ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
การเขียนข้อเสนอโครงงาน

             มนธิดา สีตะธนี
               26-27 มกราคม 2555
                            น่ าน
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
กรอบคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
  ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผูเรียน
                            ้




 ระบบสนับสนุนการศึกษาในศตวรรษที่ 21
กรอบคิดเพื่อการเรียนรูในศตวรรษที่ 21
                     ้

ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่สาคัญของนักเรียน
 องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
 ทักษะที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
(องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต)
                                  ั

   องค์ความรูในวิชาแกนหลัก
              ้
   แนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที่ 21
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต
                                 ั

      องค์ ความร้ ู ในวิชาแกนหลัก

                   ???
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
•องค์ความรู้ในวิชาแกนหลัก
   -   ภาษา
   -   ศิลปะ
   -   คณิตศาสตร์
   -   วิทยาศาสตร์
   -   เศรษฐศาสตร์
   -   ภูมิศาสตร์
   -   ประวัติศาสตร์
   -   การปกครองและพลเมือง
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต
                                 ั

  แนวคิดที่สาคัญในศตวรรษที่ 21

                   ???
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
•แนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที่ 21
    (บูรณาการหลายศาสตร์ )
-   ความตระหนักเกี่ยวกับโลก
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการประกอบการ
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็ นพลเมือง
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ทักษะที่จาเป็ นสาหรับ
    ศตวรรษที่ 21
(ปัจจุบนและอนาคต)
       ั
         ???
ทักษะที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต
                           ั


C  Creativity and Innovation
   (ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
C  Critical and analytical thinking and problem-solving
   (ความคิดเชิงวิพากย์และการวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา)
C  Communication
   (การสื่อสาร)
C  Collaboration
   (ความร่วมมือในการทางาน)
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
การทาโครงงาน
                เป็ น
ยุทธวิธีหนึ่ งของการเรียนการสอน
         ที่ตอบโจทย์นี้ได้
การทาโครงงานเตรียมเด็กสาหรับศตรรษที่ 21
    เรียนรู้องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
    พัฒนาทักษะที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21


  องค์ความรู้วิชาแกนหลัก
แนวคิดที่สาคัญในศตวรรษที่ 21
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
•องค์ความรู้ในวิชาแกนหลัก
   -   ภาษา
   -   ศิลปะ
   -   คณิตศาสตร์
   -   วิทยาศาสตร์
   -   เศรษฐศาสตร์
   -   ภูมิศาสตร์
   -   ประวัติศาสตร์
   -   การปกครองและพลเมือง
องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
•แนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที่ 21
    (บูรณาการหลายศาสตร์ )
-   ความตระหนักเกี่ยวกับโลก
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการประกอบการ
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็ นพลเมือง
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ
-   ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
ทักษะที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต
                           ั


C  Creativity and Innovation
   (ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
C  Critical and analytical thinking and problem-solving
   (ความคิดเชิงวิพากย์และการวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา)
C  Communication
   (การสื่อสาร)
C  Collaboration
   (ความร่วมมือในการทางาน)
แบ่ งเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 ท่ าน
                             งานที่ทา:
 ระดมความคิด เพื่ออธิบายความหมายของข้ อความข้ างต้ น
 ช่ วยกันสรุ ป “สิ่งที่เกิดขึนกับผู้เรียน” จากความหมายของ
                              ้
     “การทาโครงงาน คือ การเรียนรู้ท่ เป็ นอิสระ”
                                         ี
การทาโครงงาน คือ การเรียนรูที่เป็ นอิสระ
                          ้
การทาโครงงาน
• ผูเรียนเลือกทางานตามความสนใจและมีความสนุกในการ
       ้
  ทางาน
• ผูเรียนออกแบบการทางานและตารางการทางานเอง
   ้
• ผูเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นหาองค์ความรู้และคาตอบด้วย
     ้
  ตนเอง การให้คาแนะนาแก่ผเรียนเกิดขึนเป็ นครังคราว
                              ู้       ้       ้
• การเรียนรู้บรณาการศาสตร์หลายด้าน
               ู
• ผูเรียนเรียนรู้ค้นหาหนทางไปสู่ความสาเร็จด้วยตนเอง
           ้
• ผูเรียนรู้และได้รบบทเรียนจากการทางาน
         ้          ั
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
ลักษณะที่สาคัญของโครงงาน
• มีความเฉพาะของแต่ละโครงงาน


                    ???
ลักษณะที่สาคัญของโครงงาน
• มีความเฉพาะของแต่ละโครงงาน
   - มุมของเรืองที่ทา
                  ่
   - ข้อมูลที่ได้
   - กลุ่มเป้ าหมายที่เลือก
   - วิธีดาเนินงานที่ทา
   - สิ่งที่ได้ค้นพบ / ผลงานท้ายสุดที่ได้รบ
                                          ั

    งานที่ทามีความเป็ นต้นฉบับ
• มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง


                      ???
• มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
  - อ้างอิงข้อมูลงานของผูอื่นที่เกี่ยวข้อง
                             ้
  - รายงานข้อมูลหรือสิ่งที่ได้ทาหรือได้ค้นพบ
  - อ้างอิงข้อมูลของงานของผูอื่นที่ได้ทาไว้
                               ้
     และได้นามาใช้ประโยชน์ ในงานของตนเอง
• มีจดเน้ น/เป้ าหมายที่ชดเจน
     ุ                   ั


