ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
Network Design Essentials
วัตถุประสงค์
 ออกแบบ network
 เข้าใจเกี่ยวกับ networking topologies
 สามารถนำา hubs ไปใช้ในระบบ๶ครือข่าย
ได้อย่างเหมาะสม
 สามารถนำา switches ไปใช้ในระบบเครือ
ข่ายได้อย่างเหมาะสม
 สารถตรวจสอบเมื่อ topologies เกิดการ
เปลี่ยนแปลง
 สามารถเลือกใช้ topology ที่เหมาะสมกัน
Network Design
 การออกแบบระบบ๶ครือข่ายที่ดี:
 เมื่อตามความต้องการสามารถวิเคราะห์เครือ
ข่ายและออกแบบเครือข่ายได้
 สามารถเลือก network topology
 เลือก topology ให้มีความเหมาะสม
Designing a Network Layout
 การจะใช้ Topology ชนิดใดต้องคำานึงถึง
ลักษณะทางกายภาพซึ่งประกอบด้วย
คอมพิวเตอร์,สาย และ อุปกรณ์ อื่นๆ
 การติดต่อจะต้องมีการกำาหนดว่าเป็นเช่นไร
 โดยพื้นฐานของการออกแบบในการเลือกใช้
topology ต้องดูว่าสามารถจัดวางสิ่งต่างๆได้
อย่างไรโดยใช้แปลนและแผนที่
 จะใช้สายชนิดใดขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพ
ของ topology
 จะต้องคำานึงถึงการโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง
คอมพิวเตอร์ที่ต้องวิ่งผ่านในระบบ๶ครือข่าย
Standard Topologies
การเชื่อมต่อทางกายภาพ (Physical
Topology) หมายถึง การเชื่อมต่อที่มีรูป
ลักษณะที่มองเห็นได้จากภายนอก เช่น การ
เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องกับ
ฮับ จะทำาให้เราสามารถมองเห็นลักษณะการ
เชื่อมต่อทางกายภาพเป็นแบบ Star, Bus หรือ
Ring ในปัจจุบันมี Topology ที่เป็นมาตรฐาน
ต่างๆดังนี้:
 Bus
 Star

Bus
การเชื่อมต่อชนิดจะใช้สายเคเบิลเพียงเส้นเดียวเป็น
หลักจึงเรียกว่า (Trunk) คอมพิวเตอร์ทั้งหมดจะถูกต่อ
เป็นแนวเส้นตรง เป็นวิธีที่ง่ายและธรรมดาที่สุดของการ
เชื่อมต่อระบบ๶ครือข่าย การเชื่อมต่อเครื่องข่ายแบบ
Bus นี้จะใช้สายประเภท Coaxial ซึ่งสาย Coaxial มี
ทั้งแบบหนาและแบบบางซึ่งสาย Coaxial แบบหนาบน
เครือข่ายจะเรียกว่า 10Bease-5 จะมีความยาวไม่เกิน
500 เมตรใน 1 เซกเมนต์แต่สาย Coaxial แบบบาง
บนเครือข่ายจะเรียกว่า 10Bease-2 จะต้องมีความ
ยาวไม่เกิน 185 เมตรใน 1 เซกเมนต์ ส่วนที่ยาวไม่ถึง
จะเรียกว่า เซกเมนต์ย่อย (Sub Segment)การที่จะ
เข้าใจการสื่อสารในระบบ Bus จะต้องทำาความคุ้นเคย
กับแนวคิด 3 ประการคือ
 การส่งสัญญาณ (Sending of Signal)
Bus Topology Network
Sending the Signal
การส่งสัญญาณไปในระบบ๶ครือข่ายจะเป็นในรูปแบบ
ของสัญญาณไฟฟ้า จะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์บน
ระบบ๶ครือข่าย แต่จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวที่
อยู่บนจ่าหน้าเท่านั้นที่ได้รับข้อมูลข่าวสารนั้น
คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่ได้รับการจ่าหน้าถึงจะปฏิเสธ
การรับข้อมูล การส่งข้อมูลจะทำาได้เพียงครั้งละเครื่อง
เท่านั้นเมื่อมีคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากขึ้นจะทำาให้
ประสิทธิภาพในการทำางานของระบบลดลง สิ่งที่มีผลก
ระทบต่อระบบ๶ครือข่ายประเภทนี้คือ
- ความสามารถของHardware เครื่องคอมพิวเตอร์
บนระบบ๶ครือข่าย
- จำานวนรวมของลำาดับชุดคำาสั่งที่รอปฏิบัติ
Bus Communications
 ตัวสิ้นสุดปลายทาง (Terminator)
เมื่อปลายข้างใดข้างหนึ่งของสายเคเบิล
ถูกถอดออก หรือทั้งสองข้างไม่มี
Terminator จะทำาให้ข้อมูลสะท้อนกลับไป
