ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
โครงงาน เรื่ อง หลอดลมอักเสบ
                     เสนอ
            ครู ฉวีวรรณ นาคบุตร
                  จัดทาโดย
 นาย กสิ ณบดี วงศ์ทองเหลือ   ชั้น ม.4/4 เลขที่ 8
 นาย ณัฐวุฒิ อังคะนาวิน      ชั้น ม.4/4 เลขที่ 9
 นาย พลกฤต รัตนกมลกุล        ชั้น ม.4/4 เลขที่ 11
 นาย ภาณุมาศ ทองธรรมชาติ     ชั้น ม.4/4 เลขที่ 12

         โรงเรี ยน บ้านสวน(จันอนุสรณ์)
                              ่
                 ปี การศึกษา 2555
หลอดลมอักเสบ
 เมื่อคุณเป็ นหวัดจะเริ่ มด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัว
  น้ ามูกไหล แสบคอ เมื่อโรคดาเนินต่อไป คุณจะรู ้สึก
  แน่นหน้าอกมีเสมหะในคอ และคุณเริ่ มเกิดอาการไอ
  แสดงว่าคุณเริ่ มเป็ นโรคหลอึϸมอัก๶สบ โรค
  หลอดลมอักเสบคือโรคที่เกิดจากการอักเสบเยือบุ
                                           ่
  ของหลอดลม ทาให้เยือบุหลอดลมบวม และมี
                           ่
  เสมหะอุดหลอดลม ผูป่วยบางรายหลอดลมบวมมาก
                         ้
  และมีเสมหะมากทาให้เกิดลักษณะเหมือนโรคหอบ
  หื ด
หากคุณเป็ นโรคหลอึϸมอัก๶สบจะมีอาการอะไรบ้ าง
        ไอเป็ นอาการที่สาคัญที่สุด เสมหะจะมีสีเหลืองหรื อเขียวแต่
   ท่านอาจจะไม่ได้เห็นเสมหะในเด็กหรื อ ผูใหญ่บางคนที่กลืน
                                           ้
   เสมหะลงไปกระเพาะ นอกจากไอแล้วยังมีอาการอื่นคือ
แสบคอ เจ็บคอบางคนมีอาการแสบหน้าอก
หายใจลาบาก
หายใจเสี ยงดังหวีด
ครั่นเนื้อครั่นตัว
ไข้ไม่สูง
สาเหตุ !!!
ส่ วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนไข้หวัด เชื้ออื่นที่เป็ นสาเหตุคือ
 เชื้อ Mycoplasma pneumoniae.,Chlamydia pneumoniae
หลอดอักเสบจากสิ่ งแวดล้อมเช่น ควันบุหรี่ กลิ่นสี สารเคมี ฝุ่ น
จากกรดในกระเพาะที่ไหลย้อน gastroesophageal reflux disease
 (GERD)
เนื่องจากเชื้อที่พบเป็ นสาเหตุส่วนใหญ่ของ acute bronchiolitis คือไวรัส
ดังนั้น การป้ องกันการเกิด acute bronchiolitis ส่ วนใหญ่จึงเป็ นเรื่ องของการ
ป้ องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจและการใช้ยาป้ องกันไวรัส
โดยเฉพาะอย่างยิงยาป้ องกันการติดเชื้อ RSV ซึ่งมีการศึกษาและใช้กนอยู่
                   ่                                                     ั
มากในต่างประเทศ ได้แก่ RSV immunoglobulin หรื อ RSV-Ig (Respigam)
และ monoclonal RSV-Ig (Synergis) อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังไม่มี
ยาเหล่านี้ และการศึกษาในปัจจุบนยังเป็ นไม่เป็ นที่ยนยันแน่นอนเกี่ยวกับ
                                  ั                 ื
ความคุมค่าของการให้ยาเหล่านี้ในการป้ องกันการติดเชื้อ RSV ในผูป่วยเด็ก
        ้                                                              ้
ปัจจัยเสี่ ยงต่ อการเกิดโรคหลอึϸมอัก๶สบ
                   ่ ั
สูบบุหรี่ หรื ออยูกบคนที่สูบบุหรี่
ผูที่มีโรคประจาที่ทาให้ภูมิคุมกันอ่อนแอลงเช่น โรคเบาหวาน
   ้                          ้