                      ???
• มีจดเน้ น/เป้ าหมายที่ชดเจน
      ุ                  ั
- มีคาถามหลักของโครงงาน ที่ทาให้ร้ผลลัพธ์ท้ายสุด
                                  ู
  ที่ต้องการได้รบจากการทาโครงงาน
                  ั
- งานที่ทาสามารถจัดการได้และทาให้เกิดขึนได้จริง
                                       ้
- กรอบของงานสามารถทาได้เสร็จในกรอบเวลาที่
  กาหนด
• มีกรอบเวลาในการทางาน


                   ???
• มีกรอบเวลาในการทางาน
   - มีเงื่อนเวลาเป็ นตัวกาหนดการดาเนินงาน
     จากจุดเริ่มต้น  จุดสิ้นสุดในการโครงงาน
   - กรอบเวลา  เป็ นส่วนสาคัญในการวางแผนงานและ
     ในการจัดการการทางาน
• มีการจัดการในการทางาน


                    ???
• มีการจัดการในการทางาน
   - มีการคิดและวางแผนการทางานล่วงหน้ า
จักรยาȨงค์ประกอบและกรอบการทางานโครงงาน




                                wikipedia
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
ขัȨอนการทาโครงงาน
                    ้
    หา / เลือกหัวเรื่อง                  นาเสนอ / สื่อสารสู่ผอื่น
                                                             ู้

ค้นคว้าข้อมูลพืนฐานที่เกี่ยวข้อง
               ้                                เขียนรายงาน

  ตังคาถาม / ระบุปัญหา /
    ้                                         สรุปผลงานที่ทา
  สมมติฐาน ของโครงงาน                         / สิ่งที่ได้ค้นพบ

     ค้นคว้าทบทวน                      บันทึกข้อมูลของงานที่ทา
     ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
                                   วิเคราะห์ / แปลความหมายข้อมูล
   วางแผนและออกแบบ
     วิธีการดาเนินงาน                       ดาเนินงาน / ทดลอง
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version
ชม ซีดี
แบ่ งเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 7 คน

                             งานที่ทา

•   จากการชมซีดี
•   ระดมความคิด เพื่อหามุมที่สนใจ
•   ร่ วมกันตัดสินใจเลือก “หัวเรื่อง” ที่ต้องการทาโครงงาน
•   จากนันตอบคาถาม
           ้
         “การทาโครงงานหัวเรื่องนีจะให้ อะไรที่เพิ่มขึนจาก
                                         ้               ้
                   สิ่งที่ร้ ูอยู่แล้ วหรือมีอยู่แล้ ว?”
การเลือกหัวเรื่อง

มองสิ่งที่เป็ น ที่เห็น ที่มีอยู่      คิดหัวเรื่อง และมุมของเรื่อง
   ในมิติที่แตกต่าง                              ที่สนใจทา


                        ตอบคาถาม
“การทาโครงงานนี้ จะให้อะไรเพิ่มขึนจากสิ่งที่รอยู่ หรือมีอยู่แล้ว”
                                 ้           ู้


การทาโครงงาน  การทาสิ่งใหม่ที่เป็ นต้นฉบับ (Original)
• มองสิ่งที่เคยเป็ น เคยเห็น ในมิตใหม่ ท่ แตกต่ าง เพื่อหาสิ่งที่สนใจ
                                  ิ       ี

• คิดหัวเรื่องและมุมของเรื่องที่สนใจทา
  (โดยให้ เกี่ยวข้ องกับวิชาแกนหลัก หรือ แนวคิดที่สาคัญในศตวรรษที่ 21)

• จากนันตอบคาถาม
       ้
    “การทาโครงงานนีจะให้ อะไรเพิ่มขึนจากสิ่งที่ร้ ูอยู่แล้ วหรือมีอยู่แล้ ว”
                   ้                ้

• นั่นคือ คิดทาสิ่งใหม่ ท่ เป็ นต้ นฉบับ (Original)
                           ี
  (โดยอาจปรับหรือประยุกต์ จากงานเก่ า หรือต่ อยอดจากงานเก่ า )
แบ่งเป็ นกลุ่ม (กลุ่มเดิม)

                             งานที่ทา
• ปรับ “หัวเรื่อง” และ “มุมของเรื่อง” ให้เกี่ยวโยงแนวคิดที่สาคัญ
  ในศตวรรษที่ 21 และเกี่ยวโยงกับท้องถ่ิ น
• ตอบคาถามนี้
       “หากโครงงานนี้ ต้องทาให้เสร็จภายในกรอบเวลา 6 เดือน
กลุ่มจะสามารถทางานได้เสร็จทันหรือไม่?”
• ปรับ “หัวเรื่อง” “มุมของเรื่อง” ให้สามารถทางานได้ภายใน
  กรอบเวลา 6 เดือน
• Small is beautiful!

• คิดในสิ่งที่ทาได้ จริง ในกรอบเวลาที่กาหนด

• เลือกหัวเรื่องที่สนใจ (จากวิชาแกนหลัก หรือ จากแนวคิด
  ที่สาคัญในศตวรรษที่ 21 ) ซึ่งอาจเกี่ยวโยงกับท้ องถิ่น
  ฯลฯ
งาȨลุ่ม


• อ่าน หนังสือ โครงงานวิทยาศาสตร์แบบงานวิจย
                                          ั
  หน้ า 58-61
• อภิปรายเพื่อทาความเข้าใจเกี่ยวกับ