มาทำาให้เครือข่ายล่ม แต่เครื่องยังทำางาน
แบบ stand-alone ได้
Signal Bounce
Terminated Bus Network
Cable Break
Bus Network Expansion
 การขยายระบบ๶ครือข่ายชนิดนี้ มีวิธีการ
ขยายโดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าตัวเชื่อมรูป
ทรงกระบอก(BNC barrel connectors)
เป็นตัวต่อสายเคเบิล 2 ส่วนเข้าด้วยกัน
หรือใช้ Repeater
Star Topology
 Topology แบบนี้จะต้องต่อสายเข้ากับ
จุดศูนย์กลางเรียกว่า Hub หรือ Switch
แต่การต่อแบบนี้จะมีข้อเสียคือเมื่อ
จุดศูนย์กลางล่มระบบทั้งหมดจะล่ม และ
เปลืองสายในการวางระบบแบบนี้ แต่มีข้อดี
คือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเสียจะไม่
ส่งผลต่อระบบทั้งหมด
Star Network
Ring Topology
 การส่งสัญญาณจะทำาเป็นรูปวงแหวน เรียก
ว่าToken Passing Tokenจะถูกส่งผ่าน
จากที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยัง
คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งเครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่ทำาการส่งจะปรับปรุง Token
โดยการใส่การจ่าหน้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ลง
บนข้อมูล แล้วส่งไปรอบๆวงแหวน ดูเหมือน
ว่า Token จะใช้เวลานานแต่แท้จริงแล้ว
Token ใช้เวลาในการเดินทางด้วย
ความเร็วแสงสามารถเคลื่อนที่ไปใน
Ring Network
Wireless Topologies
 เป็น Topology ที่ไม่ต้องใช้สาย
 Wireless LANs มีจุดศูนย์กลางในการ
ติดต่อสื่อสาร
 Use star topology
 การส่งสัญญาณมาจากจุดศูนย์กลางเพียงที่
เดียว
Hubs
 Active Hub มีหน้าที่รับสัญญาณแล้วทวน
สัญญาณแล้วส่งกระจายออกไป
 Passive Hub เป็นจุดศูนย์กลางในการ
เชื่อมต่อ ขยายขนาดของเครือข่าย
 Hybrid hubs เป็นการใช้ Hub ร่วมกับ
Topology ต่างๆและสายแต่ละชนิดร่วมกัน
ได้
Hub Connection
Switches
 เป็นจุดศูนย์กลาง star topology
network
 จะส่งข้อมูลไปยัง Address ที่ระบุเท่านั้น
 ความแตกต่างของ Hub และ Switch คือ
Switch จะทำางานที่ Layer 2 ส่วนHub จะ
ทำางานที่ Layer 1 และราคาจะสูงกว่า Hub
Provide full bandwidth to each
station on network
Mesh Topology
 เครือข่ายแบบนี้เสนอให้มีการทำาซำ้ากันมาก
และมีความอ่อนตัวสูงคอมพิวเตอร์จะถูก
เชื่อมต่อกับเครื่องอื่นทั้งหมดโดยสายเคเบิล
แยกต่างหาก โครงสร้างแบบนี้จัดให้มีการ
เดินทางของสัญญาณที่ซำ้าซ้อนกันทั่วทั้ง
ระบบ๶ครือข่าย หากสายเคเบิลส่วนใดเสีย
ส่วนอื่นจะทำาหน้าที่แทน ระบบ๶ครือข่าย
แบบนี้มักมีราคาแพงเพราะต้องใช้สาย
จำานวนมาก และส่วนใหญ่ใช้บน WAN
Mesh Topology
Star Bus Topology
Star Ring Topology
ข้อดีข้อเสีย Bus Topology
 ข้อดีคือ ใช้สายเคเบิลอย่างประหยัด สื่อมี
ราคาไม่แพงและง่ายต่อการวางสายเป็น
ระบบอย่างง่ายและเชื่อถือได้ง่ายต่อการ
ขยาย
 ข้อเสีย การทำางานของระบบ๶ครือข่ายจะช้า
หากมีการส่งข้อมูลหนาแน่น ยากที่จะ
แยกแยะปัญหาที่เกิดขึ้น การแตกแยกของ
สายเคเบิลมีผลกระทบต่อผู้ใช้หลายคน
ข้อดีข้อเสีย Ring Topology
 ข้อดีคือ ระบบจัดให้มีเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
กันโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง การดำาเนิน
งานของระบบไม่คำานึงว่ามีผู้ใช้จำานวน
เท่าใด
 ข้อเสียคือ ความเสียหายของเครื่อง
คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อ
คอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือ ยากที่จะแยกแยะ
ปัญหาที่เกิดขึ้น การปรับโครงสร้างของ
ระบบ๶ครือข่ายจะรบกวนการปฏิบัติงาน
ข้อดีข้อเสีย Star Topology
 ข้อดีคือ ง่ายต่อการปรับปรุงระบบและเพิ่ม
เครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบสามารถตรวจ
สอบและการบริหารจัดการระบบ โดย
ศูนย์กลางได้ ความเสียหายของ
คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อ
ส่วนที่เหลือของระบบ
 ข้อเสีย ถ้าจุดศูนย์รวมของระบบล้มเหลว
ระบบทั้งระบบจะล่ม
ข้อดีข้อเสีย Mesh Topology
 ข้อดีคือ ระบบจัดให้มีการทำาซำ้าเพิ่มมากขึ้น
และมีความเชื่อถือได้ เช่นเดียวกับการง่าย
ต่อการแก้ไข
 ข้อเสีย การจัดตั้งระบบมีราคาแพงเพราะ
ต้องใช้สายเคเบิลจำานวนมาก
แบบฝึกหัด
 การออกแบบเครือข่ายที่ดีต้องคำานึงถึงสิ่งใด
 Topology ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายใน
ปัจจุบัน
 Hub และ Switch มีการทำางานแตกต่างกัน
หรือไม่อย่างไร
 Topology ชนิดใดมีเสถียรภาพมากที่สุด
เพราะเหตุใด
 สาย Coaxial ใช้กับ Topology ชนิดใด
Ad

Recommended

อิȨตอร์๶Ȩต
อิȨตอร์๶Ȩต
fanchan7777
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 part3 by sirisit jullanan
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 part3 by sirisit jullanan
Poko At Kku ComEd
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 by sirisit part3
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 by sirisit part3
holahediix
ระบบ๶ครือข่ายคอมผิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมผิว๶ตอร์
nuchanad
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 part3 by sirisit
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 part3 by sirisit
Poko At Kku ComEd
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 by sirisit part3
ภารกิจการเรียนรู้ บทที่ 5 by sirisit part3
Poko At Kku ComEd
เทอม 1 คาบ 11
เทอม 1 คาบ 11
Mrpopovic Popovic
๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
kru P
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ARAM Narapol
Network System
Network System
Nattawut Pornonsung
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
Tophit Sampootong
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
Tophit Sampootong
เทอม 1 คาบ 10 ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
เทอม 1 คาบ 10 ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Mrpopovic Popovic
Network Computer
Network Computer
phaisack
คอมม.4บทที่7
คอมม.4บทที่7
Kru Jhair
Network
Network
sa
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์เบื้องต้น
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์เบื้องต้น
kvc10513
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Wanphen Wirojcharoenwong
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Kalib Karn
Basic Network Thai.pdf
Basic Network Thai.pdf
ThanapolKobchaiswat1
06 พื้นฐานระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
06 พื้นฐานระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
teaw-sirinapa

More Related Content

Similar to บทที่2 datacom (20)

๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
kru P
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ARAM Narapol
Network System
Network System
Nattawut Pornonsung
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
Tophit Sampootong
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
Tophit Sampootong
เทอม 1 คาบ 10 ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
เทอม 1 คาบ 10 ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Mrpopovic Popovic
Network Computer
Network Computer
phaisack
คอมม.4บทที่7
คอมม.4บทที่7
Kru Jhair
Network
Network
sa
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์เบื้องต้น
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์เบื้องต้น
kvc10513
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Wanphen Wirojcharoenwong
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Kalib Karn
Basic Network Thai.pdf
Basic Network Thai.pdf
ThanapolKobchaiswat1
06 พื้นฐานระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
06 พื้นฐานระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
teaw-sirinapa
๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
kru P
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ARAM Narapol
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
Tophit Sampootong
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
%7อྺ่ายคอมพิวเตอร์77
Tophit Sampootong
เทอม 1 คาบ 10 ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
เทอม 1 คาบ 10 ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Mrpopovic Popovic
Network Computer
Network Computer
phaisack
คอมม.4บทที่7
คอมม.4บทที่7
Kru Jhair
Network
Network
sa
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์เบื้องต้น
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์เบื้องต้น
kvc10513
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Wanphen Wirojcharoenwong
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
ระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
Kalib Karn
06 พื้นฐานระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
06 พื้นฐานระบบ๶ครือข่ายคอมพิว๶ตอร์
teaw-sirinapa

บทที่2 datacom

  • 2. วัตถุประสงค์  ออกแบบ network  เข้าใจเกี่ยวกับ networking topologies  สามารถนำา hubs ไปใช้ในระบบ๶ครือข่าย ได้อย่างเหมาะสม  สามารถนำา switches ไปใช้ในระบบเครือ ข่ายได้อย่างเหมาะสม  สารถตรวจสอบเมื่อ topologies เกิดการ เปลี่ยนแปลง  สามารถเลือกใช้ topology ที่เหมาะสมกัน
  • 3. Network Design  การออกแบบระบบ๶ครือข่ายที่ดี:  เมื่อตามความต้องการสามารถวิเคราะห์เครือ ข่ายและออกแบบเครือข่ายได้  สามารถเลือก network topology  เลือก topology ให้มีความเหมาะสม
  • 4. Designing a Network Layout  การจะใช้ Topology ชนิดใดต้องคำานึงถึง ลักษณะทางกายภาพซึ่งประกอบด้วย คอมพิวเตอร์,สาย และ อุปกรณ์ อื่นๆ  การติดต่อจะต้องมีการกำาหนดว่าเป็นเช่นไร  โดยพื้นฐานของการออกแบบในการเลือกใช้ topology ต้องดูว่าสามารถจัดวางสิ่งต่างๆได้ อย่างไรโดยใช้แปลนและแผนที่  จะใช้สายชนิดใดขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพ ของ topology  จะต้องคำานึงถึงการโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง คอมพิวเตอร์ที่ต้องวิ่งผ่านในระบบ๶ครือข่าย
