�ݺ�ߣ

บทที่ 4 การหายใจระึϸ�บเซลล์
(Cellular Respiration)
รายวิชาชีววิทยา 3 (ว30243)
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ครู คศ.1 สาขาวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ครูผู้สอน
 นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ตาแหน่งครู คศ.1 เอกวิชาชีววิทยา
ประวัติการศึกษา :
 พ.ศ. 2549 วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกรียตินิยมอันดับ 2) สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล
 พ.ศ. 2551 ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
 พ.ศ. 2552 ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
 พ.ศ. 2555 สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เอกสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
 พ.ศ. 2558 ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการประเมินและการวิจัยทางการศึกษา
เอกวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง

PHOSPHORYLATION
AND PHOSPHOLYSIS

photosynthesis
Cellular respiration
Key enzyme
Key enzyme

Reducing agent
Oxidizing agent

28
กระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์

33
กระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์

56
เซลล์หัวใจ ไต ตับ
= 2NADH
ETC = 6 ATP
รวม = 38 ATP
เซลล์กล้ามเนื้อลายและสมอง

57
2x
2x

58
Glycerol-3-phosphate shuttle
เซลล์กล้ามเนื้อลาย
และสมอง
2
2
2
2

59
ประเภทของกระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์
เกิดใน matrix บริเวณใกล้กับ

64
เซลล์หัวใจ ไต ตับ = 38 ATP

69
2 PGAL
2 PGA
4
4 e = 2 NADH

74
เติม Pi อิสระ
เข้าไปในโมเลกุล
ตรง C1

79
4 e
เกิดใน matrix บริเวณใกล้กับ

80
Aerobic
(mitochondria)
Anaerobic
(cytoplasm)

81
สรุปลักษณะกระบวนการและผลลัพธ์สาคัญในการสร้างอะซิติลโคเอนไซม์ เอ
1. กรดไพรูวิกแต่ละโมเลกุลจะถูกเปลี่ยนเป็นอะซิติลโคเอนไซม์ เอ โดยกลุ่มของ
เอนไซม์ Pyruvate dehydrogenase complex
2. ปฏิกิริยาการเปลี่ยนกรดไพรูวิกแต่ละโมเลกุลไปเป็นอะซิติลโคเอนไซม์ เอ นี้ ได้ผลลัพธ์ที่สาคัญ คือ
2.1 เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ 1 โมเลกุลจากแต่ละปฏิกิริยากลูโคส1 โมเลกุล ทาให้ได้กรดไพรู
วิก 2 โมเลกุล เพราะฉะนั้นจึงได้ผลลัพธ์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์รวมทั้งสิ้น 2 โมเลกุล/ 1 โมเลกุลของกลูโคส
2.2 เกิดไฮโดรเจน 2 อะตอม จากแต่ละปฏิกิริยา ซึ่งรวมกับ NAD+ กลายเป็น NADH
+ H+ 1 โมเลกุล เริ่มต้นจากกลูโคส 1 โมเลกุล ได้กรดไพรูวิก 2 โมเลกุล เพราะฉะนั้นจึงได้ไฮโดรเจนทั้งสิ้น
4 อะตอม หรือ NADH + H+ 2 โมเลกุล
การสร้างอะซิติลโคเอนไซม์ เอ หรือการออกซิเดชันกรดไพรู
วิก (Pyruvate oxidation
หรือ Pyruvate dehydrogenase complex pathway)
ขั้นตอนนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างไกลโคลิซิสกับวัฎจักรเครบส์ มี
กรดไพรูวิกเป็นสารตั้งต้นเกิดขึ้นที่ ของเหลวในไมโทคอนเดรีย โดย
กรดไพรูวิกแต่ละโมเลกุลจะทาปฏิกิริยากับโคเอนไซม์ เอ (Co-
enzyme A) ได้เป็นอะซิติลโคเอนไซม์ เอ (Acetyl Co A) ซึ่งแต่ละ
โมเลกุลมีคาร์บอน 2 อะตอม และคาร์บอนไดออกไซด์ 1โมเลกุลและ
มีการปล่อยไฮโดรเจน 2 อะตอม โดยมี NAD+ (ตัวนา
อิเล็กตรอน) มารับและเปลี่ยนไปเป็นNADH + H+ แล้วเข้าสู่
กระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอน

107
Why does one molecule of NADH
produce 2.5ATP and not 3 ATP?
If you know the electron transport chain and the ATP synthesis by
ATPase (membrane bound enzyme) ,then I will answer in short.
To pass the electrons from NADH to last Oxygen acceptor,total of 10 protons
are transported from matrix to inter mitochondrial membrane. 4 protons via
complex 1,4 via complex 3 and 2 via complex 4. And to make 1 ATP ,4
protons move from inter mitochondrial membrane to matrix via ATPase.
Thus for NADH— 10/4=2.5 ATP is produced actually.
Similarly for 1 FADH2, 6 protons are moved so 6/4= 1.5 ATP is
produced.
NCERT gives 3ATP and 2 ATP which is rounded up and is ok for lower
levels but not for graduation level.

108
ATP yield during aerobic respiration is not 36–38, but
only about 30–32 ATP molecules / 1 molecule of glucose .
Heart liver and kidney
2NADH = 5 ATP

109
สรุป : การหายใจระึϸ�บเซลล์แบบใช้ออกซิเจน
(aerobic respiration)

110
สรุป : การหายใจระึϸ�บเซลล์แบบใช้ออกซิเจน
(aerobic respiration)

112

113

114

115

134
ข้อเปรียบเทียบระหว่างการหายใจระึϸ�บเซลล์แบบใช้และไม่ใช้ออกซิเจน

166
“THE END”
THANK YOU FOR YOUR ATTENTION!

�ݺ�ߣ

Lesson4cellres bio3 2562

Recommended

More Related Content

What's hot (20)

Similar to Lesson4cellres bio3 2562 (20)

More from Wichai Likitponrak (20)

Lesson4cellres bio3 2562