�ݺ�ߣ

โครงงาน ศึกษาึϸ�นที่ทาการปลุกพืชได้ดีที่สุด

ศึกษาึϸ�นที่ทาการปลุกพืชได้ดีที่สุด
• โครงงานนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เกิดปัญหาในบางครั้งในการ
ปลูกพืชในการใช้ึϸ�นที่แตกต่างกันทาให้ส่งผลถึงการเจริญเติบโตของพืช
และในชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่4นั้นได้มีการทาโครงงานขึ้นทางกลุ่มจึงคิดที่
จะเอาปัญหานี่มาแก้ไขและทดลองเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ทางกลุ่มจึงคิดที่จะทาการทดลองเพื่อหาึϸ�นที่จะทาให้การปลูกพืชได้
ดีที่สุดโดยโดยการจับคู่ึϸ�นโดยมราึϸ�นที่นามาใช้ในการทดลองดั้งนี้ึϸ�น
ทราย ึϸ�นร่วน ึϸ�นเหนียว และมี่ึϸ�นที่นามาจับคู่กันคือึϸ�นทรายกับึϸ�น
เหนียว ึϸ�นเหนียวกับึϸ�นร่วน และ ึϸ�นร่วนกับึϸ�นทราย

• วัตถุประสงค์
1.ศึกษาคุณสมบัติของึϸ�นที่ปลูกพืชได้ดี
2.ทดลองหาึϸ�นที่ปลูกพืชได้ดีที่สุด

• ข้อมูลการศึกษา
ึϸ�น หมายถึง วัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพ
และทางเคมีของหินและแร่ รวมกับสารอินทรีย์ที่เกิดจากการสลายตัว
ของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลก ซึ่งึϸ�นจะมีลักษณะและ
คุณสมบัติต่างกันไปในที่ต่างๆ ตามสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ วัตถุต้น
กาเนิด สิ่งมีชีวิตและระยะเวลาการสร้างตัวของึϸ�น

ึϸ�น (Soil) โดยมีส่วนประกอบดังนี้
อนินทรียวัตถุ (Mineral matter) แร่ต่างๆ ภายในหินซึ่งผุพังสึกกร่อน
เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยทางเคมี ฟิสิกส์ และชีวเคมี
อินทรียวัตถุ (Organic matter) เน่าเปื่อยผุพังหรือสลายตัวของซากพืช
ซากสัตว์ที่ทับถมกัน มีอยู่ประมาณ
น้า ในสารละลายซึ่งพบอยู่ในช่องระหว่างเม็ดึϸ�น (Aggregate) หรืออนุภาค
ึϸ�น (Particle)
อากาศ อยู่ในที่ว่างระหว่างเม็ดึϸ�นหรืออนุภาคึϸ�น

• การผุพังของแร่เฟลด์สปาร์ซึ่งเป็นส่วนประกอบของหินต้นกาเนิดึϸ�น (Parent
rock) เมื่อฝนตกลงมา น้าฝนจะละลายคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ ทาให้มี
สภาพเป็นกรดอ่อนๆ (กรดคาร์บอนิก) น้าฝนบนพื้นผิวซึมลงสู่เบื้องล่างและทา
ปฏิกิริยากับแร่เฟลด์สปาร์ที่อยู่ในหิน ทาให้เกิดการผุพังทางเคมี (Chemical
weathering) แตกสลายเป็นเม็ดทราย (ซิลิกา), แร่ึϸ�นเหนียว (Clay
mineral), ประจุโซเดียม แคลเซียม และโปแตสเซียม ในรูปของสารละลาย

• ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อึϸ�น
สิ่งมีชีวิตเองก็ทาให้หินผุพังกลายเป็นึϸ�น จะเห็นได้ว่า ึϸ�น สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม มี
อิทธิพลซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก ดังที่แสดงในภาพ

