออกมาคล้ากว่าความเป็นจริงได้ ภาพจาก : http://pantip.com/topic/30776514
  • 10. • หลังจากป้ายรองพื้นบนใบหน้าแล้วก็ ทดสอบกับแสงธรรมชาติ เพราะแสงไฟ สีส้มในห้างสรรพสินค้าอาจหลอกตาได้ เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงธรรมชาติแล้ว ให้เลือกรองพื้นที่กลมกลืนกับสีผิวมากที่สุด
  • 11. .. ต่อมาเป็นการตรวจสอบลักษณะผิว • ผิวธรรมดา ดูนุ่มชุ่มชื้น อิ่ม ดูมีน้ามีนวล เปล่งปลั่ง สุขภาพดี โครงสร้างผิวชั้นนอก สมบูรณ์ ไม่มีริ้วรอยปรากฏให้เห็น และรูขุมขนเล็กกระชับ จะไม่มีน้ามันถูก ดูดซับอยู่บนกระดาษทิชชู และผิวหน้าไม่ตึงหรือมีสะเก็ดคล้ายผิวลอกหรือ เป็นขุย เมื่อซับหน้าเสร็จ จะรู้สึกผิวหน้านุ่มลื่น สบายผิวรวมทั้งมีความ ยืดหยุ่นของผิวหนังดี ไม่รู้สึกระคายเคืองหรือตึงเกินไป
  • 12. • ผิวมัน จะสังเกตเห็นน้ามันถูกดูดซับบนกระดาษทิชชูอย่างชัดเจนเป็นดวงๆ ส่วนใหญ่ น้ามันจะมาจากบริเวณจมูก หน้าผากและโหนกแก้ม และเป็นผิวที่มีปัญหากับการ ลงรองพื้นมากที่สุด เพราะคนผิวมันมักมีรูขุมขนที่กว้าง ดังนั้น การเลือกรองพื้น ต้องเน้นที่ความบางเบา สามารถควบคุมความมันและอาพราง รูขุมขนได้ และมีคุณสมบัติในการลดความมันเงา แต่ให้ความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะ เพราะผิวมันก็ยังคงต้องการความชุ่มชื้นให้กับผิวในปริมาณที่เหมาะสม
  • 13. • ผิวผสม เป็นสภาพผิวอีกประเภทหนึ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ผิวที่มีสุขภาพดี ไม่ควรมันมากและแห้ง มากในเวลาเดียวกัน แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ 1. T-zone มัน แต่ข้างแก้มเป็นผิวแห้ง 2. T-zone มัน แต่ข้างแก้มเป็นผิวธรรมดา ควรเลือกรองพื้น ที่เน้นการให้ความชุ่มชื้นในสองข้างแก้ม เวลาทาควรเน้นที่สองข้างแก้ม และทาบริเวณ T-zone แต่น้อย เพื่อไม่ไปเพิ่มความมันเงาในบริเวณนี้ 3. Oily with dry surface ผิวผสม ซึ่งเป็นผิวที่ค่อนข้างจะดูแลยาก เพราะผิวด้านบนจะ แห้ง แต่ชั้นใต้ผิวจะมัน ควรเลือกรองพื้น เนื้อบางเบาและมีความชุ่มชื้น
  • 14. • ผิวแห้ง เช่นเดียวกับผิวธรรมดา แต่เมื่อซับหน้าเสร็จ ผิวหน้าจะตึงมากหรือแห้งไม่สบายผิว รูขุมขนไม่กว้าง ถ้าผิวแห้งมากแล้วไม่ได้ทาครีมบารุงดีพอ เมื่อลงรองพื้นจะทาให้ เป็นขุย และเป็นคนมีโอกาสที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย ควรเลือกรองพื้น ที่ความชุ่มชื้นแต่ไม่มีความมันบนใบหน้า เนื้อสัมผัสบางเบา หาก หนาจะทาให้ยิ่งเพิ่มความเด่นชัดของริ้วรอยมากขึ้น และควรทาครีมบารุง เพื่อให้ ความชุ่มชื้นแก่ผิวสม่าเสมอ
