![[ppt] ความเป็นมาของทคโนโลยีสารสȨทศ](https://cdn.slidesharecdn.com/ss_thumbnails/chapter-01-131106045858-phpapp01-thumbnail.jpg?width=560&fit=bounds)
More Related Content
What's hot (6)
Similar to ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร (20)
ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร
- 2. ความหมายของเทคโนโลยี เทคโนโลยี หมายถึง สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในการทางานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เข่น อุปกรณ์, เครื่องมือ, เครื่องจักร, วัสดุ หรือ แม้กระทั่งที่ไม่ได้เป็นสิ่งของที่จับต้องได้ เช่น กระบวนการต่าง ๆ เทคโนโลยี เป็นการประยุกต์ นาเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ และก่อให้เกิดประโยชน์ ในทางปฏิบัติ แก่มวลมนุษย์กล่าวคือเทคโนโลยีเป็นการนาเอาความรู้ ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนที่เป็นข้อแตกต่าง ของเทคโนโลยี กับวิทยาศาสตร์ คือเทคโนโลยีจะขึ้นอยู่กับปัจจัย ทางเศรษฐกิจเป็นสินค้ามีการืื้อขาย ส่วนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นสมบัติส่วนรวมของ ชาวโลกมีการเผยแพร่โดยไม่มีการืื้อขาย กล่าวโดยสรุปคือ ทคโนโลยีสมัยใหม่เกิดขึ้นโดยมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นฐานรองรับ
- 3. องค์ประกอบของเทคโนโลยีและสารสนเทศ 1. ฮาร์ดแวร์ ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบสาคัญของระบบสารสนเทศหมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้าง รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสารสาหรับเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้าเป็นเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ เครื่องกราดตรวจเมื่อพิจารณาเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็น 3 หน่วย คือ หน่วยรับข้อมูล ได้แก่ แผงแป้ นอักขระ เมาส์ หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยแสดงผล ได้แก่ จอภาพ เครื่องพิมพ์
- 4. 2 . ือฟต์แวร์ ือฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบที่สาคัญประการที่ สอง ืึ่งก็คือลาดับขั้นตอนของคาสั่งที่จะสั่งงานให้ฮาร์ดแวร์ทางาน เพื่อ ประมวลผลข้อมูลให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการของการใช้งาน ในปัจจุบันมี ือฟต์แวร์ระบบปฏิบัติงาน ือฟต์แวร์ควบคุมระบบงาน ือฟต์แวร์สาเร็จ และือฟต์แวร์ประยุกต์สาหรับงานต่างๆ ลักษณะการใช้งานของือฟต์แวร์ ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้จะต้องติดต่อใช้งานโดยใช้ข้อความเป็นหลัก แต่ในปัจจุบัน ือฟต์แวร์มีลักษณะการใช้งานที่ง่ายขึ้น โดยมีรูปแบบการติดต่อที่สื่อ ความหมายให้เข้าใจง่าย เช่น มีส่วนประสานกราฟิกกับผู้ใช้ที่เรียกว่า กุย ส่วน ือฟต์แวร์สาเร็จที่มีใช้ในท้องตลาดทาให้การใช้งาȨอมพิวเตอร์ในระดับ บุคคลเป็นไปอย่างกว้างขวาง และเริ่มมีลักษณะส่งเสริมการทางานของกลุ่ม มากขึ้น ส่วนงานในระดับองค์กรส่วนใหญ่มักจะมีการพัฒนาระบบตามความ ต้องการโดยการว่าจ้าง หรือโดยนักคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในฝ่ ายคอมพิวเตอร์ของ องค์กร เป็นต้น
- 5. ือฟต์แวร์ คือ ชุดคาสั่งที่สั่งงาȨอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้หลายประเภท 1. ือฟต์แวร์ระบบ คือ ือฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่ในระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ระบบปฏิบัติการดอส ระบบปฏิบัติการยูนิกื์ 2. ือฟต์แวร์ประยุกต์ คือ ือฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งาน ตามความ ต้องการของผู้ใช้ เช่น ือฟต์แวร์กราฟิก ือฟต์แวร์ประมวลคา ือฟต์แวร์ตารางทางาน ือฟต์แวร์นาเสนอข้อมูล