  • 5. Standard Topologies การเชื่อมต่อทางกายภาพ (Physical Topology) หมายถึง การเชื่อมต่อที่มีรูป ลักษณะที่มองเห็นได้จากภายนอก เช่น การ เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องกับ ฮับ จะทำาให้เราสามารถมองเห็นลักษณะการ เชื่อมต่อทางกายภาพเป็นแบบ Star, Bus หรือ Ring ในปัจจุบันมี Topology ที่เป็นมาตรฐาน ต่างๆดังนี้:  Bus  Star 
  • 6. Bus การเชื่อมต่อชนิดจะใช้สายเคเบิลเพียงเส้นเดียวเป็น หลักจึงเรียกว่า (Trunk) คอมพิวเตอร์ทั้งหมดจะถูกต่อ เป็นแนวเส้นตรง เป็นวิธีที่ง่ายและธรรมดาที่สุดของการ เชื่อมต่อระบบ๶ครือข่าย การเชื่อมต่อเครื่องข่ายแบบ Bus นี้จะใช้สายประเภท Coaxial ซึ่งสาย Coaxial มี ทั้งแบบหนาและแบบบางซึ่งสาย Coaxial แบบหนาบน เครือข่ายจะเรียกว่า 10Bease-5 จะมีความยาวไม่เกิน 500 เมตรใน 1 เซกเมนต์แต่สาย Coaxial แบบบาง บนเครือข่ายจะเรียกว่า 10Bease-2 จะต้องมีความ ยาวไม่เกิน 185 เมตรใน 1 เซกเมนต์ ส่วนที่ยาวไม่ถึง จะเรียกว่า เซกเมนต์ย่อย (Sub Segment)การที่จะ เข้าใจการสื่อสารในระบบ Bus จะต้องทำาความคุ้นเคย กับแนวคิด 3 ประการคือ  การส่งสัญญาณ (Sending of Signal)
  • 8. Sending the Signal การส่งสัญญาณไปในระบบ๶ครือข่ายจะเป็นในรูปแบบ ของสัญญาณไฟฟ้า จะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์บน ระบบ๶ครือข่าย แต่จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวที่ อยู่บนจ่าหน้าเท่านั้นที่ได้รับข้อมูลข่าวสารนั้น คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่ได้รับการจ่าหน้าถึงจะปฏิเสธ การรับข้อมูล การส่งข้อมูลจะทำาได้เพียงครั้งละเครื่อง เท่านั้นเมื่อมีคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากขึ้นจะทำาให้ ประสิทธิภาพในการทำางานของระบบลดลง สิ่งที่มีผลก ระทบต่อระบบ๶ครือข่ายประเภทนี้คือ - ความสามารถของHardware เครื่องคอมพิวเตอร์ บนระบบ๶ครือข่าย - จำานวนรวมของลำาดับชุดคำาสั่งที่รอปฏิบัติ
  • 9. Bus Communications  ตัวสิ้นสุดปลายทาง (Terminator) เมื่อปลายข้างใดข้างหนึ่งของสายเคเบิล ถูกถอดออก หรือทั้งสองข้างไม่มี Terminator จะทำาให้ข้อมูลสะท้อนกลับไป มาทำาให้เครือข่ายล่ม แต่เครื่องยังทำางาน แบบ stand-alone ได้
  • 13. Bus Network Expansion  การขยายระบบ๶ครือข่ายชนิดนี้ มีวิธีการ ขยายโดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าตัวเชื่อมรูป ทรงกระบอก(BNC barrel connectors) เป็นตัวต่อสายเคเบิล 2 ส่วนเข้าด้วยกัน หรือใช้ Repeater
  • 14. Star Topology  Topology แบบนี้จะต้องต่อสายเข้ากับ จุดศูนย์กลางเรียกว่า Hub หรือ Switch แต่การต่อแบบนี้จะมีข้อเสียคือเมื่อ จุดศูนย์กลางล่มระบบทั้งหมดจะล่ม และ เปลืองสายในการวางระบบแบบนี้ แต่มีข้อดี คือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเสียจะไม่ ส่งผลต่อระบบทั้งหมด