                   “การเลือกหัวเรื่อง”
           “การเลือกหัวเรื่องทีดีมาทาโครงงาน”
            “การศึกษาค้นคว้าข้อมูลพืนฐาน”
                                       ้
การระบุคาถามྺองโครงงาน
/ การระบุปัญหาของโครงงาน
คาถาม / ปัญหาของโครงงาน
• ส่วนยากในการทาโครงงาน แต่เป็ นส่วนที่สร้างความ
  น่ าสนใจของโครงงาน
• เป็ นส่วนที่แสดงให้รว่า การทาโครงงานต้องการผลลัพธ์
                      ู้
  ท้ายสุดที่อะไร (คาตอบของคาถามྺองโครงงาน, การ
  ค้นพบหนทางแก้ไขปัญหาให้ดีขึน การสร้างสิ่งใหม่)
                                 ้
• การตังคาถามྺองโครงงานที่ดี หรือ การระบุปัญหาของ
         ้
  โครงงานได้ถกต้อง ทาให้ได้ผลงานในการทาโครงงานที่ดี
                ู
• เหตุเกิดที่อาเภอหนึ่ง คือ มีผ้ ูป่วยจานวนมากกว่ า 50 คน มาเข้ า
  สถานพยาบาลอย่ างต่ อเนื่องในวันเดียวกันด้ วยอาการท้ องร่ วง
  อย่ างหนัก แพทย์ ตรวจพบว่ า คนไข้ ทุกคนมีเชือชนิดเดียวกันใน
                                                       ้
  ร่ างกาย แพทย์ และสาธารณสุขตังข้ อสงสัยว่ า มีปัญหาบางอย่ าง
                                       ้
  เกิดขึนแน่ จึงให้ เจ้ าหน้ าที่สัมภาษณ์ ผ้ ูป่วยแต่ ละคนเกี่ยวกับ
        ้
  อาหารที่รับประทานและพฤติกรรมที่ทาในเวลา 24 ชั่วโมง และ
  เจ้ าหน้ าที่สาธารณสุขได้ ออกสารวจและเก็บตัวอย่ างนาจากแหล่ ง
                                                              ้
  ต่ างๆ และได้ ตรวจพบเชือชนิดเดียวกันกับคนไข้ ในปริมาณที่สูง
                              ้
  ในแหล่ งนาสายสาคัญของอาเภอ ซึ่งคนในอาเภอใช้ อุปโภค
                ้
  บริโภค และต่ อมาเจ้ าหน้ าที่สาธารณสุขได้ ค้นพบว่ า ผู้ป่วยแต่ ละ
  คนมีความเชื่อมโยงทางใดทางหนึ่งในการอุปโภคหรือบริโภคนา             ้
  จากแหล่ งนัน    ้
อะไร คือ ปั ญหา         • คนป่ วยจานวนมากมีอาการท้ องร่ วงอย่ างหนัก
สภาพปั ญหาเป็ นอย่ างไร • แหล่ งนาสาคัญในอาเภอมีเชือท้ องร่ วงปริมาณสูง
                                   ้                       ้
                        • เชือท้ องร่ วงที่พบในผู้ป่วยและในแหล่ งนาเป็ นชนิด
                             ้                                           ้
                          เดียวกัน
มีแนวคิดอย่ างไร        • เชือท้ องร่ วงลงไปสู่แหล่ งนาได้ อย่ างไร
                               ้                        ้
ต่ อปั ญหาที่เกิดขึน
                   ้    • เชือท้ องร่ วงเข้ าไปสู่ร่างกายผู้ป่วยได้ อย่ างไร
                                 ้

เพราะอะไรจึงให้ ลาดับ • แหล่ งนาเป็ นที่สาธารณะ การกระจายเชือโรคเกิด
                                    ้                                ้
ความสาคัญกับปั ญหาที่      ได้ ง่าย
เกิดขึนนี ้
        ้                • การดาเนินชีวตประจาวันของคนในอาเภอ มี
                                          ิ
                           ความสัมพันธ์ กับแหล่ งนาที่พบเชือท้ องร่ วง
                                                    ้         ้
                         • คนป่ วยโรคท้ องร่ วงอาจเพิ่มจานวนมากขึนได้ อีก
                                                                       ้
สิ่งที่ต้องการได้ จากการ • เชือท้ องร่ วงลดปริมาณลงจนหมดไปจากแหล่ งนา
                               ้                                            ้
แก้ ปัญหา คืออะไร        • ไม่ มีคนป่ วยจากการได้ รับเชือท้ องร่ วงจากแหล่ งนา
                                                        ้                     ้
                           นัน
                             ้
• การระบุปัญหาได้ดี ต้องมีความชัดเจนในการค้นหาและ
  มองเห็นถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
• การระบุปัญหาที่ไม่ถกต้อง ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่
                        ู
  แท้จริงได้
• การระบุปัญหาที่ถกต้อง ทาให้สามารถคาดการณ์หรือ
                     ู
  ระบุสิ่งที่ต้องการได้จากการแก้ปัญหาได้ และช่วยในการ
  วางแผนการแก้ไขปัญหาได้มาก
คาถามྺองโครงงาน   จินตนาการ
      หรือ        ผลลัพธ์ท้ายสุด
ปัญหาของโครงงาน   ที่ต้องการได้รบจาก
                                ั
                  การทาโครงงาน
เทคนิคการระบุปัญหาให้ได้ดี
• คิดอย่ างเป็ นขันเป็ นตอนและมีเหตุผล โดยลองตังคาถาม และ
                  ้                            ้
  ทดลองนึกคาตอบ
• ไล่ เรียงความคิดในการตังคาถามลงไปอย่ างน้ อย 4-5 ระดับ
                           ้
  เพื่อให้ ค้นพบปั ญหาที่แท้ จริงได้ ดีขน
                                        ึ้
• ปรึกษาผู้มีความรู้
• ระดมความคิดเพื่อช่ วยกันมองและเชื่อมโยงปั ญหาในหลายทาง
  หรือ ในหลายมิติ
เทคนิคการระบุปัญหาของโครงงาน
•   อะไร คือ ปั ญหา ?
•   สภาพของปั ญหาเป็ นอย่ างไร ?
•   มีแนวคิดอย่ างกรต่ อปั ญหาที่เกิดขึน
                                       ้
•   ทาไมหรือเพราะอะไรจึงต้ องให้ ลาดับความสาคัญกับปั ญหานัน ?
                                                          ้
•   สิ่งที่ต้องการได้ จากการแก้ ปัญหา คือ อะไร ?
งาȨลุ่ม

