ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
1

 ทฤษฎีทเกี่ยวข้องกับสังคมวิทยา และพฤติกรรม
       ี่
                   เบี่ยงเบน
    1.Theories of Deviance : Classical Essentialist
Normative Non-Deterministic
    2.Positivistic Theories of Deviance
    3.Biological and Psychological Theories of
Deviance
    4.Sociological Theories of Deviance
    5.Durkheim and Anomie
    6.The Sociological Perspective
    7.Functionalist Perspective
    8.Social Disorganization and Control Theories
    9.Structural Strain Theories
    10.Subcultural Theories of Deviance
    11.Social Learning Theories
    12.Selective Interaction/Socialization
    13.Theories of Drug Use
    14.Labeling Theory and Ethnomethodology
    15.Feminism
    16.Power-Control and Feminist Theories
    17.Culture Conflict Theory

1.Theories of Deviance : Classical Essentialist
Normative Non-Deterministic
    • Demonic Theories
    พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมชั่วร้าย บาป ที่เกิดจากสิ่ง
ที่มีอำานาจเหนือธรรมชาติไม่สามารถควบคุมได้
Classical:
Focus: act vs actor Deviance is a choice Human
being is a rational actor
    พฤติกรรมเบี่ยงเบน เป็นการกระทำาที่มีเหตุผลของมนุษย์
เกิดจากผู้กระทำาได้ตัดสินใจในการเลือกการกระทำา
2

  • มนุษย์มีเจตจำำนงอิสระ(Free will) ในกำรตัดสินใจเลือกกำรกระ
    ทำำ คิดถึงผลดีผลเสีย คนที่มีพฤติกรรมเบียงเบน เนื่องจำกเห็น
                                           ่
    ว่ำก่อให้เกิดประโยชน์มำกกว่ำโทษที่ได้รับไม่เกรงกลัวบท
    ลงโทษ
  • สนใจกำรกระทำำที่แสดงออกมำ ไม่ได้สนใจ“ผู้ทแสดง ี่
    พฤติกรรมออกมำ”

    แนวคิดของสำานักคลาสสิค (Classical School)ของ
Cesare Baccaria
    มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกตัดสินใจในสิ่งที่เห็นว่าได้ประโยชน์
มากกว่าสิ่งที่
เสียประโยชน์“มนุษย์มีเจตจำานงอิสระ (Free Will) ในการ
เลือกการกระทำา”
ผู้กระทำาผิด เนื่องจาก
           -ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
           -บทลงโทษที่เคยได้รับไม่มีความรุนแรง

     Rational Choice Theory
Cesare Beccaria and Jeremy Bentham
١.พฤติกรรมการแสดงออกของมนุษย์เป็นการกระทำาที่มี
เหตุผล
2.เหตุผลดังกล่าวมีการพิจารณาถึงประโยชน์และโทษที่จะได้
รับ
٣.พฤติการณ์แสดงออกทุกอย่างรวมทั้งพฤติกรรมเบี่ยงเบน
เกิดจากการคำานวณถึงประโยชน์ที่ได้รับและก่อให้เกิดความ
พึงพอใจเป็นสำาคัญ
٤.พฤติกรรมการตัดสินใจขึ้นอยู่กับโทษที่ได้รับ
٥.รัฐมีหน้าที่ออกบทลงโทษที่ทำาให้คนเกรงกลัว ทำาให้ไม่เกิด
พฤติกรรมเบี่ยงเบน

           Positivistic Theories of Deviance
            • พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นใน
               สังคมทั่วไป
3

                 • การจะเข้าในพฤติกรรมเหล่านี้ มีความจำาเป็น
                   ต้องทราบสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมเบี่ยง
                   เบน




      แนวคิดของสำานักปฏิฐานนิยม (Positive School)ของ
Cesare Lombroso
ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน คือ ผู้ที่ถูกสภาพแวดล้อมและปัจจัย
ต่างๆบีบบังคับ (Determinism)
“อาชญากร เปรียบเสมือน ผู้ป่วย จำาเป็นต้องได้รับการบำาบัด
รักษา”Bring Back Beast : B.B.B) –การแก้ไขผู้มี
บุคลิกภาพเสียให้กลับสู่สังคม
    • เหตุที่เจ็บป่วย เพราะถูกสภาพแวดล้อมหล่อหลอม หรือ
      บีบบังคับ
                                    P s iv
                                     oit e

       เศ ฐกิ
         รษ จ        * รอ ค
                      ค บ รัว
                     *โรงเรีย  น      ก ย พชี พ บุ ลิ ที่
                                       ำ ภำ / วภำ  คก
                     *ำ บ อ
                      ก รค เพื่ น
                                                  อ่ นแ
                                                   อ อ       พ ก
                                                              ฤติ รรม
        สังคม        * อ อ ศั
                      ที่ ยู่ ำ ย
                     *ำพ
                      อ ชี            +                      เบี่ งเบ
                                                               ย น
                                                   หรือ        หรือ
                     * บย
                      อ ำ มุข
                     *อ
                      สื่                                   อ ช ำ รรม
                                                             ำ ญก
       ก รเมือ
        ำ ง                             จิตใจ       ป่
                                                     วย
                     *ำ
                      ศสนำ




    Sociological Theories of Deviance
Structural Theories:
  • พฤติกรรมเบี่ยงเบนเกี่ยวข้องกับระบบสังคม
4

  • โครงสร้ำงทำงสังคมทำำให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบน โดยขึ้นอยู่
    กับ
            • Opportunity Structures โอกาสทางสังคม
            • Culture: Values วัฒนธรรม : ค่านิยม
            • Normative Structure เป็นส่วนประกอบอย่าง
              หนึ่งของโครงสร้างทางสังคม

    ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่( Structural-Functional
    Analysis)
    -พฤติกรรมเบี่ยงเบน คือ พฤติกรรมที่เป็นการละเมิด
บรรทัดฐานของสังคม อันทำาให้สังคมเสียระเบียบ โครงสร้าง
หน้าที่ต่าง ๆ ในสังคมไม่สามารถกระทำาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อันอาจนำาไปสู่ปัญหาในสังคมต่อไป
     ทฤษฎีสภาวะไร้กฎเกณฑ์ , สภาพไร้กฎหมาย (Anomie )
Emile Durkheim
      สภาวะ Anomie คือ สภาวะไร้กฎเกณฑ์ทางสังคม มี
ความสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยความยากจนสมาชิกในสังคม
ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำาให้มีพฤติกรรม
เบี่ยงเบน หรือ การกระทำาผิดเกิดขึ้นในสังคม

    STRAIN THEORIES OF CRIME
    "When people get mad, they act bad”. (Robert Agnew)

Merton’ Strain Theory
      - พฤติกรรมเบี่ยงเบน เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความ
กดดันในการดำาเนินชีวิต ไปสู่เป้าหมายในชีวิตที่สังคมกำาหนด
ค่านิยมไว้
      - ความขัดแย้งระหว่าง เป้าหมายและวิถีทาง นำาไปสู่ภาวะ
Anomie
ประเด็นโต้แย้ง

    - พฤติกรรมเบี่ยงเบนจำำนวนเท่ำใดเกิดจำกควำมกดดัน
    - คนป่วยทำงจิต , เพศ อธิบำยไม่ได้
5

    - ควำมกดดันเกิดจำกเหตุผลมำกมำย
    - ค่ำนิยม ควำมสำำเร็จแต่ละสังคมต่ำงกัน

               Anomie-Structural Strain
                          Goals
    Means

Conformist( ปฏิบัติตาม)                      accepts +
          accepts +
Innovator(เปลี่ยนแปลง)                       accepts +
          reject/blocked +
Ritualist (ยึดถือวัฒนธรรมใหม่)               reject -
          accept +
Retreatist (ล่าถอย)                      reject -
    reject/blocked -
Rebel (ปฏิวัติ)                          reject (new) +/-
          reject (new) +/-



Emile Durkheim
   เห็นว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคม
เพียงด้านเดียว หากแต่ยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วย
ดังนี้
       1. เกี่ยวข้องกับค่านิยม วัฒนธรรม และบรรทัดฐาน
ทำาให้คนในสังคมเห็นคุณค่าบรรทัดฐาน
       2. กำาหนดด้วยศีลธรรม
       3. ทำาให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของสังคม
       4.นำาไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในสังคม

  ทฤษฎีวัฒนธรรมรอง (Subcultural Theories)ทราสเซอร์
(Trasher)
  • เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
6

  • เรียนรู้ในการละเมิดบรรทัดฐานของสังคม แต่ต้องการผู้ที่
    สนับสนุนว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีความถูกต้อง
  • ทฤษฎีวัฒนธรรมรอง เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของ
    กลุ่มจากสังคม และยอมรับพฤติกรรมดังกล่าว

   ทฤษฎีค่านิยมของชนชั้นกลาง (Albert Cohen)
   -วัฒนธรรมรองก่อให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนมักจะมี
ลักษณะ 3 ประการ
      1.ความสามารถรอบด้าน
      2.การแสวงหาความสุขชั่วแล่น
      3.ความเป็นอิสระของกลุ่ม

       ทฤษฎีลักษณะวัฒนธรรมของชนชั้นตำ่า (Lower –Class
Culture)
        (Miller)
       วัฒนธรรมของชนชั้นตำ่าที่นำาไปสู่พฤติกรรมเบี่ยงเบน
อาทิ การเป็นนักเลงโต ยุ่งเกี่ยวกับสุรา ยาเสพติด ชอบความ
ตื่นเต้น ยึดโชคชะตา
    ค่านิยมที่ชนชั้นกลาง หรือ ชั้นล่างชอบปฏิบัติ ได้แก่
    1. ชอบหาความลำาบากใส่ตัว (Trouble)
    2. ชอบความรุนแรงและดุดัน (Toughness)
    3. ชอบความโอ่อ่า (Smartness)
    4. ชอบความตื่นเต้นหวาดเสียว (Excitement)
    5. ชอบเชื่อถือโชคชะตา (Fate)
    6. ชอบปกครองตัวเอง (Autonomy)

  ทฤษฎีความขัดแย้งทางวัฒนธรรม (Theory of Culture
Conflicts)
เชลลิน (Sellin)
    ในสังคมมีความแตกต่างของหลายกลุ่ม และมีความหลาก
หลายของวัฒนธรรมซึ่งนำาไปสู่ความขัดแย้งและการเกิด
พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ อาชญากรรม
7

      ทฤษฎีความล้าหลังในทางวัฒนธรรม (Cultural Lag
Theory)
      พฤติกรรมเบี่ยงเบน เกิดจากความสลับซับซ้อนของยุค
เครื่องจักรกลหรืออุตสาหกรรม ซึ่งมีความเจริญทำาให้เกิด
ความล้าหลังของวัฒนธรรมตามมา และปัญหาสังคม เช่น การ
ว่างงาน ปัญหาวัยรุ่น

    ทฤษฎีแก้ตัว (Theory of Neutralization)
    ผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ ประกอบอาชญากรรม
เพราะเรียนรู้เทคนิคการแก้ตัว
    • ปฏิเสธความรับผิดชอบ
    • ปฏิเสธการกระทำาร้าย
    • ปฏิเสธผู้เสียหายหรือผู้ได้รับอันตราย
    • ปรักปรำาผู้ที่ปรักปรำาตน
    • อ้างถึงความจงรักภักดีในระดับที่สูงขึ้น

    ทฤษฎีสถาบันที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดอาชญากรรม
(Theories of Institutions and Crime)
    พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ อาชญากรรม เกิดขึ้นเนื่องจาก
สถาบันในสังคมทำาหน้าที่ไม่เหมาะสม
สถาบันทางสังคมที่สำาคัญ อาทิ
  • ครอบครัว
  • สถาบันการศึกษา
  • สื่อมวลชน
  • รัฐบาล

  Process Theories:
    พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นลักษณะของพฤติกรรมที่เกิดจาก
การตัดสินใจ การเปรียบเทียบผลของพฤติกรรมที่แสดงออก
มา
  • เกิดจากการเรียนรู้ Learning
  • การแปลความหมาย Interpretation
  • กระบวนการขัดเกลาทางสังคม Socialization
8


  Social Learning
  As one learns a preponderance of definitions
favorable to deviance, one will engage in deviance.

   ทฤษฎีความแตกต่างในการคบหาสมาคม หรือ ความ
สัมพันธ์ที่แตกต่าง (Theory of Differential Association)
     พฤติกรรมทางอาชญากร เรียนรู้โดย: การติดต่อกัน
อย่างใกล้ชิดภายในกลุ่ม
ความประพฤติที่แสดงมาในลักษณะอาชญากร ขึ้นอยู่กับ
     - ความแตกต่างในช่วงระยะเวลา
     - ความสมำ่าเสมอในการติดต่อ
     - ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

    ทฤษฎีการเลียนแบบ (Imitaion Theory)
Garbriel Trade
    อาชญากรรมเกิดขึ้นเพราะการเลียนแบบ
         -พฤติกรรมผู้อื่น
         -สื่อมวลชน

     ทฤษฎีการขัดเกลา
ของ David Matzd
     พฤติกรรมอาชญากรเกิดจากขาดกระบวนการในการ
ขัดเกลาทางสังคม (Socialization)
         -ครอบครัว
         -ชุมชน
         -สังคม
     โดยกระบวนการขัดเกลาทำาหน้าที่ถ่ายทอด
         -ค่านิยม
         -ความเชื่อ
         -แบบแผนการปฏิบัติ ประเพณี วัฒนธรรม

    ทฤษฏีพันธกรรมของเฮอร์ชิ (Hirschi ‘s Bond Theory )
9

     พฤติกรรมเบี่ยงเบนหรือ อาชญากรรมเกิดจากการขาด
ความผูกพันทางสังคม
ข้อผูกมัด หรือ ความผูกพัน ได้แก่
   • ความผูกพัน
   • การผูกมัด
   • การเกี่ยวข้อง
   • ความเชื่อ

   Control Theory (Hirschi's)
Normative-Process
คนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน เนื่องจากไม่มีความผูกพันทาง
สังคม
   • ความผูกพันทางสังคม (Social Bonding) เป็นสิ่งที่
     ควบคุมทางสังคมไม่ให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบน
     *ปัจจัยควบคุมภายใน (Internal Control)
           : ความเชื่อ และกระบวนการขัดเกลาทางสังคม
     (Belief: socialization)
     * ปัจจัยควบคุมภายนอก ได้แก่
          : เงื่อนไขของเวลา บทบาททางสังคม เป็นต้น

    ทฤษฎีกลไกแห่งการควบคุม (Containment Theory)
    พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ อาชญากรรม เกิดขึ้นเนื่องจาก
ระบบการควบคุมภายใน ได้แก่ ร่างกายและจิตใจ การควบคุม
ภายนอก อาทิ ความเชื่อ วัฒนธรรม

    ทฤษฎีการควบคุม (Control Theory)
Emile Durkhcim
    ความผูกพันทางสังคมสามารถควบคุมพฤติกรรม
อาชญากรได้

    ทฤษฎีความผูกพันทางสังคม (Social Bond)
ของ Travid Hischi
10

บุคคลมีความผูกพันกับสังคมมาก
    อาชญากรรมเกิดน้อย
บุคคลมีความผูกพันกับสังคมน้อย
    อาชญากรรมเกิดมาก

ความผูกพัน ได้แก่
     1. ผูกพันต่อครอบครัว
     2. ผูกพันต่อชุมชนที่อาศัยอยู่
     3. ผูกพันต่อสังคมโดยรวม
ประกอบอาชญากรรม เพราะ
     1. ไม่ผูกพันต่อครอบครัว
     - ครอบครัวอยู่แบบตัวใครตัวมัน หาเช้ากินคำ่า ฐานะ
ยากจน
     2. ไม่ผูกพันต่อชุมชนที่อาศัยอยู่
     - ชุมชนแออัด มีความเป็นอยู่แบบตัวใครตัวมัน
     - ไม่มีกิจกรรมในชุมชนร่วมกัน
     - วัดไม่สามารถเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนได้
     3. ไม่ผูกพันต่อสังคมโดยรวม
     - การอพยพย้ายถิ่นฐาน ทำาให้ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ
สังคมที่อาศัยอยู่

     ทฤษฎีกลุ่มชักนำา (Reference Group Theory)
แฮสเคล (Haskell)
     พฤติกรรมเบี่ยงเบน และ อาชญากรรม เกิดจากกลุ่ม
ชักนำาให้กระทำาผิด อาทิ ครอบครัว เพื่อน



     ทฤษฎีนิเวศวิทยาแห่งสำานักชิคาโก (The Chicago
Ecological School) ของเบอร์เกส (Burgess)
เมืองแบ่งออกเป็น 5 เขตใหญ่ ๆ
     1. จุดศูนย์กลาง ใจกลางเมือง
11

    2.ทางผ่าน ความเจริญทางธุรกิจและอุตสาหกรรมขยาย
    ตัวออกไป ไม่มีลักษณะถาวร ผู้มีรายได้น้อยอาศัยหนา
    แน่น แหล่งเสื่อมโทรม
    3.เขตอาศัยของผู้ใช้แรงงาน ผู้มีเงินทองอาศัยอยู่
    4.ที่อยู่อาศัยของชนชั้นกลาง
    5. เขตชานเมืองและเมืองบริวาร




                        1
                         2

                         3

                             4

                             5




    ชอรว์ และแม็คเคย์ (Shaw and Mckay )
    การกระทำาผิดของเด็กและเยาวชน มีมากที่สุดในเขตที่ 2


Techniques of Neutralization ทฤษฎีการแก้ตัว
  • ปฏิเสธการรับผิดชอบในการกระทำา เช่น
    -ไม่ได้ทำาร้ายเเหยื่อ
    - เหยื่อเป็นฝ่ายผิด
    -เกิดจากการดื่มสุรา
12