• ึϸ�นทรายร่วนประกอบด้วยอนุภาคทราย 80%, อนุภาคทรายแป้ง 10%,
อนุภาคึϸ�นเหนียว 10%
ึϸ�นร่วนประกอบด้วยอนุภาคทราย 40%, อนุภาคทรายแป้ง 40%, อนุภาค
ึϸ�นเหนียว 20%
ึϸ�นเหนียวประกอบด้วยอนุภาคทราย 20%, อนุภาคทรายแป้ง 20%, อนุภาค
ึϸ�นเหนียว 60%

• โครงสร้างึϸ�น (Soil Structure)
โครงสร้างึϸ�น หมายถึง รูปแบบของการยึดและการเรียงตัวของอนุภาค
เดี่ยวของึϸ�นเป็นเม็ดึϸ�นในหน้าตัดึϸ�น เม็ดึϸ�นแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันทั้งด้าน
ขนาดและรูปร่าง ซึ่งแบ่งออกเป็น 7 ชนิดคือ
แบบก้อนกลม (Granular ) มีรูปร่างคล้ายทรงกลม เม็ดึϸ�นมีขนาด
เล็กประมาณ 1 - 10 มิลลิเมตร มักพบในึϸ�นชั้น A มีรากพืชปนอยู่มาก เนื้อึϸ�นมี
ความพรุนมาก จึงระบายน้าและอากาศได้ดี

แบบแผ่น (Platy) ก้อนึϸ�นแบนวางตัวในแนวราบ และซ้อนเหลื่อม
กันเป็นชั้น ขัดขวากรากพืช น้าและอากาศซึมผ่านได้ยาก มักเป็นึϸ�นชั้น A ที่ถูกบีบ
อัดจากการบดไถของเครื่องจักรกลการเกษตร
แบบแท่งหัวมน (Columnar) มีการจับตัวคล้ายคลึงกับแบบแท่งหัว
เหลี่ยม แต่ส่วนบนของปลายแท่งมีลักษณะกลมมน ปกคลุมด้วยเกลือ เม็ดึϸ�นมี
ขนาด 1 - 10 เซนติเมตร มักพบในึϸ�นชั้น B และเกิดในเขตแห้งแล้ง น้าและ
อากาศซึมผ่านได้น้อย และมีการสะสมของโซเดียมสูง

แบบแท่งหัวเหลี่ยม (Prismatic) ก้อนึϸ�นแต่ละก้อนมีผิวหน้าแบบและเรียบ เกาะ
ตัวกันเป็นแท่งหัวเหลี่ยมคล้ายปริซึม ก้อนึϸ�นมีลักษณะยาวในแนวดิ่ง ส่วนบนของ
ปลายแท่งมักมีรูปร่างแบน เม็ดึϸ�นมีขนาด 1 - 10 เซนติเมตร มักพบในึϸ�นชั้น B
น้าและอากาศซึมได้ปานกลาง
แบบก้อนเหลี่ยม (Blocky) มีรูปร่างคล้ายกล่อง เม็ดึϸ�นมีขนาดประมาณ 1-5
เซนติเมตร มักพบในึϸ�นชั้น B มีการกระจายของรากพืชปานกลาง น้าและอากาศ
ซึมผ่านได้

แบบก้อนทึบ (Massive) เป็นึϸ�นเนื้อละเอียดยึดตัวติดกันเป็นก้อน
ใหญ่ ขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร ึϸ�นไม่แตกตัวเป็นเม็ด จึงทาให้น้าและอากาศ
ซึมผ่านได้ยาก
แบบอนุภาคเดี่ยว (Single Grained) ไม่มีการยึดตัวติดกันเป็น
ก้อน มักพบในึϸ�นทราย ซึ่งน้าและอากาศซึมผ่านได้ดี

• น้ามีบทบาทสาคัญในเศรษฐกิจโลก เนื่องจากน้าเป็นตัวทาละลายของสารเคมี
หลากหลายชนิดและอานวยความสะดวกในเรื่องการให้ความเย็นใน
ภาคอุตสาหกรรมและการคมนาคม น้าจืดประมาณ 70% มนุษย์ใช้ไปกับ
เกษตรกรรม