            งานที่ทา
“การจัดลาดับความสาคัญของปัญหา”
• มีจดเน้ น/เป้ าหมายในการทาโครงงานที่ชดเจน
      ุ                                     ั
• เป็ นส่วนที่ทาให้ร้ว่า ความสาเร็จที่ต้องการให้
                     ู
  เกิดขึนจากการทาโครงงานคืออะไร
        ้
• เป้ าหมายในการทาโครงงาน ทาให้การดาเนินงาน
  สามารถจัดการได้และทาให้เกิดขึนจริงได้
                                    ้
• ออกแบบการดาเนินงาน และวางแผนการ
  ดาเนินงานให้สมพันธ์กบกรอบวลาที่กาหนด
                ั      ั
• แบ่งการดาเนินงานออกเป็ นขันตอน โดยมีการ
                             ้
  กาหนดเงื่อนไขการทางานและช่วงแวลาที่ใช้ในการ
  ทางานให้ไปสู่ความสาเร็จได้
• มีการจัดลาดับขันตอนในการทางานที่เป็ นระบบ
                  ้
  และเรียงตามลาดับความสาคัญในการทางาน โดย
  คานึ งถึงรายละเอียดในการทางานจริง
การออกแบบการดาเนินงาน
• ออกแบบการดาเนินงานในกรอบของหัวเรื่องและคาถามของ
  โครงงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ท้ายสุดที่ต้องการ / เพื่อตอบคาถาม
  ของโครงงาน / เพื่อแก้ โจทย์ปัญหาของโครงการ
• ระบุวิธีการดาเนินงาน วิธีบนทึดข้อมูลที่ได้จากการดาเนินงาน
                             ั
                        ที่มาของโครงการ
• ระบุเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุ ที่ใช้ (อาจรวมถึงสถานที่ และ
  งบประมาณ
• แบ่งดาเนินงานเป็ นงานย่อยๆ เพื่อจัดการงานอย่างมี
  ประสิทธิภาพ และสาเร็จได้ภายในกรอบเวลา
การเขียนข้อเสนอโครงงาน
ส่วนประกอบของข้อเสนอโครงการ
•   หัวเรื่อง
•   คาถาม / ปัญหา / สมมติฐาน ของโครงงาน
•   วัตถุประสงค์
                       ที่มาของโครงการ
•   ที่มาของโครงการ
•   วิธีดาเนินงาน
•   งบประมาณ / สถานที่
•   ผลที่คาดว่าจะได้รบ
                     ั
งาȨลุ่ม

           งานที่ทา
“เขียนข้อเสนอโครงงาน 1 เรื่อง”
่
        การเรียนรู้ผานการทาโครงงาน
• ผู้เรี ยนเรียนรู้ ผ่าน กระบวนการค้ นหาคาตอบหรือปั ญหาของโครงงาน หรื อสิ่ง
  ท้ าทาย
• ผู้เรี ยนเรียนรู้ วชาหลักและแนวคิดที่สาคัญของศตวรรษที่ 21
                      ิ
• ผู้เรี ยนได้ ใช้ ฝึ ก และพัฒนาทักษะที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
  (4C – ความคิดสร้ างสรรค์ และนวัตกรรม
           - ความคิดเชิงวิพากษ์ และการคิดวิเคราะห์ และการแก้ ไขปั ญหา
           - การสื่อสารในรู ปแบบต่ างๆ
           - ความร่ วมมือในการทางาน)
• ผู้เรี ยนได้ ทางานโดยการใช้ ความคิดระดับสูง
• ผู้เรี ยนได้ สร้ างชินงานใหม่ ท่ มีคุณภาพโดยได้ ลงมือทาด้ วยตนเอง และได้
                        ้          ี
  นาเสนองาน
การเขียนข้อเสนอโครงงาน   น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version

More Related Content

Similar to การเขียนข้อเสนอโครงงาน น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version (20)

PDF
โครงงาȨาษาไทย
โก๋แก่ มันทุกเม็ด
PDF
ใบงาȨี่คอม1
Piyamas Songtronge
PDF
คอม01.dz
Piyamas Songtronge
PDF
ใบงาȨี่คอม1 (1)
suparada
PDF
ใบความรู้ที่3
Rattana Wongphu-nga
PDF
ใบความรู้ที่3
Rattana Wongphu-nga
PDF
ใบงาȨี่1
Piyamas Songtronge
PDF
ใบงาȨี่1น้ะ
Piyamas Songtronge
PDF
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
Assumption Rayong
PDF
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
อธิวัฒน์ จันทินมาธร
PDF
โครงงาȨอมพิวเตอร์
Assumption Rayong
PDF
โครงงาȨอมพิวเตอร์
อธิวัฒน์ จันทินมาธร
PPTX
Project1
ssuserf446af
PDF
จะทำโครงงาȨะไรดี
korakate
PDF
ขั้นตอȨารทำโครงงาน
KrooIndy Csaru
PDF
งาน2
chingching_wa
PPTX
โครงงาȨอมพิวเตอร์
PeeEllse
โครงงาȨาษาไทย
โก๋แก่ มันทุกเม็ด
ใบงาȨี่คอม1
Piyamas Songtronge
คอม01.dz
Piyamas Songtronge
ใบงาȨี่คอม1 (1)
suparada
ใบความรู้ที่3
Rattana Wongphu-nga
ใบความรู้ที่3
Rattana Wongphu-nga
ใบงาȨี่1
Piyamas Songtronge
ใบงาȨี่1น้ะ
Piyamas Songtronge
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
Assumption Rayong
โครงงาȨอมพิวเตอร์1
อธิวัฒน์ จันทินมาธร
โครงงาȨอมพิวเตอร์
Assumption Rayong
โครงงาȨอมพิวเตอร์
อธิวัฒน์ จันทินมาธร
Project1
ssuserf446af
จะทำโครงงาȨะไรดี
korakate
ขั้นตอȨารทำโครงงาน
KrooIndy Csaru
งาน2
chingching_wa
โครงงาȨอมพิวเตอร์
PeeEllse

