More Related Content
Similar to บทที่2 datacom (20)
ระบบครือข่ายคอมพิวตอร์ระบบครือข่ายคอมพิวตอร์Wanphen Wirojcharoenwongใช้ประกอบการทำวิจัยเพื่อการศึกษาเท่านั้น โดยอ้างอิงเนื้อหาบางส่วนส่วนหนึ่งของรายวิชา GSCI 1102 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ จัดทำโดย น.ส.วันเพ็ย วิโรจน์เจริญวงศ์ บทที่2 datacom
- 2. วัตถุประสงค์
ออกแบบ network
เข้าใจเกี่ยวกับ networking topologies
สามารถนำา hubs ไปใช้ในระบบครือข่าย
ได้อย่างเหมาะสม
สามารถนำา switches ไปใช้ในระบบเครือ
ข่ายได้อย่างเหมาะสม
สารถตรวจสอบเมื่อ topologies เกิดการ
เปลี่ยนแปลง
สามารถเลือกใช้ topology ที่เหมาะสมกัน
- 4. Designing a Network Layout
การจะใช้ Topology ชนิดใดต้องคำานึงถึง
ลักษณะทางกายภาพซึ่งประกอบด้วย
คอมพิวเตอร์,สาย และ อุปกรณ์ อื่นๆ
การติดต่อจะต้องมีการกำาหนดว่าเป็นเช่นไร
โดยพื้นฐานของการออกแบบในการเลือกใช้
topology ต้องดูว่าสามารถจัดวางสิ่งต่างๆได้
อย่างไรโดยใช้แปลนและแผนที่
จะใช้สายชนิดใดขึ้นอยู่กับลักษณะทางกายภาพ
ของ topology
จะต้องคำานึงถึงการโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง
คอมพิวเตอร์ที่ต้องวิ่งผ่านในระบบครือข่าย
- 5. Standard Topologies
การเชื่อมต่อทางกายภาพ (Physical
Topology) หมายถึง การเชื่อมต่อที่มีรูป
ลักษณะที่มองเห็นได้จากภายนอก เช่น การ
เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องกับ
ฮับ จะทำาให้เราสามารถมองเห็นลักษณะการ
เชื่อมต่อทางกายภาพเป็นแบบ Star, Bus หรือ
Ring ในปัจจุบันมี Topology ที่เป็นมาตรฐาน
ต่างๆดังนี้:
Bus
Star
- 6. Bus
การเชื่อมต่อชนิดจะใช้สายเคเบิลเพียงเส้นเดียวเป็น
หลักจึงเรียกว่า (Trunk) คอมพิวเตอร์ทั้งหมดจะถูกต่อ
เป็นแนวเส้นตรง เป็นวิธีที่ง่ายและธรรมดาที่สุดของการ
เชื่อมต่อระบบครือข่าย การเชื่อมต่อเครื่องข่ายแบบ
Bus นี้จะใช้สายประเภท Coaxial ซึ่งสาย Coaxial มี
ทั้งแบบหนาและแบบบางซึ่งสาย Coaxial แบบหนาบน
เครือข่ายจะเรียกว่า 10Bease-5 จะมีความยาวไม่เกิน
500 เมตรใน 1 เซกเมนต์แต่สาย Coaxial แบบบาง
บนเครือข่ายจะเรียกว่า 10Bease-2 จะต้องมีความ
ยาวไม่เกิน 185 เมตรใน 1 เซกเมนต์ ส่วนที่ยาวไม่ถึง
จะเรียกว่า เซกเมนต์ย่อย (Sub Segment)การที่จะ
เข้าใจการสื่อสารในระบบ Bus จะต้องทำาความคุ้นเคย
กับแนวคิด 3 ประการคือ
การส่งสัญญาณ (Sending of Signal)
- 8. Sending the Signal
การส่งสัญญาณไปในระบบครือข่ายจะเป็นในรูปแบบ
ของสัญญาณไฟฟ้า จะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์บน
ระบบครือข่าย แต่จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวที่
อยู่บนจ่าหน้าเท่านั้นที่ได้รับข้อมูลข่าวสารนั้น
คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่ไม่ได้รับการจ่าหน้าถึงจะปฏิเสธ
การรับข้อมูล การส่งข้อมูลจะทำาได้เพียงครั้งละเครื่อง
เท่านั้นเมื่อมีคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากขึ้นจะทำาให้
ประสิทธิภาพในการทำางานของระบบลดลง สิ่งที่มีผลก
ระทบต่อระบบครือข่ายประเภทนี้คือ
- ความสามารถของHardware เครื่องคอมพิวเตอร์
บนระบบครือข่าย
- จำานวนรวมของลำาดับชุดคำาสั่งที่รอปฏิบัติ
- 9. Bus Communications
ตัวสิ้นสุดปลายทาง (Terminator)
เมื่อปลายข้างใดข้างหนึ่งของสายเคเบิล
ถูกถอดออก หรือทั้งสองข้างไม่มี
Terminator จะทำาให้ข้อมูลสะท้อนกลับไป
มาทำาให้เครือข่ายล่ม แต่เครื่องยังทำางาน