ปัจจัยทำงครอบครัวที่มีสวนสัมพันธ์กับอำชญำกรรม
                       ่
      Ÿบรรยำกำศของครอบครัวต่อสมำชิก
           1. บุคลิกภำพ
           2. ควำมสัมพันธ์ของครอบครัว
           3. ควำมมีคุณธรรม (Super Ego)
           4. ควำมสำมำรถในกำรสมำคมกับบุคคลอื่น
รูปแบบของครอบครัวที่สร้างปัญหาในปัจจุบน   ั
      ครอบครัวลูกระเบิด
      ครอบครัวยิปซี
      ครอบครัวดาวกระจาย
      ครอบครัวปรอท

     บรรยากาศของบ้านต่อบุคลิกภาพสมาชิก
1.   วิพากษ์ วิจารณ์                   เรียนรู้ตำาหนิผู้
อื่น
2. โกรธ เกลียด ปรปักษ์                           ทะเลาะ
3. หวาดกลัว เกรงกลัว                       ขี้กลัว ตกใจ
ง่าย
4. สงสาร สมเพท เวทนา                       มองตัวเองน่า
สงสาร
                                 บุคลิกยอมตาม
5.   อดทน อดกลั่น                     การอดทน อดกลั้น

7. ยกย่อง สรรเสริญ                         ชื่นชม รู้จัก
คุณค่าคน
8. ให้ความสำาคัญ                      -ให้คุณค่าตัวเอง
      ยอมรับคุณค่า                    -มีจุดมุ่งหมายใน
ชีวิต
9. มีความยุติธรรม                     ความเที่ยงธรรม
10. ซื่อสัตย์                         ซื่อสัตย์
11. ความรัก ความเอาใจใส่                    รักผู้อื่น
13

12. ปลอดภัยทางจิตใจและร่างกาย            ให้ความเชื่อถือ
ไว้วางใจคนอื่น

    “A house is made of bricks and stones but
the home is made of love alone”
    “Family “
        “Father and Mother I Love You”

     สื่อมวลชน
     Ÿเลียนแบบโฆษณา
           Ÿเลื่อนแบบรายการ
           Ÿค่านิยมด้านวัตถุ
           Ÿถ่ายทอดความรุนแรง
  1. โทรทัศน์
  2. V.D.O
  3. วิทยุ
  4. หนังสือพิมพ์
  5. คอมพิวเตอร์
  6. คอมพิวเตอร์
  7. เกมส์ต่างๆ

Biological and Psychological Theories of Deviance
   • Biological Positivism
-พฤติกรรมเบี่ยงเบนเกิดจากการเจ็บป่วยหรือ ความผิดปกติ
ของร่างกาย เป็นสิ่งที่บีบังคับให้คนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน
-การควบคุมพฤติกรรมคือ การบำาบัดรักษา
-การให้ความสำาคัญกับผู้กระทำาผิดมากกว่าการให้ความสำาคัญ
ต่อพฤติกรรม

Cesare Lobroso: 1876
  • The Criminal Man
14

           - พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมของคนในสังคม
    ที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมสมัยใหม่ได้
           - ความผิดปกติของร่างกายเป็นตัวกำาหนด
    พฤติกรรมเบี่ยงเบน
           - (การศึกษาผู้ต้องขังจำานวน 400 คน ปรากฏว่า
    -43% มีความผิดปกติ
           ที่เหมือนกัน)

    ทฤษฎีอาชญากรโดยกำาเนิด (Born Criminal)
ของ Cesare Lombroso
    อาชญากรซึ่งมีลักษณะของอาชญากรมาตั้งแต่กำาเนิด
โดยแสดงให้เห็น
    -ทางรูปร่าง
    -กะโหลกศีรษะ รูปสี่เหลี่ยม
    -ใบหน้าโบราณ คล้ายมนุษย์โบราณสมัยโครมันยอง
    -แววตาเหี้ยมโหด
ทฤษฎีของ “ลอมโบรโซ”
    ศึกษำนิสัยบุคคลโดยดูจำก “กะโหลกศรีษะ”
    -พฤติกรรมอาชญากรเป็นมรดกทางกายภาพ + จิตใจ
         แสดงโดย : บุคลิกลักษณะ + แววตา
                 : กะโหลกศรีษะ + โครงสร้างสมอง

อาชญากรโดยกำาเนิด
        -บกพร่องทางกายภาพ
        -พฤติกรรมคล้ายสัตว์
        -กลุ่มชนป่าเถื่อน
  1939: Earnest Hooton: "The American Criminal”
  • ลักษณะของผู้เป็นอาชญากร อาทิ หน้าสี่เหลี่ยม ดุดัน
  • ลักษณะดังกล่าวเป็นอาชญากรจริงหรือไม่

  1949: William Sheldon: "Varieties of Delinquent
Youth"
15

   1949: William Sheldon: "Varieties of Delinquent
Youth"
ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการแสดงออกและรูปร่าง
มนุษย์มีรูปร่าง 3 แบบ
1.Endoderm: digestive system อ้วนเตี้ย เนื้อมาก กินมาก
2.Ectoderm: skin and nervous system ผอมบาง ไม่ค่อย
มีเนื้อ หนังหุ้มกระดูก
3.Mesoderm: bones, muscles ตัวใหญ่ มีกล้ามเนื้อแบบ
นักกีฬา มีความแข็งแรง

     มีความปกติของร่างกาย==>พัฒนาการที่สมดุล, มี
บุคลิกลักษณะที่ปกติ
     พัฒนาการที่ไม่สมดุล==> ความบกพร่องของร่างกาย
พฤติกรรมผิดปกติ




    delinquents more likely to be mesomorphs. (แข็ง
แรง ชอบใช้กำาลัง)พฤติกรรมเบี่ยงเบนถูกกำาหนดจากรูปร่าง
France Gall (late 18th century)
  • ศึกษำสมองที่มีส่วนสำำคัญในกำรกำำหนดพฤติกรรมของมนุษย์
    3 ส่วน
1.openness-secretiveness (เก็บความลับ)
2.acquisitiveness-generosity (ความใจกว้าง )
3.eroticism (กามารมณ์)
    Imbalance==>deviance
16

ความไม่สมดุลของสมองทั้ง 3 ส่วนทำาให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยง
เบน

  Bio-Social Theory
  • สาเหตุของพฤติกรรมเบี่ยงเบนมีความหลากหลายทาง
    ชีวภาพ อาทิ : ตัวกระตุ้น, ฮอร์โมน, สารในสมอง,
    เป็นต้น.
  • สภาพแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น

  ลักษณะทางพันธุกรรม Heredity
  • IQ หากมีระดับ IQ ตำ่า นำาไปสู่พฤติกรรมเบี่ยงเบนและ
     พฤติกรรมอาชญากร
  • Genetics
  -ศึกษาพัฒนาการของฝาแฝด ปรากฏว่า 1 ใน 3 ของ
ฝาแฝดมีความสัมพันธ์กับยีนของพ่อ
  -ฝาแฝดมีลักษณะทางพันธุกรรมที่เหมือนกันสูง
  • XYY Chromosomes:
  -เพียง 1/1,800-3,000 คนเท่านั้นที่มีลักษณะนี้
  -ยังไม่หลักฐานที่ยืนยันแน่ชัด นอกจากกำาหนดให้สูง

         โครโมโซม      supermale (Patricia Jacob)

         XX         หญิง      XY      ชำย
         XYY        ร่างกายสูงใหญ่    , ก้าวร้าว
                         = อาชญากร
ต่อมไร้ท่อ
     อาชญากร         ต่อมไร้ท่อผิดปกติ ผลิตฮอร์โมนมาก
ปัจจัยทางกายภาพ
     1. สภาพร่างกาย
           -ส่วนสูง      น้อยกว่าปกติ
           -นำ้าหนัก
     2. สภาพแวดล้อม
           -อากาศร้อน          ประกอบอาชญากรรมมาก
17

                      คดี ฆ่า, ปล้น
         -อากาศเย็น        อาชญากรรมน้อย
                      Ex. ชิงทรัพย์
     Psychological Theories
           • ความไม่สมดุลของ       Id-Ego-Superego

     ทฤษฎีจิตวิเคราะห์
ซิกมันต์ ฟอรยด์ (Sigmund Frued)
     Id -สภาพจิตใจที่ไม่ได้ขัดเกลา
          -โครงสร้างจิตใจขั้นพื้นฐาน
          -สัญชาตญานที่ฝังลึกเป็นบุคลิกภาพจากแรงผลัก
ดันทางชีววิทยา
     Ego -ได้รับการพัฒนาจาก Id
          -เป็นส่วนประกอบที่ 2 ของบุคลิก
     อัตตา      -ผ่านการเรียนรู้ระหว่าง
          ตนเอง        + สิ่งแวดล้อม
     Super Ego               ภาวะจิตใจขั้นสูงสุด
          จิตใจขั้นนี้คำำนึงถึง :-
                ควำมคิด +          ควำมรู้สึกที่เป็นนำมธรรม
                = มโนธรรม
     Id 〈       Super ego
                       Ego
กระทำำตำมควำมต้องกำรของตัวเอง ขำดกำรยับยั้งชั่งใจ =
พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ กำรกระทำำผิด

     ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์
(Abraham Maslow)
1.ความต้องการขั้นพื้นฐาน
     -ปัจจัยสี่
     -เพศ
2.ความมั่นคงปลอดภัย
3.ความรักความเข้าใจ
4.เกียรติยศ ยกย่องชื่อเสียง
18

5.ประสบความสำาเร็จในชีวิต-กำรงำน-ครอบครัว -กำรได้รับควำม
ยอมรับ
     *ความต้องการร่างกายและจิตใจ*

ข้อจำากัดของ Structural-Functional Analysis
      *การกำาหนดขอบเขตของพฤติกรรมเบี่ยงเบนจาก
บรรทัดฐานสังคม(Norms)เท่านัน    ้
      *สมมติฐานที่ว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนเกิดขึ้นในกลุ่มคน
ยากจนเป็นจุดอ่อนของทฤษฎีวัฒนธรรมรอง
      *ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นผู้ละเมิดบรรทัดฐานของ
สังคมอาจไม่ครอบคลุมพฤติกรรมเบี่ยงเบนทั้งหมด

Theory of Action-Reaction
  • มนุษย์กระทำาในสิ่งที่มีเหตุผล
  • พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการตีตรา
    คนในสังคม
  • คนที่ถูกตีตราจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนตามที่สังคมได้ตี
    ตรา

2. ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ Symbolic-Interaction
Analysis
     พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นกระบวนการทางสังคม กล่าวคือ
เป็นพฤติกรรมที่คนในสังคมร่วมกันกำาหนดว่าพฤติกรรมใด
เป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบน โดยมีการตีตราคนในสังคมที่มี
พฤติกรรมดังกล่าว
และสังคมมีกระบวนการตอบโต้ต่อผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
     - พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นกระบวนการทางสังคม ซึ่งมี
ความเกี่ยวข้องโดยตรงกับทฤษฏีตีตรา Labeling Theory
     - เป็นพฤติกรรมจากการกระทำา + สังคมมีปฏิกิริยา
โต้ตอบ,กำาหนด

    ทฤษฎีตีตรา (Labelling)
ของ Howard S. Becker
19

*พฤติกรรมเบี่ยงเบน / พฤติกรรมอาชญากร ถูกกำาหนดโดย
กลุ่มคนรอบๆ ข้าง หรือโดยสังคม
*พฤติกรรมอาชญากรมิใช่คุณสมบัติของผู้เป็นเจ้าของ แต่
เกิดจากการที่สังคมกำาหนดบุคคลต่างๆ
      สังคมมองบุคคลนั้นเป็นอย่ำงไร บุคคลดังกล่ำวจะปฏิบัติดัง
นั้นปฏิบัติตำมที่สังคมได้ตีตรำ

     ทฤษฎีตราบาป (Stigma)
ของ Erving Goftman
     การที่สังคมกำาหนดตีตรา หรือกำาหนดพฤติกรรมของ
บุคคลในสังคมเป็นการกระทำาผิด
จะเปรียบเสมือนตราบาป หรือรอยมลทินที่กำาหนดพฤติกรรม
ของบุคคลนั้นให้กระทำาผิดตามตราบาป
หรือรอยมลทินที่ได้รับจากสังคม

จุดอ่อนของ Symbolic-Interaction Analysis
   1. ทำาไมสังคมจึงกำาหนดพฤติกรรมบางอย่างเบี่ยงเบนบาง
      อย่างไม่เบี่ยงเบน
   2. ไม่ได้ให้ความสำาคัญกับการมองพฤติกรรมการกระทำาเป็น
      หลัก แต่มองพฤติกรรมที่คนในสังคมกำาหนดในการรับรู้
      ต่อพฤติกรรมเบี่ยงเบน
   3. สมมติฐานที่ว่าทุกคนในสังคมต่อต้านพฤติกรรมเบี่ยงเบน
   4. การขาดผลการวิจัยพฤติกรรมการตอบโต้ของคนใน
      สังคมต่อผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน

3.ทฤษฎีความขัดแย้งทางสังคม Social Conflict Analysis
      พฤติกรรมเบี่ยงเบน คือ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสังคมอัน
เนื่องมาจากความขัดแย้งในสังคม
 โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างชนชั้นทางสังคม พฤติกรรม
เบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมที่ถูกกำาหนดจากผู้ที่มีอำานาจ หรือมี
สถานภาพทางสังคมสูง

Deviant + Power
20

- คนมีอำานาจน้อย คือ               ผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน
1. บรรทัดฐำนกำำหนดจำกผู้มีอำำนำจในสังคม มีผลต่อผู้มีสถำนภำพ
ตำ่ำ
2. ถ้ำผู้มีอำำนำจมีพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม จะใช้อำำนำจตีตรำผู้อื่น
3. กฎหมำย + บรรทัดฐำนไม่เคยยุติธรรม
     - การกำาหนดพฤติกรรมเบี่ยงเบนโดย
     - เจ้ำของทุน                                  - ผูว่ำจ้ำง
                                                       ้
แรงงำน
     - ผู้มีอำำนำจ                                  - ชนชั้นสูง

      ทฤษฎีมาร์คซิสซ์ (Marxist) Karl Mark
ระบบทุนนิยม (Capitalism) ก่อให้เกิดระบบชนชั้น
           นายทุน + แรงงาน
มีการเอารัดเอาเปรียบชนชั้นแรงงาน
           ปฎิวัติ       ระบบสังคมนิยม
จุดอ่อนของ Social-Conflict Analysis
      ١.ให้ความสำาคัญกับอำานาจและความไม่เท่าเทียมกันใน
สังคมเท่านั้น
      -ไม่สามารถอธิบายได้ว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนกำาหนดขึ้น
มาได้อย่างไรและมีการควบคุมอย่างไร
      2. สมมติฐานที่ว่าคนรวยและมีอำานาจเป็นผู้สร้างและ
ควบคุมบรรทัดฐานนำาไปสู่ความสงสัยต่อกระบวนการทางการ
เมือง
      3. สรุปความเสียหายระหว่างอาชญากรรมคอปกขาวกับ
อาชญากรรมทั่วไปมีความใกล้เคียงกัน
      4. ความไม่เท่าเทียมเท่านั้นที่ทำาให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยง
เบน แต่ในสังคมพฤติกรรมเบี่ยงเบนมีหลายประเภทแตกต่าง
กันไป
21

     ท ษ อช า ยแ วพุ ธ
      ฤ ฎี า ญวิท า น ท

       ปั ทงจิต
         จจัย ำ
       : โล โก หล
           ภ รธ ง
       : อ ำ มี อ ำ ได้
          ยก ยก                     มิจฉำ ฐิ
                                         ทิ     พ ก
                                                 ฤติ รรม
         อ ำ เป็ อ ำ ไม่เป็
          ยก น ยก น                   หรือ      เบี่ งเบ
                                                  ย น
                                   ค มเห็นผิ
                                    วำ      ด    หรือ
           ปั ทงสังค
            จจัย ำ ม                            อช ำ ร
                                                 ำ ญก
           *ก รค ค ำ
             ำ บ นพล

        ปั สิงแ ล้ มทงก ย พ
         จจัย ่ วด อ ำ ำ ภำ
        *สถ นที่ ย ย
             ำ เสี่ งภั
        :สิงเสพ ด
            ่ ติ


Kai Erikson :
-พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เปลี่ยนแปลง = สภาพแวดล้อมที่
เปลี่ยนแปลง
- คนในสังคมเป็นคนกำาหนดพฤติกรรมเบี่ยงเบน
      Deviant Subcultures :
      ทฤษฎีโอกาสที่แตกต่าง (Differential Opportunity
Theory)
Richard Cloward, Lloy Ohlin
-       พฤติกรรมเบี่ยงเบนไม่ได้เกิดจากการขาดโอกาสแต่
เพียงอย่างเดียว
-       เกิดจากวัฒนธรรมรองที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม
Ad

Recommended

PDF
Luis Grangeia IBWAS
Luis Grangeia
PDF
Be a dick
Stefan Pinto
PDF
Sumit Kumar_Singh_visualcv_resume
Sumit Kumar Singh
PDF
Get your food
Dhaval Gandhi
PDF
The art of effective networking and career inventory 2013
Akinsola JET
PPT
What did the Magi See? Matthew 2.1 12
Tom Cocklereece
PDF
December
Sandeep Godika
DOC
Kniga eterichnite masla- zdrave i ....
leonnybg
PDF
9789740330592
CUPress
KEY
6 พฤติกรรมสุขภาพ
Watcharin Chongkonsatit
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา ภารีนนท์
ruttanaphareenoon
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
PPTX
๶กณฑ์การตัดสิȨริยธรรมกับการก่อการ
JieWz Purcell
DOC
วิจัยใȨั้Ȩรียน
Kritsadin Khemtong
PDF
ตัวอย่างบทที่ 2 พฤติกรรมป้องกันโรคเอดส์ของกลุ่มชายรักชาย
rubtumproject.com
PDF
Socialnetwork
Teeranan
PDF
9789740330479
CUPress
PDF
9789740330479
CUPress
PDF
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
Sarawut Messi Single
PPT
ความรุȨรงในวัยรุ่น
paileang
PPT
ความรุȨรงในวัยรุ่น
paileang
PPT
สังคมประกิต
Dowroong Wittaya School
DOCX
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
T Ton Ton
PDF
Social Learning Theory version Thailand
codexstudio
PPTX
Chapter 5 cultural dimensions and management of cultural differences
Teetut Tresirichod
PDF
09 moral education
etcenterrbru