 โรคตับ เป็ นต้น
ผูที่มีโรคกรดไหลย้อน gastroesophageal reflux disease (GERD)
   ้
ผูที่ทางานกับสารระคายเคืองเช่น ฝุ่ น สารเคมี
   ้
ควรพบแพทย์ เมือใด
                                           ่

   โรคหลอึϸมอัก๶สบมักจะหายได้เองใน 7-10 วัน ผูป่วยส่ วนหนึ่งประมาณร้อยละ 50หายใน 3
                                                  ้
   สัปดาห์ ร้อยละ 25 หายใช้เวลาเป็ นเดือนจึงจะหาย การดูแลให้พกผ่อนอย่างเต็มที่ ดื่มน้ ามากๆ คุณ
                                                             ั
   ควรจะพบแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้
 ไข้สูงกว่า 38.5 องศา
 หายใจลาบากหรื อเหนื่อยหอบ
 เสมหะมีเลือดปน
 เสมหะเป็ นหนอง
 เมื่อคุณมีโรคประจาตัวเช่น โรคหัวใจ โรคปอด
แนวทางการรักษา
การรักษาโรคหลอึϸมอัก๶สบนี้ ส่ วนใหญ่จะรักษาตามอาการที่เป็ นในขณะนั้น เช่น การให้
รับประทานยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม หรื อ ยาลดไข้ เนื่องจากโรคส่ วนใหญ่เกิดจากเชื้อ
ไวรัส จึงไม่จาเป็ นต้องให้ยาปฏิชีวนะ
  ในกรณี ผป่วยเด็ก ไม่นิยมให้ยาแก้ไอ เพราะอาจทาให้เสมหะค้างในหลอดลมจนกลายเป็ น
               ู้
    โรคอื่นๆ ที่รุนแรงอย่าง เช่น โรคปอดอักเสบ หรื อโรคหลอดลมโป่ งพองได้
  ให้ผป่วยพักผ่อนอย่างพอเพียง ดื่มน้ ามากๆ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ที่ระคายต่อหลอดลม
         ู้
  หากตรวจพบว่าโรคหลอึϸมอัก๶สบนี้ เกิดจากการติดเชื้ อแบคทีเรี ย แพทย์จะพิจารณาให้ยา
    ปฏิชีวนะ ยาใหม่ที่ใช้ได้ผลดีชื่อ Telithromycin ซึ่ งเป็ นยาที่จดอยูในกลุ่ม ketolides จากการ
                                                                   ั ่
    ศึกษาวิจยในระยะหลัง พบว่าเกิดปั ญหาเชื้อดื้อยาน้อยมาก
             ั
การวินิจฉัยโรค
                                           
 การวินิจฉัยโรคหลอึϸมอัก๶สบทาได้โดยการซักถามประวัติ
  อาการ และการตรวจร่ างกายอย่างละเอียด การตรวจร่ างกาย
  ระบบทางเดินหายใจทั้งส่ วนบนและส่ วนล่าง ช่วยให้แพทย์
  วินิจฉัยโรคได้แม่นยามากขึ้น บางครั้งแพทย์อาจต้องวินิจฉัย
  แยกโรคที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหื ด โรค
  ติดเชื้ออื่นๆ ภาวะหัวใจวาย โรคมะเร็ งปอด และโรคกรดใน
  กระเพาะไหลย้อน
 การตรวจเสมหะ หรื อเพาะเชื้อจากเสมหะ แพทย์จะพิจารณา
  ในรายที่มีขอบ่งชี้ และต้องเลือกเก็บเสมหะที่แท้จริ ง อาจต้อง
               ้
  ใช้เทคนิคพิเศษบางประการเพื่อช่วยในการเก็บตัวอย่างเพื่อ
  ส่ งตรวจทางห้องปฏิบติการ
                        ั
THE END

More Related Content

What's hot (20)

วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)
Wan Ngamwongwan
โรคมะเร็งกล่อง๶สียง
โรคมะเร็งกล่อง๶สียงโรคมะเร็งกล่อง๶สียง
โรคมะเร็งกล่อง๶สียง
Wan Ngamwongwan
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
Wan Ngamwongwan
หยุดทำร้ายผู้อื่น
หยุดทำร้ายผู้อื่นหยุดทำร้ายผู้อื่น
หยุดทำร้ายผู้อื่น
Wan Ngamwongwan
รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่
Wan Ngamwongwan
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
Wan Ngamwongwan
รณรงค์งดสูบบุหรี่1
รณรงค์งดสูบบุหรี่1รณรงค์งดสูบบุหรี่1
รณรงค์งดสูบบุหรี่1
Wan Ngamwongwan
สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่
สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่
สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่
Wan Ngamwongwan
หยุดสูบบุหรี่
หยุดสูบบุหรี่หยุดสูบบุหรี่
หยุดสูบบุหรี่
Wan Ngamwongwan
โรคถุงลมโป่งพอง
โรคถุงลมโป่งพองโรคถุงลมโป่งพอง
โรคถุงลมโป่งพอง
Wan Ngamwongwan
Ppt influenza
Ppt influenzaPpt influenza
Ppt influenza
Prachaya Sriswang
2010_PMC Respiatory Disease
2010_PMC Respiatory Disease2010_PMC Respiatory Disease
2010_PMC Respiatory Disease
Nursing Room By Rangsima
Ppt. influenza (25.8.57)
Ppt. influenza (25.8.57)Ppt. influenza (25.8.57)
Ppt. influenza (25.8.57)
Prachaya Sriswang
มะ๶ร็งกล่อง๶สียง
มะ๶ร็งกล่อง๶สียงมะ๶ร็งกล่อง๶สียง
มะ๶ร็งกล่อง๶สียง
Wan Ngamwongwan
52010918560sce12
52010918560sce1252010918560sce12
52010918560sce12
tungmsu
ไྺ้เลือดออก
ไྺ้เลือดออกไྺ้เลือดออก
ไྺ้เลือดออก
Prachaya Sriswang
การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)
การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)
การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)
BowBow580146
ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)
ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)
ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)
Wan Ngamwongwan
๶รื่องปอดบวม
๶รื่องปอดบวม๶รื่องปอดบวม
๶รื่องปอดบวม
Wan Ngamwongwan
วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)วัณโรค (Tuberculosis)
วัณโรค (Tuberculosis)
Wan Ngamwongwan
โรคมะเร็งกล่อง๶สียง
โรคมะเร็งกล่อง๶สียงโรคมะเร็งกล่อง๶สียง
โรคมะเร็งกล่อง๶สียง
Wan Ngamwongwan
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
Wan Ngamwongwan
หยุดทำร้ายผู้อื่น
หยุดทำร้ายผู้อื่นหยุดทำร้ายผู้อื่น
หยุดทำร้ายผู้อื่น
Wan Ngamwongwan
รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่
Wan Ngamwongwan
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
๶ยื่อหุ้มปอึϸัก๶สบ
Wan Ngamwongwan
รณรงค์งดสูบบุหรี่1
รณรงค์งดสูบบุหรี่1รณรงค์งดสูบบุหรี่1
รณรงค์งดสูบบุหรี่1
Wan Ngamwongwan
สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่
สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่
สราวุฒิ-รณรงค์๶ลิกบุหรี่
Wan Ngamwongwan
หยุดสูบบุหรี่
หยุดสูบบุหรี่หยุดสูบบุหรี่
หยุดสูบบุหรี่
Wan Ngamwongwan
โรคถุงลมโป่งพอง
โรคถุงลมโป่งพองโรคถุงลมโป่งพอง
โรคถุงลมโป่งพอง
Wan Ngamwongwan
มะ๶ร็งกล่อง๶สียง
มะ๶ร็งกล่อง๶สียงมะ๶ร็งกล่อง๶สียง
มะ๶ร็งกล่อง๶สียง
Wan Ngamwongwan
52010918560sce12
52010918560sce1252010918560sce12
52010918560sce12
tungmsu
การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)
การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)
การป้องกันโรคเอดส์ (Hiv)
BowBow580146
ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)
ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)
ชีววิทยา(ม.4 4) เรื่อง โรคหลอึϸมอัก๶สบ (1)
Wan Ngamwongwan
๶รื่องปอดบวม
๶รื่องปอดบวม๶รื่องปอดบวม
๶รื่องปอดบวม
Wan Ngamwongwan

Similar to โรคหลอึϸมอัก๶ส (20)

โรคระบบทาง๶ึϸȨายใจ
โรคระบบทาง๶ึϸȨายใจโรคระบบทาง๶ึϸȨายใจ
โรคระบบทาง๶ึϸȨายใจ
Wan Ngamwongwan
Management of patient with asthma
Management of patient with asthmaManagement of patient with asthma
Management of patient with asthma
Utai Sukviwatsirikul
สุขศึกษา
สุขศึกษาสุขศึกษา
สุขศึกษา
dragon2477
การรักษามะ๶ร็งตับ
การรักษามะ๶ร็งตับการรักษามะ๶ร็งตับ
การรักษามะ๶ร็งตับ
โฮลลี่ เมดิคอล
Current Practice and Guidance in Allergic Rhinitis Management
Current Practice and Guidance in Allergic Rhinitis ManagementCurrent Practice and Guidance in Allergic Rhinitis Management
Current Practice and Guidance in Allergic Rhinitis Management
Utai Sukviwatsirikul
Current practice and guidance in allergic rhinitis management
Current practice and guidance in allergic rhinitis managementCurrent practice and guidance in allergic rhinitis management
Current practice and guidance in allergic rhinitis management
Utai Sukviwatsirikul
Sex education
Sex education Sex education
Sex education
atit604
Asthma guideline children
Asthma guideline childrenAsthma guideline children
Asthma guideline children
Utai Sukviwatsirikul
แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557
แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557
แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557
Utai Sukviwatsirikul
โรคจากการสูบบุหรี
โรคจากการสูบบุหรีโรคจากการสูบบุหรี
โรคจากการสูบบุหรี
Wan Ngamwongwan
Allergic rhinitis cpg
Allergic rhinitis cpgAllergic rhinitis cpg
Allergic rhinitis cpg
Utai Sukviwatsirikul
Management of COPD
Management of COPDManagement of COPD
Management of COPD
Utai Sukviwatsirikul
Ȩ๶สนอโรคติึϸ่อ
Ȩ๶สนอโรคติึϸ่อȨ๶สนอโรคติึϸ่อ
Ȩ๶สนอโรคติึϸ่อ
nuting
Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23
mewsanit
โรคระบบทาง๶ึϸȨายใจ
โรคระบบทาง๶ึϸȨายใจโรคระบบทาง๶ึϸȨายใจ
โรคระบบทาง๶ึϸȨายใจ
Wan Ngamwongwan
สุขศึกษา
สุขศึกษาสุขศึกษา
สุขศึกษา
dragon2477
Current Practice and Guidance in Allergic Rhinitis Management
Current Practice and Guidance in Allergic Rhinitis ManagementCurrent Practice and Guidance in Allergic Rhinitis Management
Current Practice and Guidance in Allergic Rhinitis Management
Utai Sukviwatsirikul
Current practice and guidance in allergic rhinitis management
