ݺߣ
Submit Search
Ȩ้อหาการฟัง
Nov 20, 2013
1 like
2,243 views
จิตติวิทย์ พิทักษ์
1 of 4
Download now
Download to read offline
1
2
3
4
More Related Content
Viewers also liked
(11)
PDF
สมัยรีเนซองส์ Renaissance
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
ประเภทเครื่องึϸตรีสากล
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
The middle ages
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
กุญแจประจาหลัก (Clef)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
พลง
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
ใบความรู้ร้องพลง
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
การศึกษาึϸตรีตะวันตก
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PPT
ความหมายของสุนทรียศาสตร์-สุȨรียภาพ
sirikase
PDF
ข้อสอบ 50
ฤทธิชัย จันทร์หอม
PDF
สุนทรียศาสตร์ สุนทรียภาพ
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PPTX
ความหมายและความสำคัญของสุนทรียะ
Pop Punkum
สมัยรีเนซองส์ Renaissance
จิตติวิทย์ พิทักษ์
ประเภทเครื่องึϸตรีสากล
จิตติวิทย์ พิทักษ์
The middle ages
จิตติวิทย์ พิทักษ์
กุญแจประจาหลัก (Clef)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
พลง
จิตติวิทย์ พิทักษ์
ใบความรู้ร้องพลง
จิตติวิทย์ พิทักษ์
การศึกษาึϸตรีตะวันตก
จิตติวิทย์ พิทักษ์
ความหมายของสุนทรียศาสตร์-สุȨรียภาพ
sirikase
ข้อสอบ 50
ฤทธิชัย จันทร์หอม
สุนทรียศาสตร์ สุนทรียภาพ
จิตติวิทย์ พิทักษ์
ความหมายและความสำคัญของสุนทรียะ
Pop Punkum
More from จิตติวิทย์ พิทักษ์
(10)
PDF
ใบงานการร้องพลง ม.1
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
Rudimentsequence D
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
Rudimentsequence B
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
Rudimentsequence C
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
ชุดการเรียน ทางไกล วิชาดนตรี
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
รีคอร์เดอร์ (Recorder)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
เครื่องึϸตรีสากล
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
เครื่องหมายกำหนดจังหวะ (Time signature)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
กุญแจประจาหลัก (Clef)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
PDF
กว่าจะเป็น “โด เร มี”
จิตติวิทย์ พิทักษ์
ใบงานการร้องพลง ม.1
จิตติวิทย์ พิทักษ์
Rudimentsequence D
จิตติวิทย์ พิทักษ์
Rudimentsequence B
จิตติวิทย์ พิทักษ์
Rudimentsequence C
จิตติวิทย์ พิทักษ์
ชุดการเรียน ทางไกล วิชาดนตรี
จิตติวิทย์ พิทักษ์
รีคอร์เดอร์ (Recorder)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
เครื่องึϸตรีสากล
จิตติวิทย์ พิทักษ์
เครื่องหมายกำหนดจังหวะ (Time signature)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
กุญแจประจาหลัก (Clef)
จิตติวิทย์ พิทักษ์
กว่าจะเป็น “โด เร มี”
จิตติวิทย์ พิทักษ์
Ad
Ȩ้อหาการฟัง
1.