• พริกขี้หนู (ชื่อวิทยาศาสตร์: Capsicum annuum) อยู่ใน
วงศ์ Solanaceae มีลักษณะเป็นไม้ต้น ความสูง 30-120 cm ใบมี
ลักษณะแบนและเรียบมัน ผลมีขนาดเล็กเรียวยาวประมาณ 2-3 ซ.ม. เมื่อดิบผลมี
สีเขียวเข้ม เมื่อสุกจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเผ็ดจัด นิยมใช้เป็นส่วนประกอบ
ในอาหารไทยหลากหลายชนิด ชื่อในภาษาอังกฤษมีหลายชื่อ ได้แก่Chilli
Padi, Bird's Eye Chilli, Bird Chilli, Thai pepper

• การปลูกพริกจะปลูกด้วยเมล็ดแก่ที่เก็บเอาไว้โดยการเตรียมึϸ�นให้มีธาตุอาหารที่
เพียงพอหลังจากนั้นก็รองด้วยปุ๋ ยหมักในก้นหลุมที่ปลูกถ้าเป็นกระถางก็รองที่ก้น
กระถางก่อนที่เราจะเอาึϸ�นที่มีธาตุอาหารมาใส่ในกระถางหลังจากนั้นก็เอาน้ารดลง
ไปในึϸ�นให้ชุ่มก่อนที่จะเอานิ้วขีดลงไปในึϸ�นเป็นเส้นตรงซักหนึ่งเส้น ใส่เมล็ดลง
ไปซัก 5 เมล็ดก็พอ หลังจากนั้นเอาฟางคลุมและรดน้าอีกทีหนึ่ง

วิธีการทดลอง
-อุปกรณ์
1ึϸ�นเหนียว 4.ต้นพริกขี้หนู
2.ึϸ�นทราย 5.ปุ๋ ยตราเรือใบ
3.ึϸ�นร่วน 6.จอบ
7.เสียม 8.มูลวัว

-วิธีการดาเนินงาน
1.นาึϸ�นมาใส่กระถางโดยมี6แบบดังนี้ึϸ�นทราย ึϸ�นเหนียว ึϸ�นร่วน ึϸ�น
ทราย+ึϸ�นร่วน ึϸ�นร่วน+ึϸ�นเหนียว และเึϸ�นทราย+ึϸ�นทรายแล้วใส่มูลวัว
ผสมให้เข้ากัน
2ใส่ต้นกล้าของพริกขี้หนูลงไปปลูกไว้เวลา1เดือนโดยรดน้าทุกวันปริมาณ
300มิลลิลิตรและให้ปุ๋ ยทุกสัปดาห์สัปดาห์ละ0.3กรัม
3.คอยดูผลการทดลองและเก็บข้อมูลทุกสัปดาห์

ผลการทดลอง
จากการทดองปากว่าึϸ�นที่ใช้ดีที่สุดคือึϸ�นร่วน+ึϸ�นทรายเพราะจาก
การศึกษาคุณสมบัติของึϸ�นแล้วได้เหตุผลมาดังนี้ึϸ�นร่วนเป็นึϸ�นที่กักเก็บ
และปุ๋ ยได้ดีส่วนึϸ�นทรายมีคุณสมบัติในการไหลผ่านของน้าและปุ๋ ยได้ดี
ดังนั้นการปลูกด้วยึϸ�น+ทรายจะดีกว่าึϸ�นชนิดอื่นๆและดนที่ปลูกได้แย่
สุดคือึϸ�นเหนียวเพราะมีการกักเก็บน้ามากไป
ข้อเสนอแนะ
ึϸ�นเหนียวสามารถปลูกได้ในพืชบางเฉพาะเช่นข้าว

จัดทาโดย
นางสาวคณิตา พริกนุ่น
นางสาวจันทิมา พุฒทอง
วุฒิการศึกษา กาลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่4
โรงเรียนเมืองสุราษฎร์ธานี

�ݺ�ߣ

ด น (2)

Recommended

More Related Content

Featured (20)

ด น (2)