ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
7
Most read
8
Most read
10
Most read
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ
 ความหมายและแนวคิดของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
( Cooperative and Collaborative Learning )
ความหมาย
การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative and Collaborative
Learning) เป็นคำาที่มีความหมายใกล้เคียงกัน เพราะมีลักษณะ
เป็นกระบวนการเรียนรู้เป็นแบบร่วมมือ ข้อแตกต่างระหว่าง
Cooperative Learning กับ Collaborative Learning อยู่ที่ระดับความ
ร่วมมือที่แตกต่างกัน Sunyoung, J. (2003) ได้สรุปว่า ความแตก
ต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง Cooperative Learning กับ
Collaborative Learning คือ เรื่องโครงสร้างของงาน ได้แก่ Pre –
Structure , Task – Structure และ Content Structure โดย
Cooperative Learning จะมีการกำาหนดโครงสร้างล่วงหน้ามากกว่า
มีความเกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างไว้เพื่อคำาตอบที่
จำากัดมากกว่า และมีการเรียนรู้ในขอบข่ายความรู้และทักษะที่
ชัดเจน ส่วน Collaborative Learning มีการจัดโครงสร้างล่วงหน้า
น้อยกว่า เกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างแบบหลวมๆ (ill –
Structure Task) เพื่อให้ได้คำาตอบที่ยืดหยุ่นหลากหลาย และมีการ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning and
Collaborative Learning) หรือนักวิชาการบางท่านได้
แปล Collaborative Learning ว่าคือ การเรียนรู้ร่วมกัน
ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ที่
เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติงานเป็นกลุ่มย่อย โดยมี
สมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถที่แตกต่างกัน เพื่อ
เสริมสร้างสมรรถภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน
สนับสนุนให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จน
บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังเป็นการ
ส่งเสริมการทำางานร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือทีม
ตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นการพัฒนา
ความฉลาดทางอารมณ์ ทำาให้สามารถปรับตัวอยู่
2. ทฤษฎีและหลักการของการเรียนรู้
แบบร่วมมือ
2.1 องค์ประกอบของการเรียนแบบร่วมมือ
Johnson and Johnson (1994 : 31 - 37) ได้
สรุปว่า Cooperative Learning มีองค์ประกอบ ที่
สำาคัญ 5 ประการ ดังนี้
ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทาง
บวก
การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันระหว่าง
สมาชิกภายในกลุ่ม
ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละ
บุคคล
การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
1.ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทางบวก
(PositiveInterdependent) หมายถึงการพึ่งพากันใน
ทางบวก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การ
พึ่งพากันเชิงผลลัพธ์ คือการพึ่งพากันใน
ด้านการได้รับผลประโยชน์จากความสำาเร็จ
ของกลุ่มร่วมกัน โดยมีเป้าหมายร่วมกัน จึงจะ
เกิดแรงจูงใจให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาซึ่งกันและ
กัน สามารถร่วมมือกันทำางานให้บรรลุผล
สำาเร็จได้ และการพึ่งพาในเชิงวิธีการ คือ
การพึ่งพากันในด้านกระบวนการทำางานเพื่อ
ให้งานกลุ่มสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมาย
2. การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันระหว่าง
สมาชิกภายในกลุ่ม (Face to Face
Promotive Interdependence) หมายถึง การ
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนช่วยเหลือกัน มีการ
ติดต่อสัมพันธ์กัน การอภิปรายแลกเปลี่ยน
ความรู้ ความคิด การอธิบายให้สมาชิกใน
กลุ่มได้เกิดการเรียนรู้ การรับฟังเหตุผล
ของสมาชิกในกลุ่ม การรับฟังเหตุผลของ
สมาชิกภายในกลุ่ม จะก่อให้เกิดการพัฒนา
กระบวนการคิดของผู้เรียน เป็นการเปิด
โอกาสให้ ผู้เรียนได้รู้จักการทำางานร่วมกัน
ทางสังคม จากการช่วยเหลือสนับสนุนกัน
3. ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละ
บุคคล (Individual Accountability)