  • 15. • ผิวแพ้ง่าย บอบบาง ผิวหน้าจะตึงและระคายเคืองง่ายมากแม้บนกระดาษทิชชูที่นุ่มนวล มีปัญหาแพ้ง่าย แดง ระคายเคืองง่ายต่อผลิตภัณฑ์ทั่วๆ ไปในท้องตลาด สภาพผิวนี้ก็ต้องระวังมากกว่าผิวชนิดอื่น ซึ่งถ้าไม่ละเอียดอ่อนในการเลือกครีม รองพื้นจริงๆ ก็อาจจะทาให้ใบหน้าของเราพังได้ง่ายๆ ดังนั้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ระบุว่าทดสอบแล้วไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และระคายเคือง ซึ่งมักระบุว่า “allergy-tested"
  • 16. • ผิวมันและเป็นสิวหรือผิวแห้งแต่เป็นสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองกับสิว หรือที่มีส่วนผสมของ Acne Oil Control ช่วยลดสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอุดตันพร้อมกับไม่ก่อให้เกิด การระคายเคืองและมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • 18. 1) Etude House Precious Mineral BB Cream All Day Strong SPF30/PA++ 2) e.l.f. Essential Tone Correcting Concealer 3) ZA Perfect Fit Two-way Foundation 4) BSC Eyebrow Pencil 5) Lola Eyebrow 6) Etude house eyeshadow look at my eyes 7) IN2IT Waterproof Eye Colour Set EWE09 Nautical 8) จำไม่ได้ 9) ที่ดัดขนตาทั่วไป 10) Maybelline Lashionista Mascara 11) Oriental Princess Beneficial Ready to Wear Automatic Face Colour 12) Skinfood Sugar Cookie Blusher 13) Collection Lasting Color Lipstick #14 14) Revlon Super Lustrous Lipgloss 15) จำไม่ได้
  • 19. ผิว : โทนชมพู ลักษณะผิว : ผิวผสม ขั้นตอนแรก : หลังจากลงสกินแคร์ และครีมกันแดดเรียบร้อย ประมาณ10นาที ก็ลงไพร์เมอร์ และ บีบี ครีม ออกมาจากหลอดประมาณปลายนิ้วก้อย(ไม่ใช้เยอะ) จากนั้นวอร์มครีม ประมาณ 5-10 วินาที แล้วแต้มลงบนใบหน้า 5 จุด ได้แก่ แก้มทั้งสองข้าง หน้าผาก จมูก และคาง จากนั้นใช้นิ้วนางเกลี่ยและกดเบาๆ จากนั้นทาคอนซิลเลอร์ใต้ตา
  • 20. ส่วนประเภทของรองพื้นมีหลายแนวด้วยกัน ได้แก่ • ไพร์เมอร์ (Primer = Foundation Primer) เป็นครีมที่เนื้อส่วนใหญ่เป็นเนื้อซิลิโคนใสและขุ่น สามารถปกปิดรูขุมขนได้ดี ไม่มัน บาง ยี่ห้อพอทาแล้วยังมีประกายเงาแถมมาด้วย เพื่อให้ผิวหน้าดูผ่อง และเป็นตัวช่วยให้ เครื่องสาอางติดทนนานมากขึ้น • เบส (Make up Base) ทาหลังจากทากันแดดและบารุงผิว ทาให้สีผิวปรับให้สม่าเสมอ อาพรางสีผิวและริ้วรอย ก่อนที่จะลงรองพื้นเพื่อให้ใบหน้าดูเนียนใส ...สาหรับคนที่ไม่ใช้รองพื้นแต่ใช้กันแดด เบสสีต่างๆก็ช่วยในการปรับสีของกันแดดได้เช่นกัน เอาผสมกับกันแดดได้เลย โดยส่วนใหญ่สมัยนี้เบสจะอยู่ในรูปแบบของเหลว เจล ครีม หรือเป็นครีม อัดแท่งซึ่งมีสีต่างๆ กัน ดังนี้..