- 6. 3. ข้อมูล ข้อมูล เป็นองค์ประกอบที่สาคัญอีกประการหนึ่งของระบบสารสนเทศ อาจจะเป็นตัวชี้ความสาเร็จหรือความล้มเหลวของระบบได้ เนื่องจาก จะต้องมีการเก็บข้อมูลจากแหล่งกาเนิด ข้อมูลจะต้องมีความถูกต้อง มี การกลั่นกรองและตรวจสอบแล้วเท่านั้นจึงจะมีประโยชน์ ข้อมูลจาเป็น จะต้องมีมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานในระดับกลุ่มหรือระดับ องค์กร ข้อมูลต้องมีโครงสร้างในการจัดเก็บที่เป็นระบบระเบียบเพื่อการ สืบค้นที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพ
- 7. 4. บุคลากร บุคลากรในระดับผู้ใช้ ผู้บริหาร ผู้พัฒนาระบบ นักวิเคราะห์ระบบ และนักเขียนโปรแกรม เป็นองค์ประกอบสาคัญในความสาเร็จของระบบ สารสนเทศ บุคลากรมีความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์มากเท่าใด โอกาสที่จะใช้งานระบบสารสนเทศและระบบคอมพิวเตอร์ได้เต็ม ศักยภาพและคุ้มค่ายิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะระบบสารสนเทศใน ระดับบุคคลืึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถมากขึ้นทาให้ผู้ใช้มี โอกาสพัฒนาความสามารถของตนเองและพัฒนาระบบงานได้เองตาม ความต้องการ สาหรับระบบสารสนเทศในระดับกลุ่มและองค์กรที่มี ความืับื้อนจะต้องใช้บุคลากรในสาขาคอมพิวเตอร์โดยตรงมาพัฒนา และดูแลระบบงาน
- 8. 5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจนของผู้ใช้หรือของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ก็เป็นเรื่องสาคัญอีกประการหนึ่ง เมื่อได้พัฒนาระบบงานแล้วจาเป็นต้อง ปฏิบัติงานตามลาดับขั้นตอนในขณะที่ใช้งานก็จาเป็นต้องคานึงถึงลาดับ ขั้นตอนการปฏิบัติของคนและความสัมพันธ์กับเครื่อง ทั้งในกรณีปกติ และกรณีฉุกเฉิน เช่น ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล ขั้นตอนการประมวลผล ขั้นตอนปฏิบัติเมื่อเครื่องชารุดหรือข้อมูลสูญหาย และขั้นตอนการทา สาเนาข้อมูลสารองเพื่อความปลอดภัย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการ ืักื้อม มีการเตรียมการ และการทาเอกสารคู่มือการใช้งานที่ชัดเจน
- 9. ประโยชน์และตัวอย่างของการใช้ ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร ด้านการศึกษา 1. การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ทาให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลหรือไม่สะดวกในการเดินทาง สามารถได้รับการศึกษาเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในเมือง 2. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ภาษาต่างประเทศ ทาให้บทเรียนมีความน่าสนใจมากขึ้น และเกิด ความเข้าใจได้ง่ายขึ้น 3. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับผู้พิการทางสายตาหรือหู
- 10. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารถูกนามาใช้เริ่มต้งแต่การทาทะเบียนคนไข้ การ รักษาพยาบาลทั่วไป ตลอดจนการวินิจฉัยและรักษาโรคต่างๆ ได้อย่ารวดเร็วและ แม่นยา นอกจากนี้ยังใช้ในห้องทดลอง การศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ รักษา คนไข้ด้วยระบบการรักษาทางไกลตลอดเวลาผ่านเครือข่ายการสื่อสาร เครื่องเอ็กืเรย์ คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า อีเอ็มไอสแกนเนอร์ ถูกนามาใช้ถ่ายภาพสมองมนุษย์เพื่อ ตรวจหาความผิดปกติในสมอง เช่น ดูเนื้องอกพยาธิเลือดออกในสมอง และต่อมาได้ พัฒนาให้ถ่ายภาพหน้าตัดได้ทั่วร่างกาย เรียกชื่อว่า ืีเอที ใช้วิธีฉายแสงเป็นจังหวะไป รอบๆ ร่างกายของมนุษย์ ถ่ายเอ็กืเรย์และเครื่องรับแสงเอกืเรย์ที่อยู่ตรงข้ามจะ เปลี่ยนแสงเอ็กืเรย์ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้ าเก็บไว้ในจานแม่เหล็ก จากนั้นจะนา สัญญาณไฟฟ้ าเหล่านี้เข้าไปวิเคราะห์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และแสดงผลลัพธ์เป็น ภาพทางจอโทรทัศน์หรือพิมพ์ภาพออกมาทางเครื่องพิมพ์
- 11. ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารถูกนามาใช้ประโยชน์ในด้าน เกษตรกรรม เช่น การจัดทาระบบข้อมูลเพื่อการเกษตรและพยากรณ์ ผลผลิตด้านการเกษตร นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาความก้าวหน้าทางด้าน อุตสาหกรรม การประดิษฐ์หุ่นยนต์เพื่อใช้ทางานบ้าน และหุ่นยนต์เพื่อ งานอุตสาหกรรมที่ต้องเสี่ยงภัยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น โรงงาน สารเคมี โรงผลิตและควบคุมการจ่ายไฟฟ้ า รวมถึงงานที่ต้องทาื้าๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ และโรงงานแบตเตอรี่ ปัจจุบันเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการผลิตและ ควบคุมคุณภาพสินค้า การส่งสินค้าตามใบสางสินค้า การควบคุมวัสดุคง คลัง และการคิดราคาต้นทุนสินค้า
- 12. ด้านการเงินการธนาคาร ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารถูกนามาใช้ในด้านการเงินและธนาคาร โดยใช้ช่วยงานด้นบัญชี การฝากถอนเงิน โอนเงิน บริการสินเชื่อ แลกเปลี่ยน เงินตรา บริการข่าวสารการธนาคาร การใช้คอมพิวเตอร์ด้านการเงินการ ธนาคารที่รู้จักและนิยมใช้กันทั่วไป เช่น บริการฝากถอนเงิน การโอนเงินแบบ อิเล็กทรอนิกส์ ด้านความมั่นคง มีการใช้ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย เช่น ใช้ใน การควบคุมประสานงานวงจรสื่อสารทหาร การแปลรหัสลับในงานจารกรรม ระหว่างประเทศ การส่งดาวทียมและการคานวณวิถีการโคจรของจรวดไปสู่ อวกาศ สานักงานตารวจแห่งชาติของประเทศไทยมีศูนย์ประมวลข่าวสาร มี ระบบมีระบบจัดทาระเบียนปืน ทะเบียนประวัติอาชญากร ทาให้เกิดความ สะดวกและรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลเพื่อการสืบสวนคดีต่างๆ ตัวอย่าง ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารก้านความมั่นคง
- 13. ด้านการคมนาคม มีการใช้ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง เช่น การเดินทางโดยรถไฟ มีกรเชื่อมโยงข้อมูลการจองที่นั่งไปยังทุกสถานี ทาให้สะดวกต่อผู้โดยสารการเช็คอินของสายการบิน ได้จัดทาเครื่องมือที่ สะดวกต่อลูกค้า ในรูปแบบของการเช็คอินด้วยตนเอง ด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม มีการใช้ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารในการออกแบบ หรือจาลอง สภาวการณ์ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยการคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง ตัวอย่าง ือฟแวร์การเกิดแผ่นดินไหว
- 14. ด้านการพาณิชย์ องค์กรในภาคธุรกิจใช้ประโยชน์จากทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร ในการบริหารจัดการ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในการ ทางาน ทาให้การประสานงานหรือการทากิจกรรมต่างๆ ของแต่ละ หน่วยงานในองค์กร หรือระหว่างองค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนามาใช้ปรับปรุงการให้บริการกับลูกค้าืึ่ง เป็นการสร้างภาพพจน์ที่ดีขององค์กรต่อลูกค้าทั่วไป สิ่งเหล่านี้นับเป็น การสร้างโอกาสความได้เปรียบแช่งขันให้กับองค์กร ตัวอย่างของการนา ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารมาใช้ในด้านการพาณิชย์ เช่น การ ให้บริการชาระค่าสินค้าบริการ การสั่งืื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต และการ ตรวจสอบราคาสินค้าผ่านเครื่องอ่านราคาสินค้า
- 15. แนวโน้มการใช้งานทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร ด้านอุปกรณ์ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร เมื่อพิจารณาเครือข่ายการสื่อสารทั่วไปจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ใช้อุปกรณ์ การสื่อสารแบบพกพามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบสัมผัส ทาให้สะดวกต่อการใช้ งานมากขึ้น บางรุ่นมีอุปกรณ์สไตลัส คือใช้ปากกาป้ อนข้อมูลทางหน้าจอ บางรุ่นสามารถสั่ง การด้วยเสียงในอนาคตอันใกล้ มนุษย์จะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยใช้กันมากขึ้นนอกเหนือจากการ พูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านอินเทอร์เน็ต มนุษย์สามารถพูดคุยแบบเห็นหน้าผ่านทาง โทรศัพท์มือถือ ทาให้สามารถติดต่อกันได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง สามารถส่งข้อความ ภาพ และเสียง ได้โดยง่ายดาย สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังค้นหาข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติมาก ขึ้นด้วยเว็บรุ่นที่สาม แทนที่จะเป็นการใช้คาหลักเหมือนดังที่ใช้ในปัจจุบัน ดังนั้นอุปกรณ์ สาหรับทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารในอนาคตมีแนวโน้มเป็นดังนี้คือ มีขนาดเล็กลง พกพาได้ง่าย แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น เก็บข้อมูลได้มากขึ้น ประมวลผลได้เร็วขึ้น ใช้งาน ได้หลากหลายมากขึ้น โดยมีการผนวกอุปกรณ์หลายๆอย่างไว้ในเครื่องเดียวที่สาคัญอุปกรณ์ เหล่านี้ต้องใช้งานง่ายขึ้น รวมถึงสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ นอกจากนี้ ยังมีระบบรักษา ความปลอดภัยที่ดีขึ้น โดยอาศัยลายนิ้วมือหรือจอม่านตา แทนการพิมพ์รหัสแบบในปัจจุบัน
- 16. ด้านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในอดีตมักเป็นระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อ ตรงเพียงชุดเดียวปัจจุบันมีการใช้แลนไร้สายในสถาบันการศึกษา และองค์กรหลาย แห่ง การให้บริการแลนไร้สายตามห้างสรรพสินค้า ร้านขายเครื่องดื่ม หรือห้องรับรอง ของโรงแรมใหญ่ ภายใต้ความร่วมมือของผู้ให้บริการ ทาให้นักธุรกิจสามารถดาเนิน ธุรกรรมผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายได้ หรือบางรายอาจืื้อบริการอินเทอร์เน็ต แบบไร้สายผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้เทคโนโลยีติดตาม ตาแหน่งรถด้วยจีพีเอส กับรถแท็กืี่เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้โดยสารและผู้ขับรถ ด้านเทคโนโลยี ระบบทางานอัตโนมัติที่สามารถตัดสินใจได้เองจะเข้ามาแทนที่มากขึ้นเช่น ระบบ แนะนาเส้นทางจราจร ระบบจอดรถ ระบบตรวจหาตาแหน่งของวัตถุ ระบบควบคุม ความปลอดภัยภายในอาคาร ระบบทางานอัตโนมัติเช่นนี้ อาจกลายเป็นระบบหลักใน การดาเนินการของหน่วยงานต่างๆ โดยเข้ามาแทนที่การทางานของมนุษย์มีการ เชื่อมต่อเครือข่ายอย่างกว้างขวางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบัน ตัวอย่างระบบจอดรถอัตโนมัติ
- 17. ความเปลี่ยนแปลงจากการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร 1) ด้านสังคม สภาพเหมือนจริง การใช้อินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงการทางานต่างๆ จนเกิดเป็นสังคมที่ติดต่อผ่าน ทางอินเทอร์เน็ต หรือที่รู้จักกันว่า ไวเบอร์สเปื ืึ่งมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การพูดคุย การืื้อ สินค้า และการบริการ การทางานผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทาให้เกิดสภาพที่เหมือนจริง เช่น เกมเสมือนจริง ห้องสมุดเสมือนจริง พิพิธภัณฑ์เสมือนจริง ห้องประชุมเสมือนจริง และที่ ทางานเสมือนจริง ืึ่งทาไห้ลดเวลาในการเดินทางและสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา 2) ด้านเศรษฐกิจ ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสารส่งผลให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์ เพราะสามารถชมข่าว ชมรายการโทรทัศน์ที่จะส่งกระจายผ่านดาวเทียมของประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก สามารถรับรู้ ข่าวสารได้ทันที ใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ระบบเศรษฐกิจืึ่งแต่เดิมมี ขอบเขตจากัดภายในประเทศ ก็กระจายเป็นเศรษฐกิจโลก เกิดกระแสการหมุนเวียน แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ระบบเศรษฐกิจของทุกประเทศใน โลกจึงเชื่อมโยงและผูกพันกันมากขึ้น
- 18. 3) ด้านสิ่งแวดล้อม ทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร มีประโยชน์ในด้านธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เช่น ระบบป้ องกันการกัดเืาะชายฝั่ง โดยใช้ภาพถ่าย ดาวเทียม หรือภาพถ่ายทางอากาศร่วมกับการจดเก็บรักษาข้อมูล ระดับน้าทะเล ความสูงของคลื่นจากระบบเรดาร์ เป็นการศึกษาเพื่อหา สาเหตุ และนาข้อมูลมาวางแผนและสร้างระบบเพื่อป้ องกันการกัดเืาะ ชายฝั่งแต่ละแห่งได้อย่างเหมาะสม
- 19. ตัวอย่างอาชีพด้านทคโนโลยีสารสȨทศและการสื่อสาร นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ ทาหน้าที่ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับการืื้อ ขายสินค้าโปรแกรมที่ใช้กับงานด้านบัญชี หรือโปรแกรมที่ใช้กับระบบงานขนาดใหญ่ขององค์กร นักวิเคราะห์ระบบ ทาหน้าที่ในการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาระบบสารสนเทศ นักวิเคราะห์และพัฒนาระบบ สารสนเทศ นักวิเคราะห์ระบบจะทาการวิเคราะห์ระบบงานและออกแบบระบบสารสนเทศให้ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ืึ่งอาจรวมถึงงานด้านการออกแบบฐานข้อมูลด้วย ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล ทาหน้าที่บริหารและจัดการฐานข้อมูลรวมถึงการออกแบบ บารุงรักษาข้อมูล และการดูแลระบบความปลอดภัยของฐานข้อมูล เช่น การกาหนดบัญชีผู้ใช้ การกาหนดสิทธิ์ผู้ใช้
- 20. ผู้ดูแลและบริหารระบบ ทาหน้าที่บริหารและจัดการระบบคอมพิวเตอร์ในองค์กร โดยดูแลการติดตั้งและบารุงรักษาระบบปฏิบัติการ การติดตั้งฮาร์ดแวร์ การติดตั้ง และการปรับปรุงือฟต์แวร์ สร้าง ออกแบบและบารุงรักษาบัญชีผู้ใช้ สาหรับ องค์กรขนาดเล็กเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาจต้องดูแลและบริหารระบบเครือข่าย ด้วย ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย ทาหน้าที่บริหารและจัดการออกแบบระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ และดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายขององค์กร เช่น ตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายของพนักงานและติดตั้งโปรแกรมป้ องกันผู้บุก รุกเครือข่าย
- 21. ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไืต์ ทาหน้าที่ออกแบบพัฒนา ปรับปรุงและบารุงรักษาเว็บไืต์ให้มีความ ทันสมัย โดยเฉพะอย่างยิ่งต้องมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่ เสมอ เจ้าหน้าที่เทคนิค ทาหน้าที่ื่อมบารุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งโปรแกรม หรือติดตั้ง ฮาร์ดแวร์ต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้งานอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ในองค์กร นักเขียนเกม ทาหน้าที่เขียนหรือพัฒนาโปรแกรมเกมคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบันนี้การเขียน เกมคอมพิวเตอร์ เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย