More Related Content
What's hot (9)
PPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratViewers also liked (9)
PPTX
Okul öncesi eğitimde aile katılımı ve yaratıcılık eğitimi düzenlenmişgulden60Similar to หน่วยความจำหลักและเมนบอร์ด Present 4-10 (Group3) (20)
PPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์ยีตส์okbeerPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์ยีตส์okbeerPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์gotchagonPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratPPT
หน่วยประมวลผลྺองครื่องคอมพิวตอร์AmmariratMore from Supaksorn Tatongjai (20)
หน่วยความจำหลักและเมนบอร์ด Present 4-10 (Group3)
- 3. 1. แรม (Random Access Memory : R
AM)
เป็นหน่วยความจาที่เก็บข้อมูลสาหรับใช้งานทั่วไป การอ้างอิงตาแหน่งที่อยู่
ของข้อมูลใดๆ เพื่อการเขียนและการอ่านจะกระทาแบบการเข้าถึงโดยสุ่มคือ เรียกไปที่
ตาแหน่งที่อยู่ข้อมูลใดก็ได้ หน่วยความจานี้เรียกว่า แรม หน่วยความจาประเภทนี้จะ
เก็บข้อมูลไว้ตราบเท่าที่มีกระแสไฟฟ้ายังจ่ายให้วงจร หากไฟฟ้าดับเมื่อใด ข้อมูลก็จะ
สูญหายทันที
เครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้ ถ้ามีหน่วยความจาแรมมากๆ จะทาให้
สามารถใช้งานโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่ๆ ได้ดีด้วย หน่วยความจาที่นิยมในปัจจุบันจะ
ประมาณ 32, 64, 128, 256 เมกะไบต์ เป็นต้น
- 4. RAM ย่อมาจาก (Random Access
Memory
โดยที่เนื้อที่ของหน่วยความจาหลักแบบแรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
1. Input Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลนาเข้าที่ได้รับมาจากหน่วยรับ
ข้อมูลเข้าโดย ข้อมูลนี้จะถูกนาไปใช้ในการประมวลผลต่อไป
2. Working Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการ
ประมวลผล
3. Output Storage Area เป็นส่วนที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ตาม
ความต้องการของผู้ใช้ เพื่อรอที่จะถูกส่งไปแสดงออก ยังหน่วยแสดงผลอื่นที่ผู้ใช้ต้องการ
4. Program Storage Area เป็นส่วนที่ใช้เก็บชุดคาสั่ง หรือโปรแกรมที่ผู้ใช้
ต้องการจะส่งเข้ามา เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามคาสั่ง ชุดดังกล่าว หน่วยควบคุมจะทา
หน้าที่ดึงคาสั่งจากส่วน นี้ไปที่ละคาสั่งเพื่อทาการแปลความหมาย ว่าคาสั่งนั้นสังให้ทาอะไร
จากนั้นหน่วยควบคุม จะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการทางานดังกล่าวให้ทางานตามคาสั่ง
นั้นๆ
- 5. ความเร็วของ RAM คิดกันอย่างไร
ที่ตัว Memorychip จะมี เลขรหัส เช่น HM411000-70 ตัวเลขหลัง (-)
คือ ตัวเลขที่บอก ความเร็วของ RAM ตัวเลขนี้ เรียกว่า Accesstime คือ เวลา
ที่เสียไป ในการที่จะเข้าถึงข้อมูล หรือ เวลาที่แสดงว่า ข้อมูลจะถูก ส่งออกไปทาง
Data busได้เร็วแค่ไหน ยิ่ง Access time น้อยๆ แสดงว่า RAM ตัวนั้น
เร็วมาก
- 7. DRAM
Dynamic Random Access Memory (DRAM) DRAM
จะทาการเก็บข้อมูลในตัวเก็บประจุ (Capaciter) ซึ่งจาเป็นต้องมีการ refresh
เพื่อ เก็บข้อมูล ให้คงอยู่โดยการ refresh นี้ทาให้เกิดการหร่วงเวลาขึ้นในการเข้าถึง
ข้อมูล และก็เนื่องจากที่มันต้อง refresh ตัวเองอยู่ตลอดเวลานี้เองจึงเป็นเหตุให้ได้
ชื่อว่า Dynamic RAM
- 8. FPM DRAM
Fast Page Mode DRAM (FPM DRAM) FPM นั้น ก็
เหมือนกับ DRAM เพียงแต่ว่า มันลดช่วงการหน่วงเวลาขณะเข้าถึงข้อมูลลง ทาให้
มันมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล สูงกว่า DRAM ปกติ ซึ่งโดยที่สัญญาณนาฬิกาใน
การเข้าถึงข้อมูล จะเป็น 6-3-3-3 (Latency เริ่มต้นที่ 3 clock พร้อมด้วย 3
clock สาหรับการเข้าถึง page) และสาหรับ ระบบแบบ 32 bit จะมีอัตราการส่ง
ถ่ายข้อมูลสูงสุด 100 MB ต่อวินาที ส่วนระบบแบ 64 bit จะมีอัตรา การส่งถ่าย
ข้อมูลที่ 200 MB ต่อววินาที เช่นกัน ปัจจุบันนี้ RAM ชนิดนี้แทบจะหมดไปจาก
ตลาดแล้วแต่ ยังคงมีให้เห็นบ้าง และมักมีราคา ที่ค่อนข้างแพงเมื่อเที่ยบกับ RAM
รุ่นใหม่ ๆ เนื่องจากที่ว่าปริมาณใน ท้องตลาดมีน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ยังมีคนต้องการใช้
แรมชนิดนี้อยู่
- 9. SRAM
Staic Random Access Memory (SRAM) จะต่างจาก
DRAM ตรงที่ว่า DRAM ต้องทาการ refresh ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา แต่
ในขณะที่ SRAM จะเก็บข้อมูล นั้น ๆ ไว้ และจาไม่ทาการ refresh โดยอัตโนมัติ
ซึ่งมันจะทาการ refresh ก็ต่อเมื่อ สั่งให้มัน refresh เท่านั้น ซึ่งข้อดีของมันก็คือ
ความเร็ว ซึ่งเร็วกว่า DRAM ปกติมาก แต่ก็ด้วยราคาที่สูงว่ามาก จึงเป็นข้อด้อย
ของมัน
- 10. (EDO) DRAM
Extended-Data Output (EDO) DRAM หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือ
Hyper-Page Mode DRAM ซึ่งพัฒนาขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยการที่มันจะอ้างอิง
ตาแหน่งที่อ่านข้อมูล จากครั้งก่อนไว้ด้วย ปกติแล้วการดึงข้อมูลจาก RAM ณ ตาแหน่งใด
ๆ มักจะดึงข้อมูล ณ ตาแหน่งที่อยู่ใกล้ ๆ จากการดึงก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้น ถ้ามีการอ้งอิง
ณตาแหน่งเก่าไว้ก่อน ก็จะทาให้ เสียเวลาในการเข้าถึงตาแหน่งน้อยลง และอีกทั้งมันยังลด
ช่วงเวลาของ CAS latency ลงด้วย และด้วย ความสามารถนี้ ทาให้การเข้าถึงข้อมูลดี
ขึ้นกว่าเดิมกว่า 40% เลยทีเดียว และมีความสามารถโดยรวมสูงกว่า FPM กว่า 15%
EDO จะทางานได้ดีที่ 66 MHzด้วย timming 5-2-2-2 และก็ยังทางานได้ดี
เช่นกัน แม้จะใช้งานที่ 83 MHz ด้วย Timming นี้และหากว่า chip EDO นี้ มี
ความเร็วที่สูงมากพอ (มากว่า 50ns) มันจะ สามารถใช้งานได้ ณ 100 MHz ที่
Tomming 6-3-3-3 ได้อย่างสบาย อัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูงสุด ของ DRAM ชนิด
นี้อยู่ที่ 264 MB ต่อวินาที EDO RAM ในปัจจุบันนี้ไม่เป็นที่นิยมใช้แล้ว
- 11. (BEDO) DRAM
Burst EDO (BEDO) DRAM BEDO ได้เพิ่มความสามารถขึ้นมา
จาก EDO เดิม คือ Burst Mode โดยหลังจากที่มันได้ address ที่ ต้องการ
adress แรกแล้วมันก็จะทาการ generate อีก 3 address ขึ้นทันที ภายใน 1
สญญาณนาฬิกา ดังนั้น จึงตัดช่วงเวลาในการรับ adress ต่อไป เพราะฉะนั้น
Timming ของมันจึงเป็น 5-1-1-1 ณ 66 MHz BEDO ไม่เป็นที่แพร่หลาย
และได้รับความนิยมเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากว่าทาง Intel ตัดสินใจใช้
SDRAM แทน EDO และไม่ได่ใช้ BEDO เป็นส่วนประกอบในการพัฒนา
chipset ของตน ทาให้บริษัทผู้ผลิต ต่าง ๆ หันมาพัฒนา SDRAM แทน
- 12. (SDRAM) SDRAM
Synchronous DRAM (SDRAM) SDRAM จะต่างจาก DRAM
เดิมตรงที่มันจะทางานสอดคล้งกับสัญญาณนาฬิกา สาหรับ DRAM เดิมจะ ทราบตาแหน่ง
ที่อ่าน ก็ต่อเมื่อเกิดทั้ง RAS และCAS ขึ้น แล้วจึงทาการไปอ่านข้อมูลโดยมีช่วงเวลาใน
การ เข้าถึงข้อมูล ตามที่เรามักจะได้เห็นบนตัว chip ของตัว RAM เลย เช่น -50, -60, -
80 โดย -50 หมายถึง ช่วงเวลาเข้าถึง ใช้เวลา 50 นาโนวินาทีเป็นต้น แต่ว่า SDRAM จะ
ใช้สัญญาณนาฬิกาเป็นตัวกาหนดการ ทางานโดยจะใช้ความถี่ของสัญญาณเป็นตัวระบุ
SDRAM จะทางานตามสัญญาณนาฬิกาขาขึ้นเพื่อรอรับ ตาแหน่งข้อมูล ที่ต้องการให้มัน
อ่าน แล้วจากนั้นมันก็จะไปค้นหาให้ และให้ผลลัพธ์ออกมาหลังจากได้รับ ตาแหน่งแล้ว เท่ากับ
ค่าของ CAS เช่น CAS 2 ก็คือ หลังจากรับตาแหน่งที่อ่านแล้วมันจะให้ผลลัพธ์ออกมา
ภายใน 2 ลูกของสัญญาณนาฬิกา SDRAM จะมี Timming เป็น 5-1-1-1 ซึ่งแน่ มัน
เร็วพอ ๆ กันกับ BEDO RAM เลยที่เดียว แต่ว่ามันสามารถทางานได้ ณ 100 MHz
หรือมากว่า และมีอัตราการส่งถ่าย ข้อมูลสูงสุดที่ 528 MB ต่อวินาที
- 13. DDR SDRAM
DDR SDRAM (หรือ SDRAM II) DDR RAM นี้แยกออกมา
จาก SDRAM โดยจุดที่ต่างกันหลัก ๆ ของทั้งสองชนิดนี้คือ DDR SDRAM
นี้สามารถที่จะใช้งานได้ทั้งขาขึ้น และขาลง ขแงสัญญาณนาฬิกาเพื่องส่งถ่ายข้อมูล นั่น
ก็ทาให้อัตราส่งถ่าย เพิ่มขึ้นได้ถึงเท่าตัว ซึ่งมีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลสูสุดถึง 1 G ต่อ
วินาทีเลยทีเดียว
- 14. RDRAM
Rambus DRAM (RDRAM) ชื่อของ RAMBUS เป็น
เครื่องหมายการค้าของบริษัท RAMBUS Inc. ซึ่งตั้งมาตั้งแต่ยุค 80 แล้ว
เพราะฉะนั้นชื่อนี้ ก็ไม่ได้เป็นชื่อที่ ใหม่อะไรนัก โดยปัจจุบันได้เอาหลักการของ
RAMBUS มาพัฒนาใหม่ โดยการลด pin รวม static buffer และทาการ
ปรับแต่งทาง interface ใหม่ DRAM ชนิดนี้ จะสามารถ ทางานได้ทั้งขอบขา
ขึ้น และลงของสัญญาณนาฬิกา และเพียงช่องสัญญาณเดียว
- 15. SGRAM
Synchronous Graphic RAM (SGRAM) SGRAM นี้ก็แยก
ออกมาจาก SDRAM เช่นกันโดยมันถูกปรับแต่งมาสาหรับงานด้าน Graphics
เป็นพิเศษแต่โดยโครงสร้างของ Hardware แล้ว แทยไม่มีอะไรต่างจาก
SDRAM เลย เราจะเห็นจากบาง Graphic Card ที่เป็นรุ่นเดียวกัน แต่ใช้
SDRAM ก็มี SGRAM ก็มี เช่น Matrox G200 แต่จุดที่ต่างกัน ก็คือ
ฟังก์ชัน ที่ใช้โดย Page Register ซึ่ง SG สามารถทาการเขียนข้อมูลได้หลาย ๆ
ตาแหน่ง ในสัญญาณนาฬิกาเดียว ในจุดนี้ทาให้ความเร็วในการแสดงผล และ Clear
Screen ทาได้เร็วมาก และยังสามารถ เขียนแค่ บาง bit ในการ word ได้
- 16. VRAM
Video RAM (VRAM) VRAM ชื่อก็บอกแล้วว่าทางานเกี่ยวกกับ
Video เพราะมันถูกออกแบบมาใช้บน Dispaly Card โดย VRAM นี้ก็มี
พื้นฐานมาจาก DRAM เช่นกัน แต่ที่ทาให้มันต่างกันก็ด้วยกลไกการทางาน
บางอย่าง ที่เพิ่มเข้ามา โดยที่ VRAM นั้น จะมี serial port พิเศษเพิ่มขึ้นมา
อีก 1หรือ 2 port ทาให้เรามองว่ามันเป็น RAM แบบ พอร์ทคู่ (Dual-Port)
หรือ ไตรพอร์ท (Triple-Port) Parallel Port ซึ่งเป็น Standard
Interface ของมัน จะถูกใช้ในการติดต่อกับ Host Processor เพื่อสั่งการให้
ทาการ refresh ภาพขึ้นมาใหม่ และ Seral Port ที่เพิ่มขึ้นมา จะใช้ในการส่ง
ข้อมูลภาพออกสู่ Display
- 17. WRAM
Windowns RAM (WRAM) WRAM นี้ ดู ๆ ไปล้วเหมือนกับว่า
ถูกพัฒนาโดย Matrox เพราะแทบจะเป็นผู้เดียวที่ใช้ RAM ชนิดนี้ บน
Graphics Card ของตน (card ตระกูล Millenium และ
Millenium II แต่ไม่รวม Millenium G200 ซึ่งเป็น ซึ่งใช้ SGRAM
) แต่ในปัจจุบันก็เห็นมีของ Number 9 ที่ใช้ WRAM เช่นกัน ในรุ่น
Number 9 Revolutuon IV ที่ใช้ WRAM 8M บน Crad
WRAM นี้โดยรวมแล้วก็เหมือน ๆ กับ VRAM จะต่างกันก็ตรงที่ มันรองรับ
Bandwith ที่สูงกว่า อีกทั้งยังใช้ระบบ Double-Buffer อีกด้วย จึงทาให้มัน
เร็วกว่า VRAM อีกมากทีเดียว
- 18. รอม (Read Only Memory : ROM)
2. รอม (Read Only Memory : ROM) เป็นหน่วยความจาอีกประเภท
หนึ่งที่มีการอ้างอิงตาแหน่งที่อยู่ข้อมูลแบบเข้าถึง โดยสุ่มหน่วยความจาประเภทนี้มีไว้
เพื่อบรรจุโปรแกรมสาคัญบางอย่าง เพื่อว่าเมื่อเปิดเครื่องมา ซีพียูจะเริ่มต้นทางานได้
ทันทีข้อมูลหรือโปรแกรมที่เก็บไว้ในรอมจะถูกบันทึกมาก่อนแล้ว ผู้ใช้สามารถอ่าน
ข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถเขียนข้อมูลใดๆ ลงไปได้ซึ่งข้อมูลหรือโปรแกรมที่อยู่ในรอมนี้
จะอยู่อย่างถาวร แม้จะปิดเครื่องข้อมูลหรือโปรแกรมก็จะไม่ถูกลบไป
- 19. Manual ROM
ROM (READ-ONLY MEMORY) ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ใน
ROM จะถูกโปรแกรม โดยผู้ผลิต (โปรแกรม มาจากโรงงาน) เราจะใช้ ROM
ชนิดนี้ เมื่อข้อมูลนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และมีความต้องการใช้งาน เป็นจานวนมาก
ผู้ใช้ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงข้อมูลภายใน ROM ได้ โดย ROM จะมีการ
ใช้ technology ที่แตกต่างกันตัวอย่างเช่น BIPOLAR, CMOS,
NMOS, PMOS
- 20. PROM (Programmable ROM)
PROM (PROGRAMMABLE READ-ONLY
MEMORY) ข้อมูลที่ต้องการโปรแกรมจะถูกโปรแกรมโดยผู้ใช้เอง โดย
ป้อนพัลส์แรงดันสูง (HIGH VOLTAGE PULSED) ทาให้ METAL
STRIPS หรือ POLYCRYSTALINE SILICON ที่อยู่ในตัว IC ขาด
ออกจากกัน ทาให้เกิดเป็นลอจิก “1” หรือ “0” ตามตาแหน่ง ที่กาหนดในหน่วยความจา
นั้นๆ เมื่อ PROM ถูกโปรแกรมแล้ว ข้อมูลภายใน จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก
หน่วยความจาชนิดนี้ จะใช้ในงานที่ใช้ความเร็วสูง ซึ่งความเร็วสูงกว่า หน่วยความจา ที่
โปรแกรมได้ชนิดอื่นๆ
- 21. EPROM (Erasable Programmable
ROM)
EPROM (ERASABLE PROGRAMMABLE READ-ONLY
MEMORY) ข้อมูลจะถูกโปรแกรม โดยผู้ใช้โดยการให้สัญญาณ ที่มีแรงดันสูง
(HIGH VOLTAGE SIGNAL) ผ่านเข้าไปในตัว EPROM ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับ
ที่ใช้ใน PROM แต่ข้อมูลที่อยู่ใน EPROM เปลี่ยนแปลงได้ โดยการลบข้อมูลเดิมที่อยู่
ใน EPROM ออกก่อน แล้วค่อยโปรแกรมเข้าไปใหม่ การลบข้อมูลนี้ทาได้ด้วย การฉาย
แสง อุลตร้าไวโอเลตเข้าไปในตัว IC โดยผ่าน ทางกระจกใส ที่อยู่บนตัว IC เมื่อฉายแสง ครู่
หนึ่ง (ประมาณ 5-10 นาที) ข้อมูลที่อยู่ภายใน ก็จะถูกลบทิ้ง ซึ่งช่วงเวลา ที่ฉายแสงนี้ สามารถ
ดูได้จากข้อมูล ที่กาหนด (DATA SHEET) มากับตัว EPROM และ มีความ
เหมาะสม ที่จะใช้ เมื่องานของระบบ มีโอกาส ที่จะปรับปรุงแก้ไขข้อมูลใหม่
- 22. EAROM (Electrically Alterable
ROM)
EAROM (ELECTRICALLY ALTERABLE READ-ONLY
MEMORY) EAROM หรืออีกชื่อหนึ่งว่า EEPROM (ELECTRICAL
ERASABLE EPROM) เนื่องจากมีการใช้ไฟฟ้าในการลบข้อมูลใน ROM เพื่อ
เขียนใหม่ ซึ่งใช้เวลาสั้นกว่าของ EPROM การลบขึ้นอยู่กับพื้นฐานการใช้เทคโนโลยีที่
แตกต่างกัน ดังนั้น EAROM (ELECTRICAL ALTERABLE ROM) จะ
อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีแบบ NMOS ข้อมูลจะถูกโปรแกรมโดยผู้ใช้เหมือนใน
EPROM แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ ข้อมูลของ EAROM สามารถลบได้โดยทางไฟฟ้าไม่ใช่
โดยการฉายแสงแบบ EPROM โดยทั่วไปจะใช้ EPROM เพราะเราสามารถหามาใช้
และทดลองได้ง่าย มีราคาถูก วงจรต่อง่าย ไม่ยุ่งยาก และสามารถเปลี่ยนแปลงโปรแกรมได้
นอกจากระบบ ที่ทาเป็นการค้าจานวนมาก จึงจะใช้ ROM ประเภทโปรแกรมสาเร็จ
- 23. หน่วยความจาเมนบอร์ด
เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่สาคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทาหน้าที่ควบคุม ดูแลและ
จัดการๆ ทางานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ แทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซีพียู
ไปจนถึงหน่วยความจาแคช หน่วยความจาหลัก ฮาร์ดดิกส์ ระบบบัส บนเมนบอร์ด
ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย เมนบอร์ดที่ใช้งานในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่เป็น
แบบ ATX เกือบทั้งหมดแล้ว เทคโนโลยีของเมนบอร์ดเองก็ได้มีการพัฒนาไปมาก
เช่นกัน ซึ่งมีเทคโนโลยีเข้ามาในการเพิมประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น มีสีสันที่สวยงาม
โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งเครื่องของตัวเองจะเลือกสีสันที่มีความสวยงาม
- 27. 1 .PS/2 เป็นพอร์ตไว้สาหรับการเชื่อมต่อ เมาส์และคีย์บอร์ด โดยทั่วไปแล้วเมาส์จะ
เป็นสีเขียว และคีย์บอร์ดจะเป็นสีม่วง ซึ่งในปัจจุบันนี้จะมีการเปลี่ยนมาใช้ USB แต่ก็
ยังมี PS/2 มีใช้อยู่เป็นจานวนมาก
2. Firewire เป็นพอร์ตการเชื่อมต่อที่มีลักษณะคล้ายกับ USB ซึ่งมีอัตราความเร็ว
กว่า ด้วยมาตรฐาน IEEE 1394a มีอัตราการเชื่อมต่อรับ/ส่งข้อมูล 400MB/s
อุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อเช่น ฮาร์ดดิสก์แบบภายนอก
3.eSATA เป็นการเชื่อมสาหรับ ฮาร์ดดิสก์แบบภายนอก เช่นกัน
4. USB เป็นการเชื่อมต่อภายนอกแบบต่างๆ แล้วจะมีพอร์ตนี้มากเป็นพิเศษ
เพราะว่ามีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้หลากหลาย อย่างเช่นเครื่องพิมพ์ เมาส์ และอื่นๆอีก
รวมถึงเฟรตไดร์ด้วย สาหรับความเร็วแล้วอยู่ที่ 480MB/s
5.LAN ช่องการเชื่อมต่อแลน ใช้สาหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่อยู่ในระบบ
6. ช่องต่อเสียง ไว้สาหรับการเชื่อมต่อเสียง ทั้งเสียง Input และ Output ทั้ง
ลาโพง ทั้งไมค์