More Related Content What's hot (20)
PDF
ทฤษฎีการจัึϸารแบบวิทยาศาสตร์
wiraja
PDF
Chapter7 เทคนิคพัฒนาองค์การระดับกลุ่มและองค์การ
wanna2728
PPTX
การจัดการชั้นเรียน ดร.ไพรภ
pairop
Similar to Ch1 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการ (20)
PPT
การจัดการความรู้พื่อมุ่งสู่องค์กรแห่งการรียนรู้
Nona Khet
PDF
เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ 2567-2568 TQA Criteria 2567-2568 by Diagram.pdf
maruay songtanin
PDF
Chapter9 ความสำเร็จและปัญหาของการพัฒนาองค์การ
wanna2728
PDF
ออเจ้าถาม Baldrige ตอบ FAQs of Baldrige Criteria part 3 of 3
maruay songtanin
More from Nittaya Intarat (20) Ch1 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการ4. หน้าที่ของการจัดการ การวางแผน (Planning) การจัดการองค์การ (Organizing) การชักนำและการสื่อสารสั่งการ (Leading and Communication) การควบคุม และประเมินผล (Controlling) 5. ประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ( Efficiency ) การทำงานที่ได้ผลออกมามาก หรือเท่ากับเป้าหมาย แต่ใช้ทรัพยากรน้อยโดยการวัดอัตราส่วนระหว่างผลงานที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรที่ใช้ไปในการดำเนินการดังกล่าว จึงเท่ากับว่าเกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ประสิทธิผล ( Effective) ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการปฏิบัติงานที่ได้ผลออกมาเท่าหรือมากกว่าวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7. กลุ่มแนวคิดการจัดการองค์การ ที่มีแบบแผนเป็นทางการ (Max Weber, 1864-1920) มีการแบ่งงานกันทำ มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ ยึดถือหลักตามสายบังคับบัญชา มีกฎระเบียบและกระบวนการทำงาน ที่กำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ไม่ยึดถือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ใช้เหตุผลและความเสมอภาคเท่านั้น ทฤษฎีระบบราชการ (bureaucracy) เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ 8. กลุ่มแนวคิด ทฤษฎีองค์การและ การจัดการที่เน้นหลักการจัดการ ( Frederick W. Taylor, 1856-1915 ) ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่จะสร้างเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน การคัดเลือกและฝึกอบรมบุคลากร พัฒนาแรงจูงใจในรูปแบบค่าตอบแทนสำหรับการทำงานที่มีมาตรฐาน มนุษย์ทำงานเหมือนเครื่องจักร 9. กลุ่มแนวคิดทฤษฎีองค์การ และการจัดการแบบเน้นที่คน ( Abraham Maslow, 1908-1970 ) ทฤษฎีลำดับขั้นของความต้องการ (Maslow’s Hierarchical Theory of Motivation) เชื่อว่ามนุษย์มีความต้องการเป็นลำดับ 5 ขั้นคือ Physiological needs Safety needs Belongingness and love needs Esteem needs Self-actualization needs นำทฤษฎีดังกล่าวมาปรับใช้ในการสร้างแรงจูงใจของบุคลากร เพื่อตอบสนองความต้องการในแต่ละลำดับขั้น 10. กลุ่มแนวคิดทฤษฎีองค์การ X และ Y (Douglas McGregor, 1906-1964) มนุษย์ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ ทฤษฎี X 1. คนไม่อยากทำงาน และหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ 2. คนไม่ทะเยอทะยาน และไม่คิดริเริ่ม ชอบให้สั่ง 3. คนเห็นแก่ตนเองมากกว่าองค์การ 4. คนมักต่อต้านการเปลี่ยนแปลง 5. คนถูกหลอกง่าย ทฤษฎี Y 1. คนจะให้ความร่วมมือ สนับสนุน รับผิดชอบ ขยัน 2. คนไม่เกียจคร้านและไว้วางใจได้ 3. คนมีความคิดริเริ่มทำงานถ้าได้รับการจูงใจอย่างถูกต้อง 4. คนมักจะพัฒนาวิธีการทำงาน และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ 11. ทฤษฎีความต้องการสามประการ (David McClelland, 1917-1998) ความต้องการประสบความสำเร็จ จะแสวงหาแนวทางเพื่อก้าวไปข้างหน้า จะใช้ความพยายามเพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ และจะมีความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาต่างๆ ความต้องการด้านสังคม ความต้องการนี้คล้ายกับความต้องการระดับที่ 3 ของมาสโลว์ คนกลุ่มนี้ได้จัดลำดับความสำคัญ ความต้องการที่อยากจะอยู่ร่วมกับผู้อื่น มากกว่าความต้องการเพื่อความสำเร็จ ความต้องการอำนาจ ความปรารถนาอยากได้อำนาจบารมีเพื่อนำไปใช้ควบคุมกำกับผู้อื่น 12. ทฤษฎีระบบ (Boulding and Bertalunffy) การบริหารจัดการที่เน้นระบบจะแบ่งระบบเป็น 2 ประเภทคือ ระบบปิดและระบบเปิด ระบบปิด เป็นระบบที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่ภายนอกองค์การ ระบบเปิด เป็นระบบที่มีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่ภายนอก มีส่วนประกอบที่สำคัญ 5 ส่วน Input Transformation process Output Feedbacks Environment 13. กลุ่มแนวคิดการบริหารจัดการเชิงปริมาณ (Robert McNamara and Charles Tex Thornton) ใช้ตัวเลข สถิติ และข้อมูลเชิงปริมาณเพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและประสิทธิภาพขององค์การ การจัดการการผลิต เช่น สินค้าคงคลัง การวางแผนการผลิต การควบคุมประสิทธิภาพการผลิต การออกแบบโรงงานและที่ตั้ง การกำหนดตารางการทำงาน 15. ทฤษฎี Z ( William Ouchi ) ปรับใช้ทฤษฎี X และ Y ที่เน้นการจัดการโดยการควบคุม หรือลงโทษสำหรับพนักงานที่ไม่ตั้งใจทำงานตามทฤษฎี X และมีการส่งเสริม ชมเชย และให้รางวัลแก่พนักงานที่ขยันทำงานตามทฤษฎี Y กลุ่มแนวคิดทฤษฎีองค์การและการจัดการตามสถานการณ์ Editor's Notes #5: 1. การวางแผนเป็นกระบวนการของการกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ขององค์การ และวิธีการที่จะบรรลุตามวัตถุประสงค์นั้น ตลอดจนการพิจารณาอนาคตที่จะเกิดขึ้นกับองค์การ ดังนั้นผู้บริหารระดับสูงจึงต้องมีการกำหนดแผนแม่บทขององค์การ และผู้บริหารระดับกลางต้องมีการจัดทำการวางแผนระดับฝ่ายและผู้บริหารระดับต้นจะต้องมีการวางแผนปฏิบัติการโดยที่ทุกแผนจะต้องมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน 2. การจัดการองค์การเป็นการจัดโครงสร้างและวางระบบการทำงานขององค์การ เช่นการกำหนดงาน ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบสายการบังคับบัญชา และอำนาจการตัดสินใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหน้าที่การปฏิบัติงานของบุคลากรและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ขององค์การ 3. การชักนำและการสื่อสารสั่งการเป็นการสื่อสารที่ทำให้เกิดความเข้าใจ และปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบ เพื่อให้การทำงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่นการสร้างภาวะผู้นำ การชักจูง การกระตุ้น การสั่งการและการมอบหมายงาน การสื่อสาร ประสานงาน ตลอดจนการป้องกัน แก้ไขข้อขัดแย้งต่างๆ 4. การควบคุมเป็นกระบวนการติดตามตรวจสอบผลงาน และการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้การดำเนินงานนั้นเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้