1) ฟังเสียง (sound)
รอบ ๆ ตัวเราประกอบไปด้วยเสียง หนวกหูบ้างไม่หนวกหูบ้าง เสียงที่เกิดขึ้นทุก ชนิดจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ดังได้กล่าวมาแล้วว่าหูของเรานั้นเปิดอยู่ตลอดเวลา เสียงเหล่านั้นที่เกิดขึ้นจะผ่าน หูเราไป รับรู้บ้าง ไม่รับรู้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ลมพัด ฟ้าร้อง น้ําตก หรือเสียงที่ มนุษย์ทําขึ้น เสียงรถยนต์ นกหวีด ตอกตะปู ฯลฯ หูจะเรียนรู้เสียงเหล่านั้นทุกแห่งที่ได้ยิน จะพอใจหรือ ไม่พอใจ น่าฟังหรือไม่น่าฟังนั้นเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ภายหลัง เด็กแรกเกิดจะเรียนรู้เรื่องเสียง เด็ก ๆ จะมี ค วามสนใจต่ อเสี ยงแปลกใหม่ ความแปลกใหม่ของเสียงสามารถสร้างความสนใจ และการ เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเด็กได้ ดนตรีประกอบด้วยเสียงเหล่านี้ เพียงแต่เสียงเหล่านี้ไม่ถูกจัด ระบบให้มีระเบียบเท่านั้นเอง การฟังเสียงนก เสียงกา การตีเกราะ เคาะไม้ ฟังเสียงนกหวีดของจราจร หูของเราจะทนฟังอยู่ได้ไม่นานก็เกิดความเบื่อหน่าย ความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นเพราะความไม่มีศิลปะ ไม่มีระเบียบของเสียงประการหนึ่ง และเสียงไม่สามารถท้าทายต่อการฟังอีกต่อไป และไม่ช้าไม่นาน เสียงเหล่านั้นจะกลายเป็นเสียงรบกวนไป 2) ฟังจังหวะ (rhythm time) จังหวะเป็นการเอาเสียงมาจัดระบบระเบียบให้คล้องจองกัน เอาฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง ฆ้อง กลอง ตะโพน มาเคาะให้เป็นจังหวะความแปลกหูเกิดขึ้นทําให้น่าฟัง เช่น กลอง ยาว ดนตรีที่รับลําตัด ฉิ่ง ฉาบ กลองชุด กลองพาเหรด หรือแม้แต่เสียงนกหวีดที่เป่าสําหรับเดินสวน สนาม เป็นต้น กลุ่มเสียงเหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นจังหวะ จังหวะเป็นเรื่องของความรู้สึกช้า-เร็ว ให้อารมณ์ครึกครื้น อับเฉา ชุ่มฉ่ํา เป็นต้น จังหวะมี อิทธิพลต่อความรู้สึกมาก โดยเฉพาะทางร่างกาย ความตื่นเต้นเร้าใจต่อจังหวะที่ได้ยิน “ฟังแล้วเนื้อ เต้น” จังหวะมักถูกนําไปเป็นองค์ประกอบที่สําคัญในพิธีกรรมต่าง ๆ ทุกกิจกรรมในสังคมมนุษย์ก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับจิต ความรู้สึก ปลุกวิญญาณความเป็นชาตินิยม ฯลฯ จังหวะ มักจะเร่งเร้าให้ร่างกายแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งต่อจังหวะที่ได้ยิน พลงของวัยรุ่นเน้นจังหวะ สนุกสนานเป็นสําคัญ ดังได้กล่าวมาแล้วว่าจังหวะมีผลต่อความรู้สึกทางกายมาก วัยรุ่นจะสนุก เพลิดเพลินกับจังหวะที่ได้ยิน จิตใจจะถูกจูงให้คล้อยตามจังหวะไป จังหวะเป็นเรื่องของเวลา การเคลื่อนที่ของเวลา การรับรู้ว่าเวลาผ่านไปเกี่ยวข้องกับจังหวะการ เคลื่อนที่ของเสียงที่ก่อให้เกิดความรู้สึกสั้น