ݺߣ
Submit Search
โครงการหญ้าแฝกฉลิมพระเกียรติ
•
0 likes
•
2,055 views
P
Praew Choosanga
Follow
1 of 11
Download now
Download to read offline
More Related Content
โครงการหญ้าแฝกฉลิมพระเกียรติ
1.
“...หญ้ าแฝกมีคุณลักษณะที่เหมาะสมในการจัดระบบอนุรักษ์ ดน
ิ โดยการปลูกเป็ นแนวรั้วกั้นตามระดับชั้น และได้ มีการศึกษาทดลองใช้ อย่ างได้ ผลดี ในประเทศแถบเอเชียหลาย ประเทศแล้ ว...”
2.
•
หญ้ าแฝก มีรากยาว หยังลึก ทีแผ่ กระจายลงดินในแนวดิง จึงช่ วยอุ้มนาและยึดเหนี่ยวดินได้ ่ ่ ่ ้ มันคง และเมือนามาปลูกเป็ นแถวชิดติดกันอย่ างแน่ นหนา จะช่ วยดักตะกอนดิน รักษาหน้ าดินได้ ่ ่ ดี คุณลักษณะสองประการนีทาให้ หญ้ าแฝกไม่ เพียงช่ วยอนุรักษ์ ดนเท่ านั้น แต่ ยงช่ วยฟื้ นฟู ้ ิ ั โครงสร้ างดินทีสูญเสี ยธาตุอาหารให้ กลับคืนสู่ ความสมบูรณ์ เป็ นการเพิมคุณภาพดินและอนุรักษ์ ่ ่ นา ซึ่งเป็ นองค์ ประกอบสาคัญในการเพาะปลูกเพิมผลผลิตจากการเกษตรของประเทศ หญ้ าแฝก ้ ่ จึงเป็ น “หญ้ ามหัศจรรย์ ” ดังทีพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว ทรงรับสั่ งเปรียบเปรย ่ ทรัพยากรธรรมชาติน้ันมีความสาคัญกับทุกชีวต ถ้ าดินเสี ยหาย ชีวตก็อยู่ไม่ ได้ การปลูก ิ ิ หญ้ าแฝกตามแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว จึงเป็ นการฟื้ นฟูอนุรักษ์ ดน ิ และนาอย่ างมีประสิ ทธิภาพ การร่ วมแรงร่ วมใจของพวกเรา ไม่ เพียงแต่ ช่วยกันรักษาแผ่ นดิน ้ ไว้ เท่ านั้น แต่ ยงเป็ นการดาเนินตามรอยพระยุคลบาทของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็ นทีเ่ คารพยิง ั ่ ของปวงชนชาวไทย
3.
• หญ้ าแฝกมีชื่อสามัญเป็
นภาษาอังกฤษว่ า “Vetiver Grass” มีด้วยกัน ๒ สายพันธุ์ คือ หญ้ าแฝกดอน(Vetiver nemoralis A. Camus) และหญ้ าแฝกหอม (Vetiveria ziznioides Nash) เป็ นพืชทีมอายุได้ หลายปี ขึนเป็ นกอแน่ น มีใบรู ปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว ่ ี ้ ๓๕-๘๐ ซม. มีส่วนกว้ างประมาณ ๕-๙ มม.สามารถขยายพันธุ์ได้ ท้งแบบไม่ อาศัยเพศ โดยการ ั แตกหน่ อจากส่ วนลาต้ นใต้ ดนหรือแบบอาศัยเพศโดยการให้ ดอกและเมล็ดได้ เช่ นกัน ช่ อดอกที่ ิ พบในประเทศไทยสู งประมาณ ๒๐-๓๐ซม. แต่ การขยายพันธุ์โดยดอกและเมล็ดเป็ นไปค่ อนข้ าง ยาก หญ้ าแฝกจึงไม้ ใช้ วชพืชเช่ นหญ้ าคา ั • ปกติหญ้ าแฝกจะมีการขยายพันธุ์ที่ได้ ผลรวดเร็วโดยการแตกหน่ อจากลาต้ นใต้ ดน นอกจากนี้ ิ จากการศึกษาพบว่ า หญ้ าแฝกในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่ วนของก้ านช่ อ ดอกได้ เมือแขนงดังกล่ าวมีการเจริญเติบโตจะเพิมนาหนักมากขึน ทาให้ หญ้ าแฝกโน้ มลงดินและ ่ ่ ้ ้ สามารถเจริญเติบโตเป็ นกอหญ้ าแฝกใหม่ ได้
4.
