More Related Content
What's hot (20)
กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์ 58กิตติกรรมประกาศ บทคัดย่อ โครงงานทดลองวิทยาศาสตร์ 58renusaowiangโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลอง ระดับ ป.4-6
เรื่อง การเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของผักบุ้งและต้นหอมที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยนำ้หมักชีวภาพจากเศษอาหารในอัตรส่วนที่แตกต่างกัน
ครูที่ปรึกษา นางสาวเรณู เสาเวียง
โรงเรียนบ้านหนองคูโนนแก้วหนองอีย่า สพป.ศก.1 Similar to โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5 (14)
Star fruit wardrobeStar fruit wardrobeDewdeng NpdStar Fruit Wardrobe
• โครงงานบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
• ชั้น ม.5/1 (กลุ่มมะเฟือง)
• ปีการศึกษา 2556
• โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่
More from Nontagan Lertkachensri (20)
โครงงาน Is-กลุ่มสบู่-1-5
- 2. บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่กลีเซอรีนสมุนไพร จัดทาขึ้นเพื่อ เรียนรู้วิธีการทาสบู่
เพราะสบู่เป็นของใช้ที่จาเป็นในชีวิตประจาวัน
ทุกวันเราอาบน้าต้องใช้สบู่เพื่อการขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย
ซึ่งคนส่วนมากมักจะเลือกสบู่ที่สามารถทาความสะอาดได้ดีมากๆ
จนไม่คานึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับผิวในภายหลัง ปัจจุบันสบู่มีมากมายหลายชนิดให้เราเลือกใช้
ตามความเหมาะสมและความชอบของแต่ละบุคคล บางชนิดก็ผสมสมุนไพรบางชนิดก็ผสมสารเคมี
เช่นTriclocarban เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ซึ่งผู้ใช้บางรายอาจเกิดอาการแพ้สารเคมีหากใช้บ่อยเกินไป แต่เรารู้จักสบู่เหล่านั้นดีเพียงไร
และจะมีสักกี่คนที่ใส่ใจในรายละเอียดว่าสบู่แต่ละก้อนมีส่วนประกอบสาคัญอะไรบ้าง
สบู่ที่ดีจะต้องมีส่วนประกอบสาคัญที่จาเป็นและมีประโยชน์ต่อผิว
ซึ่งนอกจากจะทาให้สบู่ที่ได้ทาความสะอาดผิวได้ดีแล้วยังสามารถบารุงผิวได้อีกด้วย
ทั้งนี้สบู่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้เป็นประจาทุกวัน หากเราคัดสรรสบู่ที่ดีมีคุณภาพจะทาให้เร
มีสุขภาพผิวของที่ดีอยู่คู่กับเราไปตลอดนานเท่านาน
ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอยการผลิตสบู่สมุนไพรใช้เองน่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ลดค่าใช้จ่าย
ช่วยเหลือเศรษฐกิจประชาชนชุมชนได้มาก
เพราะวัตถุดิบหลักที่ใช้เป็นวัสดุที่ผลิตเองในประเทศเกษตรกรสามารถปลูกพืชน้ามัน
และสกัดน้ามันโดยวิธรการง่ายๆนามาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก
นอกจากนี้ในแหล่งชุมชนที่มีไขมันสัตว์เหลือใช้
อีกทั้งสมุนไพรหาได้ในประเทศมากมายการผลิตสบู่ผสมสมุนไพรจึงเป็นการสนับสนุนการนาสาร
จากวัสดุธรรมชาติที่ผลิตได้เองมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าราคาถูกประหยัดและใช้ได้ง่ายจึงน่าที่จะ
ผลิตสบู่สมุนไพร
เพื่อนามาใช้ชาระล้างทาความสะอาดร่างกายและของใช้หรือใช้ซักเสื้อผ้าแทนผงซักฟอกได้
ก่อนที่จะทาการผลิตสบู่สมุนไพร
จาเป็นต้องศึกษาวิธีการผลิตอย่างละเอียดก่อนเพื่อความปลอดภัยและและจะได้สบู่ที่มีคุณภาพดี
- 3. กิตติกรรมประกาศ
ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่องสบู่สมุนไพรสารสกัดชาเขียว และ
สารสกัดชาเขียวกับน้ากุหลาบ จากกลีเซอรีนธรรมชาติ ในครั้งนี้ คณะผู้จัดทาโครงงานวิทยาศาสตร์
ได้รับความอนุเคราะห์จาก อาจารย์ ศุจิรัตน์ คิดอยู่
ที่ให้คาแนะนาปรึกษาเกี่ยวกับการเปรียญเทียบของประสิทธิภาพของสบู่ และ
ให้คาแนะนาในเรื่องของการทาสบู่วิธีการทาสบู่อย่างถูกต้อง และ
ถูกวิธีตลอดจนอธิบายถึงการเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่จาเป็นต้องใช้ในการนามาทาสบู่และสามารถนาไปลงมือปฏิบัติจริง
ในการจัดทาโครงงานชิ้นนี้และได้คาแนะนาปรึกษาในการทาโครงงานอย่างเป็นกันเอง
รวมทั้งแนวคิดตลอดจนข้อบกพร่องต่างๆที่ต้องแก้ไข
ทาให้คณะผู้จัดทาสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทาโครงงานชิ้นนี้ได้
จนโครงงานเรื่องนี้เสร็จสมบูรณ์ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้
คณะผู้จัดทาโครงงาน
วันที่14/08/60
- 4. สารบัญ
เรื่อง หน้า
บทคัดย่อ ก
กิตติกรรมประกาศ ข
บทที่ 1 บทนา 1
1.1 ความเป็นมาของโครงงาน
1.2 วัตถุของโครงงาน
1.3 สมมติฐาน
1.4 ขอบเขตของโครงงาน
1.5 ประโยชน์ที่ได้รับ จากโครงงาน
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3
บทที่ 3 วิธีดาเนินงานโครงงาน/วิธีดาเนินการวิจัย 7
บทที่ 4 ผลการทดลอง 12
บทที่ 5 สรุปผลและข้อเสนอแนะ 15
บรรณานุกรม 16
- 5. ภาคผนวช 17
บทที่1
บทนา
1.ความเป็นมาของโครงงาน
สบู่คือ สิ่งที่ทามาจากไขผสมสารเคมีหลายชนิดเข้าด้วยกัน และ ผลิตใช้กันมาก
ในปัจจุบันมนุษย์ใช้สบู่ขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายสามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ และ
สบู่ที่ทาจากสมุนไพรสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน
คนส่วนใหญ่จะรู้จักสบู่สารเคมีมาก และ ใช้สบู่ที่ผสมสารเคมีกันทุกครัวเรือน ใช้ทุกวัน
ทุกครั้งที่ต้องการทาความสะอาดร่างกาย เพราะในสบู่มีสารที่สามารถฆ่าเชื้อโรค และ
แบคทีเรียได้เป็นอย่างดี
ฉะนั้นจึงต้องมีการผลิตสบู่สมุนไพรจากธรรมชาติ (สารสกัดชาเขียว และ น้ากุหลาบ)
โดยสบู่นั้นต้องสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลิ่นหอมจากธรรมชาติ
มีสีสันสวยงาม และ มีฟองที่นุ่ม เพื่อดึงดูงความสนใจของผู้อุปโภค
ที่สาคัญต้องเผยแผ่ความรู้เกี่ยวกับคูรสมบัติของสมุนไพรที่นามาทาสบู่ถึงคุณสมบัติที่ดีไม่เป็นอันต
รายต่อร่างกาย
- 6. 2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1. เพื่อศึกษาการทาสบู่สมุนไพร
2. เพื่อศึกษาประโยชน์ของสารสกัดชาเขียว และ สารสกัดน้ากุหลาบ
3. เพื่อส่งเสริมการใช้สบู่สมุนไพรในปัจจุบัน
3.สมมติฐาน
1. สบู่กลีเซอรีนผสมสมุนไพร สามารถทาความสะอาดผิวกายได้
2. สบู่กลีเซอรีนที่ผสมสมุนไพรสารสกัดชาเขียว และ สารสกัดน้ากุหลาบ ช่วยให้ผิวสะอาด
ขจัดสารพิษ ป้องกันการเกิดริ้วรอยอีกทั้งยังป้องกันการระคายเคืองผิว และดูชุ่มชื่นขึ้น
3. สบู่กลีเซอรีนธรรมชาติไม่มีสารเคมีใดๆจึงไม่เป็นโทษต่อร่างกาย
ตัวแปรต้น สบู่สมุนไพรสารสกัดชาเขียว และสารสกัดน้ากุหลาบ จากกลีเซอรีนธรรมชาติ
ตัวแปรตาม ความสะอาดชุ่มชื่นของผิวกาย
ป้องกันการเกิดริ้วรอยอีกทั้งยังป้องกันการระคายเคืองผิว
ตัวแปรควบคุม ปริมาณสบู่ผสมสมุนไพรจากสารสกัดชาเขียว และ
จากสารสกัดชาเขียวกับสารสกัดน้ากุหลาบ
4.ขอบเขตของโครงงาน
ส่วนผสมของสมุนไพร คือ สูตรสารสกัดชาเขียว และ
สูตรสารสกัดชาเขียวกับสารสกัดน้ากุหลาบ
5. ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
1.จะได้รู้ส่วนประกอบของสบู่ และ วิธีการทาสบู่สมุนไพร
2. จะได้ศึกษาประโยชน์และข้อดีของสารสกัดชาเขียว และน้ากุหลาบ
- 7. 3. ให้ความรู้ บอกข้อดี และ ส่งเสริมการใช้สบู่สมุนไพรในปัจจุบัน
บทที่2
เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาเรื่องประสิทธิภาพของสบู่ชาเขียว สบู่น้ากุหลาบ
ผู้ศึกษาได้รวบรวมแนวคิดทฤษฏีและหลักหารต่างๆจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่อไปนี้
สบู่เป็นสิ่งที่ใช้ในการทาความสะอาดร่างกาย เช่นการอาบน้า การล้างมือ สบู่จะช่วยละลายไขมัน
ทาให้การชาระล้างสะอาดมากขึ้น
สบู่
(soap) คือสารเคมีที่เกิดจากการทาปฏิกิริยากันระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์(ด่าง,โซดาไฟ,
(NaOH,) และน้ามันที่มาจากสัตว์หรือพืชมีส่วนผสมระหว่างกรด(ไขมัน)กับเบส(ด่าง)
ในอัตราส่วนที่ทาให้สามารถทาความสะอาดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผิว
คือมีค่า pHอยู่ระหว่าง 8-10ใช้ชาระล้างร่างกายควบคู่กับการอาบน้า
ทามาจากไขมันสัตว์ผสมกับน้าหอม โซดาไฟ และวัตถุดิบอื่นๆ
สบู่ก้อน คือส่วนผสมระหว่างกรด(ไขมัน)กับเบส(ด่าง)
ในอัตราส่วนที่ทาให้สามารถทาความสะอาดได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผิว
คือมีค่า pH อยู่ระหว่าง 8-10(ในเอกสารจดแจ้งของ
อย.ให้ผู้ผลิตสบู่ก้อนระบุว่ามีค่า ph ไม่เกิน 11) กรดหรือกรดไขมัน เช่นน้ามันพืช ไขมันสัตว์ เบส
เช่นโซดาไฟ โดยทั่วไปอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมคือเมื่อผสมกันแล้วควรจะเหลือกรดไขมันอยู่ปร
- 8. ะมาณ5% หากไม่มีเครื่องมือในการวัดค่า pH ให้เก็บสบู่เอาไว้อย่างน้อย 15-
30 วันเพื่อให้ค่า pH ลดลง อยู่ในอัตราที่เหมาะสม
2.1สารสกัดชาเขียว
อุดมไปด้วยสารโพลีฟินอลที่ชื่อว่า EGCC ( Epigallo Catechin ) มีคุณสมบัติในการล้างสารพิษ
คือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธ์แรงสูง ( Superpowerful Antioxdant )
ทาให้ช่วยป้องกันการก่อตัวของอนุมูลอิสระ
ซึ้งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรทั้งยังเพิ่มความชุ้นชื่นและความเปร่งปลั่งให้กับผิวห
น้าและช่วยลดร่องรอยความอ่อนล้าของผิวรอบดวงตาและยังลดการบวมของเปลือกตาและถุงใต้ตา
ผิวจะนุ่มนวลและดูสดชื่นขึ้น
สาร EGCC
ในทางเคมีจัดเป็นสารโพลีฟินอลชนิดหนึ่งที่มีการวิจัยกันอย่างกว้างขวางและหลายการวิจัยก็พอว่า
สาร EGCC ดังกล่าวนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ได้แก่
1.มีส่วนช่วยในขบวนการ
การกาจัดไขมันโคเรสเตอรอลในหลอดเลือดซึ่งทาให้ลดภาวะความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงจ
าการอุตันของไขมันในหลอดเลือด
2.ช่วยในการขับสารพิษและสารอนุมูลอสระจึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งและค
วามเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกาย
- 10. ฟื่นฟูเซลล์ผิดภายในให้แข็งแรงเป็น Anti-Oxidant ช่วยลดการเกิดริ้วรอยจุดด่างดา
และช่วยให้ผิวพรรณ์สว่างสดใสสุขภาพดี สีผิวจุดด่างดาค่อยๆจางลง
กลีบกุหลาบ อุดมไปด้วย วิตามินซีแคโรทิน วิตามินบี วิตามินเค แคลเซียม และแร่ธาตุต่างๆ
ที่จาเป็นต่อร่างกายของระบบเลือด เรียกว่า
วิตามินเกลือแร่ต่างๆที่ร่างกายต้องการนั้นมีอยู่ครบถ้วนในกลีบกุหลาบ เช่น โปแตสเซียม
ที่จาเป็นต่อระบบหัวใจ
แร่ธาตุทองแดงที่ร่างกายต้องการเพิ่มกระบวนการสร้างเม็ดเลือดและใช่ในกระบวนการต่อมไร้ท่อ
ไอโอดีน ที่ร่างกายต้องการสาหรับการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์
สารสกัดจกากลีบกุหลาบ ( Rose Crysta ) มีสารสาคัญ คือ EuGeniin และ Rose Polyphenol
Eugeniin แก้ปัญหาผดร้อน ผื่นแดง
แพ้ระคายเคืองจาการสารเคมีช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับผิว Rose polyphenol
ยับยั้งเอมไซม์ไฮนาลูโรนิเดส (Hyaluroidase) ที่ทาลายไฮยาลูโลนิกแอซิค
มนผิวชั้นลึกจึงเสมือนเป็นเกาะปกป้องให้ถูกทาลายน้อยลง
ช่วยยึดอายุและปรับโครงสร้างให้ผิวแข็งแรง เต่งตึง แน่นฟิต กระชับ อุ้มน้า ไม่ยุบตัว
หย่อนคล้อยไปตามวัยตงสภาพผิวแรกรุ่น อ่อนเยาว์
ลดการผลิตเม็ดลีเมลานินที่ทาให้ผิวคล้าเสียหม่อนหมอง รอยกระ และรอยดาจากสิว
ผิวจึงขาวใสขึ้นทั้งผิวหน้าและผิวกาย ลดอาการอักเสบของผิวที่ไหม้ บวม รอยแดง
จากรังสียูวีในแสงแดด
2.3 กลีเซอรีน
คือ ของเหลวที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นมีความหนืด และมีรสหวาน
โดยปกติมาจากน้ามันของพืชซึ่งโดยทั้วไป คือ น้ามันมะพร้าว และน้ามันปาล์ม
- 12. วิธีดาเนินการโครงงาน
ในการทาโครงงานเรื่อง “การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสบู่ชาเขียว”
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5/4 ประจาปีการศึกษา 2560 มีวิธีดาเนินการดังต่อไปนี้
1.ขั้นตอนเตรียมการ
ในการจัดทาโครงงานมีขั้นตอนเตรียมการดังนี้
1.ประชุมอภิปรายการจัดทาโครงงาน แต่งตั้งประธาน รองประธาน เลขาธิการและเหรัญญิก
2.กาหนดชื่อเรื่องโครงงานในหัวข้อการเปรียบเทียบสบู่
ซึ่งสมาชิกได้มีความเห็นร่วมกันแต่งชื่อเรื่องในการจัดทาโครงงาน คือ
“การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสบู่ชาเขียว”
3.ตั้งวัตถุประสงค์ตามแผนการดาเนินงาน เพื่อเป็นเป้าหมายในการศึกษา
ซึ่งผู้จัดทาได้ตั้งวัตถุประสงค์ดังนี้
1.เพื่อศึกษาการทาสบู่ชาเขียว และสบู่ชาเขียวกับน้าดอกกุหลาบ
2.อยากทราบถึงประสิทธิภาพของสบู่ชาเขียว
3.เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างสบู่ชาเขียว กับสบู่ชาเขียวน้าดอกกุหลาบ
4.มอบหมาย และแบ่งภาระงานให้กับสมาชิก
รายชื่อผู้ร่วมงาน
- 13. สมาชิก นาย ปวรวุธ วิสุทธิเสน มีหน้าที่พิมพ์ข้อมูล
สมาชิก นาย อภิราม รสหานาม มีหน้าที่พิมพ์ข้อมูล
สมาชิก น.ส. อัจฉรา เจริญกิจกังวาน จัดหาข้อมูล
สมาชิก น.ส. จารุวรรณ เทพวูฑฒิ เสนอโครงงาน
สมาชิก น.ส. อธิชา สิงหนาท ทดลองทาสบู่
2.วัตถุและอุปกรณ์
2.1 กลีเซอรีน
2.2 มีด
2.3 เขียง
2.4 ถ้วย 3ใบ
2.5 ช้อนคน
2.6 น้าหอม
2.7 ภาชนะ/พิมพ์ที่ใส่สบู่
2.8 สารสกัดชาเขียว
2.9 สารสกัดน้าดอกกุหลาบ
3. วิธีการดาเนินการ
3.1 ประชุมวางแผน
3.2 ออกปฎิบัติการ
3.3 ค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
3.4 ปฎิบัติการผลิตสบู่ทั้ง2สูตร
3.5 ทดสอบประสิทธิภาพของสบู่ทั้ง2สูตร
- 17. จากการวิจัยเรื่อง สบู่น้าดอกกุหลาบและชาเขียวจากกลีเซอรีน
ผลปรากฏว่า สบู่ที่ทามาจากกลีเซอรีน ผสมน้าดอกกุหลาบและชาเขียวต่างชนิดกัน
คือ “น้าดอกกุหลาบ” และ “ชาเขียว” สามารถทาความสะอาดผิวกายต่างกันเพราะที่นามาผสมแตกต่
างกัน มีสรรพคุณต่างกัน มีความหอมแตกต่างกันตามที่นามาผสม
และสบู่น้าดอกกุหลาบและชาเขียวจากกลีเซอรีนที่ทาเอง มีค่า pH ตรงตามมาตรฐาน คือ มีค่าได้
เท่ากับ 8(หรือเบส) โดยสบู่ทั้งสองมีค่า pHเท่ากัน
ซึ่งเป็นค่าที่ตามมาตรฐานที่ใช้ทาความสะอาดร่างกายกัน และค่า pH มีค่าเป็นกลางใกล้เคียงกับผิวพ
รรณของเรา
4.1การศึกษาการผลิตสบู่จากสารสกัดชาเขียวกับน้าดอกกุหลาบ
จากการศึกษาการผลิตสบู่จากสารสกัดชาเขียวกับน้าดอกกุหลาบ สามารถผลิตสบู่ได้2สูตร
สูตรที่1 สูตรสารสกัดชาเขียว
สูตรที่2 สูตรสารสกัดชาเขียวและน้าดอกกุหลาบ
4.2ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้กับสบู่ทั้ง 2 สูตร
- 18. จากแบบสอบถามความพึงพอใจจากประชากร
ชาย 15 คน หญิง 20 คน
สูตรที่ 1 สารสกัดชาเขียว ดีมาก
(4)
ดี
(3)
พอใช้
(2)
ควรปรับปรุง
(1)
ค่าเฉลี่ย
1.รูปลักษณ์ภายนอกของสบู่
1.1สี-กลิ่น
9 21 3 2 3.05
2.การเกิดฟอง 7 4 18 6 2.342
3.ประสิทธิภาพในการทาความสะอาด 6 25 4 0 3.057
4.ความนุ่มลื่นของผิวหลังใช้ 10 22 3 0 3.2
5.ความยาก-ง่ายในการล้างสบู่ 14 17 4 2 3.342