More Related Content

Similar to Devian theories (20)

PDF
9789740330592
CUPress
KEY
6 พฤติกรรมสุขภาพ
Watcharin Chongkonsatit
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา ภารีนนท์
ruttanaphareenoon
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
PDF
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
PPTX
๶กณฑ์การตัดสิȨริยธรรมกับการก่อการ
JieWz Purcell
DOC
วิจัยใȨั้Ȩรียน
Kritsadin Khemtong
PDF
ตัวอย่างบทที่ 2 พฤติกรรมป้องกันโรคเอดส์ของกลุ่มชายรักชาย
rubtumproject.com
PDF
Socialnetwork
Teeranan
PDF
9789740330479
CUPress
PDF
9789740330479
CUPress
PDF
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
Sarawut Messi Single
PPT
ความรุȨรงในวัยรุ่น
paileang
PPT
ความรุȨรงในวัยรุ่น
paileang
PPT
สังคมประกิต
Dowroong Wittaya School
DOCX
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
T Ton Ton
PDF
Social Learning Theory version Thailand
codexstudio
PPTX
Chapter 5 cultural dimensions and management of cultural differences
Teetut Tresirichod
PDF
09 moral education
etcenterrbru
9789740330592
CUPress
6 พฤติกรรมสุขภาพ
Watcharin Chongkonsatit
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา ภารีนนท์
ruttanaphareenoon
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
ทฤษฏีสȨมྺองรัตนา
ruttanaphareenoon
๶กณฑ์การตัดสิȨริยธรรมกับการก่อการ
JieWz Purcell
วิจัยใȨั้Ȩรียน
Kritsadin Khemtong
ตัวอย่างบทที่ 2 พฤติกรรมป้องกันโรคเอดส์ของกลุ่มชายรักชาย
rubtumproject.com
Socialnetwork
Teeranan
9789740330479
CUPress
9789740330479
CUPress
ทัศนคติกับพฤติกรรมผู้บริโภค1
Sarawut Messi Single
ความรุȨรงในวัยรุ่น
paileang
ความรุȨรงในวัยรุ่น
paileang
สังคมประกิต
Dowroong Wittaya School
บทที่ 2-แก้ใหม่ครั้งที่
T Ton Ton
Social Learning Theory version Thailand
codexstudio
Chapter 5 cultural dimensions and management of cultural differences
Teetut Tresirichod
09 moral education
etcenterrbru