More from NECTEC, NSTDA (12)

PDF
ประกาศกระทรวงพลังงาน ที่เกี่ยวกับการจัดการพลังงาน
NECTEC, NSTDA
PDF
Iso50001 (Energy Management System
NECTEC, NSTDA
PDF
ระบบมาตรฐานการจัดการพลังงาน ISO50001
NECTEC, NSTDA
PDF
แนวทางการพัฒȨสื่ออิ๶ล็กทรอȨกส์
NECTEC, NSTDA
PDF
คู่มือแนะนำวิธีการอ่าน e-Learning Technology Roadmap
NECTEC, NSTDA
ODP
Toward the NECTEC e-Learning Roadmap
NECTEC, NSTDA
ODP
แนะนำสื่อการสอȨาษาถิ่ȨȨูปแบบออนไลȨ
NECTEC, NSTDA
PDF
คู่มือการใช้งานระบบ LearnSquare
NECTEC, NSTDA
ODP
LearnSquare Administrator
NECTEC, NSTDA
PDF
แนะนำ Reload Editor
NECTEC, NSTDA
PDF
LearnSquare Workshop
NECTEC, NSTDA
PDF
Ln2 v4 show
NECTEC, NSTDA
ประกาศกระทรวงพลังงาน ที่เกี่ยวกับการจัดการพลังงาน
NECTEC, NSTDA
Iso50001 (Energy Management System
NECTEC, NSTDA
ระบบมาตรฐานการจัดการพลังงาน ISO50001
NECTEC, NSTDA
แนวทางการพัฒȨสื่ออิ๶ล็กทรอȨกส์
NECTEC, NSTDA
คู่มือแนะนำวิธีการอ่าน e-Learning Technology Roadmap
NECTEC, NSTDA
Toward the NECTEC e-Learning Roadmap
NECTEC, NSTDA
แนะนำสื่อการสอȨาษาถิ่ȨȨูปแบบออนไลȨ
NECTEC, NSTDA
คู่มือการใช้งานระบบ LearnSquare
NECTEC, NSTDA
LearnSquare Administrator
NECTEC, NSTDA
แนะนำ Reload Editor
NECTEC, NSTDA
LearnSquare Workshop
NECTEC, NSTDA
Ln2 v4 show
NECTEC, NSTDA
Ad