• ๑. การปลูกหญ้
าแฝกเป็ นแถวตามระดับขวางความลาดชัน การปลูกแบบนีจะเห็นผลดียง เมือหญ้ าแฝกมีความเจริญและแตกกอขึนเต็มตลอดแนวจนไม่ มี ้ ิ่ ่ ้ ช่ องว่ าง ซึ่งถือว่ ามีประโยชน์ สูงสุ ด เพราะเมือมีนาไหลบ่ าหรือมีการพัดพาดินไปกระทบแถวกอ ่ ้ หญ้ าแฝก ซึ่งจะทาหน้ าทีชะลอ ความเร็วของนาลงและดักเก็บตะกอนดินไว้ ส่ วนนาจะไหลบ่ าซึม ่ ้ ้ ลงไปสู่ ดนชั้นล่ างได้ มากขึนอันจะเป็ นการเพิมความชุ่ มชื้นให้ แก่ ดนเบืองล่ างและนาทีผวดินก็ ิ ้ ่ ิ ้ ้ ่ ิ ไหลผ่ านแนวต้ นหญ้ าแฝกไปได้ ส่ วนรากหญ้ าแฝกนั้นก็หยังลึกลงไปในดินอาจลึกถึง ๓ เมตร ซึ่ง ่ สามารถยึดดิน ป้ องกันการชะล้ างได้ เป็ นอย่ างดีไม่ ว่าจะเป็ นการชะล้ างแบบเป็ นหน้ ากระดาน หรือเป็ นร่ องลึก และแบบอุโมงค์ เล็กใต้ ดน เมือแถวหญ้ าแฝกทาหน้ าทีดกตะกอนดินเป็ นระยะ ิ ่ ่ ั เวลานานขึน ก็จะเกิดการสะสมทับถมกันเป็ นระยะเวลานานขึน ก็จะเกิดการสะสมทับถมกันของ ้ ้ ตะกอนดินบริเวณหน้ าแถวหญ้ าแฝกเพิมขึนทุกๆ ปี กลายเป็ นคันดินธรรมชาติไปในทีสุด ดัง ่ ้ ่ พระราชดาริที่ได้ พระราชทานไว้ ดงนี้ ั • “...การปลูกหญ้ าแฝก ควรปลูกเป็ นแถวเดียว ระยะระหว่ างต้ นห่ างกัน ๑๐-๑๕ ซม.ทาให้ ไม่ ่ เปลืองพืนทีการดูแลรักษาง่ าย ควรทาการทดลองปลูกในร่ องนา และบนพืนทีลาดชันให้ มากเพือ ้ ่ ้ ้ ่ ่ ช่ วยป้ องกันการชะล้ างพังทลายของดิน...”
5.
• ๒. การปลูกหญ้
าแฝกเพือแก้ ปัญหาการพังทลายของดินทีเ่ ป็ นร่ องนาลึก ่ ้ เทคนิคการปลูกหญ้ าแฝกเพือแก้ ปัญหาบริเวณร่ องนาลึกโดยการปลูกหญ้ าแฝกในแนวขวาง ๑ ่ ้ แถว เหนือบริเวณร่ องลึก และใช้ ถุงทรายหรือดินเรียงเป็ นแนวเพือช่ วยชะลอความเร็วของนาที่ ่ ้ ไหลบ่ าในระยะทีแฝกเริ่มตั้งตัว ่ • ๓. การปลูกในพืนทีทมความลาดชัน ้ ่ ี่ ี โดยเฉพาะทางแถบภาคเหนือและภาคใต้ มาตรการทีเ่ หมาะสม คือการปลูกหญ้ าแฝกให้ เป็ นแนว รั้วบริเวณคันคูขอบเขา หรือริมขั้นบันไดดินด้ านนอกโดยควรปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวตามแนว ขวางความลาดเทในต้ นฤดูฝน โดยการไถพรวนดินนาร่ องแล้ วปลูกหญ้ าแฝกลงในร่ องไถ ระยะ ปลูกระหว่ างต้ นต่ อหลุม ๓-๕ เหง้ า ต่ อหลุม ระยะห่ างระหว่ างแถวแฝกจะไม่ เกิน ๒ เมตรตามแนวตั้ง หญ้ าแฝกจะเจริญเติบโตแตก กอชิดกันภายใน ๕-๖ เดือนในพืนทีแห้ งแล้ งควรตัดหญ้ าแฝกให้ สูงประมาณ ๓๐-๕๐ ซม.เพือเร่ ง ้ ่ ่ ให้ มการแตกกอ ควรตัด ๑-๒ เดือน ี ต่ อครั้ง การตัดหญ้ าแฝกต้ องกระทาในทุกพืนทีและใช้ ใบคลุมดินด้ วย ้ ่
6.
• ๔. การปลูกหญ้
าแฝกเพือการอนุรักษ์ ความชุ่ มชื้นในดิน ่ เป็ นการปลูกไม้ ผลร่ วมกับแถวหญ้ าแฝกในระยะแรกเริ่ม หรือปลูกแฝกสลับกับต้ นไม้ ทต้องการใช้ ี่ ประโยชน์ เช่ น ในมาเลเซียมีการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวในระหว่ างแถวปลูกยางพาร้ า เมือต้ นหญ้ า ่ แฝกเจริญเติบโตประมาณ ๑ ปี ก็สามารถตัดใบใช้ ประโยชน์ ในการเป็ นวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้ น ยางพาราเพือรักษาความชุ่ มชื้น โดยทีเ่ ศษใบแฝกจะไม่ เป็ นพาหะของโรคและแมลง ่ • ๕. การปลูกหญ้ าแฝกเพือป้ องกันการเสี ยหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูรับนารอบ ่ ้ เขา ในพืนทีลาดชันมักนิยมปลูกบนขั้นบันไดหรือมีการก่ อสร้ างคันคูดนรอบเขา ซึ่งเป็ นการลงทุนสู ง ้ ่ ิ การป้ องกันการเสี ยหายก็โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแนวในบริเวณขอบขั้นบันได หรือคันคูดน ิ
7.
• ๖. การปลูกเพือควบคุมร่
องน้า ่ โดยการนาหญ้ าแฝกไปปลูกในร่ องนาด้ วยการขุดหลุมปลูกขวางร่ องนาเป็ นแนวตรงหรือแนวหัวลูกศรย้ อน ้ ้ ทางกับทิศทางไหล ในลักษณะตัว V ควาซึ่งทรงเรียกว่ า “บั้งจ่ า” เพือควบคุมการเกิดร่ องนาแบบลึกหรือ ่ ่ ้ การปลูกในร่ องนาล้ น โดยปลูกตามแนวระดับเพือกักนาและช่ วยกระจายนาไปใช้ ในพืนที่เพาะปลูกผลของ ้ ่ ้ ้ ้ การปลูกหญ้ าแฝกแบบนีจะช่ วยดักตะกอนและสามารถชะลอความเร็วของนาให้ ลดลงด้ วย ้ ้ • ๗. การปลูกหญ้ าแฝกในการป้ องกันตะกอนดินทับถมลงสู่ คลองส่ งน้า ระบายน้า และอ่ าง เก็บน้า ในไร่ นาตลอดจนปลูกรอบสระเพือกรองตะกอนดิน ่ โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวบริเวณสองข้ างทางคลองส่ งนา จะช่ วยกันตะกอนดินที่ไหลลงมาซึ่งในส่ วน ้ ของการปลูกขอบสระเพือกรองตะกอนดินนั้น ใช้ วธีการปลูกตามแนวระดับนาสู งสุ ดท่ วมถึง ๑ แนวและ ่ ิ ้ ควรปลูกเพิมขึนอีก ๑-๒ แนวเหนือแนวแรก ซึ่งขึนอยู่กบความลึกของขอบสระ ในระยะแรกควรดูแลปลูก ่ ้ ้ ั แซมให้ แถวหญ้ าแฝกเจริญเติบโตหนาแน่ น เมื่อนาไหลบ่ าลงมาตะกอนดินจะติดค้ างอยู่บนแถวหญ้ าแฝก ้ ส่ วนนาจะค่ อยๆ ไหลซึมลงสระและรากหญ้ าแฝกจะช่ วยยึดดินรอบๆ สระ มิให้ พงทลายได้ เป็ นการลด ้ ั ค่ าใช้ จ่ายในการขุดลอกสระด้ วย
8.
• ๘. การปลูกเพือฟื้
นฟูที่ดนเสื่ อมโทรม ่ ิ ดาเนินการในโครงการฟื้ นฟูที่ดินเสื่ อมโทรมเขาชะงุ้ม จังหวัดราชบุรี และตาบลหนองพลับ อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขนธ์ โดยการปลูกหญ้ าแฝกเป็ นแถวขนานความลาดเทในดินลูกรังที่เสื่ อมโทรมจากการ ั ถูกชะล้ างของผิวหน้ าดิน จนกระทั่งเกิดความแห้ งแล้ งและมีผิวหน้ าดินแข็ง ขาดพืชพรรณธรรมชาติปก คลุมการปลูกหญ้ าแฝกแบบนีจะช่ วยชะลอความเร็วของนาไหลบ่ า ทาให้ นาซึมลงดินได้ ลกเกิดความชุ่มชื้น ้ ้ ้ ึ ต้ นไม้ สามารถเจริญเติบโตได้ • ๙. การปลูกในพืนที่ดนดาน ้ ิ ดาเนินการศึกษาที่ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยทราย ซึ่งมีทรายแข็ง ดินเหนียว หินปูนและแร่ ธาตุต่าง ๆ รวมตัวกันเป็ นแผ่ นแข็งคล้ ายหิน ยากที่พชชั้นสู งจะเจริญเติบโต เมื่อทาการปลูกหญ้ าแฝกในดินดานพบว่ า ื รากหญ้ าแฝกสามารถหยังลึกลงไปในเนือดินดานทาให้ ดนแตกร่ วนขึน สาหรับหน้ าดินจะมีความชื้น ่ ้ ิ ้ เพิมขึนในแนวของหญ้ าแฝกสามารถปลูกพันธุ์ไม้ ได้ หลายชนิด เช่ น กระถินเทพา สะเดา ประดู่ ฯลฯ เมื่อ ่ ้ มีการปลูกหญ้ าแฝกร่ วมกับไม้ ผลรากของหญ้ าแฝกสามารถหยังลงในดินดาน เป็ นการสลายดินล่ วงหน้ า ่ ก่ อนที่รากไม้ ผลจะหยังลึกลงไปถึง ่
9.
• ๑๐. การปลูกเพือป้
องกันการพังทลายของดินบริเวณไหล่ ถนน ่ ดาเนินการในพืนทีดนตัดและดินถมข้ างทาง เป็ นการปลูกเพือป้ องกันการพังทลายของดินในส่ วน ้ ่ ิ ่ ของไหล่ ทางทีปิดและไหล่ ทางด้ านข้ าง โดยปลูกหญ้ าแฝกเพือยึดดินและเบียงเบนทางนาไหล ่ ่ ่ ้ บริเวณไหล่ ทาง และปลูกขวางแนวลาดเพือป้ องกันการพังทลายและเลือนไหลของดิน ่ ่
10.
• ๑๑. การปลูกเพือป้
องกันการปนเปื้ อนของสารพิษในแหล่ งนา ่ ้ ในปัจจุบนได้ มีการใช้ ปุ๋ยเคมีเพือการเจริญเติบโตและเพือการเพิมผลผลิตของพืชกันมากขึน ั ่ ่ ่ ้ โดยเฉพาะการใช้ ปุ๋ยไนโตรเจนทีดนในประเทศเขตร้ อนมักขาดอยู่เสมอๆ นอกจากนีเ้ กษตรกร ่ ิ และผู้ประกอบการเกษตรได้ มการนาสารเคมีมาใช้ ในการปลูกพืชมากขึน สารไนเตรททีเ่ กิดจาก ี ้ การใส่ ปุ๋ยก็ดี โลหะหนักและสารเคมีทเี่ ป็ นพิษอันเนื่องมาจากการฉีดพ่ นสารป้ องกันกาจัดวัชพืช และศัตรูพชก็ดี สารเหล่ านีหากถูกชะล้ างลงในแหล่ งนา จะทาให้ เกิดมลพิษต่ อสภาพแวดล้ อม ื ้ ้ การศึกษาทดลองที่ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาห้ วยทรายฯ พิสูจน์ ได้ ว่ากอหญ้ าแฝกทีปลูกเป็ นแนว ่ ขวางความลาดเทของพืนทีสามารถจะยับยั้ง และลดการสู ญเสี ยหน้ าดินบนพืนทีลาดชันได้ ระดับ ้ ่ ้ ่ หนึ่ง ขณะเดียวกันรากหญ้ าแฝกที่มการแพร่ กระจายอย่ างหนาแน่ นและหยังลึก จะเป็ นกาแพงกัก ี ่ กั้นดินและสารพิษทีปะปนมากับนา ไม่ ให้ ไหลลงสู่ แหล่ งนาเบืองล่ างนอกจากนีตัวของรากหญ้ า ่ ้ ้ ้ ้ แฝกเอง น่ าจะมีประสิ ทธิภาพในการที่จะดูดซับธาตุโลหะหนักและสารเคมีบางอย่ างได้ ดกว่ าพืช ี ชนิดอืนๆ ทั้งนีเ้ นื่องจากความสามารถของรากหญ้ าแฝกในการหยังลึกและแผ่ กว้ างได้ มากกว่ าราก ่ ่ หญ้ าชนิดอืนๆ ่
Download