ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
“...หญ้ าแฝกมีคุณลักษณะที่เหมาะสมในการจัดระบบอนุรักษ์ ดน   ิ
             โดยการปลูกเป็ นแนวรั้วกั้นตามระดับชั้น
และได้ มีการศึกษาทดลองใช้ อย่ างได้ ผลดี ในประเทศแถบเอเชียหลาย
                       ประเทศแล้ ว...”
•           หญ้ าแฝก มีรากยาว หยังลึก ทีแผ่ กระจายลงดินในแนวดิง จึงช่ วยอุ้มนาและยึดเหนี่ยวดินได้
                                      ่   ่                    ่               ้
    มันคง และเมือนามาปลูกเป็ นแถวชิดติดกันอย่ างแน่ นหนา จะช่ วยดักตะกอนดิน รักษาหน้ าดินได้
      ่               ่
    ดี คุณลักษณะสองประการนีทาให้ หญ้ าแฝกไม่ เพียงช่ วยอนุรักษ์ ดนเท่ านั้น แต่ ยงช่ วยฟื้ นฟู
                                    ้                               ิ             ั
    โครงสร้ างดินทีสูญเสี ยธาตุอาหารให้ กลับคืนสู่ ความสมบูรณ์ เป็ นการเพิมคุณภาพดินและอนุรักษ์
                          ่                                                ่
    นา ซึ่งเป็ นองค์ ประกอบสาคัญในการเพาะปลูกเพิมผลผลิตจากการเกษตรของประเทศ หญ้ าแฝก
        ้                                            ่
    จึงเป็ น “หญ้ ามหัศจรรย์ ” ดังทีพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว ทรงรับสั่ งเปรียบเปรย
                                        ่
             ทรัพยากรธรรมชาติน้ันมีความสาคัญกับทุกชีวต ถ้ าดินเสี ยหาย ชีวตก็อยู่ไม่ ได้ การปลูก
                                                        ิ                    ิ
    หญ้ าแฝกตามแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว จึงเป็ นการฟื้ นฟูอนุรักษ์ ดน       ิ
    และนาอย่ างมีประสิ ทธิภาพ การร่ วมแรงร่ วมใจของพวกเรา ไม่ เพียงแต่ ช่วยกันรักษาแผ่ นดิน
             ้
    ไว้ เท่ านั้น แต่ ยงเป็ นการดาเนินตามรอยพระยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็ นทีเ่ คารพยิง
                        ั                                                                        ่
    ของปวงชนชาวไทย
• หญ้ าแฝกมีชื่อสามัญเป็ นภาษาอังกฤษว่ า “Vetiver Grass” มีด้วยกัน ๒ สายพันธุ์ คือ
  หญ้ าแฝกดอน(Vetiver nemoralis A. Camus) และหญ้ าแฝกหอม (Vetiveria ziznioides
  Nash) เป็ นพืชทีมอายุได้ หลายปี ขึนเป็ นกอแน่ น มีใบรู ปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว
                  ่ ี               ้
  ๓๕-๘๐ ซม. มีส่วนกว้ างประมาณ ๕-๙ มม.สามารถขยายพันธุ์ได้ ท้งแบบไม่ อาศัยเพศ โดยการ
                                                                 ั
  แตกหน่ อจากส่ วนลาต้ นใต้ ดนหรือแบบอาศัยเพศโดยการให้ ดอกและเมล็ดได้ เช่ นกัน ช่ อดอกที่
                              ิ
  พบในประเทศไทยสู งประมาณ ๒๐-๓๐ซม. แต่ การขยายพันธุ์โดยดอกและเมล็ดเป็ นไปค่ อนข้ าง
  ยาก หญ้ าแฝกจึงไม้ ใช้ วชพืชเช่ นหญ้ าคา
                          ั
•   ปกติหญ้ าแฝกจะมีการขยายพันธุ์ที่ได้ ผลรวดเร็วโดยการแตกหน่ อจากลาต้ นใต้ ดน นอกจากนี้
                                                                              ิ
  จากการศึกษาพบว่ า หญ้ าแฝกในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่ วนของก้ านช่ อ
  ดอกได้ เมือแขนงดังกล่ าวมีการเจริญเติบโตจะเพิมนาหนักมากขึน ทาให้ หญ้ าแฝกโน้ มลงดินและ
            ่                                    ่ ้           ้
  สามารถเจริญเติบโตเป็ นกอหญ้ าแฝกใหม่ ได้
• ๑. การปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวตามระดับขวางความลาดชัน
  การปลูกแบบนีจะเห็นผลดียง เมือหญ้ าแฝกมีความเจริญและแตกกอขึนเต็มตลอดแนวจนไม่ มี
                    ้              ิ่ ่                                   ้
  ช่ องว่ าง ซึ่งถือว่ ามีประโยชน์ สูงสุ ด เพราะเมือมีนาไหลบ่ าหรือมีการพัดพาดินไปกระทบแถวกอ
                                                    ่ ้
  หญ้ าแฝก ซึ่งจะทาหน้ าทีชะลอ ความเร็วของนาลงและดักเก็บตะกอนดินไว้ ส่ วนนาจะไหลบ่ าซึม
                               ่                       ้                              ้
  ลงไปสู่ ดนชั้นล่ างได้ มากขึนอันจะเป็ นการเพิมความชุ่ มชื้นให้ แก่ ดนเบืองล่ างและนาทีผวดินก็
              ิ                  ้                   ่                 ิ ้           ้ ่ ิ
  ไหลผ่ านแนวต้ นหญ้ าแฝกไปได้ ส่ วนรากหญ้ าแฝกนั้นก็หยังลึกลงไปในดินอาจลึกถึง ๓ เมตร ซึ่ง
                                                                ่
  สามารถยึดดิน ป้ องกันการชะล้ างได้ เป็ นอย่ างดีไม่ ว่าจะเป็ นการชะล้ างแบบเป็ นหน้ ากระดาน
  หรือเป็ นร่ องลึก และแบบอุโมงค์ เล็กใต้ ดน เมือแถวหญ้ าแฝกทาหน้ าทีดกตะกอนดินเป็ นระยะ
                                               ิ ่                       ่ ั
  เวลานานขึน ก็จะเกิดการสะสมทับถมกันเป็ นระยะเวลานานขึน ก็จะเกิดการสะสมทับถมกันของ
                ้                                                  ้
  ตะกอนดินบริเวณหน้ าแถวหญ้ าแฝกเพิมขึนทุกๆ ปี กลายเป็ นคันดินธรรมชาติไปในทีสุด ดัง
                                              ่ ้                                       ่
  พระราชดาริที่ได้ พระราชทานไว้ ดงนี้     ั
• “...การปลูกหญ้ าแฝก ควรปลูกเป็ นแถวเดียว ระยะระหว่ างต้ นห่ างกัน ๑๐-๑๕ ซม.ทาให้ ไม่
                                                  ่
  เปลืองพืนทีการดูแลรักษาง่ าย ควรทาการทดลองปลูกในร่ องนา และบนพืนทีลาดชันให้ มากเพือ
             ้ ่                                                     ้       ้ ่                ่
  ช่ วยป้ องกันการชะล้ างพังทลายของดิน...”
• ๒. การปลูกหญ้ าแฝกเพือแก้ ปัญหาการพังทลายของดินทีเ่ ป็ นร่ องนาลึก
                       ่                                        ้
   เทคนิคการปลูกหญ้ าแฝกเพือแก้ ปัญหาบริเวณร่ องนาลึกโดยการปลูกหญ้ าแฝกในแนวขวาง ๑
                              ่                     ้
   แถว เหนือบริเวณร่ องลึก และใช้ ถุงทรายหรือดินเรียงเป็ นแนวเพือช่ วยชะลอความเร็วของนาที่
                                                                ่                     ้
   ไหลบ่ าในระยะทีแฝกเริ่มตั้งตัว
                  ่
• ๓. การปลูกในพืนทีทมความลาดชัน
                ้ ่ ี่ ี
   โดยเฉพาะทางแถบภาคเหนือและภาคใต้ มาตรการทีเ่ หมาะสม คือการปลูกหญ้ าแฝกให้ เป็ นแนว
   รั้วบริเวณคันคูขอบเขา หรือริมขั้นบันไดดินด้ านนอกโดยควรปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวตามแนว
   ขวางความลาดเทในต้ นฤดูฝน โดยการไถพรวนดินนาร่ องแล้ วปลูกหญ้ าแฝกลงในร่ องไถ ระยะ
   ปลูกระหว่ างต้ นต่ อหลุม ๓-๕ เหง้ า
   ต่ อหลุม ระยะห่ างระหว่ างแถวแฝกจะไม่ เกิน ๒ เมตรตามแนวตั้ง หญ้ าแฝกจะเจริญเติบโตแตก
   กอชิดกันภายใน ๕-๖ เดือนในพืนทีแห้ งแล้ งควรตัดหญ้ าแฝกให้ สูงประมาณ ๓๐-๕๐ ซม.เพือเร่ ง
                                  ้ ่                                                ่
   ให้ มการแตกกอ ควรตัด ๑-๒ เดือน
        ี
   ต่ อครั้ง การตัดหญ้ าแฝกต้ องกระทาในทุกพืนทีและใช้ ใบคลุมดินด้ วย
                                            ้ ่
• ๔. การปลูกหญ้ าแฝกเพือการอนุรักษ์ ความชุ่ มชื้นในดิน
                       ่
   เป็ นการปลูกไม้ ผลร่ วมกับแถวหญ้ าแฝกในระยะแรกเริ่ม หรือปลูกแฝกสลับกับต้ นไม้ ทต้องการใช้
                                                                                  ี่
   ประโยชน์ เช่ น ในมาเลเซียมีการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวในระหว่ างแถวปลูกยางพาร้ า เมือต้ นหญ้ า
                                                                                     ่
   แฝกเจริญเติบโตประมาณ ๑ ปี ก็สามารถตัดใบใช้ ประโยชน์ ในการเป็ นวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้ น
   ยางพาราเพือรักษาความชุ่ มชื้น โดยทีเ่ ศษใบแฝกจะไม่ เป็ นพาหะของโรคและแมลง
              ่
• ๕. การปลูกหญ้ าแฝกเพือป้ องกันการเสี ยหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูรับนารอบ
                       ่                                               ้
  เขา
   ในพืนทีลาดชันมักนิยมปลูกบนขั้นบันไดหรือมีการก่ อสร้ างคันคูดนรอบเขา ซึ่งเป็ นการลงทุนสู ง
       ้ ่                                                     ิ
   การป้ องกันการเสี ยหายก็โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแนวในบริเวณขอบขั้นบันได หรือคันคูดน ิ
• ๖. การปลูกเพือควบคุมร่ องน้า
               ่
   โดยการนาหญ้ าแฝกไปปลูกในร่ องนาด้ วยการขุดหลุมปลูกขวางร่ องนาเป็ นแนวตรงหรือแนวหัวลูกศรย้ อน
                                   ้                                 ้
   ทางกับทิศทางไหล ในลักษณะตัว V ควาซึ่งทรงเรียกว่ า “บั้งจ่ า” เพือควบคุมการเกิดร่ องนาแบบลึกหรือ
                                      ่                            ่                   ้
   การปลูกในร่ องนาล้ น โดยปลูกตามแนวระดับเพือกักนาและช่ วยกระจายนาไปใช้ ในพืนที่เพาะปลูกผลของ
                  ้                          ่    ้                    ้        ้
   การปลูกหญ้ าแฝกแบบนีจะช่ วยดักตะกอนและสามารถชะลอความเร็วของนาให้ ลดลงด้ วย
                          ้                                              ้
• ๗. การปลูกหญ้ าแฝกในการป้ องกันตะกอนดินทับถมลงสู่ คลองส่ งน้า ระบายน้า และอ่ าง
  เก็บน้า ในไร่ นาตลอดจนปลูกรอบสระเพือกรองตะกอนดิน
                                     ่
   โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวบริเวณสองข้ างทางคลองส่ งนา จะช่ วยกันตะกอนดินที่ไหลลงมาซึ่งในส่ วน
                                                         ้
   ของการปลูกขอบสระเพือกรองตะกอนดินนั้น ใช้ วธีการปลูกตามแนวระดับนาสู งสุ ดท่ วมถึง ๑ แนวและ
                           ่                       ิ                  ้
   ควรปลูกเพิมขึนอีก ๑-๒ แนวเหนือแนวแรก ซึ่งขึนอยู่กบความลึกของขอบสระ ในระยะแรกควรดูแลปลูก
                 ่ ้                             ้   ั
   แซมให้ แถวหญ้ าแฝกเจริญเติบโตหนาแน่ น เมื่อนาไหลบ่ าลงมาตะกอนดินจะติดค้ างอยู่บนแถวหญ้ าแฝก
                                               ้
   ส่ วนนาจะค่ อยๆ ไหลซึมลงสระและรากหญ้ าแฝกจะช่ วยยึดดินรอบๆ สระ มิให้ พงทลายได้ เป็ นการลด
             ้                                                           ั
   ค่ าใช้ จ่ายในการขุดลอกสระด้ วย
• ๘. การปลูกเพือฟื้ นฟูที่ดนเสื่ อมโทรม
               ่           ิ
   ดาเนินการในโครงการฟื้ นฟูที่ดินเสื่ อมโทรมเขาชะงุ้ม จังหวัดราชบุรี และตาบลหนองพลับ อาเภอหัวหิน
   จังหวัดประจวบคีรีขนธ์ โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวขนานความลาดเทในดินลูกรังที่เสื่ อมโทรมจากการ
                       ั
   ถูกชะล้ างของผิวหน้ าดิน จนกระทั่งเกิดความแห้ งแล้ งและมีผิวหน้ าดินแข็ง ขาดพืชพรรณธรรมชาติปก
   คลุมการปลูกหญ้ าแฝกแบบนีจะช่ วยชะลอความเร็วของนาไหลบ่ า ทาให้ นาซึมลงดินได้ ลกเกิดความชุ่มชื้น
                              ้                           ้              ้           ึ
   ต้ นไม้ สามารถเจริญเติบโตได้
• ๙. การปลูกในพืนที่ดนดาน
                ้ ิ
   ดาเนินการศึกษาที่ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยทราย ซึ่งมีทรายแข็ง ดินเหนียว หินปูนและแร่ ธาตุต่าง ๆ
   รวมตัวกันเป็ นแผ่ นแข็งคล้ ายหิน ยากที่พชชั้นสู งจะเจริญเติบโต เมื่อทาการปลูกหญ้ าแฝกในดินดานพบว่ า
                                            ื
   รากหญ้ าแฝกสามารถหยังลึกลงไปในเนือดินดานทาให้ ดนแตกร่ วนขึน สาหรับหน้ าดินจะมีความชื้น
                            ่             ้               ิ            ้
   เพิมขึนในแนวของหญ้ าแฝกสามารถปลูกพันธุ์ไม้ ได้ หลายชนิด เช่ น กระถินเทพา สะเดา ประดู่ ฯลฯ เมื่อ
       ่ ้
   มีการปลูกหญ้ าแฝกร่ วมกับไม้ ผลรากของหญ้ าแฝกสามารถหยังลงในดินดาน เป็ นการสลายดินล่ วงหน้ า
                                                                ่
   ก่ อนที่รากไม้ ผลจะหยังลึกลงไปถึง
                         ่
• ๑๐. การปลูกเพือป้ องกันการพังทลายของดินบริเวณไหล่ ถนน
                ่
   ดาเนินการในพืนทีดนตัดและดินถมข้ างทาง เป็ นการปลูกเพือป้ องกันการพังทลายของดินในส่ วน
                  ้ ่ ิ                                   ่
   ของไหล่ ทางทีปิดและไหล่ ทางด้ านข้ าง โดยปลูกหญ้ าแฝกเพือยึดดินและเบียงเบนทางนาไหล
                ่                                           ่           ่        ้
   บริเวณไหล่ ทาง และปลูกขวางแนวลาดเพือป้ องกันการพังทลายและเลือนไหลของดิน
                                           ่                       ่
• ๑๑. การปลูกเพือป้ องกันการปนเปื้ อนของสารพิษในแหล่ งนา
                ่                                      ้
   ในปัจจุบนได้ มีการใช้ ปุ๋ยเคมีเพือการเจริญเติบโตและเพือการเพิมผลผลิตของพืชกันมากขึน
              ั                     ่                       ่     ่                       ้
   โดยเฉพาะการใช้ ปุ๋ยไนโตรเจนทีดนในประเทศเขตร้ อนมักขาดอยู่เสมอๆ นอกจากนีเ้ กษตรกร
                                      ่ ิ
   และผู้ประกอบการเกษตรได้ มการนาสารเคมีมาใช้ ในการปลูกพืชมากขึน สารไนเตรททีเ่ กิดจาก
                                  ี                                     ้
   การใส่ ปุ๋ยก็ดี โลหะหนักและสารเคมีทเี่ ป็ นพิษอันเนื่องมาจากการฉีดพ่ นสารป้ องกันกาจัดวัชพืช
   และศัตรูพชก็ดี สารเหล่ านีหากถูกชะล้ างลงในแหล่ งนา จะทาให้ เกิดมลพิษต่ อสภาพแวดล้ อม
                ื              ้                          ้
   การศึกษาทดลองที่ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยทรายฯ พิสูจน์ ได้ ว่ากอหญ้ าแฝกทีปลูกเป็ นแนว
                                                                                  ่
   ขวางความลาดเทของพืนทีสามารถจะยับยั้ง และลดการสู ญเสี ยหน้ าดินบนพืนทีลาดชันได้ ระดับ
                             ้ ่                                               ้ ่
   หนึ่ง ขณะเดียวกันรากหญ้ าแฝกที่มการแพร่ กระจายอย่ างหนาแน่ นและหยังลึก จะเป็ นกาแพงกัก
                                            ี                              ่
   กั้นดินและสารพิษทีปะปนมากับนา ไม่ ให้ ไหลลงสู่ แหล่ งนาเบืองล่ างนอกจากนีตัวของรากหญ้ า
                          ่               ้                   ้ ้               ้
   แฝกเอง น่ าจะมีประสิ ทธิภาพในการที่จะดูดซับธาตุโลหะหนักและสารเคมีบางอย่ างได้ ดกว่ าพืช
                                                                                        ี
   ชนิดอืนๆ ทั้งนีเ้ นื่องจากความสามารถของรากหญ้ าแฝกในการหยังลึกและแผ่ กว้ างได้ มากกว่ าราก
          ่                                                         ่
   หญ้ าชนิดอืนๆ  ่
โครงการหญ้าแฝก๶ฉลิมพระเกียรติ

More Related Content

โครงการหญ้าแฝก๶ฉลิมพระเกียรติ

  • 1. “...หญ้ าแฝกมีคุณลักษณะที่เหมาะสมในการจัดระบบอนุรักษ์ ดน ิ โดยการปลูกเป็ นแนวรั้วกั้นตามระดับชั้น และได้ มีการศึกษาทดลองใช้ อย่ างได้ ผลดี ในประเทศแถบเอเชียหลาย ประเทศแล้ ว...”
  • 2. หญ้ าแฝก มีรากยาว หยังลึก ทีแผ่ กระจายลงดินในแนวดิง จึงช่ วยอุ้มนาและยึดเหนี่ยวดินได้ ่ ่ ่ ้ มันคง และเมือนามาปลูกเป็ นแถวชิดติดกันอย่ างแน่ นหนา จะช่ วยดักตะกอนดิน รักษาหน้ าดินได้ ่ ่ ดี คุณลักษณะสองประการนีทาให้ หญ้ าแฝกไม่ เพียงช่ วยอนุรักษ์ ดนเท่ านั้น แต่ ยงช่ วยฟื้ นฟู ้ ิ ั โครงสร้ างดินทีสูญเสี ยธาตุอาหารให้ กลับคืนสู่ ความสมบูรณ์ เป็ นการเพิมคุณภาพดินและอนุรักษ์ ่ ่ นา ซึ่งเป็ นองค์ ประกอบสาคัญในการเพาะปลูกเพิมผลผลิตจากการเกษตรของประเทศ หญ้ าแฝก ้ ่ จึงเป็ น “หญ้ ามหัศจรรย์ ” ดังทีพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว ทรงรับสั่ งเปรียบเปรย ่ ทรัพยากรธรรมชาติน้ันมีความสาคัญกับทุกชีวต ถ้ าดินเสี ยหาย ชีวตก็อยู่ไม่ ได้ การปลูก ิ ิ หญ้ าแฝกตามแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว จึงเป็ นการฟื้ นฟูอนุรักษ์ ดน ิ และนาอย่ างมีประสิ ทธิภาพ การร่ วมแรงร่ วมใจของพวกเรา ไม่ เพียงแต่ ช่วยกันรักษาแผ่ นดิน ้ ไว้ เท่ านั้น แต่ ยงเป็ นการดาเนินตามรอยพระยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็ นทีเ่ คารพยิง ั ่ ของปวงชนชาวไทย
  • 3. • หญ้ าแฝกมีชื่อสามัญเป็ นภาษาอังกฤษว่ า “Vetiver Grass” มีด้วยกัน ๒ สายพันธุ์ คือ หญ้ าแฝกดอน(Vetiver nemoralis A. Camus) และหญ้ าแฝกหอม (Vetiveria ziznioides Nash) เป็ นพืชทีมอายุได้ หลายปี ขึนเป็ นกอแน่ น มีใบรู ปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว ่ ี ้ ๓๕-๘๐ ซม. มีส่วนกว้ างประมาณ ๕-๙ มม.สามารถขยายพันธุ์ได้ ท้งแบบไม่ อาศัยเพศ โดยการ ั แตกหน่ อจากส่ วนลาต้ นใต้ ดนหรือแบบอาศัยเพศโดยการให้ ดอกและเมล็ดได้ เช่ นกัน ช่ อดอกที่ ิ พบในประเทศไทยสู งประมาณ ๒๐-๓๐ซม. แต่ การขยายพันธุ์โดยดอกและเมล็ดเป็ นไปค่ อนข้ าง ยาก หญ้ าแฝกจึงไม้ ใช้ วชพืชเช่ นหญ้ าคา ั • ปกติหญ้ าแฝกจะมีการขยายพันธุ์ที่ได้ ผลรวดเร็วโดยการแตกหน่ อจากลาต้ นใต้ ดน นอกจากนี้ ิ จากการศึกษาพบว่ า หญ้ าแฝกในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่ วนของก้ านช่ อ ดอกได้ เมือแขนงดังกล่ าวมีการเจริญเติบโตจะเพิมนาหนักมากขึน ทาให้ หญ้ าแฝกโน้ มลงดินและ ่ ่ ้ ้ สามารถเจริญเติบโตเป็ นกอหญ้ าแฝกใหม่ ได้
  • 4. • ๑. การปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวตามระดับขวางความลาดชัน การปลูกแบบนีจะเห็นผลดียง เมือหญ้ าแฝกมีความเจริญและแตกกอขึนเต็มตลอดแนวจนไม่ มี ้ ิ่ ่ ้ ช่ องว่ าง ซึ่งถือว่ ามีประโยชน์ สูงสุ ด เพราะเมือมีนาไหลบ่ าหรือมีการพัดพาดินไปกระทบแถวกอ ่ ้ หญ้ าแฝก ซึ่งจะทาหน้ าทีชะลอ ความเร็วของนาลงและดักเก็บตะกอนดินไว้ ส่ วนนาจะไหลบ่ าซึม ่ ้ ้ ลงไปสู่ ดนชั้นล่ างได้ มากขึนอันจะเป็ นการเพิมความชุ่ มชื้นให้ แก่ ดนเบืองล่ างและนาทีผวดินก็ ิ ้ ่ ิ ้ ้ ่ ิ ไหลผ่ านแนวต้ นหญ้ าแฝกไปได้ ส่ วนรากหญ้ าแฝกนั้นก็หยังลึกลงไปในดินอาจลึกถึง ๓ เมตร ซึ่ง ่ สามารถยึดดิน ป้ องกันการชะล้ างได้ เป็ นอย่ างดีไม่ ว่าจะเป็ นการชะล้ างแบบเป็ นหน้ ากระดาน หรือเป็ นร่ องลึก และแบบอุโมงค์ เล็กใต้ ดน เมือแถวหญ้ าแฝกทาหน้ าทีดกตะกอนดินเป็ นระยะ ิ ่ ่ ั เวลานานขึน ก็จะเกิดการสะสมทับถมกันเป็ นระยะเวลานานขึน ก็จะเกิดการสะสมทับถมกันของ ้ ้ ตะกอนดินบริเวณหน้ าแถวหญ้ าแฝกเพิมขึนทุกๆ ปี กลายเป็ นคันดินธรรมชาติไปในทีสุด ดัง ่ ้ ่ พระราชดาริที่ได้ พระราชทานไว้ ดงนี้ ั • “...การปลูกหญ้ าแฝก ควรปลูกเป็ นแถวเดียว ระยะระหว่ างต้ นห่ างกัน ๑๐-๑๕ ซม.ทาให้ ไม่ ่ เปลืองพืนทีการดูแลรักษาง่ าย ควรทาการทดลองปลูกในร่ องนา และบนพืนทีลาดชันให้ มากเพือ ้ ่ ้ ้ ่ ่ ช่ วยป้ องกันการชะล้ างพังทลายของดิน...”
  • 5. • ๒. การปลูกหญ้ าแฝกเพือแก้ ปัญหาการพังทลายของดินทีเ่ ป็ นร่ องนาลึก ่ ้ เทคนิคการปลูกหญ้ าแฝกเพือแก้ ปัญหาบริเวณร่ องนาลึกโดยการปลูกหญ้ าแฝกในแนวขวาง ๑ ่ ้ แถว เหนือบริเวณร่ องลึก และใช้ ถุงทรายหรือดินเรียงเป็ นแนวเพือช่ วยชะลอความเร็วของนาที่ ่ ้ ไหลบ่ าในระยะทีแฝกเริ่มตั้งตัว ่ • ๓. การปลูกในพืนทีทมความลาดชัน ้ ่ ี่ ี โดยเฉพาะทางแถบภาคเหนือและภาคใต้ มาตรการทีเ่ หมาะสม คือการปลูกหญ้ าแฝกให้ เป็ นแนว รั้วบริเวณคันคูขอบเขา หรือริมขั้นบันไดดินด้ านนอกโดยควรปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวตามแนว ขวางความลาดเทในต้ นฤดูฝน โดยการไถพรวนดินนาร่ องแล้ วปลูกหญ้ าแฝกลงในร่ องไถ ระยะ ปลูกระหว่ างต้ นต่ อหลุม ๓-๕ เหง้ า ต่ อหลุม ระยะห่ างระหว่ างแถวแฝกจะไม่ เกิน ๒ เมตรตามแนวตั้ง หญ้ าแฝกจะเจริญเติบโตแตก กอชิดกันภายใน ๕-๖ เดือนในพืนทีแห้ งแล้ งควรตัดหญ้ าแฝกให้ สูงประมาณ ๓๐-๕๐ ซม.เพือเร่ ง ้ ่ ่ ให้ มการแตกกอ ควรตัด ๑-๒ เดือน ี ต่ อครั้ง การตัดหญ้ าแฝกต้ องกระทาในทุกพืนทีและใช้ ใบคลุมดินด้ วย ้ ่
  • 6. • ๔. การปลูกหญ้ าแฝกเพือการอนุรักษ์ ความชุ่ มชื้นในดิน ่ เป็ นการปลูกไม้ ผลร่ วมกับแถวหญ้ าแฝกในระยะแรกเริ่ม หรือปลูกแฝกสลับกับต้ นไม้ ทต้องการใช้ ี่ ประโยชน์ เช่ น ในมาเลเซียมีการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวในระหว่ างแถวปลูกยางพาร้ า เมือต้ นหญ้ า ่ แฝกเจริญเติบโตประมาณ ๑ ปี ก็สามารถตัดใบใช้ ประโยชน์ ในการเป็ นวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้ น ยางพาราเพือรักษาความชุ่ มชื้น โดยทีเ่ ศษใบแฝกจะไม่ เป็ นพาหะของโรคและแมลง ่ • ๕. การปลูกหญ้ าแฝกเพือป้ องกันการเสี ยหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูรับนารอบ ่ ้ เขา ในพืนทีลาดชันมักนิยมปลูกบนขั้นบันไดหรือมีการก่ อสร้ างคันคูดนรอบเขา ซึ่งเป็ นการลงทุนสู ง ้ ่ ิ การป้ องกันการเสี ยหายก็โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแนวในบริเวณขอบขั้นบันได หรือคันคูดน ิ
  • 7. • ๖. การปลูกเพือควบคุมร่ องน้า ่ โดยการนาหญ้ าแฝกไปปลูกในร่ องนาด้ วยการขุดหลุมปลูกขวางร่ องนาเป็ นแนวตรงหรือแนวหัวลูกศรย้ อน ้ ้ ทางกับทิศทางไหล ในลักษณะตัว V ควาซึ่งทรงเรียกว่ า “บั้งจ่ า” เพือควบคุมการเกิดร่ องนาแบบลึกหรือ ่ ่ ้ การปลูกในร่ องนาล้ น โดยปลูกตามแนวระดับเพือกักนาและช่ วยกระจายนาไปใช้ ในพืนที่เพาะปลูกผลของ ้ ่ ้ ้ ้ การปลูกหญ้ าแฝกแบบนีจะช่ วยดักตะกอนและสามารถชะลอความเร็วของนาให้ ลดลงด้ วย ้ ้ • ๗. การปลูกหญ้ าแฝกในการป้ องกันตะกอนดินทับถมลงสู่ คลองส่ งน้า ระบายน้า และอ่ าง เก็บน้า ในไร่ นาตลอดจนปลูกรอบสระเพือกรองตะกอนดิน ่ โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวบริเวณสองข้ างทางคลองส่ งนา จะช่ วยกันตะกอนดินที่ไหลลงมาซึ่งในส่ วน ้ ของการปลูกขอบสระเพือกรองตะกอนดินนั้น ใช้ วธีการปลูกตามแนวระดับนาสู งสุ ดท่ วมถึง ๑ แนวและ ่ ิ ้ ควรปลูกเพิมขึนอีก ๑-๒ แนวเหนือแนวแรก ซึ่งขึนอยู่กบความลึกของขอบสระ ในระยะแรกควรดูแลปลูก ่ ้ ้ ั แซมให้ แถวหญ้ าแฝกเจริญเติบโตหนาแน่ น เมื่อนาไหลบ่ าลงมาตะกอนดินจะติดค้ างอยู่บนแถวหญ้ าแฝก ้ ส่ วนนาจะค่ อยๆ ไหลซึมลงสระและรากหญ้ าแฝกจะช่ วยยึดดินรอบๆ สระ มิให้ พงทลายได้ เป็ นการลด ้ ั ค่ าใช้ จ่ายในการขุดลอกสระด้ วย
  • 8. • ๘. การปลูกเพือฟื้ นฟูที่ดนเสื่ อมโทรม ่ ิ ดาเนินการในโครงการฟื้ นฟูที่ดินเสื่ อมโทรมเขาชะงุ้ม จังหวัดราชบุรี และตาบลหนองพลับ อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขนธ์ โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวขนานความลาดเทในดินลูกรังที่เสื่ อมโทรมจากการ ั ถูกชะล้ างของผิวหน้ าดิน จนกระทั่งเกิดความแห้ งแล้ งและมีผิวหน้ าดินแข็ง ขาดพืชพรรณธรรมชาติปก คลุมการปลูกหญ้ าแฝกแบบนีจะช่ วยชะลอความเร็วของนาไหลบ่ า ทาให้ นาซึมลงดินได้ ลกเกิดความชุ่มชื้น ้ ้ ้ ึ ต้ นไม้ สามารถเจริญเติบโตได้ • ๙. การปลูกในพืนที่ดนดาน ้ ิ ดาเนินการศึกษาที่ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยทราย ซึ่งมีทรายแข็ง ดินเหนียว หินปูนและแร่ ธาตุต่าง ๆ รวมตัวกันเป็ นแผ่ นแข็งคล้ ายหิน ยากที่พชชั้นสู งจะเจริญเติบโต เมื่อทาการปลูกหญ้ าแฝกในดินดานพบว่ า ื รากหญ้ าแฝกสามารถหยังลึกลงไปในเนือดินดานทาให้ ดนแตกร่ วนขึน สาหรับหน้ าดินจะมีความชื้น ่ ้ ิ ้ เพิมขึนในแนวของหญ้ าแฝกสามารถปลูกพันธุ์ไม้ ได้ หลายชนิด เช่ น กระถินเทพา สะเดา ประดู่ ฯลฯ เมื่อ ่ ้ มีการปลูกหญ้ าแฝกร่ วมกับไม้ ผลรากของหญ้ าแฝกสามารถหยังลงในดินดาน เป็ นการสลายดินล่ วงหน้ า ่ ก่ อนที่รากไม้ ผลจะหยังลึกลงไปถึง ่
  • 9. • ๑๐. การปลูกเพือป้ องกันการพังทลายของดินบริเวณไหล่ ถนน ่ ดาเนินการในพืนทีดนตัดและดินถมข้ างทาง เป็ นการปลูกเพือป้ องกันการพังทลายของดินในส่ วน ้ ่ ิ ่ ของไหล่ ทางทีปิดและไหล่ ทางด้ านข้ าง โดยปลูกหญ้ าแฝกเพือยึดดินและเบียงเบนทางนาไหล ่ ่ ่ ้ บริเวณไหล่ ทาง และปลูกขวางแนวลาดเพือป้ องกันการพังทลายและเลือนไหลของดิน ่ ่
  • 10. • ๑๑. การปลูกเพือป้ องกันการปนเปื้ อนของสารพิษในแหล่ งนา ่ ้ ในปัจจุบนได้ มีการใช้ ปุ๋ยเคมีเพือการเจริญเติบโตและเพือการเพิมผลผลิตของพืชกันมากขึน ั ่ ่ ่ ้ โดยเฉพาะการใช้ ปุ๋ยไนโตรเจนทีดนในประเทศเขตร้ อนมักขาดอยู่เสมอๆ นอกจากนีเ้ กษตรกร ่ ิ และผู้ประกอบการเกษตรได้ มการนาสารเคมีมาใช้ ในการปลูกพืชมากขึน สารไนเตรททีเ่ กิดจาก ี ้ การใส่ ปุ๋ยก็ดี โลหะหนักและสารเคมีทเี่ ป็ นพิษอันเนื่องมาจากการฉีดพ่ นสารป้ องกันกาจัดวัชพืช และศัตรูพชก็ดี สารเหล่ านีหากถูกชะล้ างลงในแหล่ งนา จะทาให้ เกิดมลพิษต่ อสภาพแวดล้ อม ื ้ ้ การศึกษาทดลองที่ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยทรายฯ พิสูจน์ ได้ ว่ากอหญ้ าแฝกทีปลูกเป็ นแนว ่ ขวางความลาดเทของพืนทีสามารถจะยับยั้ง และลดการสู ญเสี ยหน้ าดินบนพืนทีลาดชันได้ ระดับ ้ ่ ้ ่ หนึ่ง ขณะเดียวกันรากหญ้ าแฝกที่มการแพร่ กระจายอย่ างหนาแน่ นและหยังลึก จะเป็ นกาแพงกัก ี ่ กั้นดินและสารพิษทีปะปนมากับนา ไม่ ให้ ไหลลงสู่ แหล่ งนาเบืองล่ างนอกจากนีตัวของรากหญ้ า ่ ้ ้ ้ ้ แฝกเอง น่ าจะมีประสิ ทธิภาพในการที่จะดูดซับธาตุโลหะหนักและสารเคมีบางอย่ างได้ ดกว่ าพืช ี ชนิดอืนๆ ทั้งนีเ้ นื่องจากความสามารถของรากหญ้ าแฝกในการหยังลึกและแผ่ กว้ างได้ มากกว่ าราก ่ ่ หญ้ าชนิดอืนๆ ่