ยาว ถี่ยิบ หรือห่าง ๆ จังหวะของการเคลื่อนที่ของรถไฟ กําลังออกจากสถานี กําลังวิ่งเต็มแรง หรือกําลังวิ่งเข้าสู่สถานี ค่อย ๆ ถี่ขึ้น ๆ ความถี่สม่ําเสมอค่อย ๆ ช้าลง ๆ เป็นความรู้สึกบอกถึงความหมายว่ารถไฟกําลังจะออก-วิ่ง-หรือกําลังจะจอดสถานี ดังนั้น ความถี่ความห่างของเสียงจึงเป็นเรื่องของเวลา จังหวะเป็นองค์ประกอบที่สําคัญอย่างหนึ่งของธรรมชาติ ทุกอย่างมีจังหวะควบคุม การ เปลี่ยนแปลงของฤดูกาล กลางวัน กลางคืน ความเป็น ความตาย เป็นธรรมชาติที่ประกอบขึ้นด้วย จังหวะ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น สัดส่วนของอาคาร สถาปัตยกรรม ความสมดุลของสรรพสิ่ง ภาพวาด ท่าทางที่ร่ายรํา ลีลาของฉันทลักษณ์ แม้แต่ลีลาของชีวิตล้วนเกี่ยวข้องกับจังหวะทั้งสิ้น จังหวะเป็นองค์ประกอบที่สําคัญของดนตรี ความเร้าใจของจังหวะสร้างความครึกครื้นให้เรา อยากแต้นรําเคาะจังหวะตาม กระดิกเท้า โยกตัว พยักหน้า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของร่างกายที่ตอบสนอง ต่อจังหวะ การฟังดนตรีนั้นเริ่มมาจากได้ยินเสียงแล้วผนวกเป็นกระสวนของจังหวะ 3) ฟังทํานอง (melody) ลําดับต่อมาของการฟังคือฟังทํานอง ทํานองเป็นรูปร่างหน้าตา ภายนอก เป็นโครงสร้างบอกถึงขอบเขตความสูงต่ําของเสียง การฮัมพลง การผิวปาก การร้องพลง เป็นการนําแนวทํานองมาใช้ ทํานองจะให้อารมณ์ชัดเจนกว่าจังหวะ ให้ความรู้สึกลึกลงถึงจิตใจ มากกว่าส่วนของจังหวะ แต่ในขณะเดียวกันในทํานองมีจังหวะรวมอยู่ด้วย แนวทํานองเป็นการเคลื่อนไปของเสียงที่อาศัยระดับความสูงต่ํา ความสั้นยาว ความดังเบาของ เสียงเป็นองค์ประกอบแนวทำนองเปนการนำเสียงสูงต่ำ สั้นยาว ดังเบามาปะติดปะตอกัน แนวทำนองเปนเนื้อหา หลักของดนตรี แนวทำนองเปรียบเสมือนเคาโครงเรื่องวาเรื่องจะดำเนินไปอยางไร การนำเสียงแตละเสียงมาปะติดปะ ตอกันเปนทำนองพลง แตละเสียงจะมีความสัมพันธกัน ความเปนเอกภาพของกลุมเสียงหรือที่เรียกวา วลีพลง
2.
ประโยคพลงที่จะสรางความประทับใจแกผูฟง การผิวปากหรือฮัมพลง เปนการสรางทำนองหรือจำทำนองแลวนำมา ประดับอารมณเมื่อตองการ อารมณ์ที่เกิดจากการฟังดนตรีครั้งแรกนั้น
ก็เพราะอาศัยทํานอง ความประทับใจ เช่น การจํา พลงลาวดวงเดือนได้ ก่อนที่จะจําองค์ประกอบอื่น ๆ ได้นั้นเราจําทํานองก่อน การฟังกระสวนจังหวะ เช่น ฟังกลองยาวนาน ๆ เกิดความเมื่อยหู แต่ถ้าหากว่ามีแนวทํานอง เข้ามาประกอบย่อมทําให้น่าฟังขึ้น คณะกลองยาวจึงมีเครื่องดนตรีทําแนวทํานองคลอตามไปด้วย หรือ การไปเชียร์กีฬา ส่วนใหญ่จะมีกลองให้จังหวะและมีเครื่องดนตรีให้ทํานองทําให้กองเชียร์ครึกครื้นอีก มากทีเดียว 4) ฟังเนื้อร้อง (text) หลังจากการฟังเสียง จังหวะ ทํานองแล้ว เรามุ่งฟังเนื้อร้อง เนื้อเรื่องหรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพลง ผู้ฟังจํานวนมากมุ่งฟังดนตรีเพื่อให้รู้เรื่อง ตัวดนตรีเองนั้นไม่เป็นเรื่อง แต่ เนื้อร้องหรือเรื่องที่เกี่ยวกับพลงสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ฟัง บางครั้งดูเหมือนว่าเนื้อร้องหรือ เรื่องเป็นหัวใจของพลงเสียด้วยซ้ําไป พลงดาวลูกไก่ที่ขับร้อง พร ภิรมย์ หลังจากฟังพลงจบแล้ว บ้างก็นั่งน้ําตาคลอด้วยเหตุผลที่ว่า สงสารไก่ ทั้ง ๆ ที่ศิลปะการถ่ายทอดอารมณ์มีความสําคัญมาก แต่ผู้ฟังส่วนใหญ่เอาใจจดจ่ออยู่ที่เรื่อง ว่าจะจบลงอย่างไรพลงที่มีเนื้อร้อง ตัวเนื้อร้องทําหน้าที่ดําเนินเรื่อง แต่ถ้าพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง อย่าง พลงบรรเลงก็พอจะหาเรื่องเกี่ยวกับพลงมาเล่าสู่กันฟังให้เป็นเรื่อง เช่น จะฟังซิมโฟนีหมายเลข 3 อิโร อิกา (Eroica) ของเบโธเฟน (Beethoven) มีเรื่องเล่าว่าเบโธเฟนเขียนพลงนี้สรรเสริญนโปเลียน โบนา ปาร์ต (Napoleon Bonaparte) เพราะเหตุที่ว่าเบโธเฟนและนโปเลียนมีความคล้ายคลึงกันในระยะต้น ๆ ของชีวิต คือมีแต่ความยุ่งเหยิงประกอบกับความบีบคั้นทางสังคมที่มีแต่ความขื่นขมในช่วงปลายคริสต์ ศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นมูลเหตุอันสําคัญที่นําไปสู่การปฏิวัติทางวัฒนธรรมในฝรั่งเศส เบโธเฟนชื่นชม ยินดีกับความยิ่งใหญ่ของนโปเลียนถึงกับเขียนพลงให้ชื่อว่า โบนาปาร์ต ครั้นพอนโปเลียนสถาปนาตัว เองเป็นจักรพรรดิด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง เบโธเฟนโกรธมากถึงกับขีดฆ่าชื่อโบนาปาร์ตออกแล้วตั้งชื่อ ใหม่ว่า อิโรอิกา สรรเสริญความยิ่งใหญ่จะเป็นใครก็ได้ไม่จําเป็นจะต้องเป็นนโปเลียน 5) ฟังการเรียบเรียงเสียงประสาน (harmony) การเรียบเรียงเสียง คือการนําเอาเสียงมาจัด ระบบ เอาเสียงมาซ้อนกันประสานกันตามกฎเกณฑ์ของแต่ละยุคแต่ละสมัยที่นิยมกัน เสียงประสานจะ เป็นตัวที่ช่วยอุ้มเสียงดนตรีให้มีพลังทางอารมณ์เสียงประสานของดนตรีเป็นองค์ประกอบภายในที่ ละเอียดอ่อนที่ช่วยเกื้อหนุนความงามของบทพลง คําว่าฮาร์โมนีหรือความประสานกันนั้น มีความหมาย 2 ประการด้วยกัน ประการแรก เป็น ความหมายทั่ว ๆ ไป หมายถึงความผสมกลมกลืน ความคล้องกัน คู่ควรแก่กัน มีคําโบราณพูดถึง ความประสานกันไว้มากมายหลายคําด้วยกัน อย่างเช่น กิ่งทองใบหยก ไม้เท้ายอดทองตะบองยอด เพชร ผีแห้งกับโลงผุ น้ําผึ้งเปรี้ยวมะพร้าวเน่า ซึ่งคําอุปมาเปรียบเทียบเหล่านี้หมายถึงความคล้องจอง กัน ประสานกลมกลืนกัน ในขณะเดียวกันก็มีคําที่แสดงถึงความไม่สอดคล้องกัน เช่น ดอกฟ้ากับหมา วัด ขมิ้นกับปูน ผ้าขี้ริ้วห่อทอง เป็นต้น ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความขัดแย้งกัน ไม่สอดคล้องซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นหมายถึงฮาร์โมนีนั่นเอง ซึ่งมีความหมายที่ไม่จําเป็นว่าจะต้องเป็นเรื่องดนตรี ประการที่สองฮาร์โมนีหรือการประสานคล้องจองในความหมายของดนตรีตะวันตกตั้งแต่สมัย เรเนซองส์ (renaissance) เป็นต้นมา ดนตรีตะวันตกเริ่มให้ความสําคัญของแนวพลงหลัก โดยมีแนวอื่น ๆ เป็นแนวประสาน ความประสานคล้องจองกันนั้นดําเนินไปทั้งแนวราบและแนวตั้ง ขาดทํานองหลักไป แล้วก็ไม่เป็นพลง ทุก ๆ แนวต่างก็ทําหน้าที่สนับสนุนทํานองหลัก เป็นความคล้องจองของเสียงที่นํามา เรียบเรียง จึงมักจะเรียกกันว่า “เรียบเรียงเสียงประสาน” 6) ฟังสีสันแห่งเสียง (tone colour) เป็นการฟังสีของเสียงว่ามีคุณภาพอย่างไร ศิลปะมีสีขาวเป็น พื้นก่อนที่ระบายสี ส่วนดนตรีมีความเงียบเป็นพื้น สีสันแห่งเสียงถูกนํามาใช้ในชีวิตประจําวันโดยที่เรา ไม่รู้ตัว การที่เรารู้ว่าใครพูดในขณะที่เรายังไม่เห็นตัว เพราะหูของเราสามารถจําแนกสีเสียงที่ได้ยินว่า
3.
แต่ละเสียงแตกต่างกันอย่างไร บางครั้งแม้แต่เสียงเดินของแต่ละคนก็สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร คน ตาบอดอาศัยความแตกต่างของสีเสียงในการจําบุคคล
ละครวิทยุอาศัยสีเสียงในการสร้างตัวละครว่า เสียงใดเป็นเสียงพระเอก เสียงใดเป็นเสียงตัวโกง หรือเสียงใดควรเป็นเสียงคนใช้ เรามักจะได้ยินคําว่า น้ําเสียง ซึ่งมักใช้กับผู้ประกาศวิทยุและโทรทัศน์ น้ําเสียงเป็นเรื่องสําคัญที่คํานึงถึง ผู้ที่ได้รับเลือกไป เป็นผู้ประกาศเพราะเป็นผู้ที่น้ําเสียงดีน้ําเสียงก็คือเสียงที่มีคุณภาพนั้นเอง สีสันแห่งเสียงของดนตรีเป็นเสียงที่เกิดจากเครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัสดุและรูป แบบของเครื่องดนตรี ทั้งการเกิดของเสียง ดีด สี ตี เป่า (เขย่า ชัก ดูด) และพ่น ผ่านตัวกลางสื่อกลาง ที่ต่างกัน วัสดุที่ใช้ทําเครื่องดนตรี เช่น เส้นลวด โลหะ เชือกที่ต่างกัน ฯลฯ สื่อกลางเหล่านี้ทําให้สีเสียง ของเครื่องดนตรีมีความแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ดนตรีอาศัยความเงียบเป็นพื้นเสียง การที่จะฟังว่าสีเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชนิด นั้นเป็นอย่างไร เราต้องฝึกฟังเสียงเครื่องดนตรีชนิดนั้น ๆ โดยฟังเดี่ยว ๆ ก่อน เมื่อเรารู้จักเคยชินกับ เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชนิดแล้ว ลองฟังว่าบทประพันธ์พลงแต่ละบทใช้เครื่องดนตรีอะไรบ้าง ตรงไหน อย่างไร ไพเราะไหม ชอบหรือไม่ชอบ ความชอบความพอใจสีสันแห่งเสียงเครื่องดนตรีชนิดใดเป็นพิเศษเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละ คน ความแตกต่างของสีสันแห่งเสียงเกิดขึ้นจากเหตุผล 3 ประการด้วยกัน ประการแรก เป็นเครื่อง ดนตรีอะไร การกําเนิดของเสียงเป็นอย่างไร เป็นเครื่องสาย เครื่องเป่า หรือเครื่องเคาะ ประการที่สอง ศักยภาพของเครื่องดนตรีเป็นอย่างไร