�ݺ�ߣ

Logo
ไวรัสคอมพิวเตอร์และการป้องกัน

ไวรัสคอมพิวเตอร์และการป้องกัน
 การเชื่อมโยงถึงกันได้ของคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทาให้ข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์
ของทุกองค์กรที่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายเข้ากับอินเตอร์เน็ตมีระดับความปลอดภัย
ลดน้อยลง เนื่องจาก มีโปรแกรมประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “ไวรัส (Computer
Virus)” ถูกสร้างมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อทาลายการทางานส่วนใดส่วนหนึ่ง
ของระบบคอมพิวเตอร์ โดยช่องทางหนึ่งที่ไวรัสคอมพิวเตอร์ใช้เดินทางเพื่อ
แพร่กระจายไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ คือ “ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
นั่นเอง” ดังนั้น การทาความรู้จักกับไวรัสคอมพิวเตอร์และวิธีป้องกันจึงเป็นสิ่ง
สาคัญ
www.themegallery.com Company Logo

ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์
 ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Virus Computer) เป็นโปรแกรมชนิดหนึ่งที่ถูกเขียน
ขึ้นมาเพื่อก่อความเสียหายแก่เครื่องคอมพิวเตอร์และข้อมูลภายในเครื่อง โดย
สามารถทาสาเนาตัวเอง และฝังหรือซ่อนตัวอยู่ในหน่วยความจาของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ร่วมกับโปรแกรมอื่น เมื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์เรียกใช้โปรแกรมที่มีไวรัสฝัง
ตัวอยู่ ไวรัสจะทางานทันทีตามแต่จุดประสงค์ของผู้สร้าง เช่น เมื่อเรียกใช้
โปรแกรมที่มีไวรัสฝังตัวอยู่ จะทาให้ไฟล์นั้นถูกลบทิ้ง หรือทาให้ไฟล์ระบบถูก
ทาลาย แพร่กระจายไวรัสไปตามระบบเครือข่าย ทาให้คอมพิวเตอร์หยุดทางาน
เป็นต้น

ความหมายของไวรัสคอมพิวเตอร์
 ไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวแรก มีชื่อว่า “Elk
Cloner” ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1982
โดย Richard Skrenta ซึ่งมีอายุเพียง
15 ปีเท่านั้น ไวรัสดังกล่าวทางาน
ระบบปฏิบัติการ DOS 3.3 ของเครื่อง
Apple II โดยมีช่องทางการแพร่กระจายคือ
“แผ่นดิสก์” ทุกครั้งที่มีการบู้ตเครื่องด้วย
แผ่นดิสก์ที่ติดไวรัส Elk Cloner จะทาให้
เครื่องที่ใช้ติดไวรัสไปด้วย ซึ่งจุดประสงค์เบื้องต้น
ของไวรัสชนิดนี้เพียงต้องการสร้างความราคาญ
โดยจะแสดงข้อความสั้นๆ ที่หน้าจอเท่านั้น

จุดประสงค์ของไวรัสคอมพิวเตอร์
 จุดประสงค์ของไวรัสนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ผู้เขียนไวรัสต้องการ เช่น การฝังตัว
เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในฮาร์ดดิสก์ให้ลบไฟล์ที่มีนามสกุล .EXE ทิ้ง ย้ายไฟล์จากที่หนึ่ง
ยังอีกที่หนึ่ง ให้ปรากฏข้อความบางข้อความ หรือทาลายไฟล์ที่สาคัญทันทีเมื่อถึง
วันที่กาหนดไว้ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การก่อความเสียหายให้กับเครื่อง
คอมพิวเตอร์ และส่วนน้อยเพื่อการค้าและโฆษณา รวมทั้งก่อความราคาญให้แก่
ผู้ใช้ทั่วไป แต่หากไวรัสสามารถแพร่กระจายไปในระบบเครือข่ายข้อมูลขององค์กร
ใดๆ แล้ว ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรนั้นอย่างแน่นอน