  • 21. - สีเขียว ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยแดงจากเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า รอยจ้าแดง หรือรอยแดงจากสิว - สีชมพู สีม่วง ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่าเสมอของส่วนที่หมองคล้าบนใบหน้า ช่วยทาให้หน้าดูสว่างขึ้น เหมาะ กับสาวผิวขาว ถึงผิวสองสี - สีเหลือง สีส้ม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหมองคล้า ทาให้หน้าสว่างขึ้นค่ะ เหมาะกับสาวผิวคล้าหน่อย - สีขาว สีเนื้อ ช่วยปรับให้สีผิวผ่องใส เรียบเนียน *ไม่มีกฎตายตัว*
  • 22. • คอนซีลเลอร์ (Concealer) ปกปิดหรือซ่อนจุดบกพร่องต่างๆ ที่อยู่บนผิวไม่ว่า จะเป็นรอยสิว รอยคล้า รอยแดง จุดด่างดาเล็กๆ แผลเป็นฝ้า กระ และจุดบกพร่องอื่นๆ ที่ปรากฏบน ผิวหน้า เพราะคอนซีลเลอร์สามารถให้ระดับการปกปิด อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนใหญ่มาในรูปแบบแท่งหรือ ตลับที่สามารถแต้มปกปิด ตามจุดบนหน้าได้เลย แต่ต้องระวังควรปรับสภาพบนผิวให้ชุ่มชื้นพอก่อน ไม่งั้นจะแห้งและเป็นขุยได้
  • 23. • รองพื้น (Foundation) มีลักษณะเป็นเนื้อครีมหลากหลายชนิดแตกต่างตามความเข้มข้น เช่น - รองพื้นแบบแท่ง (Stick) สาหรับช่วยปกปิดผิวที่มีปัญหาเหมาะสาหรับผิวแห้ง และไม่ เหมาะกับคนที่มีผิวมัน อาจจะมีปัญหาการเกลี่ยแล้วเป็นก้อนและอาจจะหนาเกินไป เนื่องจากจะมีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ หากคนผิวมันใช้แบบนี้ ระหว่างวันจะทาให้ หน้าเหนอะหนะได้ ข้อดี คือ ใช้ได้ง่าย และ ช่วยให้การทารองพื้นเสร็จในเวลาอันสั้น
  • 24. - แบบครีม (Cream) เน้นการปกปิดที่ดีเพราะเนื้อ ครีมจะหนา และ ติดทน ผู้ใช้ต้องมีความชานาญก่อน จึงจะเริ่มใช้ หรือไม่ก็เลือกใช้เฉพาะส่วนผิวหน้าที่มี ปัญหา - แบบน้า (Liquid) ชนิดนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว เป็น พื้นฐานของรองพื้น และเหมาะกับผู้เริ่มใช้เพราะใช้ ง่าย และไม่ทาให้หน้าดูหนา ใช้คู่กับแปรงสาหรับรอง พื้น จะทาให้เกลี่ยง่ายขึ้น แต่ปกปิดได้ไม่มากนัก
  • 25. - แบบมูส (Mouse) เนื้อครีมที่ทาในรูปแบบฟองครีม ทาให้ผิวดูสว่างขึ้นหลังใช้ ข้อดีจะไม่เกาะตามรอยร่องที่ เกิดจากการแสดงอารมณ์ของผิวหน้า จึงเหมาะเป็น อย่างยิ่งสาหรับผู้มีริ้วรอย - แบบแป้ง (Powder) เหมาะกับเด็กสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่ง หัดแต่งหน้า เพราะใช้ง่าย ปกปิดได้ปานกลาง นอกจากนี้ยังเหมาะกับช่วงหน้าร้อน เพราะไม่ทาให้ผิว เหนอะหนะ
  • 26. - แบบทิ้นส์ (Tinted Moisturizer) มันคือ มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เติมสีเนื้อลงไปเล็กน้อย ทาให้หลังใช้จะดูผิวเรียนเนียนขึ้น แต่ ไม่ช่วยปกปิดมาก - แบบเปลี่ยนสถานะ (Cream to Powder) เหมาะกับผิวมัน หลังจากทารองพื้นไปบนผิวหน้าครีมรองพื้นจะเปลี่ยนเป็นแป้งโดยเร็ว
  • 27. อุปกรณ์ที่ใช้ลงรองพื้น • แปรง แบ่งออกได้หลายแบบ หลายระดับการปกปิด โดยสามารถปกปิดร่องหรือริ้วรอย และรูขุมขนได้ดี จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้ - แปรงหัวแบน (Flat Foundation Brush) เหมาะมากสาหรับรองพื้นเนื้อน้า เพราะเกลี่ยง่าย ปกปิดได้ปานกลางถึงปกปิดสูง เทคนิคการใช้งานเล็กน้อยก็คือ ควรวอร์มเนื้อรองพื้นที่หลังมือก่อน แล้วค่อยใช้แปรงแตะ รองพื้นปริมาณเล็กน้อย ถ้าต้องการมากขึ้นค่อยแตะเพิ่ม
  • 28. - แปรงขนสกั๊งค์ (Stippling Brush/Duo Fiber Brush) สาหรับใครที่ต้องการความเนียบ หน้าเป๊ะ ไปงานตอนกลางคืน แนะนาแปรงนี้ แต่ แปรงชนิดนี้หลายคนอาจจะไม่ค่อยถนัด การใช้งานจะสามารถใช้ได้ 2 แบบ คือ ใช้กด (Stippling) เนื้อรองพื้นให้ทั่วๆ หน้า จะให้ลุคที่บางเบามากหรือที่รู้จักกันว่าเทคนิค Airbrush และ อีกวิธีคือใช้วนเป็นวงกลมให้ทั่วใบหน้าเช่นกัน แบบนี้จะให้การปกปิดที่ มากกว่า แต่ต้องระวังการเป็นรอยขนแปรง ..ดูวิธีใช้จากคลิปด้านล่างได้เลย ขอบคุณวิดีโอสอนโดย คุณ gossmakeupartist สมาชิกบน youtube
  • 29. - Flat Top Brush ลักษณะจะคล้ายกับ Buffing Brush แต่จะต่างกันที่หัวแปรงชนิด นี้จะตัดตรง ไม่โค้งมน เหมาะกับทั้งรองพื้นเนื้อน้าและเนื้อครีม แปรงชนิดนี้จะใช้งาน ค่อนข้างยากสักนิด แม้จะใช้วนเป็นวงกลมเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ชานาญจริงก็มีสิทธิเป็น คราบและไม่เรียบเนียนสูง แปรงชนิดนี้จะให้การปกปิดที่สูงที่สุดในบรรดาแปรงทั้งหมด - Buffing Brush ลักษณะจะเป็นหัวพุ่มๆ ขนแปรงจะแน่นและเรียงตัว ตัวแปรงจะมน นิดๆ แปรงชนิดนี้ให้ความเรียบเนียนขั้นเทพ การใช้งานจะใช้การบัฟหรือวนให้ทั่ว ใบหน้า ควรเลือกแปรงที่มีคุณภาพดี และควรลงน้าหนักมือให้เบาที่สุด เพราะอาจทาให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าก่อนวัยอันควร
  • 30. - ฟองน้า เหมาะมากสาหรับผู้ที่ต้องการการปกปิดระดับสูง หรือใช้เมื่อต้องไปออกงานที่ ต้องหน้าแน่นและเต็ม และอย่าลืมว่าฟองน้าเป็นสิ่งที่ต้องทาความสะอาดเช่นกัน การใช้งานฟองน้านั้นมีหลายวิธี 1. ใช้ฟองน้าชุบน้าหมาดๆ แล้วใช้กดรองพื้น เหมาะมากสาหรับรองพื้นเนื้อครีมหรือรอง พื้นเนื้อน้าที่เนื้อหนักๆ จะให้ความนวลเนียนและปกปิดสูง อย่า! ลากฟองน้าเด็ดขาด นอกจากหน้าจะไม่เรียบเนียนแล้ว รองพื้นยังไม่ติดหน้าอีกต่างหาก 2. ใช้ฟองน้าแห้งๆ กดหรือวงเป็นวงกลม จะได้การปกปิด แต่อาจจะไม่เนียนเท่าฟองน้า ที่ชุบน้า ข้อเสียคือฟองน้าจะดูดซับเนื้อครีมเข้าไปทาให้เปลืองรองพื้นในแต่ละครั้ง
  • 31. - นิ้วมือ เป็นสิ่งเดียวที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ หลายคนถนัดวิธีนี้มาก เพราะง่ายและ รวดเร็ว แถมการใช้นิ้วมือก็ถือเป็นการวอร์มเนื้อรองพื้นไปในตัว ซึ่งจะทาให้ ลงรองพื้นได้กลืนไปกับผิวได้มาก แต่ข้อเสียคือ ทาให้ทาในจุดเล็กๆไม่ละเอียด ทั้งหมดนี่คือข้อมูลเกี่ยวกับรองพื้น และอย่าลืมว่าต้องหมั่นทาความ สะอาดแปรงปละฟองน้า ที่ใช้ลงรองพื้นเป็นประจาด้วยเช่นกัน อย่างน้อย อาทิตย์ละครั้ง เพราะแปรงที่ใช้กับรองพื้น หรือของเหลวอื่นๆ เป็นแหล่งสะสม ของแบคทีเรียจานวนมาก ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ PorschePoR สมาชิกเว็บพันทิปดอทคอม และ เว็ปไซด์ www.rhulsean.com
  • 32. การลงรองพื้นครั้งนี้ใช้ บีบี ครีม (BB cream) คือ Etude House Precious Mineral BB Cream All Day Strong SPF30/PA++ เป็นครีมที่รวมทุกอย่างอยู่ในตัวเดียว มีส่วนผสมของ เบส รองพื้น กันแดด มอยเจอร์ไรเซอร์ รวมอยู่ในตัวเดียวกัน ทาให้ปรับสภาพ ผิวหน้าให้เนียนใส และสามารถควบคุมความมันได้ มีเนื้อครีมที่อ่อน ทาแล้วดูใส ไม่แน่น อีกทั้งประหยัดเวลาในการแต่งหน้า ความเห็นส่วนตัว ทาแล้วดูไม่หนา เหมาะกับลุคกลางคืน
  • 33. ลงรองพื้นเสร็จมาถึงขั้นตอนการทาแป้ง ซึ่งแป้งที่ใช้ คือ Za Perfect Fit Two-way Foundation SPF20 PA++ แป้งผสมรองพื้นเนื้อเนียน สูตรบางเบาเป็นธรรมชาติ ส่วนผสมสาคัญทั้ง - Microfine Powder สีผิวให้เนียนเสมอ ดูกระจ่างใส - Poreless Powder ช่วยอาพรางรูขุมขนที่เห็นเด่นชัด ให้ ดูเนียนเรียบ แลผิวหน้าดูเนียนนุ่ม - Collagen ช่วยฟื้นบารุงผิวให้ยืดหยุ่น ดูกระชับ เปล่งปลั่ง - Hyaluronic Acid ความชุ่มชื้นเพื่อผิวดูสดใส ความเห็นส่วนตัว ใช้แล้วโอเคมากๆ
  • 35. มาถึงการลงอายแชโดว์ 1. เริ่มจากทาคอนซิลเลอร์ที่เปลือกตา 2. ลงวิ้งๆ ทั่วเปลือกตา 3. ลงสีชมพูครึ่งตาหลัง 4. ทาสีน้าตาลตรงขอบตาล่างเน้นหางตา 5. กรีดอายไลเนอร์ 6. ดัดขนตาปัดมาสคาร่า 7. ทาสีฟ้าหัวตาล่าง 8. ติดขนตาปลอม
  • 36. ปัดแก้ม 1. ทาปากจู๋ จะเห็นโหนกแก้ม และปัดตามแนวโดยปัด แก้มแบบฝุ่นของ skinfood ก่อน 2. จากนั้นปัดแก้มแบบแท่งของ Oriental Princess เพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า
  • 37. การทาลิปสติก - ถ้าอยากได้ลุคเบาๆ ทาลิปสติก - ถ้าอยากดูเปรี้ยวสามารถทาได้โดยลงทิ้นสีแดงตรงกลางปากให้ดูมีชีวิตชีวา ก่อนทาลิป จากนั้นก็ทาลิปกอตสีชมพูพีชทับลงไปให้ดูวิ้ง
  • 39. • crowsmagazine. (-). เลือกครีมรองพื้นอย่างไรให้ถูกกับผิว สืบค้นเมื่อ17 มกราคม , 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์: http://www.crowsmagazine.com/articles_view.php?id=174 • Mari Santos. (2557). Korean Makeup Trends You Need To Try Now สืบค้น เมื่อ 18 มกราคม, 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์: http://www.buzzfeed.com/marisantos/7-korean-makeup-trends-you- need-to-try-now#.fezxPm96w • Jossy Berry. (2557). How to : Korean Makeup style สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม , 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์: http://pantip.com/topic/31719784 • PorschePoR. (2556). คุณรู้จักและใช้งานรองพื้นได้ดีแค่ไหน สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม, 2558, จาก ชื่อเว็บไซต์: http://pantip.com/topic/30776514 บรรณานุกรม
  • 41. จัดทาโดย น.ส.ชื่นทิพย์ นิธิมสารัศม์ ม.6/5 เลขที่ 36 น.ส.วราภรณ์ วิบูลกุล ม.6/5 เลขที่ 41