การเขียนข้อเสนอโครงงาน น่าน 26-27 มกราคม 2555 - final version

  • 1. การเขียนข้อเสนอโครงงาน มนธิดา สีตะธนี 26-27 มกราคม 2555 น่ าน
  • 7. กรอบคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21  ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผูเรียน ้  ระบบสนับสนุนการศึกษาในศตวรรษที่ 21
  • 8. กรอบคิดเพื่อการเรียนรูในศตวรรษที่ 21 ้ ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่สาคัญของนักเรียน องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 ทักษะที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21
  • 9. องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 (องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต) ั องค์ความรูในวิชาแกนหลัก ้ แนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที่ 21
  • 11. องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 •องค์ความรู้ในวิชาแกนหลัก - ภาษา - ศิลปะ - คณิตศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ - เศรษฐศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ - ประวัติศาสตร์ - การปกครองและพลเมือง
  • 12. องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต ั แนวคิดที่สาคัญในศตวรรษที่ 21 ???
  • 13. องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 •แนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที่ 21 (บูรณาการหลายศาสตร์ ) - ความตระหนักเกี่ยวกับโลก - ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการประกอบการ - ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็ นพลเมือง - ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ - ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
  • 14. ทักษะที่จาเป็ นสาหรับ ศตวรรษที่ 21 (ปัจจุบนและอนาคต) ั ???
  • 15. ทักษะที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต ั C  Creativity and Innovation (ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C  Critical and analytical thinking and problem-solving (ความคิดเชิงวิพากย์และการวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา) C  Communication (การสื่อสาร) C  Collaboration (ความร่วมมือในการทางาน)
  • 17. การทาโครงงาน เป็ น ยุทธวิธีหนึ่ งของการเรียนการสอน ที่ตอบโจทย์นี้ได้
  • 18. การทาโครงงานเตรียมเด็กสาหรับศตรรษที่ 21  เรียนรู้องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21  พัฒนาทักษะที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 องค์ความรู้วิชาแกนหลัก แนวคิดที่สาคัญในศตวรรษที่ 21
  • 19. องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 •องค์ความรู้ในวิชาแกนหลัก - ภาษา - ศิลปะ - คณิตศาสตร์ - วิทยาศาสตร์ - เศรษฐศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ - ประวัติศาสตร์ - การปกครองและพลเมือง
  • 20. องค์ความรู้ที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 •แนวคิ ดสาคัญในศตวรรษที่ 21 (บูรณาการหลายศาสตร์ ) - ความตระหนักเกี่ยวกับโลก - ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการประกอบการ - ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็ นพลเมือง - ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพ - ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
  • 21. ทักษะที่จาเป็ นสาหรับปัจจุบนและโลกอนาคต ั C  Creativity and Innovation (ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม) C  Critical and analytical thinking and problem-solving (ความคิดเชิงวิพากย์และการวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา) C  Communication (การสื่อสาร) C  Collaboration (ความร่วมมือในการทางาน)
  • 22. แบ่ งเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 ท่ าน งานที่ทา:  ระดมความคิด เพื่ออธิบายความหมายของข้ อความข้ างต้ น  ช่ วยกันสรุ ป “สิ่งที่เกิดขึนกับผู้เรียน” จากความหมายของ ้ “การทาโครงงาน คือ การเรียนรู้ท่ เป็ นอิสระ” ี
  • 24. การทาโครงงาน • ผูเรียนเลือกทางานตามความสนใจและมีความสนุกในการ ้ ทางาน • ผูเรียนออกแบบการทางานและตารางการทางานเอง ้ • ผูเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นหาองค์ความรู้และคาตอบด้วย ้ ตนเอง การให้คาแนะนาแก่ผเรียนเกิดขึนเป็ นครังคราว ู้ ้ ้ • การเรียนรู้บรณาการศาสตร์หลายด้าน ู • ผูเรียนเรียนรู้ค้นหาหนทางไปสู่ความสาเร็จด้วยตนเอง ้ • ผูเรียนรู้และได้รบบทเรียนจากการทางาน ้ ั
  • 27. ลักษณะที่สาคัญของโครงงาน • มีความเฉพาะของแต่ละโครงงาน - มุมของเรืองที่ทา ่ - ข้อมูลที่ได้ - กลุ่มเป้ าหมายที่เลือก - วิธีดาเนินงานที่ทา - สิ่งที่ได้ค้นพบ / ผลงานท้ายสุดที่ได้รบ ั  งานที่ทามีความเป็ นต้นฉบับ
  • 29. • มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง - อ้างอิงข้อมูลงานของผูอื่นที่เกี่ยวข้อง ้ - รายงานข้อมูลหรือสิ่งที่ได้ทาหรือได้ค้นพบ - อ้างอิงข้อมูลของงานของผูอื่นที่ได้ทาไว้ ้ และได้นามาใช้ประโยชน์ ในงานของตนเอง
  • 30. • มีจดเน้ น/เป้ าหมายที่ชดเจน ุ ั ???
  • 31. • มีจดเน้ น/เป้ าหมายที่ชดเจน ุ ั - มีคาถามหลักของโครงงาน ที่ทาให้ร้ผลลัพธ์ท้ายสุด ู ที่ต้องการได้รบจากการทาโครงงาน ั - งานที่ทาสามารถจัดการได้และทาให้เกิดขึนได้จริง ้ - กรอบของงานสามารถทาได้เสร็จในกรอบเวลาที่ กาหนด
  • 33. • มีกรอบเวลาในการทางาน - มีเงื่อนเวลาเป็ นตัวกาหนดการดาเนินงาน จากจุดเริ่มต้น  จุดสิ้นสุดในการโครงงาน - กรอบเวลา  เป็ นส่วนสาคัญในการวางแผนงานและ ในการจัดการการทางาน
  • 35. • มีการจัดการในการทางาน - มีการคิดและวางแผนการทางานล่วงหน้ า
  • 38. ขัȨอนการทาโครงงาน ้ หา / เลือกหัวเรื่อง นาเสนอ / สื่อสารสู่ผอื่น ู้ ค้นคว้าข้อมูลพืนฐานที่เกี่ยวข้อง ้ เขียนรายงาน ตังคาถาม / ระบุปัญหา / ้ สรุปผลงานที่ทา สมมติฐาน ของโครงงาน / สิ่งที่ได้ค้นพบ ค้นคว้าทบทวน บันทึกข้อมูลของงานที่ทา ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ / แปลความหมายข้อมูล วางแผนและออกแบบ วิธีการดาเนินงาน ดาเนินงาน / ทดลอง
  • 42. แบ่ งเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 7 คน งานที่ทา • จากการชมซีดี • ระดมความคิด เพื่อหามุมที่สนใจ • ร่ วมกันตัดสินใจเลือก “หัวเรื่อง” ที่ต้องการทาโครงงาน • จากนันตอบคาถาม ้ “การทาโครงงานหัวเรื่องนีจะให้ อะไรที่เพิ่มขึนจาก ้ ้ สิ่งที่ร้ ูอยู่แล้ วหรือมีอยู่แล้ ว?”
  • 43. การเลือกหัวเรื่อง มองสิ่งที่เป็ น ที่เห็น ที่มีอยู่ คิดหัวเรื่อง และมุมของเรื่อง ในมิติที่แตกต่าง ที่สนใจทา ตอบคาถาม “การทาโครงงานนี้ จะให้อะไรเพิ่มขึนจากสิ่งที่รอยู่ หรือมีอยู่แล้ว” ้ ู้ การทาโครงงาน  การทาสิ่งใหม่ที่เป็ นต้นฉบับ (Original)
  • 44. • มองสิ่งที่เคยเป็ น เคยเห็น ในมิตใหม่ ท่ แตกต่ าง เพื่อหาสิ่งที่สนใจ ิ ี • คิดหัวเรื่องและมุมของเรื่องที่สนใจทา (โดยให้ เกี่ยวข้ องกับวิชาแกนหลัก หรือ แนวคิดที่สาคัญในศตวรรษที่ 21) • จากนันตอบคาถาม ้ “การทาโครงงานนีจะให้ อะไรเพิ่มขึนจากสิ่งที่ร้ ูอยู่แล้ วหรือมีอยู่แล้ ว” ้ ้ • นั่นคือ คิดทาสิ่งใหม่ ท่ เป็ นต้ นฉบับ (Original) ี (โดยอาจปรับหรือประยุกต์ จากงานเก่ า หรือต่ อยอดจากงานเก่ า )
  • 45. แบ่งเป็ นกลุ่ม (กลุ่มเดิม) งานที่ทา • ปรับ “หัวเรื่อง” และ “มุมของเรื่อง” ให้เกี่ยวโยงแนวคิดที่สาคัญ ในศตวรรษที่ 21 และเกี่ยวโยงกับท้องถ่ิ น • ตอบคาถามนี้ “หากโครงงานนี้ ต้องทาให้เสร็จภายในกรอบเวลา 6 เดือน กลุ่มจะสามารถทางานได้เสร็จทันหรือไม่?” • ปรับ “หัวเรื่อง” “มุมของเรื่อง” ให้สามารถทางานได้ภายใน กรอบเวลา 6 เดือน
  • 46. • Small is beautiful! • คิดในสิ่งที่ทาได้ จริง ในกรอบเวลาที่กาหนด • เลือกหัวเรื่องที่สนใจ (จากวิชาแกนหลัก หรือ จากแนวคิด ที่สาคัญในศตวรรษที่ 21 ) ซึ่งอาจเกี่ยวโยงกับท้ องถิ่น ฯลฯ
  • 47. งาȨลุ่ม • อ่าน หนังสือ โครงงานวิทยาศาสตร์แบบงานวิจย ั หน้ า 58-61 • อภิปรายเพื่อทาความเข้าใจเกี่ยวกับ “การเลือกหัวเรื่อง” “การเลือกหัวเรื่องทีดีมาทาโครงงาน” “การศึกษาค้นคว้าข้อมูลพืนฐาน” ้
  • 49. คาถาม / ปัญหาของโครงงาน • ส่วนยากในการทาโครงงาน แต่เป็ นส่วนที่สร้างความ น่ าสนใจของโครงงาน • เป็ นส่วนที่แสดงให้รว่า การทาโครงงานต้องการผลลัพธ์ ู้ ท้ายสุดที่อะไร (คาตอบของคาถามྺองโครงงาน, การ ค้นพบหนทางแก้ไขปัญหาให้ดีขึน การสร้างสิ่งใหม่) ้ • การตังคาถามྺองโครงงานที่ดี หรือ การระบุปัญหาของ ้ โครงงานได้ถกต้อง ทาให้ได้ผลงานในการทาโครงงานที่ดี ู
  • 50. • เหตุเกิดที่อาเภอหนึ่ง คือ มีผ้ ูป่วยจานวนมากกว่ า 50 คน มาเข้ า สถานพยาบาลอย่ างต่ อเนื่องในวันเดียวกันด้ วยอาการท้ องร่ วง อย่ างหนัก แพทย์ ตรวจพบว่ า คนไข้ ทุกคนมีเชือชนิดเดียวกันใน ้ ร่ างกาย แพทย์ และสาธารณสุขตังข้ อสงสัยว่ า มีปัญหาบางอย่ าง ้ เกิดขึนแน่ จึงให้ เจ้ าหน้ าที่สัมภาษณ์ ผ้ ูป่วยแต่ ละคนเกี่ยวกับ ้ อาหารที่รับประทานและพฤติกรรมที่ทาในเวลา 24 ชั่วโมง และ เจ้ าหน้ าที่สาธารณสุขได้ ออกสารวจและเก็บตัวอย่ างนาจากแหล่ ง ้ ต่ างๆ และได้ ตรวจพบเชือชนิดเดียวกันกับคนไข้ ในปริมาณที่สูง ้ ในแหล่ งนาสายสาคัญของอาเภอ ซึ่งคนในอาเภอใช้ อุปโภค ้ บริโภค และต่ อมาเจ้ าหน้ าที่สาธารณสุขได้ ค้นพบว่ า ผู้ป่วยแต่ ละ คนมีความเชื่อมโยงทางใดทางหนึ่งในการอุปโภคหรือบริโภคนา ้ จากแหล่ งนัน ้
  • 51. อะไร คือ ปั ญหา • คนป่ วยจานวนมากมีอาการท้ องร่ วงอย่ างหนัก สภาพปั ญหาเป็ นอย่ างไร • แหล่ งนาสาคัญในอาเภอมีเชือท้ องร่ วงปริมาณสูง ้ ้ • เชือท้ องร่ วงที่พบในผู้ป่วยและในแหล่ งนาเป็ นชนิด ้ ้ เดียวกัน มีแนวคิดอย่ างไร • เชือท้ องร่ วงลงไปสู่แหล่ งนาได้ อย่ างไร ้ ้ ต่ อปั ญหาที่เกิดขึน ้ • เชือท้ องร่ วงเข้ าไปสู่ร่างกายผู้ป่วยได้ อย่ างไร ้ เพราะอะไรจึงให้ ลาดับ • แหล่ งนาเป็ นที่สาธารณะ การกระจายเชือโรคเกิด ้ ้ ความสาคัญกับปั ญหาที่ ได้ ง่าย เกิดขึนนี ้ ้ • การดาเนินชีวตประจาวันของคนในอาเภอ มี ิ ความสัมพันธ์ กับแหล่ งนาที่พบเชือท้ องร่ วง ้ ้ • คนป่ วยโรคท้ องร่ วงอาจเพิ่มจานวนมากขึนได้ อีก ้ สิ่งที่ต้องการได้ จากการ • เชือท้ องร่ วงลดปริมาณลงจนหมดไปจากแหล่ งนา ้ ้ แก้ ปัญหา คืออะไร • ไม่ มีคนป่ วยจากการได้ รับเชือท้ องร่ วงจากแหล่ งนา ้ ้ นัน ้
  • 52. • การระบุปัญหาได้ดี ต้องมีความชัดเจนในการค้นหาและ มองเห็นถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา • การระบุปัญหาที่ไม่ถกต้อง ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่ ู แท้จริงได้ • การระบุปัญหาที่ถกต้อง ทาให้สามารถคาดการณ์หรือ ู ระบุสิ่งที่ต้องการได้จากการแก้ปัญหาได้ และช่วยในการ วางแผนการแก้ไขปัญหาได้มาก
  • 53. คาถามྺองโครงงาน จินตนาการ หรือ ผลลัพธ์ท้ายสุด ปัญหาของโครงงาน ที่ต้องการได้รบจาก ั การทาโครงงาน
  • 54. เทคนิคการระบุปัญหาให้ได้ดี • คิดอย่ างเป็ นขันเป็ นตอนและมีเหตุผล โดยลองตังคาถาม และ ้ ้ ทดลองนึกคาตอบ • ไล่ เรียงความคิดในการตังคาถามลงไปอย่ างน้ อย 4-5 ระดับ ้ เพื่อให้ ค้นพบปั ญหาที่แท้ จริงได้ ดีขน ึ้ • ปรึกษาผู้มีความรู้ • ระดมความคิดเพื่อช่ วยกันมองและเชื่อมโยงปั ญหาในหลายทาง หรือ ในหลายมิติ
  • 55. เทคนิคการระบุปัญหาของโครงงาน • อะไร คือ ปั ญหา ? • สภาพของปั ญหาเป็ นอย่ างไร ? • มีแนวคิดอย่ างกรต่ อปั ญหาที่เกิดขึน ้ • ทาไมหรือเพราะอะไรจึงต้ องให้ ลาดับความสาคัญกับปั ญหานัน ? ้ • สิ่งที่ต้องการได้ จากการแก้ ปัญหา คือ อะไร ?
  • 56. งาȨลุ่ม งานที่ทา “การจัดลาดับความสาคัญของปัญหา”
  • 57. • มีจดเน้ น/เป้ าหมายในการทาโครงงานที่ชดเจน ุ ั • เป็ นส่วนที่ทาให้ร้ว่า ความสาเร็จที่ต้องการให้ ู เกิดขึนจากการทาโครงงานคืออะไร ้ • เป้ าหมายในการทาโครงงาน ทาให้การดาเนินงาน สามารถจัดการได้และทาให้เกิดขึนจริงได้ ้
  • 58. • ออกแบบการดาเนินงาน และวางแผนการ ดาเนินงานให้สมพันธ์กบกรอบวลาที่กาหนด ั ั • แบ่งการดาเนินงานออกเป็ นขันตอน โดยมีการ ้ กาหนดเงื่อนไขการทางานและช่วงแวลาที่ใช้ในการ ทางานให้ไปสู่ความสาเร็จได้ • มีการจัดลาดับขันตอนในการทางานที่เป็ นระบบ ้ และเรียงตามลาดับความสาคัญในการทางาน โดย คานึ งถึงรายละเอียดในการทางานจริง
  • 59. การออกแบบการดาเนินงาน • ออกแบบการดาเนินงานในกรอบของหัวเรื่องและคาถามของ โครงงาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ท้ายสุดที่ต้องการ / เพื่อตอบคาถาม ของโครงงาน / เพื่อแก้ โจทย์ปัญหาของโครงการ • ระบุวิธีการดาเนินงาน วิธีบนทึดข้อมูลที่ได้จากการดาเนินงาน ั ที่มาของโครงการ • ระบุเครื่องมือ อุปกรณ์ วัสดุ ที่ใช้ (อาจรวมถึงสถานที่ และ งบประมาณ • แบ่งดาเนินงานเป็ นงานย่อยๆ เพื่อจัดการงานอย่างมี ประสิทธิภาพ และสาเร็จได้ภายในกรอบเวลา
  • 61. ส่วนประกอบของข้อเสนอโครงการ • หัวเรื่อง • คาถาม / ปัญหา / สมมติฐาน ของโครงงาน • วัตถุประสงค์ ที่มาของโครงการ • ที่มาของโครงการ • วิธีดาเนินงาน • งบประมาณ / สถานที่ • ผลที่คาดว่าจะได้รบ ั
  • 62. งาȨลุ่ม งานที่ทา “เขียนข้อเสนอโครงงาน 1 เรื่อง”
  • 63. การเรียนรู้ผานการทาโครงงาน • ผู้เรี ยนเรียนรู้ ผ่าน กระบวนการค้ นหาคาตอบหรือปั ญหาของโครงงาน หรื อสิ่ง ท้ าทาย • ผู้เรี ยนเรียนรู้ วชาหลักและแนวคิดที่สาคัญของศตวรรษที่ 21 ิ • ผู้เรี ยนได้ ใช้ ฝึ ก และพัฒนาทักษะที่จาเป็ นสาหรับศตวรรษที่ 21 (4C – ความคิดสร้ างสรรค์ และนวัตกรรม - ความคิดเชิงวิพากษ์ และการคิดวิเคราะห์ และการแก้ ไขปั ญหา - การสื่อสารในรู ปแบบต่ างๆ - ความร่ วมมือในการทางาน) • ผู้เรี ยนได้ ทางานโดยการใช้ ความคิดระดับสูง • ผู้เรี ยนได้ สร้ างชินงานใหม่ ท่ มีคุณภาพโดยได้ ลงมือทาด้ วยตนเอง และได้ ้ ี นาเสนองาน