ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
มาตรฐานการจัดการอุตสาหกรรม๶หมืองแร่ และกฎหมายเฉพาะด้าน 
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 
มาตรการทางกฎหมาย 
กฎหมายฉบับนี้ที่สามารถนำมา ปรับใช้ควบคุมมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำ๶หมืองแร่ ได้แก่ 
1. การกำหนดเขตแหล่งแร่ ให้กำหนดพื้นที่ใดที่มิใช่แหล่งต้นนํ้าหรือป่านํ้าซับ ซึม ที่ได้ทำการสำรวจ แล้วปรากฏว่ามีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อออก ประทานบัตรชั่วคราว หรือประทานบัตรได้เป็นอับดับแรก ก่อนการสงวนหวงห้าม หรือใช้ ประโยชน์อย่างอื่นในที่ดินในพื้นที่นั้น แต่ทั้งนี้ให้ คำนึงถึงผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพ สิ่งแวดล้อมด้วย (มาตรา 6จัตวา) 
2. ข้อกำหนดในการอนุญาตประทานบัตร กำหนดให้แผนผังโครงการทำเหมืองต้องผ่านการ ตรวจสอบรับรองจากวิศวกร ๶หมืองแร่และผ่านความเห็นชอบจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและ การ๶หมืองแร่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการทำเหมืองต้องได้รับความ เห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหากพื้นที่ขอ ประทานบัตรอยู่ในพื้นที่ในการดูแลของหน่วยงานรัฐต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานนั้นด้วย เพื่อ เสนอให้คณะกรรมการแร่พิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่า จะอนุญาตประทานบัตรหรือไม่ (มาตรา 19) 
3. มาตรการควบคุมมลพิษเรื่องอื่นๆได้แก่ 
3.1) ห้ามมิให้ทำ๶หมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าพื้นที่ที่ทำ๶หมืองแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคล ใดหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่จะได้รับประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตร (มาตรา 43) 
3.2) การกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตร จะต้องทำเหมืองตามวิธีการทำเหมือง แผนผังโครงการและ เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประทานบัตร และถ้าจะมีการเพิ่มเติมชนิดของแร่ที่จะทำเหมืองหรือ เปลี่ยนแปลง วิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการและเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ถือประทานบัตรจะต้อง ได้รับ อนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีก่อนจึงจะทำได้ (มาตรา 57) 
3.3) การปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมือง การจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่หรือการเก็บขังนํ้า ขุ่นข้นหรือมูลดินทรายจะกระทำนอกเขต๶หมืองแร่มิได้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 59)
3.4) ห้ามผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใกล้ทางหลวงหรือทางนํ้าสาธารณะภายในระยะห้าสิบเมตร เว้นแต่ประทานบัตรกำหนดไว้ให้ทำได้หรือได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ ประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 62) 
3.5) ห้ามผู้ถือประทานบัตรปิดกั้น ทำลายหรือกระทำด้วยประการใดให้เป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ ทางหลวงหรือทางนํ้าสาธารณะ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำ ท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 63) 
3.6) ห้ามผู้ถือประทานบัตรทดนํ้าหรือชักนํ้าจากทางนํ้าสาธารณะไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอก เขต๶หมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่และต้อง ปฏิบัติตาม เงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 64) 
3.7) ห้ามผู้ถือประทานบัตรปล่อยนํ้าขุ่นข้นหรือมูลดินทราย อันเกิดจากการทำเหมืองออกนอกเขต ๶หมืองแร่ เว้นแต่นํ้านั้นจะมีความขุ่นข้นหรือมูลดินทรายไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง (มาตรา 67) 
กฎกระทรวงฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๑๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ 
ให้กำหนดอัตราปล่อยนํ้าขุ่นข้นหรือมูลดินทรายอันเกิดจากการทำเหมืองออกนอกเขต ๶หมืองแร่ คือความขุ่นข้นหรือมูลดินทรายไม่เกิน ๖ กรัม ในนํ้าขุ่นข้น ๑ ลิตร 
นํ้าขุ่นข้นหรือมูลดินทรายที่ปล่อยออกนอกเขต๶หมืองแร่ให้ถือตัวอย่างที่พนักงานเจ้าหน้าที่ เก็บจากประตูระบายนํ้าประตูสุดท้าย ปริมาณไม่น้อยกว่า ๑ ลิตร 
3.8) การทำเหมืองหรือแต่งแร่ ได้กำหนด ห้ามผู้ถือประทานบัตรกระทำหรือละเว้นกระทำการใดอัน น่าจะเป็นเหตุให้แร่ที่มีพิษ หรือสิ่งอื่นที่มีพิษก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลสัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน (มาตรา 69) 
3.9) ผู้ถือประทานบัตรนำหรือยอมให้ผู้อื่นนำมูลแร่ตลอดจนมูลดินทราย ออกจากเขต๶หมืองแร่ เว้น แต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กำหนดใน ใบอนุญาตนั้น (มาตรา 74) 
3.10) มาตรการตรวจสอบ กล่าวคือ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 นี้ได้กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจเข้าไปในเขต๶หมืองแร่เพื่อตรวจการทำเหมืองได้ทุกเวลา ให้ผู้ครอบครองเขต๶หมืองแร่นั้น อำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณีและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ถือ ประทานบัตรให้จัดการป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากการทำเหมืองหรือแต่งแร่ได้ (มาตรา 70) และ ให้มีอำนาจยึดหรืออายัดบรรดาแร่ที่มีไว้เนื่องในการกระทำความผิด และเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์ พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใดๆ ที่บุคคลได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือมี
เหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้จนกว่าจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ ฟ้องคดีหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มี เหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำ ความผิดหรือไม่ (มาตรา 15ทวิ) 
4. มาตรการเร่งด่วน กล่าวคือ กฎหมายให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่เห็นว่าการทำ เหมืองหรือแต่งแร่จะเป็นอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ ถือประทานบัตรให้เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขวิธีการทำเหมืองหรือแต่งแร่ตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อ ป้องกันอันตรายนั้นได้ และมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้หยุดการทำเหมืองหรือแต่งแร่เสียทั้งสิ้น หรือ ส่วนหนึ่ง ส่วนใดตามที่เห็นสมควร (มาตรา 71) 
ที่มา http://www.industry.go.th/phangnga/index.php/download-document/54--2510/file
Ad

More Related Content

Similar to ๶หมืองแร่ (10)

หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์
fainaja
หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์
fainaja
หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์
fainaja
Kawee.doc
Kawee.docKawee.doc
Kawee.doc
kittisak sapphajak
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากรหลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
หลักการอȨรักษ์ทรัพยากร
fainaja
หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์
fainaja
หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์
fainaja
หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์หลักการอȨรักษ์
หลักการอȨรักษ์
fainaja

More from สุชญา สกุลวงศ์ (7)

Ad

๶หมืองแร่

  • 1. มาตรฐานการจัดการอุตสาหกรรม๶หมืองแร่ และกฎหมายเฉพาะด้าน พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรการทางกฎหมาย กฎหมายฉบับนี้ที่สามารถนำมา ปรับใช้ควบคุมมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำ๶หมืองแร่ ได้แก่ 1. การกำหนดเขตแหล่งแร่ ให้กำหนดพื้นที่ใดที่มิใช่แหล่งต้นนํ้าหรือป่านํ้าซับ ซึม ที่ได้ทำการสำรวจ แล้วปรากฏว่ามีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อออก ประทานบัตรชั่วคราว หรือประทานบัตรได้เป็นอับดับแรก ก่อนการสงวนหวงห้าม หรือใช้ ประโยชน์อย่างอื่นในที่ดินในพื้นที่นั้น แต่ทั้งนี้ให้ คำนึงถึงผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพ สิ่งแวดล้อมด้วย (มาตรา 6จัตวา) 2. ข้อกำหนดในการอนุญาตประทานบัตร กำหนดให้แผนผังโครงการทำเหมืองต้องผ่านการ ตรวจสอบรับรองจากวิศวกร ๶หมืองแร่และผ่านความเห็นชอบจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและ การ๶หมืองแร่ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการทำเหมืองต้องได้รับความ เห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหากพื้นที่ขอ ประทานบัตรอยู่ในพื้นที่ในการดูแลของหน่วยงานรัฐต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานนั้นด้วย เพื่อ เสนอให้คณะกรรมการแร่พิจารณาเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่า จะอนุญาตประทานบัตรหรือไม่ (มาตรา 19) 3. มาตรการควบคุมมลพิษเรื่องอื่นๆได้แก่ 3.1) ห้ามมิให้ทำ๶หมืองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าพื้นที่ที่ทำ๶หมืองแร่นั้นจะเป็นสิทธิของบุคคล ใดหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่จะได้รับประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตร (มาตรา 43) 3.2) การกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตร จะต้องทำเหมืองตามวิธีการทำเหมือง แผนผังโครงการและ เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการออกประทานบัตร และถ้าจะมีการเพิ่มเติมชนิดของแร่ที่จะทำเหมืองหรือ เปลี่ยนแปลง วิธีการทำเหมือง แผนผัง โครงการและเงื่อนไขดังกล่าว ผู้ถือประทานบัตรจะต้อง ได้รับ อนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีก่อนจึงจะทำได้ (มาตรา 57) 3.3) การปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมือง การจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่หรือการเก็บขังนํ้า ขุ่นข้นหรือมูลดินทรายจะกระทำนอกเขต๶หมืองแร่มิได้ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 59)
  • 2. 3.4) ห้ามผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใกล้ทางหลวงหรือทางนํ้าสาธารณะภายในระยะห้าสิบเมตร เว้นแต่ประทานบัตรกำหนดไว้ให้ทำได้หรือได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ ประจำท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 62) 3.5) ห้ามผู้ถือประทานบัตรปิดกั้น ทำลายหรือกระทำด้วยประการใดให้เป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ ทางหลวงหรือทางนํ้าสาธารณะ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำ ท้องที่ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 63) 3.6) ห้ามผู้ถือประทานบัตรทดนํ้าหรือชักนํ้าจากทางนํ้าสาธารณะไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอก เขต๶หมืองแร่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่และต้อง ปฏิบัติตาม เงื่อนไขที่กำหนดในใบอนุญาตนั้น (มาตรา 64) 3.7) ห้ามผู้ถือประทานบัตรปล่อยนํ้าขุ่นข้นหรือมูลดินทราย อันเกิดจากการทำเหมืองออกนอกเขต ๶หมืองแร่ เว้นแต่นํ้านั้นจะมีความขุ่นข้นหรือมูลดินทรายไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง (มาตรา 67) กฎกระทรวงฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๑๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ให้กำหนดอัตราปล่อยนํ้าขุ่นข้นหรือมูลดินทรายอันเกิดจากการทำเหมืองออกนอกเขต ๶หมืองแร่ คือความขุ่นข้นหรือมูลดินทรายไม่เกิน ๖ กรัม ในนํ้าขุ่นข้น ๑ ลิตร นํ้าขุ่นข้นหรือมูลดินทรายที่ปล่อยออกนอกเขต๶หมืองแร่ให้ถือตัวอย่างที่พนักงานเจ้าหน้าที่ เก็บจากประตูระบายนํ้าประตูสุดท้าย ปริมาณไม่น้อยกว่า ๑ ลิตร 3.8) การทำเหมืองหรือแต่งแร่ ได้กำหนด ห้ามผู้ถือประทานบัตรกระทำหรือละเว้นกระทำการใดอัน น่าจะเป็นเหตุให้แร่ที่มีพิษ หรือสิ่งอื่นที่มีพิษก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลสัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน (มาตรา 69) 3.9) ผู้ถือประทานบัตรนำหรือยอมให้ผู้อื่นนำมูลแร่ตลอดจนมูลดินทราย ออกจากเขต๶หมืองแร่ เว้น แต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ กำหนดใน ใบอนุญาตนั้น (มาตรา 74) 3.10) มาตรการตรวจสอบ กล่าวคือ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 นี้ได้กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจเข้าไปในเขต๶หมืองแร่เพื่อตรวจการทำเหมืองได้ทุกเวลา ให้ผู้ครอบครองเขต๶หมืองแร่นั้น อำนวยความสะดวกตามควรแก่กรณีและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ถือ ประทานบัตรให้จัดการป้องกันอันตรายอันอาจเกิดจากการทำเหมืองหรือแต่งแร่ได้ (มาตรา 70) และ ให้มีอำนาจยึดหรืออายัดบรรดาแร่ที่มีไว้เนื่องในการกระทำความผิด และเครื่องมือ เครื่องใช้ สัตว์ พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใดๆ ที่บุคคลได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือมี
  • 3. เหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด หรือเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้จนกว่าจะมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ ฟ้องคดีหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มี เหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำ ความผิดหรือไม่ (มาตรา 15ทวิ) 4. มาตรการเร่งด่วน กล่าวคือ กฎหมายให้เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจำท้องที่เห็นว่าการทำ เหมืองหรือแต่งแร่จะเป็นอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือทรัพย์สิน ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือแก่ผู้ ถือประทานบัตรให้เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขวิธีการทำเหมืองหรือแต่งแร่ตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อ ป้องกันอันตรายนั้นได้ และมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้หยุดการทำเหมืองหรือแต่งแร่เสียทั้งสิ้น หรือ ส่วนหนึ่ง ส่วนใดตามที่เห็นสมควร (มาตรา 71) ที่มา http://www.industry.go.th/phangnga/index.php/download-document/54--2510/file