Devian theories

  • 1. 1 ทฤษฎีทเกี่ยวข้องกับสังคมวิทยา และพฤติกรรม ี่ เบี่ยงเบน 1.Theories of Deviance : Classical Essentialist Normative Non-Deterministic 2.Positivistic Theories of Deviance 3.Biological and Psychological Theories of Deviance 4.Sociological Theories of Deviance 5.Durkheim and Anomie 6.The Sociological Perspective 7.Functionalist Perspective 8.Social Disorganization and Control Theories 9.Structural Strain Theories 10.Subcultural Theories of Deviance 11.Social Learning Theories 12.Selective Interaction/Socialization 13.Theories of Drug Use 14.Labeling Theory and Ethnomethodology 15.Feminism 16.Power-Control and Feminist Theories 17.Culture Conflict Theory 1.Theories of Deviance : Classical Essentialist Normative Non-Deterministic • Demonic Theories พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมชั่วร้าย บาป ที่เกิดจากสิ่ง ที่มีอำานาจเหนือธรรมชาติไม่สามารถควบคุมได้ Classical: Focus: act vs actor Deviance is a choice Human being is a rational actor พฤติกรรมเบี่ยงเบน เป็นการกระทำาที่มีเหตุผลของมนุษย์ เกิดจากผู้กระทำาได้ตัดสินใจในการเลือกการกระทำา
  • 2. 2 • มนุษย์มีเจตจำำนงอิสระ(Free will) ในกำรตัดสินใจเลือกกำรกระ ทำำ คิดถึงผลดีผลเสีย คนที่มีพฤติกรรมเบียงเบน เนื่องจำกเห็น ่ ว่ำก่อให้เกิดประโยชน์มำกกว่ำโทษที่ได้รับไม่เกรงกลัวบท ลงโทษ • สนใจกำรกระทำำที่แสดงออกมำ ไม่ได้สนใจ“ผู้ทแสดง ี่ พฤติกรรมออกมำ” แนวคิดของสำานักคลาสสิค (Classical School)ของ Cesare Baccaria มนุษย์มีอิสระที่จะเลือกตัดสินใจในสิ่งที่เห็นว่าได้ประโยชน์ มากกว่าสิ่งที่ เสียประโยชน์“มนุษย์มีเจตจำานงอิสระ (Free Will) ในการ เลือกการกระทำา” ผู้กระทำาผิด เนื่องจาก -ไม่เกรงกลัวกฎหมาย -บทลงโทษที่เคยได้รับไม่มีความรุนแรง Rational Choice Theory Cesare Beccaria and Jeremy Bentham ١.พฤติกรรมการแสดงออกของมนุษย์เป็นการกระทำาที่มี เหตุผล 2.เหตุผลดังกล่าวมีการพิจารณาถึงประโยชน์และโทษที่จะได้ รับ ٣.พฤติการณ์แสดงออกทุกอย่างรวมทั้งพฤติกรรมเบี่ยงเบน เกิดจากการคำานวณถึงประโยชน์ที่ได้รับและก่อให้เกิดความ พึงพอใจเป็นสำาคัญ ٤.พฤติกรรมการตัดสินใจขึ้นอยู่กับโทษที่ได้รับ ٥.รัฐมีหน้าที่ออกบทลงโทษที่ทำาให้คนเกรงกลัว ทำาให้ไม่เกิด พฤติกรรมเบี่ยงเบน Positivistic Theories of Deviance • พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นใน สังคมทั่วไป
  • 3. 3 • การจะเข้าในพฤติกรรมเหล่านี้ มีความจำาเป็น ต้องทราบสาเหตุของการเกิดพฤติกรรมเบี่ยง เบน แนวคิดของสำานักปฏิฐานนิยม (Positive School)ของ Cesare Lombroso ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน คือ ผู้ที่ถูกสภาพแวดล้อมและปัจจัย ต่างๆบีบบังคับ (Determinism) “อาชญากร เปรียบเสมือน ผู้ป่วย จำาเป็นต้องได้รับการบำาบัด รักษา”Bring Back Beast : B.B.B) –การแก้ไขผู้มี บุคลิกภาพเสียให้กลับสู่สังคม • เหตุที่เจ็บป่วย เพราะถูกสภาพแวดล้อมหล่อหลอม หรือ บีบบังคับ P s iv oit e เศ ฐกิ รษ จ * รอ ค ค บ รัว *โรงเรีย น ก ย พชี พ บุ ลิ ที่ ำ ภำ / วภำ คก *ำ บ อ ก รค เพื่ น อ่ นแ อ อ พ ก ฤติ รรม สังคม * อ อ ศั ที่ ยู่ ำ ย *ำพ อ ชี + เบี่ งเบ ย น หรือ หรือ * บย อ ำ มุข *อ สื่ อ ช ำ รรม ำ ญก ก รเมือ ำ ง จิตใจ ป่ วย *ำ ศสนำ Sociological Theories of Deviance Structural Theories: • พฤติกรรมเบี่ยงเบนเกี่ยวข้องกับระบบสังคม
  • 4. 4 • โครงสร้ำงทำงสังคมทำำให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบน โดยขึ้นอยู่ กับ • Opportunity Structures โอกาสทางสังคม • Culture: Values วัฒนธรรม : ค่านิยม • Normative Structure เป็นส่วนประกอบอย่าง หนึ่งของโครงสร้างทางสังคม ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่( Structural-Functional Analysis) -พฤติกรรมเบี่ยงเบน คือ พฤติกรรมที่เป็นการละเมิด บรรทัดฐานของสังคม อันทำาให้สังคมเสียระเบียบ โครงสร้าง หน้าที่ต่าง ๆ ในสังคมไม่สามารถกระทำาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันอาจนำาไปสู่ปัญหาในสังคมต่อไป ทฤษฎีสภาวะไร้กฎเกณฑ์ , สภาพไร้กฎหมาย (Anomie ) Emile Durkheim สภาวะ Anomie คือ สภาวะไร้กฎเกณฑ์ทางสังคม มี ความสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยความยากจนสมาชิกในสังคม ขาดสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำาให้มีพฤติกรรม เบี่ยงเบน หรือ การกระทำาผิดเกิดขึ้นในสังคม STRAIN THEORIES OF CRIME "When people get mad, they act bad”. (Robert Agnew) Merton’ Strain Theory - พฤติกรรมเบี่ยงเบน เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความ กดดันในการดำาเนินชีวิต ไปสู่เป้าหมายในชีวิตที่สังคมกำาหนด ค่านิยมไว้ - ความขัดแย้งระหว่าง เป้าหมายและวิถีทาง นำาไปสู่ภาวะ Anomie ประเด็นโต้แย้ง - พฤติกรรมเบี่ยงเบนจำำนวนเท่ำใดเกิดจำกควำมกดดัน - คนป่วยทำงจิต , เพศ อธิบำยไม่ได้
  • 5. 5 - ควำมกดดันเกิดจำกเหตุผลมำกมำย - ค่ำนิยม ควำมสำำเร็จแต่ละสังคมต่ำงกัน Anomie-Structural Strain Goals Means Conformist( ปฏิบัติตาม) accepts + accepts + Innovator(เปลี่ยนแปลง) accepts + reject/blocked + Ritualist (ยึดถือวัฒนธรรมใหม่) reject - accept + Retreatist (ล่าถอย) reject - reject/blocked - Rebel (ปฏิวัติ) reject (new) +/- reject (new) +/- Emile Durkheim เห็นว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคม เพียงด้านเดียว หากแต่ยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมด้วย ดังนี้ 1. เกี่ยวข้องกับค่านิยม วัฒนธรรม และบรรทัดฐาน ทำาให้คนในสังคมเห็นคุณค่าบรรทัดฐาน 2. กำาหนดด้วยศีลธรรม 3. ทำาให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวของสังคม 4.นำาไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในสังคม ทฤษฎีวัฒนธรรมรอง (Subcultural Theories)ทราสเซอร์ (Trasher) • เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม
  • 6. 6 • เรียนรู้ในการละเมิดบรรทัดฐานของสังคม แต่ต้องการผู้ที่ สนับสนุนว่าพฤติกรรมดังกล่าวมีความถูกต้อง • ทฤษฎีวัฒนธรรมรอง เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างของ กลุ่มจากสังคม และยอมรับพฤติกรรมดังกล่าว ทฤษฎีค่านิยมของชนชั้นกลาง (Albert Cohen) -วัฒนธรรมรองก่อให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนมักจะมี ลักษณะ 3 ประการ 1.ความสามารถรอบด้าน 2.การแสวงหาความสุขชั่วแล่น 3.ความเป็นอิสระของกลุ่ม ทฤษฎีลักษณะวัฒนธรรมของชนชั้นตำ่า (Lower –Class Culture) (Miller) วัฒนธรรมของชนชั้นตำ่าที่นำาไปสู่พฤติกรรมเบี่ยงเบน อาทิ การเป็นนักเลงโต ยุ่งเกี่ยวกับสุรา ยาเสพติด ชอบความ ตื่นเต้น ยึดโชคชะตา ค่านิยมที่ชนชั้นกลาง หรือ ชั้นล่างชอบปฏิบัติ ได้แก่ 1. ชอบหาความลำาบากใส่ตัว (Trouble) 2. ชอบความรุนแรงและดุดัน (Toughness) 3. ชอบความโอ่อ่า (Smartness) 4. ชอบความตื่นเต้นหวาดเสียว (Excitement) 5. ชอบเชื่อถือโชคชะตา (Fate) 6. ชอบปกครองตัวเอง (Autonomy) ทฤษฎีความขัดแย้งทางวัฒนธรรม (Theory of Culture Conflicts) เชลลิน (Sellin) ในสังคมมีความแตกต่างของหลายกลุ่ม และมีความหลาก หลายของวัฒนธรรมซึ่งนำาไปสู่ความขัดแย้งและการเกิด พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ อาชญากรรม
  • 7. 7 ทฤษฎีความล้าหลังในทางวัฒนธรรม (Cultural Lag Theory) พฤติกรรมเบี่ยงเบน เกิดจากความสลับซับซ้อนของยุค เครื่องจักรกลหรืออุตสาหกรรม ซึ่งมีความเจริญทำาให้เกิด ความล้าหลังของวัฒนธรรมตามมา และปัญหาสังคม เช่น การ ว่างงาน ปัญหาวัยรุ่น ทฤษฎีแก้ตัว (Theory of Neutralization) ผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ ประกอบอาชญากรรม เพราะเรียนรู้เทคนิคการแก้ตัว • ปฏิเสธความรับผิดชอบ • ปฏิเสธการกระทำาร้าย • ปฏิเสธผู้เสียหายหรือผู้ได้รับอันตราย • ปรักปรำาผู้ที่ปรักปรำาตน • อ้างถึงความจงรักภักดีในระดับที่สูงขึ้น ทฤษฎีสถาบันที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดอาชญากรรม (Theories of Institutions and Crime) พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ อาชญากรรม เกิดขึ้นเนื่องจาก สถาบันในสังคมทำาหน้าที่ไม่เหมาะสม สถาบันทางสังคมที่สำาคัญ อาทิ • ครอบครัว • สถาบันการศึกษา • สื่อมวลชน • รัฐบาล Process Theories: พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นลักษณะของพฤติกรรมที่เกิดจาก การตัดสินใจ การเปรียบเทียบผลของพฤติกรรมที่แสดงออก มา • เกิดจากการเรียนรู้ Learning • การแปลความหมาย Interpretation • กระบวนการขัดเกลาทางสังคม Socialization
  • 8. 8 Social Learning As one learns a preponderance of definitions favorable to deviance, one will engage in deviance. ทฤษฎีความแตกต่างในการคบหาสมาคม หรือ ความ สัมพันธ์ที่แตกต่าง (Theory of Differential Association) พฤติกรรมทางอาชญากร เรียนรู้โดย: การติดต่อกัน อย่างใกล้ชิดภายในกลุ่ม ความประพฤติที่แสดงมาในลักษณะอาชญากร ขึ้นอยู่กับ - ความแตกต่างในช่วงระยะเวลา - ความสมำ่าเสมอในการติดต่อ - ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทฤษฎีการเลียนแบบ (Imitaion Theory) Garbriel Trade อาชญากรรมเกิดขึ้นเพราะการเลียนแบบ -พฤติกรรมผู้อื่น -สื่อมวลชน ทฤษฎีการขัดเกลา ของ David Matzd พฤติกรรมอาชญากรเกิดจากขาดกระบวนการในการ ขัดเกลาทางสังคม (Socialization) -ครอบครัว -ชุมชน -สังคม โดยกระบวนการขัดเกลาทำาหน้าที่ถ่ายทอด -ค่านิยม -ความเชื่อ -แบบแผนการปฏิบัติ ประเพณี วัฒนธรรม ทฤษฏีพันธกรรมของเฮอร์ชิ (Hirschi ‘s Bond Theory )
  • 9. 9 พฤติกรรมเบี่ยงเบนหรือ อาชญากรรมเกิดจากการขาด ความผูกพันทางสังคม ข้อผูกมัด หรือ ความผูกพัน ได้แก่ • ความผูกพัน • การผูกมัด • การเกี่ยวข้อง • ความเชื่อ Control Theory (Hirschi's) Normative-Process คนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน เนื่องจากไม่มีความผูกพันทาง สังคม • ความผูกพันทางสังคม (Social Bonding) เป็นสิ่งที่ ควบคุมทางสังคมไม่ให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบน *ปัจจัยควบคุมภายใน (Internal Control) : ความเชื่อ และกระบวนการขัดเกลาทางสังคม (Belief: socialization) * ปัจจัยควบคุมภายนอก ได้แก่ : เงื่อนไขของเวลา บทบาททางสังคม เป็นต้น ทฤษฎีกลไกแห่งการควบคุม (Containment Theory) พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ อาชญากรรม เกิดขึ้นเนื่องจาก ระบบการควบคุมภายใน ได้แก่ ร่างกายและจิตใจ การควบคุม ภายนอก อาทิ ความเชื่อ วัฒนธรรม ทฤษฎีการควบคุม (Control Theory) Emile Durkhcim ความผูกพันทางสังคมสามารถควบคุมพฤติกรรม อาชญากรได้ ทฤษฎีความผูกพันทางสังคม (Social Bond) ของ Travid Hischi
  • 10. 10 บุคคลมีความผูกพันกับสังคมมาก อาชญากรรมเกิดน้อย บุคคลมีความผูกพันกับสังคมน้อย อาชญากรรมเกิดมาก ความผูกพัน ได้แก่ 1. ผูกพันต่อครอบครัว 2. ผูกพันต่อชุมชนที่อาศัยอยู่ 3. ผูกพันต่อสังคมโดยรวม ประกอบอาชญากรรม เพราะ 1. ไม่ผูกพันต่อครอบครัว - ครอบครัวอยู่แบบตัวใครตัวมัน หาเช้ากินคำ่า ฐานะ ยากจน 2. ไม่ผูกพันต่อชุมชนที่อาศัยอยู่ - ชุมชนแออัด มีความเป็นอยู่แบบตัวใครตัวมัน - ไม่มีกิจกรรมในชุมชนร่วมกัน - วัดไม่สามารถเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชุมชนได้ 3. ไม่ผูกพันต่อสังคมโดยรวม - การอพยพย้ายถิ่นฐาน ทำาให้ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ สังคมที่อาศัยอยู่ ทฤษฎีกลุ่มชักนำา (Reference Group Theory) แฮสเคล (Haskell) พฤติกรรมเบี่ยงเบน และ อาชญากรรม เกิดจากกลุ่ม ชักนำาให้กระทำาผิด อาทิ ครอบครัว เพื่อน ทฤษฎีนิเวศวิทยาแห่งสำานักชิคาโก (The Chicago Ecological School) ของเบอร์เกส (Burgess) เมืองแบ่งออกเป็น 5 เขตใหญ่ ๆ 1. จุดศูนย์กลาง ใจกลางเมือง
  • 11. 11 2.ทางผ่าน ความเจริญทางธุรกิจและอุตสาหกรรมขยาย ตัวออกไป ไม่มีลักษณะถาวร ผู้มีรายได้น้อยอาศัยหนา แน่น แหล่งเสื่อมโทรม 3.เขตอาศัยของผู้ใช้แรงงาน ผู้มีเงินทองอาศัยอยู่ 4.ที่อยู่อาศัยของชนชั้นกลาง 5. เขตชานเมืองและเมืองบริวาร 1 2 3 4 5 ชอรว์ และแม็คเคย์ (Shaw and Mckay ) การกระทำาผิดของเด็กและเยาวชน มีมากที่สุดในเขตที่ 2 Techniques of Neutralization ทฤษฎีการแก้ตัว • ปฏิเสธการรับผิดชอบในการกระทำา เช่น -ไม่ได้ทำาร้ายเเหยื่อ - เหยื่อเป็นฝ่ายผิด -เกิดจากการดื่มสุรา
  • 12. 12 ปัจจัยทำงครอบครัวที่มีสวนสัมพันธ์กับอำชญำกรรม ่ Ÿบรรยำกำศของครอบครัวต่อสมำชิก 1. บุคลิกภำพ 2. ควำมสัมพันธ์ของครอบครัว 3. ควำมมีคุณธรรม (Super Ego) 4. ควำมสำมำรถในกำรสมำคมกับบุคคลอื่น รูปแบบของครอบครัวที่สร้างปัญหาในปัจจุบน ั ครอบครัวลูกระเบิด ครอบครัวยิปซี ครอบครัวดาวกระจาย ครอบครัวปรอท บรรยากาศของบ้านต่อบุคลิกภาพสมาชิก 1. วิพากษ์ วิจารณ์ เรียนรู้ตำาหนิผู้ อื่น 2. โกรธ เกลียด ปรปักษ์ ทะเลาะ 3. หวาดกลัว เกรงกลัว ขี้กลัว ตกใจ ง่าย 4. สงสาร สมเพท เวทนา มองตัวเองน่า สงสาร บุคลิกยอมตาม 5. อดทน อดกลั่น การอดทน อดกลั้น 7. ยกย่อง สรรเสริญ ชื่นชม รู้จัก คุณค่าคน 8. ให้ความสำาคัญ -ให้คุณค่าตัวเอง ยอมรับคุณค่า -มีจุดมุ่งหมายใน ชีวิต 9. มีความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม 10. ซื่อสัตย์ ซื่อสัตย์ 11. ความรัก ความเอาใจใส่ รักผู้อื่น
  • 13. 13 12. ปลอดภัยทางจิตใจและร่างกาย ให้ความเชื่อถือ ไว้วางใจคนอื่น “A house is made of bricks and stones but the home is made of love alone” “Family “ “Father and Mother I Love You” สื่อมวลชน Ÿเลียนแบบโฆษณา Ÿเลื่อนแบบรายการ Ÿค่านิยมด้านวัตถุ Ÿถ่ายทอดความรุนแรง 1. โทรทัศน์ 2. V.D.O 3. วิทยุ 4. หนังสือพิมพ์ 5. คอมพิวเตอร์ 6. คอมพิวเตอร์ 7. เกมส์ต่างๆ Biological and Psychological Theories of Deviance • Biological Positivism -พฤติกรรมเบี่ยงเบนเกิดจากการเจ็บป่วยหรือ ความผิดปกติ ของร่างกาย เป็นสิ่งที่บีบังคับให้คนมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน -การควบคุมพฤติกรรมคือ การบำาบัดรักษา -การให้ความสำาคัญกับผู้กระทำาผิดมากกว่าการให้ความสำาคัญ ต่อพฤติกรรม Cesare Lobroso: 1876 • The Criminal Man
  • 14. 14 - พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมของคนในสังคม ที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมสมัยใหม่ได้ - ความผิดปกติของร่างกายเป็นตัวกำาหนด พฤติกรรมเบี่ยงเบน - (การศึกษาผู้ต้องขังจำานวน 400 คน ปรากฏว่า -43% มีความผิดปกติ ที่เหมือนกัน) ทฤษฎีอาชญากรโดยกำาเนิด (Born Criminal) ของ Cesare Lombroso อาชญากรซึ่งมีลักษณะของอาชญากรมาตั้งแต่กำาเนิด โดยแสดงให้เห็น -ทางรูปร่าง -กะโหลกศีรษะ รูปสี่เหลี่ยม -ใบหน้าโบราณ คล้ายมนุษย์โบราณสมัยโครมันยอง -แววตาเหี้ยมโหด ทฤษฎีของ “ลอมโบรโซ” ศึกษำนิสัยบุคคลโดยดูจำก “กะโหลกศรีษะ” -พฤติกรรมอาชญากรเป็นมรดกทางกายภาพ + จิตใจ แสดงโดย : บุคลิกลักษณะ + แววตา : กะโหลกศรีษะ + โครงสร้างสมอง อาชญากรโดยกำาเนิด -บกพร่องทางกายภาพ -พฤติกรรมคล้ายสัตว์ -กลุ่มชนป่าเถื่อน 1939: Earnest Hooton: "The American Criminal” • ลักษณะของผู้เป็นอาชญากร อาทิ หน้าสี่เหลี่ยม ดุดัน • ลักษณะดังกล่าวเป็นอาชญากรจริงหรือไม่ 1949: William Sheldon: "Varieties of Delinquent Youth"
  • 15. 15 1949: William Sheldon: "Varieties of Delinquent Youth" ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการแสดงออกและรูปร่าง มนุษย์มีรูปร่าง 3 แบบ 1.Endoderm: digestive system อ้วนเตี้ย เนื้อมาก กินมาก 2.Ectoderm: skin and nervous system ผอมบาง ไม่ค่อย มีเนื้อ หนังหุ้มกระดูก 3.Mesoderm: bones, muscles ตัวใหญ่ มีกล้ามเนื้อแบบ นักกีฬา มีความแข็งแรง มีความปกติของร่างกาย==>พัฒนาการที่สมดุล, มี บุคลิกลักษณะที่ปกติ พัฒนาการที่ไม่สมดุล==> ความบกพร่องของร่างกาย พฤติกรรมผิดปกติ delinquents more likely to be mesomorphs. (แข็ง แรง ชอบใช้กำาลัง)พฤติกรรมเบี่ยงเบนถูกกำาหนดจากรูปร่าง France Gall (late 18th century) • ศึกษำสมองที่มีส่วนสำำคัญในกำรกำำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ 3 ส่วน 1.openness-secretiveness (เก็บความลับ) 2.acquisitiveness-generosity (ความใจกว้าง ) 3.eroticism (กามารมณ์) Imbalance==>deviance
  • 16. 16 ความไม่สมดุลของสมองทั้ง 3 ส่วนทำาให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยง เบน Bio-Social Theory • สาเหตุของพฤติกรรมเบี่ยงเบนมีความหลากหลายทาง ชีวภาพ อาทิ : ตัวกระตุ้น, ฮอร์โมน, สารในสมอง, เป็นต้น. • สภาพแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้น ลักษณะทางพันธุกรรม Heredity • IQ หากมีระดับ IQ ตำ่า นำาไปสู่พฤติกรรมเบี่ยงเบนและ พฤติกรรมอาชญากร • Genetics -ศึกษาพัฒนาการของฝาแฝด ปรากฏว่า 1 ใน 3 ของ ฝาแฝดมีความสัมพันธ์กับยีนของพ่อ -ฝาแฝดมีลักษณะทางพันธุกรรมที่เหมือนกันสูง • XYY Chromosomes: -เพียง 1/1,800-3,000 คนเท่านั้นที่มีลักษณะนี้ -ยังไม่หลักฐานที่ยืนยันแน่ชัด นอกจากกำาหนดให้สูง โครโมโซม supermale (Patricia Jacob) XX หญิง XY ชำย XYY ร่างกายสูงใหญ่ , ก้าวร้าว = อาชญากร ต่อมไร้ท่อ อาชญากร ต่อมไร้ท่อผิดปกติ ผลิตฮอร์โมนมาก ปัจจัยทางกายภาพ 1. สภาพร่างกาย -ส่วนสูง น้อยกว่าปกติ -นำ้าหนัก 2. สภาพแวดล้อม -อากาศร้อน ประกอบอาชญากรรมมาก
  • 17. 17 คดี ฆ่า, ปล้น -อากาศเย็น อาชญากรรมน้อย Ex. ชิงทรัพย์ Psychological Theories • ความไม่สมดุลของ Id-Ego-Superego ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ซิกมันต์ ฟอรยด์ (Sigmund Frued) Id -สภาพจิตใจที่ไม่ได้ขัดเกลา -โครงสร้างจิตใจขั้นพื้นฐาน -สัญชาตญานที่ฝังลึกเป็นบุคลิกภาพจากแรงผลัก ดันทางชีววิทยา Ego -ได้รับการพัฒนาจาก Id -เป็นส่วนประกอบที่ 2 ของบุคลิก อัตตา -ผ่านการเรียนรู้ระหว่าง ตนเอง + สิ่งแวดล้อม Super Ego ภาวะจิตใจขั้นสูงสุด จิตใจขั้นนี้คำำนึงถึง :- ควำมคิด + ควำมรู้สึกที่เป็นนำมธรรม = มโนธรรม Id 〈 Super ego Ego กระทำำตำมควำมต้องกำรของตัวเอง ขำดกำรยับยั้งชั่งใจ = พฤติกรรมเบี่ยงเบน หรือ กำรกระทำำผิด ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์ (Abraham Maslow) 1.ความต้องการขั้นพื้นฐาน -ปัจจัยสี่ -เพศ 2.ความมั่นคงปลอดภัย 3.ความรักความเข้าใจ 4.เกียรติยศ ยกย่องชื่อเสียง
  • 18. 18 5.ประสบความสำาเร็จในชีวิต-กำรงำน-ครอบครัว -กำรได้รับควำม ยอมรับ *ความต้องการร่างกายและจิตใจ* ข้อจำากัดของ Structural-Functional Analysis *การกำาหนดขอบเขตของพฤติกรรมเบี่ยงเบนจาก บรรทัดฐานสังคม(Norms)เท่านัน ้ *สมมติฐานที่ว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนเกิดขึ้นในกลุ่มคน ยากจนเป็นจุดอ่อนของทฤษฎีวัฒนธรรมรอง *ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นผู้ละเมิดบรรทัดฐานของ สังคมอาจไม่ครอบคลุมพฤติกรรมเบี่ยงเบนทั้งหมด Theory of Action-Reaction • มนุษย์กระทำาในสิ่งที่มีเหตุผล • พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการตีตรา คนในสังคม • คนที่ถูกตีตราจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนตามที่สังคมได้ตี ตรา 2. ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ Symbolic-Interaction Analysis พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นกระบวนการทางสังคม กล่าวคือ เป็นพฤติกรรมที่คนในสังคมร่วมกันกำาหนดว่าพฤติกรรมใด เป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบน โดยมีการตีตราคนในสังคมที่มี พฤติกรรมดังกล่าว และสังคมมีกระบวนการตอบโต้ต่อผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว - พฤติกรรมเบี่ยงเบนเป็นกระบวนการทางสังคม ซึ่งมี ความเกี่ยวข้องโดยตรงกับทฤษฏีตีตรา Labeling Theory - เป็นพฤติกรรมจากการกระทำา + สังคมมีปฏิกิริยา โต้ตอบ,กำาหนด ทฤษฎีตีตรา (Labelling) ของ Howard S. Becker
  • 19. 19 *พฤติกรรมเบี่ยงเบน / พฤติกรรมอาชญากร ถูกกำาหนดโดย กลุ่มคนรอบๆ ข้าง หรือโดยสังคม *พฤติกรรมอาชญากรมิใช่คุณสมบัติของผู้เป็นเจ้าของ แต่ เกิดจากการที่สังคมกำาหนดบุคคลต่างๆ สังคมมองบุคคลนั้นเป็นอย่ำงไร บุคคลดังกล่ำวจะปฏิบัติดัง นั้นปฏิบัติตำมที่สังคมได้ตีตรำ ทฤษฎีตราบาป (Stigma) ของ Erving Goftman การที่สังคมกำาหนดตีตรา หรือกำาหนดพฤติกรรมของ บุคคลในสังคมเป็นการกระทำาผิด จะเปรียบเสมือนตราบาป หรือรอยมลทินที่กำาหนดพฤติกรรม ของบุคคลนั้นให้กระทำาผิดตามตราบาป หรือรอยมลทินที่ได้รับจากสังคม จุดอ่อนของ Symbolic-Interaction Analysis 1. ทำาไมสังคมจึงกำาหนดพฤติกรรมบางอย่างเบี่ยงเบนบาง อย่างไม่เบี่ยงเบน 2. ไม่ได้ให้ความสำาคัญกับการมองพฤติกรรมการกระทำาเป็น หลัก แต่มองพฤติกรรมที่คนในสังคมกำาหนดในการรับรู้ ต่อพฤติกรรมเบี่ยงเบน 3. สมมติฐานที่ว่าทุกคนในสังคมต่อต้านพฤติกรรมเบี่ยงเบน 4. การขาดผลการวิจัยพฤติกรรมการตอบโต้ของคนใน สังคมต่อผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน 3.ทฤษฎีความขัดแย้งทางสังคม Social Conflict Analysis พฤติกรรมเบี่ยงเบน คือ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสังคมอัน เนื่องมาจากความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างชนชั้นทางสังคม พฤติกรรม เบี่ยงเบนเป็นพฤติกรรมที่ถูกกำาหนดจากผู้ที่มีอำานาจ หรือมี สถานภาพทางสังคมสูง Deviant + Power
  • 20. 20 - คนมีอำานาจน้อย คือ ผู้ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน 1. บรรทัดฐำนกำำหนดจำกผู้มีอำำนำจในสังคม มีผลต่อผู้มีสถำนภำพ ตำ่ำ 2. ถ้ำผู้มีอำำนำจมีพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม จะใช้อำำนำจตีตรำผู้อื่น 3. กฎหมำย + บรรทัดฐำนไม่เคยยุติธรรม - การกำาหนดพฤติกรรมเบี่ยงเบนโดย - เจ้ำของทุน - ผูว่ำจ้ำง ้ แรงงำน - ผู้มีอำำนำจ - ชนชั้นสูง ทฤษฎีมาร์คซิสซ์ (Marxist) Karl Mark ระบบทุนนิยม (Capitalism) ก่อให้เกิดระบบชนชั้น นายทุน + แรงงาน มีการเอารัดเอาเปรียบชนชั้นแรงงาน ปฎิวัติ ระบบสังคมนิยม จุดอ่อนของ Social-Conflict Analysis ١.ให้ความสำาคัญกับอำานาจและความไม่เท่าเทียมกันใน สังคมเท่านั้น -ไม่สามารถอธิบายได้ว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนกำาหนดขึ้น มาได้อย่างไรและมีการควบคุมอย่างไร 2. สมมติฐานที่ว่าคนรวยและมีอำานาจเป็นผู้สร้างและ ควบคุมบรรทัดฐานนำาไปสู่ความสงสัยต่อกระบวนการทางการ เมือง 3. สรุปความเสียหายระหว่างอาชญากรรมคอปกขาวกับ อาชญากรรมทั่วไปมีความใกล้เคียงกัน 4. ความไม่เท่าเทียมเท่านั้นที่ทำาให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยง เบน แต่ในสังคมพฤติกรรมเบี่ยงเบนมีหลายประเภทแตกต่าง กันไป
  • 21. 21 ท ษ อช า ยแ วพุ ธ ฤ ฎี า ญวิท า น ท ปั ทงจิต จจัย ำ : โล โก หล ภ รธ ง : อ ำ มี อ ำ ได้ ยก ยก มิจฉำ ฐิ ทิ พ ก ฤติ รรม อ ำ เป็ อ ำ ไม่เป็ ยก น ยก น หรือ เบี่ งเบ ย น ค มเห็นผิ วำ ด หรือ ปั ทงสังค จจัย ำ ม อช ำ ร ำ ญก *ก รค ค ำ ำ บ นพล ปั สิงแ ล้ มทงก ย พ จจัย ่ วด อ ำ ำ ภำ *สถ นที่ ย ย ำ เสี่ งภั :สิงเสพ ด ่ ติ Kai Erikson : -พฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เปลี่ยนแปลง = สภาพแวดล้อมที่ เปลี่ยนแปลง - คนในสังคมเป็นคนกำาหนดพฤติกรรมเบี่ยงเบน Deviant Subcultures : ทฤษฎีโอกาสที่แตกต่าง (Differential Opportunity Theory) Richard Cloward, Lloy Ohlin - พฤติกรรมเบี่ยงเบนไม่ได้เกิดจากการขาดโอกาสแต่ เพียงอย่างเดียว - เกิดจากวัฒนธรรมรองที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม