More Related Content
What's hot (16)
Viewers also liked (20)
Similar to สารสȨทศ (20)
สารสȨทศ
- 2. การป็นครูที่ดี มีลักษณะอย่างไร ประการแรก ครูจะต้องรักด็กและข้าใจด็ก ประการที่สอง ครูควรทราบวิธีการส่งสริมให้ด็กได้ รับการพัฒนาทุกๆด้าน (ด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา สังคม คุณธรรม และ จริยธรรม)
- 3. 1. จิตวิทยา คือ ศาสตร์ที่ศึกษากี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งสามารถสังกตได้ วัดได้ และทดสอบได้ 2. การที่ครูรู้จักและข้าใจความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม ของด็ก ทาให้ครูสามารถจัดกิจกรรม นื้อหาและสภาพแวดล้อม ให้หมาะสมกับด็กได้ ตลอดจนสร้างระบียบวิȨยที่ดีแก่ด็ก 3. นื้อหาที่น่าสนใจที่กี่ยวข้องกับการศึกษา คือ การศึกษาด็ก ป็นรายบุคคล พัฒนาการของด็ก การอาใจใส่ การลงโทษ การสริมแรง การสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ดีต่อตนอง การสร้าง บรรยากาศในชั้นรียน การสร้างวิȨย การพูดและการฟังของครู
- 4. คาถามที่ต้องการคาตอบ - ทาอย่างไรด็กจะรักโรงรียน - ทาอย่างไรด็กจะรักครู - ทาอย่างไรด็กจะประพฤติปฏิบัติตัวดี - ทาอย่างไรด็กถึงจะรียนก่ง - ทาอย่างไรจะช่วยให้ด็กแต่ละคนพัฒนาตนองได้อย่างต็มที่ - ทาอย่างไรด็กถึงจะป็นคนดีที่โรงรียนและสังคมต้องการ
- 5. ความสาคัญของจิตวิทยาการศึกษาต่ออาชีพครู 1. ช่วยให้ครูรู้จักลักษณะนิสัย (Characteristics) ของ นักรียนที่ครูต้องสอน 2. ช่วยให้ครูมีความข้าใจพัฒนาการทางบุคลิกภาพบางประการของ นักรียน (ช่วยให้นักรียนมีอัตมโนทัศน์ที่ดีและถูกต้อง) 3. ช่วยครูให้มีความข้าใจความแตกต่างระหว่างบุคคล 4. ช่วยให้ครูรู้วิธีจัดสภาพแวดล้อของห้องรียนให้หมาะสมแก่วัยและขั้น พัฒนาการของนักรียน 5. ช่วยให้ครูทราบถึงตัวแปรต่างๆที่มีอิทธิพลต่อการรียนรู้ของนักรียน
- 6. ความสาคัญของจิตวิทยาการศึกษาต่ออาชีพครู 6. ช่วยครูในการตรียมการสอน วางแผนการรียน 7. ช่วยครูให้ทราบหลักการและทฤษฎีของการรียนรู้ 8. ช่วยครูให้ทราบถึงหลักการสอนและวิธีสอนที่มีประสิทธิภาพ 9. ช่วยครูให้ทราบว่านักรียนที่มีผลการรียนดีไม่ได้ป็นพราะ ระดับชาวน์ปัญญาพียงอย่างดียว 10. ช่วยครูในการปกครองชั้นและการสร้างบรรยากาศของห้องรียน
- 7. ครู : ป็นแม่พิมพ์ และป็นบ้าหลอมให้ด็กป็นคนดีหรือคนลวได้ ด็กบางคนปรียบสมือนน้าร้อนที่ดือดปุดๆ ความอื้ออาทร การอาใจใส่ และความสงบยือกย็นของครู ที่จะทาให้น้าร้อนนั้นย็นลง ด็กบางคนปรียบสมือนภูขาน้าแข็ง ความอบอุ่นของครูท่านั้น ที่จะละลายขาได้ จงทาให้ขาละลายลง………..
- 8. การสารวจนักรียนรายบุคคล ป็นการรวบรวมข้อมูลนักรียนป็นรายบุคคลอย่างละอียด ข้อมูลที่ก็บ บันทึกไว้ ได้แก่ ประวัติส่วนตัว ครอบครัว ภูมิหลังจากโรงรียนดิม ประวัติการรียน พฤติกรรม นิสัย บุคลิกภาพ สติปัญญา สุขภาพ ความสัมฤทธิ์ผลทางการรียน จตคติ ประวัติการถูกลงโทษ การได้รับ รางวัล การบาพ็ญประโยชน์ ความสนใจ ความสามารถพิศษ ฯลฯ ทั้งนี้พื่อจะได้รู้จักนักรียน ข้าใจนักรียนอย่างลึกซึ้ง พื่อป็นแนวทางที่ จะช่วยหลือหรือพัฒนานักรียนได้อย่างถูกต้อง
- 9. ข้อควรคานึงในการสารวจ 1. ข้อมูลที่รวบรวมต้องถูกต้องป็นจริง ชื่อถือได้ และพียงพอที่จะ ทาให้ทราบสาหตุของปัญหา 2. ควรศึกษาข้อมูลอย่างต่อนื่อง และต้องจดบันทึกทุกครั้ง 3. ใช้ภาษาข้าใจง่ายในการบันทึก ระบุวันวลา สถานที่ ผู้บันทึกชัดจน 4. ข้อมูลควรได้มาจากหลายฝ่ ายและหลายสถานการณ์ 5. ข้อมูลที่นักรียนไม่ต้องการให้ปิดผย ครูต้องรักษาไว้ป็นความลับ 6. ผู้รวบรวมข้อมูลต้องมีใจป็นกลาง ไม่มีอคติหรือความลาอียงใดๆ 7. ครูไม่ควรด่วนสรุปหรือชื่อข้อมูลที่ได้จากการศึกษาพียงวิธีใดวิธี หนึ่งท่านั้น ควรหาจากหลายๆวิธีพื่อความถูกต้องพียงพอ
- 10. ทคนิคการสารวจป็นรายบุคคล ทคนิคต่างๆที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลนักรียน ที่จาป็นมีดังนี้ 1. การสังกต 2. การสัมภาษณ์ 3. แบบสอบถาม 4. การยี่ยมบ้าน 5. การทาอัตชีวประวัติ 6. แบบทดสอบ
- 11. การอาใจใส่
- 12. “น้าขาดปลา ฟ้ าขาดฝน คนขาดใจ ชีวิตคงจะห่อหี่ยว แห้งแล้งและโรยราแน่” “ ธรรมชาติของมนุษย์ ต้องการที่จะได้รับความรัก ความอาใจใส่ ความสนใจ และการยอมรับจากพื่อมนุษย์ด้วยกัน ”
- 13. พฤติกรรมที่รียกร้องความสนใจ - ชอบส่งสียงดังในชั้นรียน - ฝ่ าฝืนกฎระบียบของโรงรียน - ลุกดินจากที่นั่งบ่อยๆ
- 14. การอาใจใส่นักรียน จาแนกได้ 2 ประการ 1. การอาใจใส่ทางบวก ป็นการสื่อสารด้วยคาพูดที่ทาให้ผู้รับ รู้สึกว่าตนมีคุณค่า 1.1 การอาใจใส่ทางบวกโดยไม่มีงื่อนไข “ ครูรักธอ ไม่ว่าธอจะป็นใคร มาจากไหน รียนก่งหรืออ่อน จนหรือรวยก็ตาม ” 1.2 การอาใจใส่ทางบวกโดยมีงื่อนไข “ ถ้านักรียนคนไหนสอบได้ที่ 1 ครูมีรางวัลให้ ”
- 15. การอาใจใส่นักรียน จาแนกได้ 2 ประการ 2. การอาใจใส่ทางลบ คือการสื่อสารด้วยคาพูดหรือภาษากาย จากผู้ส่งออกไปยังผู้รับแล้ว ผู้รับไม่พอใจ 2.1 การอาใจใส่ทางลบโดยไม่มีงื่อนไข ป็นการไม่ยอมรับในความป็นคนของขา ช่น “ครูกลียดนักรียนที่ป็นคนใต้” 2.2 การอาใจใส่ทางลบโดยมีงื่อนไข การไม่ยอมรับตามการกระทาที่กาหนด ช่น “ ครูจะลงโทษนักรียนที่ไม่ส่งการบ้าน ”
- 16. แนวทางการนาการอาใจใส่ไปใช้ในโรงรียน 1. ครูควรอาใจใส่นักรียนด้วยคาพูดและภาษากาย 2. จาชื่อนักรียนที่ครูสอนได้ถูกต้อง 3. ให้วลาแก่นักรียนทั้งในชั้นรียนและนอกชั้นรียน 4. ครูควรมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกับนักรียน 5. ตรียมรางวัลหรือของขวัญล็กๆน้อยๆให้นักรียนบ้าง 6. สารวจ ดูแล อาใจใส่ต่อความสะอาดของร่างกาย และการแต่ง กายของนักรียน 7. ครูควรจะให้การอาใจใส่ทางบวก โดยไม่มีงื่อนไขอย่าง สม่าสมอ
- 17. “If you touch me soft and gentle If you look at me and smile at me If you listen to me and talk sometimes before you talk I will grow , really grow ” “ถ้าพียงแต่คุณแตะต้องฉันอย่างนุ่มนวล และละมุนละม่อม ถ้าพียงแต่คุณมองดูและยิ้มให้ฉัน ถ้าพียงแต่คุณฟังฉันพูดบ้างป็นบางครั้ง ก่อนที่คุณจะพูดสียอง ฉันก็จะจริญติบโต …….จริญงอกงามได้อย่างแท้จริง ”
- 18. “ไม้รียวสร้างคนให้ป็นรัฐมนตรีหลายคน” อดีต : ลงโทษด้วยวิธีการตี ปัจจุบัน : นิยมใช้การสริมแรง ( Reinforcement) การลงโทษที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้กิดปัญหา ยิ่งวิธีการลงโทษที่ ไม่ถูกต้องและหมาะสมมากท่าใด ยิ่งจะสร้างบาดแผลทางกาย และทางใจกับนักรียนไปตลอดชีวิตได้มากขึ้นท่านั้น
- 19. ประภทการลงโทษ จาแนกได้ 2 ประภท 1. การลงโทษทางบวก (Positive punishment ) ช่น นายศักดิ์พูดคาหยาบ ครูลงโทษโดยการดุหรือด่า 2. การลงโทษทางลบ ( negative punishment ) ช่น นางสาวสมศรีไม่ทาวร ครูจึงลงโทษโดยตัดคะแนนความประพฤติ ของนางสาวสมศรีออกไป 5 คะแนน
- 20. ข้อคิด กี่ยวกับการลงโทษ ดวงดือน พันธุมนาวิน กล่าวว่า “ ด็กล็กควรลงโทษโดยตีให้จ็บกาย แต่ต้องตีด้วยความรัก มิใช่ความกลียดและ ความโมโหโทโส อาจตีได้ในด็ก 0 – 7 ขวบ และริ่มลดการตีลงจาก 7 ขวบ พิ่มการให้รางวัลป็นวัตถุสิ่งของและลิกตีมื่อ ด็กอายุ 10 ขวบไปแล้ว” Hurlock ทดลองพบว่า “ ด็กโตชอบการชมชยมากกว่าการตาหนิ แต่ด็กรียนก่ง มื่อถูกตาหนิ จะพยายามการะทาสิ่งต่างๆให้ดีมากขึ้นกว่าถูกชม Morgan อธิบายว่า “ การให้รางวัลนั้น มีผลดีต่อการรียนรู้ของด็กมากกว่าการลงโทษ และการ รียนรู้ที่กิดจากการลงโทษจะไม่คงทนถาวรท่าการให้รางวัล
- 21. การสริมแรง ความหมาย : การให้สิ่งร้าแล้ว ผู้รียนกิดความพึงพอใจหรือไม่ พึงพอใจ ป้ าหมาย : ให้ผู้รียนกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์มากขึ้น ประภทการสริมแรง : มี 2 ประภท 1. การสริมแรงทางบวก 2. การสริมแรงทางลบ
- 22. การสริมแรง ทคนิคการสริมแรง : 1. การสริมแรงด้วยวาจา 2. การสริมแรงด้วยการให้ผู้รียนห็นความก้าวหน้าของตน 3. การสริมแรงด้วยท่าทาง 4. การสริมแรงด้วยการให้รางวัลและสัญลักษณ์ต่างๆ
- 23. การสริมแรง / การรียนการสอน การสริมแรงมีบทบาทสาคัญยิ่งในการรียนการสอน ป็นสมือนหยดน้าอมฤตช่วยชุบชีวิตชโลมใจให้นักรียนมี ชีวิตชีวา กิดความรู้สึกดีๆ ขยันหมั่นพียรในการรียนพิ่ม มากขึ้น ช่วยให้ผู้รียนกิดพฤติกรรมการรียนรู้และประสบการณ์ที่ ถูกต้อง ผู้รียนกิดพฤติกรรมที่ครู โรงรียน และสังคมต้องการ
- 24. ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนอง SELF - CONCEPT “ ความรักต้องริ่มจากรักตัวองก่อน (อื้ออาทร ห่วงใย ข้าใจ ยอมรับ ) ถ้าราไม่มีความรักในตัวอง ราก็ไม่สามารถแบ่งความรัก ให้ใครได้ ”
- 25. ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนอง หรือ อัตมโนทัศน์ SELF - CONCEPT ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนอง ป็นตัวกาหนดพฤติกรรมที่ แสดงออกของบุคคล คนแต่ละคนจะแสดงพฤติกรรมช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับว่าขามี ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนองว่าป็นอย่างไร ครูจะต้องข้าใจนักรียน ข้าใจในพฤติกรรมของขา มองสิ่งต่างๆให้ห็นอย่างที่ขาห็นไม่ใช่มองสิ่งต่างๆอย่างที่ครูห็น และควรข้าใจหตุผลในการกระทาของขา
- 26. ประภทความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนอง มี 2 ประภท 1. ตัวตนที่ป็นจริง (Real self – concept ) 2. ตัวตนที่ต้องการป็น (Idea self – concept ) บทบาทของครู : ครูควรที่จะพยายามช่วยให้ตัวตนที่ป็นจริง กับตัวตนที่ต้องการป็นของด็ก ให้มีความแตกต่างกันน้อย ที่สุด
- 27. วิธีการพัฒนาความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อตนอง พรรณี ช.จนจิต : สนอการสร้างบรรยากาศพื่อนาไปสู่การ พัฒนาอัตมโนทัศน์ในทางบวก 6 ประการ คือ 1. บรรยากาศที่ท้าทาย 2. บรรยากาศที่มีอิสระ 3. บรรยากาศที่มีความอบอุ่น 4. บรรยากาศที่มีการยอมรับนับถือ 5. บรรยากาศแห่งการควบคุม 6. บรรยากาศแห่งความสาร็จ
- 28. การสร้างบรรยากาศในชั้นรียน จุดมุ่งหมาย : ให้นักรียนกิดความรู้ ความข้าใจ กิดทักษะ ความชานาญ และมีจตคติที่ดี (Knowledge Understand Skill Attitude ) : นักรียนมีความสุข – สนุก ในการรียน : การสอนของครูบรรลุป้ าหมาย
- 29. องค์ประกอบการสร้างบรรยากาศในชั้นรียน 1. บุคลิกภาพของครู : การแต่งกาย อารมณ์ขัน ท่าทาง น้าสียง การใช้คาพูด 2. พฤติกรรมการสอนของครู : แบบประชาธิปไตย ปิดโอกาสให้ซักถาม ช่วยหลือกัน 3. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักรียน : ทากิจกรรมร่วมกัน 4. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักรียนกับนักรียน : มีโอกาส ทางาน ร่วมกันและช่วยหลือกัน
- 30. บรรยากาศที่ควรหลีกลี่ยง อย่าทาตัวป็นครูระบียบ ต้องทาอย่างโน้น อย่างนี้ อย่าทาตัวป็นครูสาราญ คาดหวังอะไรไม่ได้ อย่าทาตัวป็นครูวันลาหรือลาวัน ไม่ยอมมาโรงรียน อย่าทาตัวป็นครูอานาจ บังคับ ขู่ข็ญ (ดุ ด่า ตาหนิติตียน บังคับ ข่มขู่ ยาะย้ย ถากถาง ฉยๆ โกหก)
- 31. การสร้างบรรยากาศในชั้นรียน ใส่ความยิ้มแย้มแจ่มใส แทนที่ความบูดบึ้งบนใบหน้า ใส่ความป็นปิยวาจา แทนที่การกราดกรี้ยวและดูหมิ่น ใส่ความรู้สึกกระตือรือร้น แทนที่ความชื่องช้าและฉยมย ใส่อารมณ์ขัน แทนที่อารมณ์ครียด ใส่น้าสียงนุ่มนวล แทนที่น้าสียงดุดัน ใส่ความอาใจใส่ดูแล แทนที่การปล่อยปละละลย ใส่ความยกย่องชมชย แทนที่การตาหนิติคียน
- 32. การสร้างวิȨยในชั้นรียน ครูต้องยอมรับว่า - พฤติกรรมทุกอย่างย่อมมีสาหตุ ถ้าครูรู้สาหตุของ ปัญหา ย่อมสามารถแก้ปัญหานั้นได้ - สาหตุดียวทาให้กิดพฤติกรรมหลายอย่าง และ พฤติกรรมอย่างดียวกันอาจมาจากหลายสาหตุก็ได้
- 33. นางสาว สมศรี ชั้น ปวช. 3 อกหัก (สาหตุ) ส่งผลให้กิดพฤติกรรม ดื่มสุรา หาหนังสือธรรมะอ่าน ข้าวัด ร้องไห้ ปรึกษาพื่อน หาผู้ชายคนใหม่ชดชย นางสาว สมศรี ชั้นปวช. 3 สอบตกชั้นปวช. 3 (สาหตุ) อาจกิดจาก อกหัก ขาดรียนบ่อย ไม่ส่งการบ้าน ทาข้อสอบไม่ได้ ข้าสอบช้า ไม่ดูหนังสือ