วิธีการสอนแบบเรียนปนล่น
- 2. การจัดการเรียนรู้แบบเล่นปนเรียน หมายถึง วิธีการจัด กิจกรรมให้กับเด็กโดยยึดหลักจิตวิทยาและธรรมชาติ ของเด็กที่ชอบเล่นอยู่แล้ว ด้วยการใช้เทคนิควิธีการบูรณา การสาระความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ที่ต้องการให้เกิด กับเด็กและการเล่นให้เข้าด้วยกันทาให้เด็กได้เล่น รู้สึก สนุกสนานอยากเรียนรู้มากขึ้น
- 4. • ฟรอเบล (Frobel) บิดาแห่งการอนุบาลศึกษาเชื่อว่า การเล่นเป็นการเรียนรู้ของเด็ก • การเล่นในโลกเล็กๆของเด็กจะช่วยให้เด็กปรับตัวให้เข้า กับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีกฎเกณฑ์บางอย่างที่เด็ก ต้องเรียนรู้ • เด็กได้รับการพัฒนาทักษะทางสังคมโดยเฉพาะความ รับผิดชอบและการสร้างวินัยในตนเองให้กับเด็ก การเล่นปนเรียนสาคัญอย่างไร ?
- 6. ประเภทของการเล่น 1.การเล่นเพื่อการค้นคว้า เป็นการเล่นที่เด็กได้ใช้ ประสาทสัมผัสในการทดลองหรือหยิบจับตรวจสอบสิ่ง ต่างๆที่อยู่รอบตัว ทาให้เด็กได้เรียนรู้รูปร่าง ขนาด ความ ละเอียดของวัตถุสังเกตความแก่ อ่อน ของสี เป็นต้น
- 8. 3. การเล่นเป็นตัวละครหรือจินตนาการ เป็นการเล่น เลียนแบบจากสิ่งที่เห็นในชีวิตประจาวัน เด็กจะดัดแปลง สถานที่เล่นให้เป็นสถานที่ตามความคิดของเขาเอง และนา สิ่งต่างๆมาดัดแปลงให้เป็นไปตามความคิดของตนเอง
- 9. 4.การเล่นออกกาลังกาย เป็นการเล่นที่ใช้พลังงานของ ร่างกาย ซึ่งเด็กที่จะมาเล่นร่วมกันต้องเคารพกฎกติกาของ การเล่น เรียนรู้การแพ้การชนะ และทาให้เด็กปรับตัวให้ เข้ากับเพื่อนได้ดี
- 10. 5.การเล่นเกมในบ้าน เป็นการเล่นร่วมกับพี่ๆน้องๆภายในครอบครัว 6. การเล่นที่ช่วยทาให้เพลิดเพลิน จากการดู ฟัง สังเกต ฟังเพลงฟัง นิทาน จึงทาให้เกิดความเพลิดเพลินและสนุกสนานได้
- 11. ประโยชน์ของการเล่นปนเรียนต่อเด็กปฐมวัย • ช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่รู้สึกผ่อนคลายให้กับ เด็ก • ช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้โดยผ่านขบวนการค้นคว้า สารวจ ทดลองผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า • ช่วยให้เด็กมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และส่งเสริมเชาว์ ปัญญาจากการเล่นปนเรียน
- 12. • ช่วยพัฒนาเด็กให้มีทักษะทางสังคม • ช่วยให้เด็กเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นนามธรรมง่ายยิ่งขึ้น • ส่งเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อเล็กให้กับเด็ก • พัฒนาเด็กในด้านคุณธรรมและจริยธรรม •ส่งเสริมทักษะทาภาษาให้กับเด็ก
- 13. ครูสามารถจัดกิจกรรมเล่นปนเรียนให้เข้ากับกิจกรรมประจาวันทั้ง 6 กิจกรรมได้ ดังนี้ ครูจัดการเล่นปนเรียนที่โรงเรียนอย่างไร ? 1.กิจกรรมเสริมประสบการณ์
- 14. 2.กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เช่น การเคลื่อนไหว ตามเสียงเพลง กิจกรรมเคลื่อนไหวตามท่าทางของสัตว์ เป็นต้น
- 15. 3.กิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การปั้นดินน้ามัน การ วาดรูประบายสี เป็นต้น
- 16. 4. กิจกรรมเสรี หรือ เล่นตามมุม เด็กได้เล่นตามมุม ประสบการณ์ต่างๆ เช่น การเล่นบทบาทสมมุติในบ้าน เด็กเล่น ต่อบล็อกในมุมบล็อกเพื่อเรียนรู้รูปทรงต่างๆ เรียนรู้เกี่ยวกับมิติ ต่างๆ เรียนรู้การชั่งน้าหนักในมุมคณิตศาสตร์ เป็นต้น
- 18. 6.เกมการศึกษา เน้นการพัฒนาด้านสติปัญญา ภาษา และการคิดแบบต่างๆ เช่น ให้เด็กเล่นภาพตัดต่อ เพื่อ พัฒนาด้านการสังเกต เป็นต้น
- 21. จัดทาโดย นางสาวศุภนิดา งามขา รหัส 5615871031 คณะครุศาสตร์ ภาษาอังกฤษ