หมายถึง ความรับผิดชอบในการเรียนรู้
ของสมาชิกแต่ละคน โดยต้องทำางานที่ได้
รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ โดย
ประเมินผลงานของสมาชิกแต่ละคน ซึ่งรวม
กันเป็นผลงานของกลุ่มให้ข้อมูลย้อนกลับ
ทั้งกลุ่มและรายบุคคลให้สมาชิกทุกคน
รายงานหรือมีโอกาสแสดงความคิดเห็นโดย
ทั่วถึงกัน
4. การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์
ระหว่างบุคคลและทักษะการทำางาน
กลุ่มย่อย (Interpersonal and Small
Group Skills)
หมายถึง การมีทักษะทางสังคม
(Social Skill) เพื่อให้สามารถทำางาน
ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข คือ มีความ
เป็นผู้นำา รู้จักตัดสินใจ สามารถสร้าง
ความไว้วางใจ รู้จักติดต่อสื่อสาร และ
สามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งในการ
ทำางานร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งจำาเป็นสำาหรับ
การทำางานร่วมกันที่จะช่วยให้การทำางาน
5. กระบวนการทำางานของกลุ่ม (Group
Processing)
หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ของกลุ่ม
โดยผู้เรียนจะต้องเรียนรู้จากกลุ่มให้มาก
ที่สุด มีความร่วมมือทั้งด้านความคิด การ
ทำางาน และความ รับผิดชอบร่วมกันจน
สามารถบรรลุเป้าหมายได้ การที่จะช่วย
ให้การดำาเนินงานของกลุ่มเป็นไปได้อย่าง
มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายนั้น กลุ่ม
จะต้องมีหัวหน้าที่ดี สมาชิกดี และ
กระบวนการทำางานดี นั่นคือ มีการเข้าใจ
ในเป้าหมายการทำางานร่วมกัน
ประเภทของกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ
1. กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างเป็น
ทางการ (Formal Cooperative Learning
Group)
กลุ่มประเภทนี้ ครูจัดขึ้นโดยการวางแผน จัด
ระเบียบ กฎเกณฑ์ วิธีการและเทคนิคต่างๆเพื่อให้
ผู้เรียนได้ร่วมมือกันเรียนรู้สาระต่างๆ อย่างต่อ
เนื่อง ซึ่งอาจเป็นหลายๆชั่วโมงติดต่อกัน หรือ
หลายสัปดาห์ติดต่อกัน จนกระทั่งผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้และบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่กำาหนด
2. กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างไม่เป็น
ทางการ (Informal Cooperative Learning
Group)
กลุ่มประเภทนี้ ครูจัดขึ้นเฉพาะกิจเป็นครั้ง
3. กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่าง
ถาวร (Cooperative Base Group) หรือ Long -
TermGroup
กลุ่มประเภทนี้ เป็นกลุ่มการเรียนรู้ที่
สมาชิกกลุ่มมีประสบการณ์การทำางาน / การ
เรียนรู้ร่วมกันมานานมากกว่า 1 หลักสูตร
หรือภาคการศึกษา จนกระทั่งเกิด
สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้น สมาชิกกลุ่มมีความ
ผูกพัน ห่วงใย ช่วยเหลือกันและกันอย่างต่อ
เนื่อง
ข้อดีของการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ก. ใคร่ครวญในความหลากหลาย
ข. ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล
ค. การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง
บุคคล
ง. การรวมนักเรียนที่มีความ
กระตือรือร้นในการเรียนรู้
จ. มีโอกาสมากกว่าสำาหรับการป้อน
กลับส่วนบุคคล
สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
นั้น ย่อมมีทั้งข้อดีในการพัฒนาผู้เรียนใน
ด้านต่างๆ และข้อจำากัดของกระบวนการ
จัดการเรียนรู้ เพราะเป็นการทำางานร่วมกับ
บุคคลอื่นที่มีความแตกต่างในหลายๆด้าน
ซึ่งทักษะทางสังคมเป็นสิ่งจำาเป็นที่ต้อง
พัฒนาในตัวผู้เรียนแต่ละคน และหากผู้สอน
ได้นำาเทคนิคการจัดการกับความขัดแย้งมา
ใช้ได้ทันท่วงที ในระยะแรกที่ความขัดแย้ง
ได้เกิดขึ้น ก็จะเป็นการช่วยลดอุปสรรคใน
การเรียนรู้ และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ
ของการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย
จบการนำา๶สนอ
ชื่อสมาชิก
นางสาวอัญธิดา เชื้อชาญ รหัส
561166052
นางสาววรัญญา พรรณเหล็ก รหัส
561166069
นางสาวกนกวรรณ เถินโจง รหัส
561166096
นางสาวอัญชลี เกเย็น รหัส
561166097
นางสาว มนธิญา สายวงศ์โห้ รหัส
561166099
คณะครุศาสตร์ วิชาเอกภาษาไทย
Section AE
Ad

Recommended

องค์ประกอบของหลักสูตร
องค์ประกอบของหลักสูตร
Sunisa199444
บทที่ 3
บทที่ 3
Jutarat Bussadee
ประวัติการสังเคราะห์ึϹวยแสง
ประวัติการสังเคราะห์ึϹวยแสง
Thanyamon Chat.
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
ใบงานที่ 1 รวมกลุ่มเศรษฐกิจฯ พร้อมเฉลย
thnaporn999
ไอโซโทป ไอโซโทน
ไอโซโทป ไอโซโทน
krupatcharee
ตัวอย่างสารบัญ ๶ล่มโปร๶จ็ค
ตัวอย่างสารบัญ ๶ล่มโปร๶จ็ค
tumetr1
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน พร้อมแบบฝึกหัด
Thiranan Suphiphongsakorn
สารละลาย (Solution)
สารละลาย (Solution)
ครูเสกสรรค์ สุวรรณสุข
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของดอลตันและทอมสัน
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของดอลตันและทอมสัน
Katewaree Yosyingyong
๶อกสารประกอบการพิจารณาส่ง๶สริมและคัด๶ลือกȨัตกรรมสร้างสรรค์คนึϸ
๶อกสารประกอบการพิจารณาส่ง๶สริมและคัด๶ลือกȨัตกรรมสร้างสรรค์คนึϸ
SophinyaDara
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
dnavaroj
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
Surapong Klamboot
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
แบบรายงาȨารแสึϸทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงาȨารแสึϸทางวิทยาศาสตร์
สมศรี หอมเนียม
บทที่ 1-5 โครงงาน
บทที่ 1-5 โครงงาน
Ariyaporn Suaekong
รูปแบบการพัฒȨหลักสูตร
รูปแบบการพัฒȨหลักสูตร
Bigbic Thanyarat
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
dnavaroj
ทฤษฎีพัฒȨการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒȨการทางสติปัญญาของเพียเจต์
khanidthakpt
รายงานวิจัยบทที่ 1 5
รายงานวิจัยบทที่ 1 5
kruwaeo
คำขอขมาพระอาจารย์และครูอาจารย์
คำขอขมาพระอาจารย์และครูอาจารย์
niralai
หน่วยที่ 2 เรื่อง เสื้อผ้าและการแต่งกาย
หน่วยที่ 2 เรื่อง เสื้อผ้าและการแต่งกาย
Beerza Kub
พืชใบเลี้ยงเึϸ่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเึϸ่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
Benjapron Seesukong
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
พัน พัน
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ
Kittichai Pinlert
การเรียนแบบร่วมมือ
การเรียนแบบร่วมมือ
Teeraporn Pingkaew
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
Krumath Pawinee

More Related Content

What's hot (20)

แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของดอลตันและทอมสัน
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของดอลตันและทอมสัน
Katewaree Yosyingyong
๶อกสารประกอบการพิจารณาส่ง๶สริมและคัด๶ลือกȨัตกรรมสร้างสรรค์คนึϸ
๶อกสารประกอบการพิจารณาส่ง๶สริมและคัด๶ลือกȨัตกรรมสร้างสรรค์คนึϸ
SophinyaDara
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
dnavaroj
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
Surapong Klamboot
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
แบบรายงาȨารแสึϸทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงาȨารแสึϸทางวิทยาศาสตร์
สมศรี หอมเนียม
บทที่ 1-5 โครงงาน
บทที่ 1-5 โครงงาน
Ariyaporn Suaekong
รูปแบบการพัฒȨหลักสูตร
รูปแบบการพัฒȨหลักสูตร
Bigbic Thanyarat
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
dnavaroj
ทฤษฎีพัฒȨการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒȨการทางสติปัญญาของเพียเจต์
khanidthakpt
รายงานวิจัยบทที่ 1 5
รายงานวิจัยบทที่ 1 5
kruwaeo
คำขอขมาพระอาจารย์และครูอาจารย์
คำขอขมาพระอาจารย์และครูอาจารย์
niralai
หน่วยที่ 2 เรื่อง เสื้อผ้าและการแต่งกาย
หน่วยที่ 2 เรื่อง เสื้อผ้าและการแต่งกาย
Beerza Kub
พืชใบเลี้ยงเึϸ่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเึϸ่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
Benjapron Seesukong
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
พัน พัน
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ
Kittichai Pinlert
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของดอลตันและทอมสัน
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง แบบจำลองอะตอมของดอลตันและทอมสัน
Katewaree Yosyingyong
๶อกสารประกอบการพิจารณาส่ง๶สริมและคัด๶ลือกȨัตกรรมสร้างสรรค์คนึϸ
๶อกสารประกอบการพิจารณาส่ง๶สริมและคัด๶ลือกȨัตกรรมสร้างสรรค์คนึϸ
SophinyaDara
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
แบบทดสอบ บทที่ 5 มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม
dnavaroj
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
แบบทดสอบ เรืื่องพอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
Surapong Klamboot
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
แบบรายงาȨารแสึϸทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงาȨารแสึϸทางวิทยาศาสตร์
สมศรี หอมเนียม
บทที่ 1-5 โครงงาน
บทที่ 1-5 โครงงาน
Ariyaporn Suaekong
รูปแบบการพัฒȨหลักสูตร
รูปแบบการพัฒȨหลักสูตร
Bigbic Thanyarat
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
แบบทดสอบ บทที่ 4 ระบบนิเวศ
dnavaroj
ทฤษฎีพัฒȨการทางสติปัญญาของเพียเจต์
ทฤษฎีพัฒȨการทางสติปัญญาของเพียเจต์
khanidthakpt
รายงานวิจัยบทที่ 1 5
รายงานวิจัยบทที่ 1 5
kruwaeo
คำขอขมาพระอาจารย์และครูอาจารย์
คำขอขมาพระอาจารย์และครูอาจารย์
niralai
หน่วยที่ 2 เรื่อง เสื้อผ้าและการแต่งกาย
หน่วยที่ 2 เรื่อง เสื้อผ้าและการแต่งกาย
Beerza Kub
พืชใบเลี้ยงเึϸ่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเึϸ่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
Benjapron Seesukong
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
ใบความรู้ เรื่อง พลังงานความร้อน วิทยาศาสตร์ 2 ว 21102
พัน พัน
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ
บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ
Kittichai Pinlert

Viewers also liked (20)

การเรียนแบบร่วมมือ
การเรียนแบบร่วมมือ
Teeraporn Pingkaew
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
Krumath Pawinee
การจัดการเรียนรู้ Stad
การจัดการเรียนรู้ Stad
Sandee Toearsa
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
wannisa_bovy
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
Jindarat JB'x Kataowwy
วิธีสอȨึϸการใช้มิติสัมพันธ์
วิธีสอȨึϸการใช้มิติสัมพันธ์
Jindarat JB'x Kataowwy
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
thitinanmim115
วิธีการสอนแบบเรียนปน๶ล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปน๶ล่น
Jindarat JB'x Kataowwy
Cooperative learning macal 2013
Cooperative learning macal 2013
Laura Chambless
Jigsaw
Jigsaw
The'Dream Ariyawuttipan
รูปแบบการสอน๶ȨȨระสบการณ์
รูปแบบการสอน๶ȨȨระสบการณ์
phatthra jampathong
mind mapสื่อการเรียนรู้
mind mapสื่อการเรียนรู้
Thunyalak Thumphila
mind map สื่อการเรียนรู้
mind map สื่อการเรียนรู้
Thunyalak Thumphila
๶ทคȨคการสอȨละรูปแบบที่ยึดผู้เรียน๶ป็Ȩูนย์กลาง
๶ทคȨคการสอȨละรูปแบบที่ยึดผู้เรียน๶ป็Ȩูนย์กลาง
Kunwater Tianmongkon
การจัดการเรียนรู้แบบค้Ȩบ
การจัดการเรียนรู้แบบค้Ȩบ
Sunisa Khaisaeng
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
anupong boonruam
รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ (Synectics Instructional Model)
รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ (Synectics Instructional Model)
นพพร ตนสารี
แผน Stad
แผน Stad
nangnut
การเรียนแบบร่วมมือ
การเรียนแบบร่วมมือ
Teeraporn Pingkaew
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
Krumath Pawinee
การจัดการเรียนรู้ Stad
การจัดการเรียนรู้ Stad
Sandee Toearsa
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
การเรียนรู้แบบร่วมมือ
wannisa_bovy
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
การจัดการเรียนรู้แบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (Stad
Jindarat JB'x Kataowwy
วิธีสอȨึϸการใช้มิติสัมพันธ์
วิธีสอȨึϸการใช้มิติสัมพันธ์
Jindarat JB'x Kataowwy
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
การจัดการเรียนการสอนแบบ Tgt
thitinanmim115
วิธีการสอนแบบเรียนปน๶ล่น
วิธีการสอนแบบเรียนปน๶ล่น
Jindarat JB'x Kataowwy
Cooperative learning macal 2013
Cooperative learning macal 2013
Laura Chambless
รูปแบบการสอน๶ȨȨระสบการณ์
รูปแบบการสอน๶ȨȨระสบการณ์
phatthra jampathong
mind mapสื่อการเรียนรู้
mind mapสื่อการเรียนรู้
Thunyalak Thumphila
mind map สื่อการเรียนรู้
mind map สื่อการเรียนรู้
Thunyalak Thumphila
๶ทคȨคการสอȨละรูปแบบที่ยึดผู้เรียน๶ป็Ȩูนย์กลาง
๶ทคȨคการสอȨละรูปแบบที่ยึดผู้เรียน๶ป็Ȩูนย์กลาง
Kunwater Tianmongkon
การจัดการเรียนรู้แบบค้Ȩบ
การจัดการเรียนรู้แบบค้Ȩบ
Sunisa Khaisaeng
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
หน่วยที่ 13 เกมและสถานการณ์จำลอง
anupong boonruam
รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ (Synectics Instructional Model)
รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ (Synectics Instructional Model)
นพพร ตนสารี
แผน Stad
แผน Stad
nangnut
Ad

Similar to การเรียนรู้แบบร่วมมือ (10)

เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
Junya Punngam
โครงงาȨอม
โครงงาȨอม
Apisit Chaiya
201704_cognitive_weapon
201704_cognitive_weapon
ณัฐวุฒิ จารุวงศ์
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
Assumption Rayong
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
อธิวัฒน์ จันทินมาธร
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
อธิวัฒน์ จันทินมาธร
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
Assumption Rayong
ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง ความหมายความสำคัญและองค์ประกอบของโครงงาน
ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง ความหมายความสำคัญและองค์ประกอบของโครงงาน
sarawut saoklieo
Collaborative learning
Collaborative learning
TansitaKokilakunset
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
เทคนิคการสอน กระบวนการกลุ่ม
Junya Punngam
โครงงาȨอม
โครงงาȨอม
Apisit Chaiya
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
Assumption Rayong
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
Assumption Rayong
ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง ความหมายความสำคัญและองค์ประกอบของโครงงาน
ใบความรู้ที่ 3 เรื่อง ความหมายความสำคัญและองค์ประกอบของโครงงาน
sarawut saoklieo
Ad

การเรียนรู้แบบร่วมมือ

  • 2. ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ  ความหมายและแนวคิดของการเรียนรู้แบบร่วมมือ ( Cooperative and Collaborative Learning ) ความหมาย การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative and Collaborative Learning) เป็นคำาที่มีความหมายใกล้เคียงกัน เพราะมีลักษณะ เป็นกระบวนการเรียนรู้เป็นแบบร่วมมือ ข้อแตกต่างระหว่าง Cooperative Learning กับ Collaborative Learning อยู่ที่ระดับความ ร่วมมือที่แตกต่างกัน Sunyoung, J. (2003) ได้สรุปว่า ความแตก ต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่าง Cooperative Learning กับ Collaborative Learning คือ เรื่องโครงสร้างของงาน ได้แก่ Pre – Structure , Task – Structure และ Content Structure โดย Cooperative Learning จะมีการกำาหนดโครงสร้างล่วงหน้ามากกว่า มีความเกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างไว้เพื่อคำาตอบที่ จำากัดมากกว่า และมีการเรียนรู้ในขอบข่ายความรู้และทักษะที่ ชัดเจน ส่วน Collaborative Learning มีการจัดโครงสร้างล่วงหน้า น้อยกว่า เกี่ยวข้องกับงานที่มีการจัดโครงสร้างแบบหลวมๆ (ill – Structure Task) เพื่อให้ได้คำาตอบที่ยืดหยุ่นหลากหลาย และมีการ
  • 3. การเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning and Collaborative Learning) หรือนักวิชาการบางท่านได้ แปล Collaborative Learning ว่าคือ การเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ที่ เน้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติงานเป็นกลุ่มย่อย โดยมี สมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถที่แตกต่างกัน เพื่อ เสริมสร้างสมรรถภาพการเรียนรู้ของแต่ละคน สนับสนุนให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จน บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังเป็นการ ส่งเสริมการทำางานร่วมกันเป็นหมู่คณะ หรือทีม ตามระบอบประชาธิปไตย และเป็นการพัฒนา ความฉลาดทางอารมณ์ ทำาให้สามารถปรับตัวอยู่
  • 4. 2. ทฤษฎีและหลักการของการเรียนรู้ แบบร่วมมือ 2.1 องค์ประกอบของการเรียนแบบร่วมมือ Johnson and Johnson (1994 : 31 - 37) ได้ สรุปว่า Cooperative Learning มีองค์ประกอบ ที่ สำาคัญ 5 ประการ ดังนี้ ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทาง บวก การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันระหว่าง สมาชิกภายในกลุ่ม ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละ บุคคล การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
  • 5. 1.ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในทางบวก (PositiveInterdependent) หมายถึงการพึ่งพากันใน ทางบวก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การ พึ่งพากันเชิงผลลัพธ์ คือการพึ่งพากันใน ด้านการได้รับผลประโยชน์จากความสำาเร็จ ของกลุ่มร่วมกัน โดยมีเป้าหมายร่วมกัน จึงจะ เกิดแรงจูงใจให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาซึ่งกันและ กัน สามารถร่วมมือกันทำางานให้บรรลุผล สำาเร็จได้ และการพึ่งพาในเชิงวิธีการ คือ การพึ่งพากันในด้านกระบวนการทำางานเพื่อ ให้งานกลุ่มสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมาย
  • 6. 2. การมีปฏิสัมพันธ์ที่ส่งเสริมกันระหว่าง สมาชิกภายในกลุ่ม (Face to Face Promotive Interdependence) หมายถึง การ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนช่วยเหลือกัน มีการ ติดต่อสัมพันธ์กัน การอภิปรายแลกเปลี่ยน ความรู้ ความคิด การอธิบายให้สมาชิกใน กลุ่มได้เกิดการเรียนรู้ การรับฟังเหตุผล ของสมาชิกในกลุ่ม การรับฟังเหตุผลของ สมาชิกภายในกลุ่ม จะก่อให้เกิดการพัฒนา กระบวนการคิดของผู้เรียน เป็นการเปิด โอกาสให้ ผู้เรียนได้รู้จักการทำางานร่วมกัน ทางสังคม จากการช่วยเหลือสนับสนุนกัน
  • 7. 3. ความรับผิดชอบของสมาชิกแต่ละ บุคคล (Individual Accountability) หมายถึง ความรับผิดชอบในการเรียนรู้ ของสมาชิกแต่ละคน โดยต้องทำางานที่ได้ รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ โดย ประเมินผลงานของสมาชิกแต่ละคน ซึ่งรวม กันเป็นผลงานของกลุ่มให้ข้อมูลย้อนกลับ ทั้งกลุ่มและรายบุคคลให้สมาชิกทุกคน รายงานหรือมีโอกาสแสดงความคิดเห็นโดย ทั่วถึงกัน
  • 8. 4. การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลและทักษะการทำางาน กลุ่มย่อย (Interpersonal and Small Group Skills) หมายถึง การมีทักษะทางสังคม (Social Skill) เพื่อให้สามารถทำางาน ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข คือ มีความ เป็นผู้นำา รู้จักตัดสินใจ สามารถสร้าง ความไว้วางใจ รู้จักติดต่อสื่อสาร และ สามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งในการ ทำางานร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งจำาเป็นสำาหรับ การทำางานร่วมกันที่จะช่วยให้การทำางาน
  • 9. 5. กระบวนการทำางานของกลุ่ม (Group Processing) หมายถึง กระบวนการเรียนรู้ของกลุ่ม โดยผู้เรียนจะต้องเรียนรู้จากกลุ่มให้มาก ที่สุด มีความร่วมมือทั้งด้านความคิด การ ทำางาน และความ รับผิดชอบร่วมกันจน สามารถบรรลุเป้าหมายได้ การที่จะช่วย ให้การดำาเนินงานของกลุ่มเป็นไปได้อย่าง มีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายนั้น กลุ่ม จะต้องมีหัวหน้าที่ดี สมาชิกดี และ กระบวนการทำางานดี นั่นคือ มีการเข้าใจ ในเป้าหมายการทำางานร่วมกัน
  • 10. ประเภทของกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือ 1. กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างเป็น ทางการ (Formal Cooperative Learning Group) กลุ่มประเภทนี้ ครูจัดขึ้นโดยการวางแผน จัด ระเบียบ กฎเกณฑ์ วิธีการและเทคนิคต่างๆเพื่อให้ ผู้เรียนได้ร่วมมือกันเรียนรู้สาระต่างๆ อย่างต่อ เนื่อง ซึ่งอาจเป็นหลายๆชั่วโมงติดต่อกัน หรือ หลายสัปดาห์ติดต่อกัน จนกระทั่งผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้และบรรลุจุดมุ่งหมายตามที่กำาหนด 2. กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่างไม่เป็น ทางการ (Informal Cooperative Learning Group) กลุ่มประเภทนี้ ครูจัดขึ้นเฉพาะกิจเป็นครั้ง
  • 11. 3. กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมืออย่าง ถาวร (Cooperative Base Group) หรือ Long - TermGroup กลุ่มประเภทนี้ เป็นกลุ่มการเรียนรู้ที่ สมาชิกกลุ่มมีประสบการณ์การทำางาน / การ เรียนรู้ร่วมกันมานานมากกว่า 1 หลักสูตร หรือภาคการศึกษา จนกระทั่งเกิด สัมพันธภาพที่แน่นแฟ้น สมาชิกกลุ่มมีความ ผูกพัน ห่วงใย ช่วยเหลือกันและกันอย่างต่อ เนื่อง
  • 12. ข้อดีของการเรียนรู้แบบร่วมมือ ก. ใคร่ครวญในความหลากหลาย ข. ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล ค. การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคล ง. การรวมนักเรียนที่มีความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ จ. มีโอกาสมากกว่าสำาหรับการป้อน กลับส่วนบุคคล
  • 13. สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ นั้น ย่อมมีทั้งข้อดีในการพัฒนาผู้เรียนใน ด้านต่างๆ และข้อจำากัดของกระบวนการ จัดการเรียนรู้ เพราะเป็นการทำางานร่วมกับ บุคคลอื่นที่มีความแตกต่างในหลายๆด้าน ซึ่งทักษะทางสังคมเป็นสิ่งจำาเป็นที่ต้อง พัฒนาในตัวผู้เรียนแต่ละคน และหากผู้สอน ได้นำาเทคนิคการจัดการกับความขัดแย้งมา ใช้ได้ทันท่วงที ในระยะแรกที่ความขัดแย้ง ได้เกิดขึ้น ก็จะเป็นการช่วยลดอุปสรรคใน การเรียนรู้ และยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ของการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วย
  • 15. ชื่อสมาชิก นางสาวอัญธิดา เชื้อชาญ รหัส 561166052 นางสาววรัญญา พรรณเหล็ก รหัส 561166069 นางสาวกนกวรรณ เถินโจง รหัส 561166096 นางสาวอัญชลี เกเย็น รหัส 561166097 นางสาว มนธิญา สายวงศ์โห้ รหัส 561166099 คณะครุศาสตร์ วิชาเอกภาษาไทย Section AE