ช่องทางการกระจายไวรัส
 การใช้งานแผ่นดิสก์และคอมพิวเตอร์ร่วมกัน
 การทางานบนระบบเครือข่าย
 การคัดลอกข้อมูล โปรแกรม หรือเกมส์
 การดาวน์โหลดไฟล์ การรับไฟล์ที่แนบมากับอีเมล์

ประเภทของไวรัส
 Boot Sector Virus หรือ System Virus
 ไวรัสประเภทนี้จะฝังตัวเองลงไปในบูทเซ็กเตอร์ (Boot Secter) ซึ่งเป็นเนื้อ
ที่ที่จัดเก็บคาสั่งเริ่มต้นการทานของคอมพิวเตอร์ โดยแทนที่คาสั่งดังกล่าว เมื่อเปิด
เครื่องคอมพิวเตอร์ไวรัสจะโหลดตัวเองเข้าไปอยู่ในหน่วยความจาก่อนที่จะโหลด
ระบบปฏิบัติการ จากนั้นก็จะสาเนาตัวเองไปฝังอยู่กับไฟล์อื่นๆ ด้วย ตัวอย่างไวรัส
ประเภทนี้เช่น AntiCMOS, AntiEXE,NYB, Ripper,
Stoned.Empire.Monkey เป็นต้น

 Master Boot Record Virus
 เป็นไวรัสที่ฝังตัวเองลงใน Master Boot Record หรือ “Partition
Table” ของฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดย Partition Table นี้มี
คาสั่งกาหนดการแบ่งเนื้อที่ของดิสก์ให้เป็นส่วนย่อยๆ ซึ่งไวรัสนี้จะทาให้ข้อมูลที่
เก็บไว้ใน Partition Table เสียหาย และผู้ใช้ไม่สามารถบู้ตเครื่องหรืออ่าน
ข้อมูลจากส่วนต่างๆของฮาร์ดดิสก์ได้ ตัวอย่างไวรัสประเภทนี้เช่น Monkey,
Urkel และ Stoned เป็นต้น

 File Virus หรือ Program Virus
 ไวรัสประเภทนี้จะแนบตัวเองไปกับไฟล์ที่มีนามสกุล .COM หรือ .EXE ของ
โปรแกรมต่างๆ เมื่อเรียกใช้โปรแกรมนั้น ไวรัสก็จะเริ่มทางานด้วยการโหลดตัวเอง
ไปอยู่ในหน่วยคาวามจา แล้วปล่อยให้โปรแกรมนั้นทางานต่อไป (ผู้ใช้จึงไม่ทราบ
ว่าโปรแกรมนั้นติดไวรัสอยู่แล้ว) เมื่อเข้าสู่หน่วยความจาแล้วจะทางานโดยสาเนา
ตัวเองแนบไปกับไฟล์ที่มีนามสกุล .COM หรือ .EXE ของโปรแกรมอื่นๆ
ต่อไป ตัวอย่างไวรัสชนิดนี้เช่น PE_ELKERN.D,
PE_FUNLOVE.4099,101,1800,2136,25_BYTE

 Macro Virus
 เป็นไวรัสที่มาพร้อมกับไฟล์เอกสารที่พิมพ์จาก Microsoft Office เช่น
Word หรือ Excel เมื่อเปิดใช้เอกสารที่มีไวรัสมาโครอยู่ ไวรัสจะไปทาลาย
ไฟล์เท็มเพลตที่ชื่อ Normal.dot เมื่อผู้ใช้บันทึกไฟล์นี้ลงในเครื่อง ไฟล์
เอกสารอื่นก็จะมีไวรัสมาโครฝังตัวไปด้วย และยังโหลดเข้าสู่หน่วยความจาและ
จองพื้นที่จนเต็มทาให้คอมพิวเตอร์ทางานช้าลง และก่อความเสียหายแก่ข้อมูลใน
เครื่อง ตัวอย่างไวรัสประเภทนี้เช่น ไวรัส W97M/Aurity ซึ่งมากับเอกสาร
Word 97

 Trojan Horse
 ชื่อของไวรัสชนิดนี้มาจากนิทานกรีกโบราณที่รู้จักกันดีคือ “ม้าไม้เมืองทรอย” ซึ่ง
ไวรัส
 “ม้าโทรจัน” นี้จะมีโครงสร้างโปรแกรมไม่เหมือนไวรัสทั่วไปกล่าวคือ จะไม่มีการ
สาเนาตัวเอง แต่จะเป็นโครงสร้างที่สามารถหลบเลี่ยงการ Scan ได้ โทรจันเป็น
ไวรัสที่สามารถหลอกผู้ใช้ให้คิดว่าเป็นโปรแกรมทั่วไป เมื่อผู้ใช้เรียกใช้งาน
โปรแกรมนั้น ไวรัสม้าโทรจันก็เริ่มทางานทันที โดยจะดักจับรหัสผ่าน
(Password) ต่างๆ แล้วส่งกลับไปให้ผู้สร้าง เพื่อให้ผู้สร้างคนนั้นสมารถ
ระบบป้องกันเข้ามาได้ จึงถือได้ว่าเป็นไวรัสที่มีความร้ายกาจมากไวรัสชนิดนี้จะไม่
ทาสาเนาตัวเอง แต่จะใช้อีเมล์เป็นสื่อเพื่อเผยแพร่ไวรัสออกไป

 Polymorphic Virus
 ไวรัสชนิดนี้มีการทางานหลายลักษณะรวมอยู่ในตัวเอง เมื่อถูกเรียกใช้จะทาการ
สาเนาตัวเองพร้อมเปลี่ยนรูปแบบเดิมของตัวเองไปเป็นรูปแบบอื่นได้มากมาย จึง
ทาให้ยากต่อการตรวจจับ ตัวอย่างไวรัสประเภทนี้เช่น Elkern,
และ Tequila เป็นต้น

 Stealth Virus
 หรืออาจเรียกว่า “ไวรัสซ่อนแอบ” ไวรัสประเภทนี้ยากแก่การตรวจสอบหรือกาจัด
เพราะเป็นไวรัสที่มีความสมารถในการหลบซ่อนตัวจากการตรวจสอบได้ โดย
เปลี่ยนตัวเองเป็นชื่อไฟล์อื่นๆ ที่ผ่านการตรวจสอบไปแล้ว อีกทั้งเมื่อติดอยู่กับ
โปรแกรมใดแล้วจะทาให้โปรแกรมนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

 Logic Bomb
 หรือเรียกว่า “Time Bomb” เป็นไวรัสที่จะทางานเมื่อถึงวันที่ระบุไว้ เช่น
ไวรัส Michelangelo จะทางานในวันที่ 6 มีนาคมของทุกปี เป็นต้น ไวรัส
ชนิดนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของ Malicious-logic Program หรือ
Malware ซึ่งทางานได้โดยที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่สังเกตเห็น โดยไวรัสชนิดนี้
แตกต่างจากไวรัสชนิดอื่นตรงที่ไม่ทาสาเนาตัวเองไปฝังในไฟล์หรือหน่วยความจา
ที่อื่น แต่จะทางานเมื่อถึงเวลาเท่านั้น

 Script Virus
 คือ ไวรัสที่เขียนมรจากภาษาสาหรับเขียนโปรแกรม เป็นภาษาสคริปต์ เช่น
VBScript, JavaScript โดยทางานเมื่อผู้ใช้เรียกไฟล์นามสกุล .js,
.vbs ขึ้นมาใช้ และ Active X ซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือบน
Windows รวมทั้งภาษา HTML ที่ใช้เขียนเว็บไซต์โดยแทรกอยู่ในโค้ด
หน้าเว็บนั้น เมื่อเปิดเว็บขึ้นมาดูจะทาให้ไวรัสทางานทันที ตัวอย่างไวรัสชนิดนี้เช่น
BAT_ULTRA.782, HTML_GENERATOR,
JAVA_SUB7, JS_FAV, JS_GERMINAL.A

 Retro Virus
 เป็นไวรัสที่ทาลายโปรแกรม Anti-Virus โดยเฉพาะ จะทางานโดยการลบ
ไฟล์หรือโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจจับไวรัส หรือหยุดการทางานของ Anti-
Virus ทั้งหมด ตัวอย่างไวรัสชนิดนี้เช่น Zarma, Cpw

 BotNet
 BotNet หรือ “Robot Network” เป็นไวรัสขนาดเล็กที่ติดตั้งบน
เครื่องคอมพิวเตอร์ผู้อื่น เพื่อให้ทางานตามคาสั่งที่ผู้สร้างกาหนดไว้ล่วงหน้าได้โดย
อัตโนมัติ โดยซ่อนตัวเข้าไปผ่านทางโปรแกรมที่ติดตั้งในเครื่องต่างกับโปรแกรมโทร
จันตรงที่โทรจันขโมยข้อมูลกลับไปให้ผู้สร้างอย่างเดียว แต่บอตเน็ตใช้เพื่อโจมตี
เพื่อยึดคอมพิวเตอร์นั้น เรียกว่า “Zombie Machine” มาใช้งานผ่าน
ทางโปรแกรม IRC เพื่อนาเครื่องนั้นมาเป็นเครื่องมือในการดักจับข้อมูลต่างๆ
หรือใช้โจมตีเครื่องอื่นๆที่อยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อขยายตัวต่อไป

 Worm
 เป็นไวรัสประเภทหนึ่งที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถทาสาเนา
ตัวเอง แล้วใช้ระบบเครือข่ายเป็นสื่อในการแพร่กระจายได้ (โดยเฉพาะอีเมล์)
ออกไปทาลายคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ซึ่งความเสียหายจากหนอนอินเตอร์เน็ตนี้
สูงกว่าไวรัสปกติมากนัก เช่น Code Red เป็น Worm สายพันธุ์หนึ่ง จะ
ทาลายข้อมูลของคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายโดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์
เหตุการณ์ในปี ค.ศ. 2001 Code Red ได้เข้าโจมตีและสร้างความ
เสียหายให้แก่ระบบเครือข่ายนับพันระบบ

 Virus Hoax
 ไวรัสหลอกลวง (Hoax) ไม่ใช่ไวรัสจริง แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของการก่อกวนผู้ใช้
คอมพิวเตอร์ การหลอกลวงนี้จะมาในรูปของการสร้างข่าว การส่งข้อความต่อๆ
กันผ่านทางอีเมล์ โปรแกรมรับส่งข้อความหรือห้องสนทนาต่างๆ เช่น การหลอกว่า
ไฟล์บางไฟล์ในเครื่องเป็นไวรัส เมื่อผู้ใช้หลงเชื่อ และลบไฟล์นั้นออกไปจะทาให้
เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นจานวนมาก

อาการของเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อติดไวรัส
 เครื่องทางานช้าลงผิดปกติ
 พื้นที่ในหน่วยความจามีขนาดเล็กลงผิดปกติ
 ไฟล์ข้อมูลมีขนาดใหญ่ผิดปกติ
 ฮาร์ดดิสก์มีพื้นที่ลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 ใช้เวลาในการเรียกใช้บางโปรแกรมนานเกินไป
 วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
 เครื่องคอมพิวเตอร์หยุดการทางาน (Hang) โดยไม่ทราบสาเหตุ
 บูทเครื่องจากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้
 เปิดไฟล์ข้อมูลไม่ได้
 เปิดไฟล์ได้แต่เป็นภาษาแปลกๆ
 ไม่สมารถเรียกใช้โปรแกรมได้
 เกิดอาการแปลกๆ ตามคาสั่งของไวรัส เช่น ปรากฏข้อความแปลกๆ บนจอภาพ เป็นต้น
 เครื่องคอมพิวเตอร์ Restart เอง โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้สั่ง

การป้องกันไวรัส
 ทุกครั้งที่นาซอฟต์แวร์ที่ไม่ทราบแหล่งที่ผลิตหรือได้รับแจกฟรีมาใช้ ต้องตรวจสอบ
ว่าปลอดไวรัสอย่างแน่นอนก่อนนาไปใช้เสมอ
 ควรตรวจสอบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างสม่าเสมออย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
 เตรียมแผ่นที่ไม่ได้ติดไวรัสไว้สาหรับบู๊ตเครื่องเมื่อถึงคราวจาเป็น
 ควรสารองข้อมูลไว้เสมอ
 พยายามสังเกตสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเครื่องอย่างสม่าเสมอ เช่น การทางานที่ช้า
ลง ขนาดของไฟล์ใหญ่ขึ้น ไดร์ฟมีเสียงผิดปกติ หรือหน้าจอแสดงผลแปลกๆ
 ไม่นาแผ่นดิสก์ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่น ถ้ายังไม่ได้ปิดแถบป้องกันการ
บันทึก (Write Protect)

การป้องกันไวรัส
 ควรแยกแผ่นโปรแกรม และแผ่นข้อมูลออกจากกันโดยเด็ดขาด
 ไม่อนุญาตให้คนอื่นมาเล่นเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยปราศจากการควบคุมอย่าง
ใกล้ชิด
 ควรติดตั้งโปรแกรม Anti Virus ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย
 ควรใช้ฮาร์ดแวร์ป้องกันไวรัสในกรณีเก็บข้อมูลสาคัญไว้
 ไม่คลิกที่ link ที่ไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคย ที่ส่งมากับอีเมล์
 อัพเดทโปรแกรม Anti Virus ทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือน
 ติดตั้งโปรแกรม Filewall เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย

การตรวจสอบและกาจัดไวรัส
 การใช้ซอฟต์แวร์ Anti-virus
 การใช้ Anti Virus Card

Spyware
 ถึงแม้ว่า Spyware จะไม่ใช่โปรแกรมไวรัส แต่ก็เป็นโปรแกรมที่มีพฤติกรรม
คล้ายกับไวรัส ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือสร้างความราคาญให้กับผู้ใช้

อาการที่บ่งบอกว่าเครื่องมี Spyware
 มีป้ายโฆษณาปรากฏบนจอภาพโดยที่ผู้ใช้ไม่ได้เข้าไปใช้งานเว็บไซต์ใดเลย
 ค่าต่างๆที่ตั้งไว้ในโปรแกรม Web Browser ถูกเปลี่ยนไป โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้
เปลี่ยนเอง
 Home Page เดิมที่กาหนดไว้ถูกเปลี่ยนแปลง
 มี Toolbar ใหม่เพิ่มขึ้นมาที่โปรแกรม Web Browser โดยที่ผู้ใช้ไม่
ต้องการและไม่สามารถลบออกได้
 เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานช้ากว่าปกติ
 เครื่องคอมพิวเตอร์หยุดการทางาน (Hang) ทันที

ช่องทางการเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร ์ของ
Spyware
 การเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคย และเว็บไซต์มี Spyware
แฝงมากับป้ายโฆษณา
 การดาวน์โหลดโปรแกรมจากเว็บไซต์
 การเปิดอีเมล์ที่มาจากแหล่งที่ไม่รู้จัก
 การคลิกที่ Pop-up Windows โฆษณาต่างๆ
 การคลิกที่ Banner โฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ

การป้ องกัน ตรวจสอบ และกาจัด Spyware
 เพิ่มความระมัดระวังในการคลิก Link, Banner, Pop-up
Windows ที่ปรากฏบนหน้าจอทุกครั้งที่ใช้งานอินเตอร์เน็ต
 ก่อนดาวน์โหลดไฟล์ควรตรวจสอบว่าไฟล์นั้นมาจากแหล่งใด
 ไม่เปิดอ่านอีเมล์ที่มาจากผู้ส่งที่เราไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคย

�ݺ�ߣ

ไวรัสคอมพิวเตอร์และการป้องกัน

Recommended

More Related Content

Similar to ไวรัสคอมพิวเตอร์และการป้องกัน (20)

More from ssuseraa96d2 (20)

ไวรัสคอมพิวเตอร์และการป้องกัน