ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
ใบงานที่ 6 
โครงงาȨระ๶ภทการทึϸองทฤษฎี 
เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตร หรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญ อยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลอง เรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการ มองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น 
ขั้นตอนการทาโครงงาน การทาโครงงานมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้ ๒.๑ การคิดและการเลือกหัวเรื่อง ผู้เรียนจะต้องคิด และเลือกหัวเรื่องของโครงงานด้วย ตนเองว่าอยากจะศึกษาอะไร ทาไมจึงอยากศึกษา หัวเรื่องของโครงงานมักจะได้มาจากปัญหา คาถามหรือความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของผู้เรียนเอง หัวเรื่องของโครงงานควร เฉพาะเจาะจงและชัดเจน เมื่อใครได้อ่านชื่อเรื่องแล้วควรเข้าใจและรู้เรื่องว่าโครงงานนี้ทาจาก อะไร การกาหนดหัวเรื่องของโครงงานนั้นมีแหล่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดและความสนใจ หลายแหล่งด้วยกัน เช่น จากการอ่านหนังสือ เอกสาร บทความ การเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ การ ฟังบรรยายทางวิชาการ การเข้าชมนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานทางวิทยาศาสตร์ การ สนทนากับบุคคลต่างๆ หรือจาการสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว เป็นต้น นอกจากนี้ ควร คานึงถึงประเด็นต่อไปนี้
- ความเหมาะสมของระดับความรู้ ความสามารถของผู้เรียน - วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ - งบประมาณ - ระยะเวลา - ความปลอดภัย - แหล่งความรู้ ๒.๒ การวางแผน การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถึงการเขียนเค้าโครงของโครงงาน ซึ่งต้องมีการ วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การดาเนินการเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ ไม่สับสน แล้วนาเสนอ ต่อผู้สอนหรือครูที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนดาเนินการขั้นต่อไป การเขียนเค้าโครงของ โครงงาน โดยทั่วไป เขียนเพื่อแสดงแนวคิด แผนงาน และขั้นตอนการทาโครงงาน ซึ่งควร ประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ ๑) ชื่อโครงงาน ควรเป็นข้อความที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อความหมายได้ตรง ๒) ชื่อผู้ทาโครงงาน ๓) ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน ๔) หลักการและเหตุผลของโครงงาน เป็นการอธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทาโครงงาน เรื่องนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ทาเป็นเรื่องใหม่หรือ มีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร เรื่องที่ทาได้ขยายเพิ่มเติม ปรับปรุง จากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล ๕) จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ควรมีความเฉพาะเจาะจง และสามารถวัดได้ เป็นการ บอกขอบเขตของงานที่จะทาได้ชัดเจนขึ้น ๖) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) สมมติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาด ไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎีหรือหลักการ รองรับ และที่สาคัญ คือ เป็นข้อความที่มองเห็นแนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากนี้ ควรมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามด้วย
๗) วิธีดาเนินงานและขั้นตอนการดาเนินงาน จะต้องอธิบายว่า จะออกแบบการทดลอง อะไรอย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้างรวมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จาเป็นต้องใช้ มีอะไรบ้าง ๘) แผนปฏิบัติงาน อธิบายเกี่ยวกับกาหนดเวลาตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นการดาเนินงาน ในแต่ละขั้นตอน ๙) ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑๐) เอกสารอ้างอิง ๒.๓ การดาเนินงาน เมื่อที่ปรึกษาโครงงานให้ความเห็นชอบเค้าโครงของโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ระบุไว้ ผู้เรียนต้องพยายามทาตามแผนงานที่วางไว้ เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ให้พร้อมปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ คานึงถึงความ ประหยัดและปลอดภัยในการทางาน ตลอดจนการบันทึกข้อมูลต่างๆ ว่าได้ทาอะไรไปบ้าง ได้ผล อย่างไร มีปัญหาและข้อคิดเห็นอย่างไร พยายามบันทึกให้เป็นระเบียบและครบถ้วน 
๒.๔ การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีสื่อความหมายวิธีหนึ่งที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจ ถึงแนวคิด วิธีการดาเนินงาน ผลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เกี่ยวกับโครงงาน นั้น การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ชัดเจนและครอบคลุมประเด็นสาคัญๆ ทั้งหมดของโครงงาน
๒.๕ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงานและเข้าใจถึงผลงานนั้น การนาเสนอผลงานอาจทาได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เนื้อหา เวลา ระดับของผู้เรียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง การเขียนรายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ ซึ่งอาจมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วย คาพูด หรือการรายงานปากเปล่า การบรรยาย สิ่งสาคัญคือ พยายามทาให้การแสดงผลงานนั้น ดึงดูดความสนใจของผู้ชม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย และมีความถูกต้องของเนื้อหา ๓. การเขียนรายงานโครงงาน การเขียนรายงานโครงงานเป็นรูปแบบหนึ่งของการนาเสนอผลงานของโครงงานที่ ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าตั้งแต่ต้นจนจบ การกาหนดหัวข้อในการเขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุ ตายตัวเหมือนกันทุกโครงงาน ส่วนประกอบของหัวข้อในรายงานต้องเหมาะสมกับประเภทของ โครงงานและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของการเขียนรายงานโครงงาน แบ่งกว้างๆ เป็น ๓ ส่วน ดังนี้ ๑. ส่วนปกและส่วนต้น ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย ๑) ชื่อโครงงาน ๒) ชื่อผู้ทาโครงงาน ชั้น โรงเรียน และวันเดือนปีที่จัดทา ๓) ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา ๔) คานา ๕) สารบัญ ๖) สารบัญตาราง หรือภาพประกอบ (ถ้ามี) ๗) บทคัดย่อสั้นๆ ที่บอกเค้าโครงอย่างย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง วัตถุประสงค์ วิธี การศึกษา ระยะเวลา และ
สรุปผล ๘) กิตติกรรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงานที่ให้ความ ช่วยเหลือหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ๒. ส่วนเนื้อเรื่อง ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย ๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจใน การเลือกหัวข้อโครงงาน ๒) วัตถุประสงค์ของโครงงาน ๓) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า ๔) การดาเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้การดาเนินงานเป็นไป ตามหัวข้อเรื่อง ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน และพิสูจน์คาตอบ (สมมติฐาน) ตามประเด็นที่ กาหนด ดังตัวอย่างการเขียนแผนผังโครงงานต่อไปนี้ ในแผนผังโครงงานทาให้เห็นระบบการทางานอย่างมีเป้าหมาย มีการวางแผนการ ทางาน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ต้องการทราบ คือ หัวข้อย่อย หรือคาถามย่อยของหัวข้อโครงงาน ถ้ามี มาก ๑ ข้อ ก็จะเรียงลาดับทีละหัวข้อ พร้อมทั้งบอกสมมติฐาน วิธีศึกษา และแหล่งศึกษาค้นคว้า ตามแผนผังให้ครบทุกข้อ สิ่งที่ต้องการทราบ สมมติฐาน วิธีการศึกษา แหล่งศึกษา/แหล่งข้อมูล หัวข้อย่อยจากหัวข้อเรื่องของโครงงานที่ต้องการหาคาตอบ การตอบคาถามล่วงหน้า ค้นคว้า สอบถาม สัมภาษณ์ สังเกต ศึกษาโดยการดู-ฟัง จากสื่อชนิดต่างๆ - เอกสาร หนังสือ - สถานที่ บุคคล ๕) สรุปผลการศึกษา เป็นการอธิบายคาตอบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ตามหัวข้อ ย่อยที่ต้องการทราบ ว่าเป็นไปตามสมมติฐานหรือไม่ ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกข้อจากัดหรือ ปัญหา อุปสรรค (ถ้ามี) พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า โครงงานลักษณะ ใกล้เคียงกัน
๓. ส่วนท้าย ส่วนท้าย ประกอบด้วย ๑) บรรณานุกรม หรือ เอกสารอ้างอิง หรือเอกสารที่ใช้ค้นคว้า ซึ่งมีหลายประเภท เช่น หนังสือ ตารา บทความ หรือคอลัมน์ ซึ่งจะมีวิธีการเขียนบรรณานุกรมต่างกัน เช่น หนังสือ ชื่อ นามสกุล. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สานักพิมพ์, ปีที่พิมพ์ บทความในวารสาร ชื่อผู้เขียน "ชื่อบทความ," ชื่อวารสาร. ปีที่หรือเล่มที่ : หน้า ;วัน เดือน ปี. คอลัมน์จากหนังสือพิมพ์ ์ชื่อผู้เขียน "ชื่อคอลัมน์ : ชื่อเรื่องในคอลัมน์" ชื่อหนังสือพิมพ์.วัน เดือน ปี. หน้า. ๒) ภาคผนวก เช่น โครงร่างโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บทสัมภาษณ์ 
ในการทาโครงงานประเภททดลอง ต้องมีการจัดการกับตัวแปรที่จะมีผลต่อการทดลอง ซึ่งจะ มี 4 ชนิด คือ 
• ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ หมายถึง เหตุของการทดลองนั้นๆ 
• ตัวแปรตาม ซึ่งจะเป็นผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น 
• ตัวแปรควบคุม หมายถึง สิ่งที่ต้องควบคุมให้เหมือนๆกัน มิฉะนั้นจะมีผลทาให้ตัวแปรตาม เปลี่ยนไป 
• ตัวแปรแทรกซ้อน ซึ่งจริงๆแล้วก็คือ ตัวแปรควบคุมนั่นเอง แต่บางครั้งเราจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะ มีผลแทรกซ้อน ทาให้ผลการทดลองผิดไป แต่แก้ไขได้โดยการตัดข้อมูลที่ผิดพลาดทิ้งไป 
ตัวอย่างเช่น นักเรียนต้องการศึกษาว่า กระดาษชนิดใดสามารถพับเครื่องร่อน และปาได้ไกลที่สุด
ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือ ชนิดของกระดาษ 
ตัวแปรตาม คือ ระยะทางที่กระดาษเคลื่อนที่ได้ 
ตัวแปรควบคุม คือ แรงที่ใช้ปากระดาษ ความสูงของระยะที่ใช้ปา 
ตัวแปรแทรกซ้อน เช่น บางครั้งขณะปามีลมพัดเข้ามา ซึ่งจะทาให้ข้อมูลผิดพลาดได้ 
โครงงานประเภทการทดลอง เหมาะสาหรับนักเรียนที่ศึกษาในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เช่น ครู ต้องการสอนให้นักเรียนทราบว่า ในพืชชนิดใดมีวิตามินซีมากหรือน้อยอย่างไร แทนที่ครูจะบอก ความรู้แก่นักเรียน ครูก็จะสอนโดยให้นักเรียนทาเป็นโครงงาน โดยให้สารวจปริมาณวิตามินซี ในพืชผักผลไม้ท้องถิ่น เป็นต้น 
วิชาการงานพื้นฐานอาชีพ นักเรียนอาจทาโครงงานเกี่ยวกับการเพาะเห็ดฟางโดยศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างวัสดุที่ใช้เพาะเห็ดว่าวัสดุชนิดใดเพาะเห็ดได้ดีที่สุด
ตัวแปรต้น คือ วัสดุที่ใช้เพาะเห็ดฟาง 
ตัวแปรตาม คือ ปริมาณเห็ดที่ได้ 
จะทาให้นักเรียนได้ทราบว่าวัสดุในท้องถิ่นของนักเรียนชนิดใดเพาะเห็ดได้ดีที่สุด 
วิชาภาษาไทย ครูอาจให้นักเรียนทาโครงงานเกี่ยวกับวิธีการอ่าน โดยศึกษาเปรียบเทียบการ อ่านออกเสียงว่าวิธีใดจะสามารถทาให้ผู้อ่านจาได้ดีกว่ากัน โดยมี 
ตัวแปรต้น คือ การอ่านในใจและการอ่านออกเสียง 
ตัวแปรตาม คือ ความจาของนักเรียน 
นักเรียนจะได้ทราบวิธีการอ่านและทราบอื่นๆ อีกมาก
โครงงาȨี่6

More Related Content

What's hot (14)

วิจัย
วิจัย วิจัย
วิจัย
จารุนันท์ เอียดคง
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
naaikawaii
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
nay220
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
Revill Noes
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
noonnarinthip
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎีใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
mansupotyrc
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
Sakulpit Promrungsee
โครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎี
โครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎีโครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎี
โครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎี
Tanyaporn Puttawan
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
06comp42
Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2
Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2
Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2
Phaspra Pramokchon
ใบงาȨี่6
ใบงาȨี่6ใบงาȨี่6
ใบงาȨี่6
Porna Saow
praew
praewpraew
praew
Praew Saowapa
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
naaikawaii
ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8ใบงานที่ 2-8
ใบงานที่ 2-8
nay220
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
ใบงานที่5 โครงงานประเภท พัฒนาเครื่องมือ
Revill Noes
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
noonnarinthip
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎีใบงานที่ 6  เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท การทดลองทฤษฎี
mansupotyrc
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
Sakulpit Promrungsee
โครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎี
โครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎีโครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎี
โครงงาȨระ๶ภทการสร้างทฤษฎี
Tanyaporn Puttawan
โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์โครงงาȨอมพิวเตอร์
โครงงาȨอมพิวเตอร์
06comp42
Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2
Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2
Km การตีพิมพ์บทความวิจัย cs mju 05 01-58 v2
Phaspra Pramokchon
ใบงาȨี่6
ใบงาȨี่6ใบงาȨี่6
ใบงาȨี่6
Porna Saow

Viewers also liked (17)

Web 2.0 JasminWeb 2.0 Jasmin
Web 2.0 Jasmin
jasmin12345
Starter profesjonalny Betterware
Starter profesjonalny BetterwareStarter profesjonalny Betterware
Starter profesjonalny Betterware
betterware2014
Los cantones de tungurahuaLos cantones de tungurahua
Los cantones de tungurahua
RicardoArellano1996
Hacker y crackersHacker y crackers
Hacker y crackers
Jenifer Aguas
Ejercicio 1 seminario 4Ejercicio 1 seminario 4
Ejercicio 1 seminario 4
Andrea Raposo
Gestion de riesgos ambientalesGestion de riesgos ambientales
Gestion de riesgos ambientales
Yeyita Ra Ze
Uso del portafolio 2Uso del portafolio 2
Uso del portafolio 2
Daniela Zamudio
Memoria de calculo puente bobo
Memoria de calculo  puente boboMemoria de calculo  puente bobo
Memoria de calculo puente bobo
Mary Chasi
CoOpPRPlan
CoOpPRPlanCoOpPRPlan
CoOpPRPlan
Amy Rauch
Rishi power point
Rishi power pointRishi power point
Rishi power point
Rishikesh Pathak
Sirt Sicurezza nei Luoghi Confinati
Sirt Sicurezza nei Luoghi ConfinatiSirt Sicurezza nei Luoghi Confinati
Sirt Sicurezza nei Luoghi Confinati
Gianandrea Gino
Planificacion 3Planificacion 3
Planificacion 3
Nicolas Villarreal
My spaceMy space
My space
valenciasanabria
Articulo del 42 al 52Articulo del 42 al 52
Articulo del 42 al 52
PAulo Borikua
Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014
Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014
Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014
Francesco Pellecchia
La cognición del profesor  qué sabe nancy   copiaLa cognición del profesor  qué sabe nancy   copia
La cognición del profesor qué sabe nancy copia
Daniela Zamudio
La planificacion saia christopher colasante.La planificacion saia christopher colasante.
La planificacion saia christopher colasante.
chriscolasante
Web 2.0 JasminWeb 2.0 Jasmin
Web 2.0 Jasmin
jasmin12345
Starter profesjonalny Betterware
Starter profesjonalny BetterwareStarter profesjonalny Betterware
Starter profesjonalny Betterware
betterware2014
Los cantones de tungurahuaLos cantones de tungurahua
Los cantones de tungurahua
RicardoArellano1996
Hacker y crackersHacker y crackers
Hacker y crackers
Jenifer Aguas
Ejercicio 1 seminario 4Ejercicio 1 seminario 4
Ejercicio 1 seminario 4
Andrea Raposo
Gestion de riesgos ambientalesGestion de riesgos ambientales
Gestion de riesgos ambientales
Yeyita Ra Ze
Uso del portafolio 2Uso del portafolio 2
Uso del portafolio 2
Daniela Zamudio
Memoria de calculo puente bobo
Memoria de calculo  puente boboMemoria de calculo  puente bobo
Memoria de calculo puente bobo
Mary Chasi
Sirt Sicurezza nei Luoghi Confinati
Sirt Sicurezza nei Luoghi ConfinatiSirt Sicurezza nei Luoghi Confinati
Sirt Sicurezza nei Luoghi Confinati
Gianandrea Gino
Planificacion 3Planificacion 3
Planificacion 3
Nicolas Villarreal
Articulo del 42 al 52Articulo del 42 al 52
Articulo del 42 al 52
PAulo Borikua
Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014
Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014
Presentazione FP Convegno UNIBA Accountability 2014
Francesco Pellecchia
La cognición del profesor  qué sabe nancy   copiaLa cognición del profesor  qué sabe nancy   copia
La cognición del profesor qué sabe nancy copia
Daniela Zamudio
La planificacion saia christopher colasante.La planificacion saia christopher colasante.