Current practice and guidance in allergic rhinitis managementCurrent practice and guidance in allergic rhinitis management
Current practice and guidance in allergic rhinitis management
Utai Sukviwatsirikul
Sex education
Sex education Sex education
Sex education
atit604
แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557
แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557
แนวทางเวชปฏิบัติในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียในประเทศไทย พ.ศ.2557
Utai Sukviwatsirikul
โรคจากการสูบบุหรี
โรคจากการสูบบุหรีโรคจากการสูบบุหรี
โรคจากการสูบบุหรี
Wan Ngamwongwan
Ȩ๶สนอโรคติึϸ่อ
Ȩ๶สนอโรคติึϸ่อȨ๶สนอโรคติึϸ่อ
Ȩ๶สนอโรคติึϸ่อ
nuting
Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23Finalpresentationl20 23
Finalpresentationl20 23
mewsanit

More from Wan Ngamwongwan (17)

2 genetic material
2 genetic material2 genetic material
2 genetic material
Wan Ngamwongwan
1chrmosome
1chrmosome1chrmosome
1chrmosome
Wan Ngamwongwan
3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส
3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส
3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส
Wan Ngamwongwan
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาดหน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
Wan Ngamwongwan
หน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาดหน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาด
Wan Ngamwongwan
ปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีล
ปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีลปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีล
ปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีล
Wan Ngamwongwan
3พัȨุศาสตร์ประชากร
3พัȨุศาสตร์ประชากร3พัȨุศาสตร์ประชากร
3พัȨุศาสตร์ประชากร
Wan Ngamwongwan
ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5
 ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5 ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5
ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5
Wan Ngamwongwan
รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่
Wan Ngamwongwan
โรคหลอึϹลือดหัวใจ
โรคหลอึϹลือดหัวใจโรคหลอึϹลือดหัวใจ
โรคหลอึϹลือดหัวใจ
Wan Ngamwongwan
กระดูกพรุน 4 3
กระดูกพรุน 4 3กระดูกพรุน 4 3
กระดูกพรุน 4 3
Wan Ngamwongwan
แผลในกระเพาะอาหาร (1)
แผลในกระเพาะอาหาร (1)แผลในกระเพาะอาหาร (1)
แผลในกระเพาะอาหาร (1)
Wan Ngamwongwan
โรคหัวใจตีบ
โรคหัวใจตีบโรคหัวใจตีบ
โรคหัวใจตีบ
Wan Ngamwongwan
หลอดลมอักเสบ
หลอดลมอักเสบหลอดลมอักเสบ
หลอดลมอักเสบ
Wan Ngamwongwan
3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส
3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส
3การแลก๶ปลี่ยนแก๊ส
Wan Ngamwongwan
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาดหน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
หน่วยที่2สิ่งมีชีวิตและการดำรงชีวิตบริเวณชายหาด
Wan Ngamwongwan
หน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาดหน่วยที่1ชายหาด
หน่วยที่1ชายหาด
Wan Ngamwongwan
ปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีล
ปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีลปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีล
ปัจจัยที่ทำให้๶กิึϸาร๶ปลี่ยนแปลงแอลลีล
Wan Ngamwongwan
3พัȨุศาสตร์ประชากร
3พัȨุศาสตร์ประชากร3พัȨุศาสตร์ประชากร
3พัȨุศาสตร์ประชากร
Wan Ngamwongwan
ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5
 ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5 ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5
ԲกับลักษณะทางพัȨุกรรมม.5
Wan Ngamwongwan
รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่รณรงค์งดสูบบุหรี่
รณรงค์งดสูบบุหรี่
Wan Ngamwongwan
โรคหลอึϹลือดหัวใจ
โรคหลอึϹลือดหัวใจโรคหลอึϹลือดหัวใจ
โรคหลอึϹลือดหัวใจ
Wan Ngamwongwan
กระดูกพรุน 4 3
กระดูกพรุน 4 3กระดูกพรุน 4 3
กระดูกพรุน 4 3
Wan Ngamwongwan
แผลในกระเพาะอาหาร (1)
แผลในกระเพาะอาหาร (1)แผลในกระเพาะอาหาร (1)
แผลในกระเพาะอาหาร (1)
Wan Ngamwongwan
โรคหัวใจตีบ
โรคหัวใจตีบโรคหัวใจตีบ
โรคหัวใจตีบ
Wan Ngamwongwan
หลอดลมอักเสบ
หลอดลมอักเสบหลอดลมอักเสบ
หลอดลมอักเสบ
Wan Ngamwongwan

โรคหลอึϸมอัก๶ส

  • 1. โครงงาน เรื่ อง หลอดลมอักเสบ เสนอ ครู ฉวีวรรณ นาคบุตร จัดทาโดย นาย กสิ ณบดี วงศ์ทองเหลือ ชั้น ม.4/4 เลขที่ 8 นาย ณัฐวุฒิ อังคะนาวิน ชั้น ม.4/4 เลขที่ 9 นาย พลกฤต รัตนกมลกุล ชั้น ม.4/4 เลขที่ 11 นาย ภาณุมาศ ทองธรรมชาติ ชั้น ม.4/4 เลขที่ 12 โรงเรี ยน บ้านสวน(จันอนุสรณ์) ่ ปี การศึกษา 2555
  • 2. หลอดลมอักเสบ  เมื่อคุณเป็ นหวัดจะเริ่ มด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัว น้ ามูกไหล แสบคอ เมื่อโรคดาเนินต่อไป คุณจะรู ้สึก แน่นหน้าอกมีเสมหะในคอ และคุณเริ่ มเกิดอาการไอ แสดงว่าคุณเริ่ มเป็ นโรคหลอึϸมอัก๶สบ โรค หลอดลมอักเสบคือโรคที่เกิดจากการอักเสบเยือบุ ่ ของหลอดลม ทาให้เยือบุหลอดลมบวม และมี ่ เสมหะอุดหลอดลม ผูป่วยบางรายหลอดลมบวมมาก ้ และมีเสมหะมากทาให้เกิดลักษณะเหมือนโรคหอบ หื ด
  • 3. หากคุณเป็ นโรคหลอึϸมอัก๶สบจะมีอาการอะไรบ้ าง ไอเป็ นอาการที่สาคัญที่สุด เสมหะจะมีสีเหลืองหรื อเขียวแต่ ท่านอาจจะไม่ได้เห็นเสมหะในเด็กหรื อ ผูใหญ่บางคนที่กลืน ้ เสมหะลงไปกระเพาะ นอกจากไอแล้วยังมีอาการอื่นคือ แสบคอ เจ็บคอบางคนมีอาการแสบหน้าอก หายใจลาบาก หายใจเสี ยงดังหวีด ครั่นเนื้อครั่นตัว ไข้ไม่สูง
  • 4. สาเหตุ !!! ส่ วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเหมือนไข้หวัด เชื้ออื่นที่เป็ นสาเหตุคือ เชื้อ Mycoplasma pneumoniae.,Chlamydia pneumoniae หลอดอักเสบจากสิ่ งแวดล้อมเช่น ควันบุหรี่ กลิ่นสี สารเคมี ฝุ่ น จากกรดในกระเพาะที่ไหลย้อน gastroesophageal reflux disease (GERD)
  • 5. เนื่องจากเชื้อที่พบเป็ นสาเหตุส่วนใหญ่ของ acute bronchiolitis คือไวรัส ดังนั้น การป้ องกันการเกิด acute bronchiolitis ส่ วนใหญ่จึงเป็ นเรื่ องของการ ป้ องกันการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจและการใช้ยาป้ องกันไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิงยาป้ องกันการติดเชื้อ RSV ซึ่งมีการศึกษาและใช้กนอยู่ ่ ั มากในต่างประเทศ ได้แก่ RSV immunoglobulin หรื อ RSV-Ig (Respigam) และ monoclonal RSV-Ig (Synergis) อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยยังไม่มี ยาเหล่านี้ และการศึกษาในปัจจุบนยังเป็ นไม่เป็ นที่ยนยันแน่นอนเกี่ยวกับ ั ื ความคุมค่าของการให้ยาเหล่านี้ในการป้ องกันการติดเชื้อ RSV ในผูป่วยเด็ก ้ ้
  • 6. ปัจจัยเสี่ ยงต่ อการเกิดโรคหลอึϸมอัก๶สบ ่ ั สูบบุหรี่ หรื ออยูกบคนที่สูบบุหรี่ ผูที่มีโรคประจาที่ทาให้ภูมิคุมกันอ่อนแอลงเช่น โรคเบาหวาน ้ ้ โรคตับ เป็ นต้น ผูที่มีโรคกรดไหลย้อน gastroesophageal reflux disease (GERD) ้ ผูที่ทางานกับสารระคายเคืองเช่น ฝุ่ น สารเคมี ้
  • 7. ควรพบแพทย์ เมือใด ่ โรคหลอึϸมอัก๶สบมักจะหายได้เองใน 7-10 วัน ผูป่วยส่ วนหนึ่งประมาณร้อยละ 50หายใน 3 ้ สัปดาห์ ร้อยละ 25 หายใช้เวลาเป็ นเดือนจึงจะหาย การดูแลให้พกผ่อนอย่างเต็มที่ ดื่มน้ ามากๆ คุณ ั ควรจะพบแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้  ไข้สูงกว่า 38.5 องศา  หายใจลาบากหรื อเหนื่อยหอบ  เสมหะมีเลือดปน  เสมหะเป็ นหนอง  เมื่อคุณมีโรคประจาตัวเช่น โรคหัวใจ โรคปอด
  • 8. แนวทางการรักษา การรักษาโรคหลอึϸมอัก๶สบนี้ ส่ วนใหญ่จะรักษาตามอาการที่เป็ นในขณะนั้น เช่น การให้ รับประทานยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม หรื อ ยาลดไข้ เนื่องจากโรคส่ วนใหญ่เกิดจากเชื้อ ไวรัส จึงไม่จาเป็ นต้องให้ยาปฏิชีวนะ  ในกรณี ผป่วยเด็ก ไม่นิยมให้ยาแก้ไอ เพราะอาจทาให้เสมหะค้างในหลอดลมจนกลายเป็ น ู้ โรคอื่นๆ ที่รุนแรงอย่าง เช่น โรคปอดอักเสบ หรื อโรคหลอดลมโป่ งพองได้  ให้ผป่วยพักผ่อนอย่างพอเพียง ดื่มน้ ามากๆ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ที่ระคายต่อหลอดลม ู้  หากตรวจพบว่าโรคหลอึϸมอัก๶สบนี้ เกิดจากการติดเชื้ อแบคทีเรี ย แพทย์จะพิจารณาให้ยา ปฏิชีวนะ ยาใหม่ที่ใช้ได้ผลดีชื่อ Telithromycin ซึ่ งเป็ นยาที่จดอยูในกลุ่ม ketolides จากการ ั ่ ศึกษาวิจยในระยะหลัง พบว่าเกิดปั ญหาเชื้อดื้อยาน้อยมาก ั
  • 9. การวินิจฉัยโรค   การวินิจฉัยโรคหลอึϸมอัก๶สบทาได้โดยการซักถามประวัติ อาการ และการตรวจร่ างกายอย่างละเอียด การตรวจร่ างกาย ระบบทางเดินหายใจทั้งส่ วนบนและส่ วนล่าง ช่วยให้แพทย์ วินิจฉัยโรคได้แม่นยามากขึ้น บางครั้งแพทย์อาจต้องวินิจฉัย แยกโรคที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหื ด โรค ติดเชื้ออื่นๆ ภาวะหัวใจวาย โรคมะเร็ งปอด และโรคกรดใน กระเพาะไหลย้อน  การตรวจเสมหะ หรื อเพาะเชื้อจากเสมหะ แพทย์จะพิจารณา ในรายที่มีขอบ่งชี้ และต้องเลือกเก็บเสมหะที่แท้จริ ง อาจต้อง ้ ใช้เทคนิคพิเศษบางประการเพื่อช่วยในการเก็บตัวอย่างเพื่อ ส่ งตรวจทางห้องปฏิบติการ ั