แบบ stand-alone ได้
- 13. Bus Network Expansion
การขยายระบบครือข่ายชนิดนี้ มีวิธีการ
ขยายโดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่าตัวเชื่อมรูป
ทรงกระบอก(BNC barrel connectors)
เป็นตัวต่อสายเคเบิล 2 ส่วนเข้าด้วยกัน
หรือใช้ Repeater
- 14. Star Topology
Topology แบบนี้จะต้องต่อสายเข้ากับ
จุดศูนย์กลางเรียกว่า Hub หรือ Switch
แต่การต่อแบบนี้จะมีข้อเสียคือเมื่อ
จุดศูนย์กลางล่มระบบทั้งหมดจะล่ม และ
เปลืองสายในการวางระบบแบบนี้ แต่มีข้อดี
คือเมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเสียจะไม่
ส่งผลต่อระบบทั้งหมด
- 16. Ring Topology
การส่งสัญญาณจะทำาเป็นรูปวงแหวน เรียก
ว่าToken Passing Tokenจะถูกส่งผ่าน
จากที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยัง
คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งเครื่อง
คอมพิวเตอร์ที่ทำาการส่งจะปรับปรุง Token
โดยการใส่การจ่าหน้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ลง
บนข้อมูล แล้วส่งไปรอบๆวงแหวน ดูเหมือน
ว่า Token จะใช้เวลานานแต่แท้จริงแล้ว
Token ใช้เวลาในการเดินทางด้วย
ความเร็วแสงสามารถเคลื่อนที่ไปใน
- 18. Wireless Topologies
เป็น Topology ที่ไม่ต้องใช้สาย
Wireless LANs มีจุดศูนย์กลางในการ
ติดต่อสื่อสาร
Use star topology
การส่งสัญญาณมาจากจุดศูนย์กลางเพียงที่
เดียว
- 19. Hubs
Active Hub มีหน้าที่รับสัญญาณแล้วทวน
สัญญาณแล้วส่งกระจายออกไป
Passive Hub เป็นจุดศูนย์กลางในการ
เชื่อมต่อ ขยายขนาดของเครือข่าย
Hybrid hubs เป็นการใช้ Hub ร่วมกับ
Topology ต่างๆและสายแต่ละชนิดร่วมกัน
ได้
- 21. Switches
เป็นจุดศูนย์กลาง star topology
network
จะส่งข้อมูลไปยัง Address ที่ระบุเท่านั้น
ความแตกต่างของ Hub และ Switch คือ
Switch จะทำางานที่ Layer 2 ส่วนHub จะ
ทำางานที่ Layer 1 และราคาจะสูงกว่า Hub
Provide full bandwidth to each
station on network
- 26. ข้อดีข้อเสีย Bus Topology
ข้อดีคือ ใช้สายเคเบิลอย่างประหยัด สื่อมี
ราคาไม่แพงและง่ายต่อการวางสายเป็น
ระบบอย่างง่ายและเชื่อถือได้ง่ายต่อการ
ขยาย
ข้อเสีย การทำางานของระบบครือข่ายจะช้า
หากมีการส่งข้อมูลหนาแน่น ยากที่จะ
แยกแยะปัญหาที่เกิดขึ้น การแตกแยกของ
สายเคเบิลมีผลกระทบต่อผู้ใช้หลายคน
- 27. ข้อดีข้อเสีย Ring Topology
ข้อดีคือ ระบบจัดให้มีเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
กันโดยคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง การดำาเนิน
งานของระบบไม่คำานึงว่ามีผู้ใช้จำานวน
เท่าใด
ข้อเสียคือ ความเสียหายของเครื่อง
คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งจะส่งผลกระทบต่อ
คอมพิวเตอร์ส่วนที่เหลือ ยากที่จะแยกแยะ
ปัญหาที่เกิดขึ้น การปรับโครงสร้างของ
ระบบครือข่ายจะรบกวนการปฏิบัติงาน
- 28. ข้อดีข้อเสีย Star Topology
ข้อดีคือ ง่ายต่อการปรับปรุงระบบและเพิ่ม
เครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบสามารถตรวจ
สอบและการบริหารจัดการระบบ โดย
ศูนย์กลางได้ ความเสียหายของ
คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อ
ส่วนที่เหลือของระบบ
ข้อเสีย ถ้าจุดศูนย์รวมของระบบล้มเหลว
ระบบทั้งระบบจะล่ม
- 29. ข้อดีข้อเสีย Mesh Topology
ข้อดีคือ ระบบจัดให้มีการทำาซำ้าเพิ่มมากขึ้น
และมีความเชื่อถือได้ เช่นเดียวกับการง่าย
ต่อการแก้ไข
ข้อเสีย การจัดตั้งระบบมีราคาแพงเพราะ
ต้องใช้สายเคเบิลจำานวนมาก