La planificacion saia christopher colasante.
chriscolasante

Similar to โครงงาȨี่6 (20)

ใบงานที่ 6 แก้
ใบงานที่ 6 แก้ใบงานที่ 6 แก้
ใบงานที่ 6 แก้
pompameiei
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
Pimnutchaya
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
bbeammaebb
K6
K6K6
K6
taioddntw
ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6ใบงานที่ 6
ใบงานที่ 6
Phakphoom
ใบงาȨี่6
ใบงาȨี่6ใบงาȨี่6
ใบงาȨี่6
Porna Saow
ใบงานทที่ 6
ใบงานทที่ 6ใบงานทที่ 6
ใบงานทที่ 6
Mashmallow Korn
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
Moomy Momay
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท
Moomy Momay
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
parephone2539

More from nay220 (13)

โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%
โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%
โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%
nay220
Cycle of parasites in liver
Cycle of parasites in liverCycle of parasites in liver
Cycle of parasites in liver
nay220
โครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับโครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับ
nay220
วงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับ
วงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับวงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับ
วงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับ
nay220
โครงงาȨี่8
โครงงาȨี่8โครงงาȨี่8
โครงงาȨี่8
nay220
โครงงาȨี่7
โครงงาȨี่7โครงงาȨี่7
โครงงาȨี่7
nay220
โครงงาȨี่5
โครงงาȨี่5โครงงาȨี่5
โครงงาȨี่5
nay220
-52วิทยาศาสตร์
-52วิทยาศาสตร์-52วิทยาศาสตร์
-52วิทยาศาสตร์
nay220
-52คณิตศาสตร์
-52คณิตศาสตร์-52คณิตศาสตร์
-52คณิตศาสตร์
nay220
-52ภาษาอังกฤษ
-52ภาษาอังกฤษ-52ภาษาอังกฤษ
-52ภาษาอังกฤษ
nay220
-52ภาษาไทย
-52ภาษาไทย-52ภาษาไทย
-52ภาษาไทย
nay220
O-NET'52 สังคมศึกษา
O-NET'52 สังคมศึกษาO-NET'52 สังคมศึกษา
O-NET'52 สังคมศึกษา
nay220
ความรู้เรื่องบล็อค
ความรู้เรื่องบล็อคความรู้เรื่องบล็อค
ความรู้เรื่องบล็อค
nay220
โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%
โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%
โครงงาȨอมพิวเตอร์พยาธิใบไม้ในตับ100%
nay220
Cycle of parasites in liver
Cycle of parasites in liverCycle of parasites in liver
Cycle of parasites in liver
nay220
โครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับโครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับ
โครงงาȨอมพิวเตอร์ วงจรชีวิตพยาธฺใบไม้ในตับ
nay220
วงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับ
วงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับวงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับ
วงจรชีวิตพยาธิใบไม้ใȨับ
nay220
โครงงาȨี่8
โครงงาȨี่8โครงงาȨี่8
โครงงาȨี่8
nay220
โครงงาȨี่7
โครงงาȨี่7โครงงาȨี่7
โครงงาȨี่7
nay220
โครงงาȨี่5
โครงงาȨี่5โครงงาȨี่5
โครงงาȨี่5
nay220
-52วิทยาศาสตร์
-52วิทยาศาสตร์-52วิทยาศาสตร์
-52วิทยาศาสตร์
nay220
-52คณิตศาสตร์
-52คณิตศาสตร์-52คณิตศาสตร์
-52คณิตศาสตร์
nay220
-52ภาษาอังกฤษ
-52ภาษาอังกฤษ-52ภาษาอังกฤษ
-52ภาษาอังกฤษ
nay220
-52ภาษาไทย
-52ภาษาไทย-52ภาษาไทย
-52ภาษาไทย
nay220
O-NET'52 สังคมศึกษา
O-NET'52 สังคมศึกษาO-NET'52 สังคมศึกษา
O-NET'52 สังคมศึกษา
nay220
ความรู้เรื่องบล็อค
ความรู้เรื่องบล็อคความรู้เรื่องบล็อค
ความรู้เรื่องบล็อค
nay220

โครงงาȨี่6