  • 16. Ring Topology  การส่งสัญญาณจะทำาเป็นรูปวงแหวน เรียก ว่าToken Passing Tokenจะถูกส่งผ่าน จากที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยัง คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ทำาการส่งจะปรับปรุง Token โดยการใส่การจ่าหน้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ลง บนข้อมูล แล้วส่งไปรอบๆวงแหวน ดูเหมือน ว่า Token จะใช้เวลานานแต่แท้จริงแล้ว Token ใช้เวลาในการเดินทางด้วย ความเร็วแสงสามารถเคลื่อนที่ไปใน
  • 18. Wireless Topologies  เป็น Topology ที่ไม่ต้องใช้สาย  Wireless LANs มีจุดศูนย์กลางในการ ติดต่อสื่อสาร  Use star topology  การส่งสัญญาณมาจากจุดศูนย์กลางเพียงที่ เดียว
  • 19. Hubs  Active Hub มีหน้าที่รับสัญญาณแล้วทวน สัญญาณแล้วส่งกระจายออกไป  Passive Hub เป็นจุดศูนย์กลางในการ เชื่อมต่อ ขยายขนาดของเครือข่าย  Hybrid hubs เป็นการใช้ Hub ร่วมกับ Topology ต่างๆและสายแต่ละชนิดร่วมกัน ได้
  • 21. Switches  เป็นจุดศูนย์กลาง star topology network  จะส่งข้อมูลไปยัง Address ที่ระบุเท่านั้น  ความแตกต่างของ Hub และ Switch คือ Switch จะทำางานที่ Layer 2 ส่วนHub จะ ทำางานที่ Layer 1 และราคาจะสูงกว่า Hub Provide full bandwidth to each station on network
  • 22. Mesh Topology  เครือข่ายแบบนี้เสนอให้มีการทำาซำ้ากันมาก และมีความอ่อนตัวสูงคอมพิวเตอร์จะถูก เชื่อมต่อกับเครื่องอื่นทั้งหมดโดยสายเคเบิล แยกต่างหาก โครงสร้างแบบนี้จัดให้มีการ เดินทางของสัญญาณที่ซำ้าซ้อนกันทั่วทั้ง ระบบ๶ครือข่าย หากสายเคเบิลส่วนใดเสีย ส่วนอื่นจะทำาหน้าที่แทน ระบบ๶ครือข่าย แบบนี้มักมีราคาแพงเพราะต้องใช้สาย จำานวนมาก และส่วนใหญ่ใช้บน WAN
  • 26. ข้อดีข้อเสีย Bus Topology  ข้อดีคือ ใช้สายเคเบิลอย่างประหยัด สื่อมี ราคาไม่แพงและง่ายต่อการวางสายเป็น ระบบอย่างง่ายและเชื่อถือได้ง่ายต่อการ ขยาย  ข้อเสีย การทำางานของระบบ๶ครือข่ายจะช้า หากมีการส่งข้อมูลหนาแน่น ยากที่จะ แยกแยะปัญหาที่เกิดขึ้น การแตกแยกของ สายเคเบิลมีผลกระทบต่อผู้ใช้หลายคน
  • 27. ข้อดีข้อเสีย Ring Topology  ข้อดีคือ ระบบจัดให้มีเข้าถึงอย่างเท่าเทียม กันโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง การดำาเนิน งานของระบบไม่คำานึงว่ามีผู้ใช้จำานวน เท่าใด  ข้อเสียคือ ความเสียหายของเครื่อง คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อ คอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือ ยากที่จะแยกแยะ ปัญหาที่เกิดขึ้น การปรับโครงสร้างของ ระบบ๶ครือข่ายจะรบกวนการปฏิบัติงาน
  • 28. ข้อดีข้อเสีย Star Topology  ข้อดีคือ ง่ายต่อการปรับปรุงระบบและเพิ่ม เครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบสามารถตรวจ สอบและการบริหารจัดการระบบ โดย ศูนย์กลางได้ ความเสียหายของ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อ ส่วนที่เหลือของระบบ  ข้อเสีย ถ้าจุดศูนย์รวมของระบบล้มเหลว ระบบทั้งระบบจะล่ม
  • 29. ข้อดีข้อเสีย Mesh Topology  ข้อดีคือ ระบบจัดให้มีการทำาซำ้าเพิ่มมากขึ้น และมีความเชื่อถือได้ เช่นเดียวกับการง่าย ต่อการแก้ไข  ข้อเสีย การจัดตั้งระบบมีราคาแพงเพราะ ต้องใช้สายเคเบิลจำานวนมาก
  • 30. แบบฝึกหัด  การออกแบบเครือข่ายที่ดีต้องคำานึงถึงสิ่งใด  Topology ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายใน ปัจจุบัน  Hub และ Switch มีการทำางานแตกต่างกัน หรือไม่อย่างไร  Topology ชนิดใดมีเสถียรภาพมากที่สุด เพราะเหตุใด  สาย Coaxial ใช้กับ Topology ชนิดใด