เครื่องดนตรีมีความสมบูรณ์ในตัวของมันเองแค่ไหน และ ประการสุดท้ายความสามารถของนักดนตรีในการใช้เครื่องดนตรีบรรเลงถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึงอารมณ์ พลงหรือไม่ อย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ผู้ฟังเป็นผู้วินิจฉัยด้วยตัวเอง 7) ฟังรูปแบบของพลง (form) รูปแบบหรือโครงสร้างของพลงเป็นการฟังดนตรีอย่างภาพรวม ๆ ทั้งหมด การที่เราจะรู้ว่าลักษณะอย่างไรเป็นผู้หญิง ลักษณะอย่างไรเป็นผู้ชาย ผู้หญิงและผู้ชายแตก ต่างกันอย่างไรนั้นอาศัยโครงรูปแบบเป็นหลักดนตรีก็เช่นเดียวกัน พลงท่อนเดียว 2 ท่อน 3 หรือ 4 ท่อน บรรเลงเดี่ยว หรือบรรเลงเป็นวง สิ่งเหล่านี้เป็นโครงสร้างและรูปแบบของดนตรี พลงตับ พลง เถา พลงเรื่อง โซนาตา คอนแชร์โต ซิมโฟนี พลงแต่ละบทจะไม่เหมือนกัน การเรียนรู้โครงสร้างของบทพลงจากตําราเรียนนั้นเป็นแต่เพียงโครงสร้างอย่างคร่าว ๆ แต่ใน ความเป็นจริงนั้นพลงแต่ละบทมีความแตกต่างกันรูปแบบของบทพลงแต่ละบทเป็นเอกลักษณ์จําเพาะ ของบทนั้น ๆ การฟงดนตรีก็เชนเดียวกัน ตองรูเคาโครงใหญ รูเคาโครงยอย ทั้งนี้ทั้งนั้นตองอาศัยการเรียนรูโดยการฟง 8) ฟังอย่างวิเคราะห์ (analysis) การฟังอย่างวิเคราะห์นั้นเป็นการฟังเพื่อหารายละเอียดของผล งานชิ้นนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร มุ่งวิเคราะห์ในรายละเอียด เช่น เสียงสูง ต่ํา ดัง เบา หนา บาง เป็นต้น โดยอาศัยหลักการทฤษฎีทางดนตรี ความรู้ ความเข้าใจบวกกับประสบการณ์ ฟังอย่างนักฟัง นักดนตรี นักเรียนดนตรี นักวิจารณ์ กรรมการตัดสินการประกวดดนตรี แต่ละฝ่ายก็มีเกณฑ์ในการฟังที่แตกต่าง กันซึ่งขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการฟัง การฟงดนตรีอยางวิเคราะหนั้นไมไดมุงเพื่อความเพลิดเพลินแตอยางใด แตเปนการฟงโดยมีจุดประสงคอยาง ใดอยางหนึ่ง เชน ฟงเพื่อจะวิเคราะหวาเปนผลงานของใคร สมัยใด ใชเครื่องดนตรีอะไรในการบรรเลง แตงในรูปแบบ ใด การประสานเสียงเปนอยางไร เปนตน 9) ฟังเพื่อสุนทรียะ (aesthetic) การฟังดนตรีเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งเป็นประโยชน์ของชีวิต เป็นการฟังที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด เพราะการฟังประเภทนี้เป็นเรื่องของผู้ที่จะเลือก บริโภคให้เหมาะสมกับตน ผู้ฟังอาจจะมีความพอใจอยู่ในระดับใดระดับหนึ่งที่กล่าวมาแล้ว เพียงความ สุขส่วนตัวที่จะเลือกฟังในสิ่งที่ตนชอบโดยอาศัยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ตนมีอยู่ให้ เป็นประโยชน์แก่ตนเองมากที่สุด
4.
ลําดับขั้นของการฟังดนตรี ฟัง เพื่อ ประโยชน์ ของชีวิต ฟังเพื่อการวิเคราะห์ ฟังรูปแบบของคีตลักษณ์ ฟังสีเสียง ฟังการเรียบเรียงเสียงประสาน ฟังเรื่อง ฟังทํานอง ฟังจังหวะ ฟังเสียง
Download