  • 1. ใบงานที่ 6 โครงงาȨระ๶ภทการทึϸองทฤษฎี เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจาลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงานที่ผู้ทาต้อง ศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องการศึกษา แล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ หรือคาอธิบาย พร้อมทั้งารจาลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตร หรือสมการนั้น ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงานประเภทนี้มีจุดสาคัญ อยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจาลองทฤษฎี เช่น การทดลอง เรื่องการไหลของของเหลว การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า และการทดลองเรื่องการ มองเห็นวัตถุแบบสามมิติ เป็นต้น ขั้นตอนการทาโครงงาน การทาโครงงานมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้ ๒.๑ การคิดและการเลือกหัวเรื่อง ผู้เรียนจะต้องคิด และเลือกหัวเรื่องของโครงงานด้วย ตนเองว่าอยากจะศึกษาอะไร ทาไมจึงอยากศึกษา หัวเรื่องของโครงงานมักจะได้มาจากปัญหา คาถามหรือความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ของผู้เรียนเอง หัวเรื่องของโครงงานควร เฉพาะเจาะจงและชัดเจน เมื่อใครได้อ่านชื่อเรื่องแล้วควรเข้าใจและรู้เรื่องว่าโครงงานนี้ทาจาก อะไร การกาหนดหัวเรื่องของโครงงานนั้นมีแหล่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดและความสนใจ หลายแหล่งด้วยกัน เช่น จากการอ่านหนังสือ เอกสาร บทความ การเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ การ ฟังบรรยายทางวิชาการ การเข้าชมนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานทางวิทยาศาสตร์ การ สนทนากับบุคคลต่างๆ หรือจาการสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตัว เป็นต้น นอกจากนี้ ควร คานึงถึงประเด็นต่อไปนี้
  • 2. - ความเหมาะสมของระดับความรู้ ความสามารถของผู้เรียน - วัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ - งบประมาณ - ระยะเวลา - ความปลอดภัย - แหล่งความรู้ ๒.๒ การวางแผน การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถึงการเขียนเค้าโครงของโครงงาน ซึ่งต้องมีการ วางแผนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การดาเนินการเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบ ไม่สับสน แล้วนาเสนอ ต่อผู้สอนหรือครูที่ปรึกษาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนดาเนินการขั้นต่อไป การเขียนเค้าโครงของ โครงงาน โดยทั่วไป เขียนเพื่อแสดงแนวคิด แผนงาน และขั้นตอนการทาโครงงาน ซึ่งควร ประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้ ๑) ชื่อโครงงาน ควรเป็นข้อความที่กะทัดรัด ชัดเจน สื่อความหมายได้ตรง ๒) ชื่อผู้ทาโครงงาน ๓) ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน ๔) หลักการและเหตุผลของโครงงาน เป็นการอธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทาโครงงาน เรื่องนี้ มีความสาคัญอย่างไร มีหลักการหรือทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ทาเป็นเรื่องใหม่หรือ มีผู้อื่นได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ไว้บ้างแล้ว ถ้ามีได้ผลอย่างไร เรื่องที่ทาได้ขยายเพิ่มเติม ปรับปรุง จากเรื่องที่ผู้อื่นทาไว้อย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล ๕) จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ควรมีความเฉพาะเจาะจง และสามารถวัดได้ เป็นการ บอกขอบเขตของงานที่จะทาได้ชัดเจนขึ้น ๖) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามี) สมมติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายที่คาด ไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมีเหตุมีผลมีทฤษฎีหรือหลักการ รองรับ และที่สาคัญ คือ เป็นข้อความที่มองเห็นแนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากนี้ ควรมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระและตัวแปรตามด้วย
  • 3. ๗) วิธีดาเนินงานและขั้นตอนการดาเนินงาน จะต้องอธิบายว่า จะออกแบบการทดลอง อะไรอย่างไร จะเก็บข้อมูลอะไรบ้างรวมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จาเป็นต้องใช้ มีอะไรบ้าง ๘) แผนปฏิบัติงาน อธิบายเกี่ยวกับกาหนดเวลาตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นการดาเนินงาน ในแต่ละขั้นตอน ๙) ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑๐) เอกสารอ้างอิง ๒.๓ การดาเนินงาน เมื่อที่ปรึกษาโครงงานให้ความเห็นชอบเค้าโครงของโครงงานแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่ระบุไว้ ผู้เรียนต้องพยายามทาตามแผนงานที่วางไว้ เตรียมวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ให้พร้อมปฏิบัติงานด้วยความละเอียดรอบคอบ คานึงถึงความ ประหยัดและปลอดภัยในการทางาน ตลอดจนการบันทึกข้อมูลต่างๆ ว่าได้ทาอะไรไปบ้าง ได้ผล อย่างไร มีปัญหาและข้อคิดเห็นอย่างไร พยายามบันทึกให้เป็นระเบียบและครบถ้วน ๒.๔ การเขียนรายงาน การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีสื่อความหมายวิธีหนึ่งที่จะให้ผู้อื่นได้เข้าใจ ถึงแนวคิด วิธีการดาเนินงาน ผลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เกี่ยวกับโครงงาน นั้น การเขียนโครงงานควรใช้ภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ชัดเจนและครอบคลุมประเด็นสาคัญๆ ทั้งหมดของโครงงาน
  • 4. ๒.๕ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงานและเข้าใจถึงผลงานนั้น การนาเสนอผลงานอาจทาได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เนื้อหา เวลา ระดับของผู้เรียน เช่น การแสดงบทบาทสมมติ การเล่าเรื่อง การเขียนรายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจัดนิทรรศการ ซึ่งอาจมีทั้งการจัดแสดงและการอธิบายด้วย คาพูด หรือการรายงานปากเปล่า การบรรยาย สิ่งสาคัญคือ พยายามทาให้การแสดงผลงานนั้น ดึงดูดความสนใจของผู้ชม มีความชัดเจน เข้าใจง่าย และมีความถูกต้องของเนื้อหา ๓. การเขียนรายงานโครงงาน การเขียนรายงานโครงงานเป็นรูปแบบหนึ่งของการนาเสนอผลงานของโครงงานที่ ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าตั้งแต่ต้นจนจบ การกาหนดหัวข้อในการเขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุ ตายตัวเหมือนกันทุกโครงงาน ส่วนประกอบของหัวข้อในรายงานต้องเหมาะสมกับประเภทของ โครงงานและระดับชั้นของผู้เรียน องค์ประกอบของการเขียนรายงานโครงงาน แบ่งกว้างๆ เป็น ๓ ส่วน ดังนี้ ๑. ส่วนปกและส่วนต้น ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบด้วย ๑) ชื่อโครงงาน ๒) ชื่อผู้ทาโครงงาน ชั้น โรงเรียน และวันเดือนปีที่จัดทา ๓) ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา ๔) คานา ๕) สารบัญ ๖) สารบัญตาราง หรือภาพประกอบ (ถ้ามี) ๗) บทคัดย่อสั้นๆ ที่บอกเค้าโครงอย่างย่อๆ ซึ่งประกอบด้วย เรื่อง วัตถุประสงค์ วิธี การศึกษา ระยะเวลา และ
  • 5. สรุปผล ๘) กิตติกรรมประกาศ เพื่อแสดงความขอบคุณบุคคล หรือหน่วยงานที่ให้ความ ช่วยเหลือหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ๒. ส่วนเนื้อเรื่อง ส่วนเนื้อเรื่อง ประกอบด้วย ๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคัญของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจใน การเลือกหัวข้อโครงงาน ๒) วัตถุประสงค์ของโครงงาน ๓) สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า ๔) การดาเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผังโครงงานเพื่อให้การดาเนินงานเป็นไป ตามหัวข้อเรื่อง ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงงาน และพิสูจน์คาตอบ (สมมติฐาน) ตามประเด็นที่ กาหนด ดังตัวอย่างการเขียนแผนผังโครงงานต่อไปนี้ ในแผนผังโครงงานทาให้เห็นระบบการทางานอย่างมีเป้าหมาย มีการวางแผนการ ทางาน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ต้องการทราบ คือ หัวข้อย่อย หรือคาถามย่อยของหัวข้อโครงงาน ถ้ามี มาก ๑ ข้อ ก็จะเรียงลาดับทีละหัวข้อ พร้อมทั้งบอกสมมติฐาน วิธีศึกษา และแหล่งศึกษาค้นคว้า ตามแผนผังให้ครบทุกข้อ สิ่งที่ต้องการทราบ สมมติฐาน วิธีการศึกษา แหล่งศึกษา/แหล่งข้อมูล หัวข้อย่อยจากหัวข้อเรื่องของโครงงานที่ต้องการหาคาตอบ การตอบคาถามล่วงหน้า ค้นคว้า สอบถาม สัมภาษณ์ สังเกต ศึกษาโดยการดู-ฟัง จากสื่อชนิดต่างๆ - เอกสาร หนังสือ - สถานที่ บุคคล ๕) สรุปผลการศึกษา เป็นการอธิบายคาตอบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า ตามหัวข้อ ย่อยที่ต้องการทราบ ว่าเป็นไปตามสมมติฐานหรือไม่ ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกข้อจากัดหรือ ปัญหา อุปสรรค (ถ้ามี) พร้อมทั้งบอกข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า โครงงานลักษณะ ใกล้เคียงกัน
  • 6. ๓. ส่วนท้าย ส่วนท้าย ประกอบด้วย ๑) บรรณานุกรม หรือ เอกสารอ้างอิง หรือเอกสารที่ใช้ค้นคว้า ซึ่งมีหลายประเภท เช่น หนังสือ ตารา บทความ หรือคอลัมน์ ซึ่งจะมีวิธีการเขียนบรรณานุกรมต่างกัน เช่น หนังสือ ชื่อ นามสกุล. ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์ : สานักพิมพ์, ปีที่พิมพ์ บทความในวารสาร ชื่อผู้เขียน "ชื่อบทความ," ชื่อวารสาร. ปีที่หรือเล่มที่ : หน้า ;วัน เดือน ปี. คอลัมน์จากหนังสือพิมพ์ ์ชื่อผู้เขียน "ชื่อคอลัมน์ : ชื่อเรื่องในคอลัมน์" ชื่อหนังสือพิมพ์.วัน เดือน ปี. หน้า. ๒) ภาคผนวก เช่น โครงร่างโครงงาน ภาพกิจกรรม แบบสอบถาม บทสัมภาษณ์ ในการทาโครงงานประเภททดลอง ต้องมีการจัดการกับตัวแปรที่จะมีผลต่อการทดลอง ซึ่งจะ มี 4 ชนิด คือ • ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ หมายถึง เหตุของการทดลองนั้นๆ • ตัวแปรตาม ซึ่งจะเป็นผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวแปรต้น • ตัวแปรควบคุม หมายถึง สิ่งที่ต้องควบคุมให้เหมือนๆกัน มิฉะนั้นจะมีผลทาให้ตัวแปรตาม เปลี่ยนไป • ตัวแปรแทรกซ้อน ซึ่งจริงๆแล้วก็คือ ตัวแปรควบคุมนั่นเอง แต่บางครั้งเราจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะ มีผลแทรกซ้อน ทาให้ผลการทดลองผิดไป แต่แก้ไขได้โดยการตัดข้อมูลที่ผิดพลาดทิ้งไป ตัวอย่างเช่น นักเรียนต้องการศึกษาว่า กระดาษชนิดใดสามารถพับเครื่องร่อน และปาได้ไกลที่สุด
  • 7. ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือ ชนิดของกระดาษ ตัวแปรตาม คือ ระยะทางที่กระดาษเคลื่อนที่ได้ ตัวแปรควบคุม คือ แรงที่ใช้ปากระดาษ ความสูงของระยะที่ใช้ปา ตัวแปรแทรกซ้อน เช่น บางครั้งขณะปามีลมพัดเข้ามา ซึ่งจะทาให้ข้อมูลผิดพลาดได้ โครงงานประเภทการทดลอง เหมาะสาหรับนักเรียนที่ศึกษาในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เช่น ครู ต้องการสอนให้นักเรียนทราบว่า ในพืชชนิดใดมีวิตามินซีมากหรือน้อยอย่างไร แทนที่ครูจะบอก ความรู้แก่นักเรียน ครูก็จะสอนโดยให้นักเรียนทาเป็นโครงงาน โดยให้สารวจปริมาณวิตามินซี ในพืชผักผลไม้ท้องถิ่น เป็นต้น วิชาการงานพื้นฐานอาชีพ นักเรียนอาจทาโครงงานเกี่ยวกับการเพาะเห็ดฟางโดยศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่างวัสดุที่ใช้เพาะเห็ดว่าวัสดุชนิดใดเพาะเห็ดได้ดีที่สุด
  • 8. ตัวแปรต้น คือ วัสดุที่ใช้เพาะเห็ดฟาง ตัวแปรตาม คือ ปริมาณเห็ดที่ได้ จะทาให้นักเรียนได้ทราบว่าวัสดุในท้องถิ่นของนักเรียนชนิดใดเพาะเห็ดได้ดีที่สุด วิชาภาษาไทย ครูอาจให้นักเรียนทาโครงงานเกี่ยวกับวิธีการอ่าน โดยศึกษาเปรียบเทียบการ อ่านออกเสียงว่าวิธีใดจะสามารถทาให้ผู้อ่านจาได้ดีกว่ากัน โดยมี ตัวแปรต้น คือ การอ่านในใจและการอ่านออกเสียง ตัวแปรตาม คือ ความจาของนักเรียน นักเรียนจะได้ทราบวิธีการอ่านและทราบอื่นๆ อีกมาก