ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
เมตริกซ์
เมตริกซ์ คือการแสดงข้อมูลหรือตัวเลขชุดหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งด้วยการจัดลาดับของตัวเลขให้อยู่ใน
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่ประกอบด้วยแถวนอนและแถวตั้ง
ความรู้เกี่ยวกับเมตริกซ์ จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการแก้ปัญหาระบบสมการเส้นตรงโดยในบทนี้จะ
เริ่มจากการอธิบายคาจากัดความของเมตริกซ์ ขนิดของเมตริกซ์ การดาเนินการบนเมตริกซ์ ทรานสโพส
ของเมตริกซ์ เมตริกนอนซิงกูลาร์และซิงกูลาร์ ดีเทอร์มินันต์ และการแก้ไขสมการโดยใช้เมตริกซ์และ
ดีเทอมินันต์
MATRIX
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
อธิบายเพิ่มเติม
ไมเนอร์ (Mij(A)) และ โคแฟกเตอร์(Cij(A))
ไมเนอร์ (Mij(A))
คือ ค่าของดีเทอร์มิเนนต์ของ๶มทริกซ์ ซึ่งได้จากการตัดแถวที่ i และ ตัดหลักที่ j ของ๶มทริกซ์ A ออก
เช่น ให้ A =
M23(A) = = = 8-14 = -6
โคแฟกเตอร์(Cij(A))
คือ Cij(A) = (-1)i+j
.Mij(A)
I+j เลขคู่แล้ว Cij = Mij
I+j เลขคี่แล้ว Cij = - Mij
เช่น จากตัวอย่างก่อนหน้า
C23(A) = (-1)2+3
.M23(A)
= (-1)5
.(-6)
= (-1).(-6) = 6
ดีเทอร์มิแนนต์ (det A , )
นิยาม
ดีเทอร์มิแนนต์ คือ ฟังก์ชันจากเซตของ๶มทริกซ์จัตุรัสทั้งหลายซึ่งมีขนาด n x n ไปยังเซตของจานวนจริง
สามารถเขียนแทนดีเทอร์มิแนนต์ของ๶มทริกซ์ A ด้วย det(A) หรือ ก็ได้
การหาค่าดีเทอร์มิแนนต์ของเมตริกซ์
1. เมตริกซ์ 1 x 1
ถ้า A = [a]
จะได้ว่า det(A) = a กล่าวง่ายๆ คือ ดีเทอร์มิแนนต์ของ๶มทริกซ์ที่มีสมาชิกเพียงตัวเดียว จะมีค่าเท่ากับ
สมาชิกตัวนั้น
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
ad
-(bc)
(a31.a22.a13)+ (a32.a23.a11)+ (a33.a21.a12) = k2
2. เมตริกซ์ 2 x 2
ถ้า A =
det A = = ad – bc
จะได้ว่า det(A) = ad - bc
3. ๶มทริกซ์ 3 x 3
วิธีที่1 หลักต่อแถววิธีนี้ใช้คิดได้เฉพาะ๶มทริกซ์ที่มีมิติ3x3เท่านั้น
กาหนดให้ A =
โดยการนาแถวที่1และ2มาต่อท้าย แล้วคูณทแยงเหมือนกับ 2 X 2
A =
แล้วนา k1- k2 ก็จะได้ det A
***ข้อสังเกต
1.)ถ้า๶มทริกซ์ มีสมาชิกแถวใดแถวหนึ่ง หรือ หลักใดหลักหนึ่งเป็น 0 det นั้น ตอบ 0
เช่น = 0
2.)ถ้า๶มทริกซ์ มีสมาชิก 2 แถวใดๆ เหมือนกันทุกตัวแล้ว det นั้น ตอบ 0
เช่น = 0
3.)ถ้า๶มทริกซ์ มีสมาชิก 2 แถวใดๆ หรือ 2 หลักใดๆ เป็นสัดส่วนกันแล้ว det นั้น ตอบ 0
เช่น = 0
(a11.a22.a33)+ (a12.a23.a31)+ (a13.a21.a32) = k1
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
วิธีที่2 ใช้โคแฟกเตอร์  วิธีนี้สามารถใช้ได้กับ๶มทริกซ์จัตุรัสทุกขนาด
กาหนดให้ A =
ให้เลือกแถวใดแถวหนึ่ง หรือหลักใดหลักหนึ่งมาคิด
สมมติว่าเลือกแถวที่1 จะได้
det(A) = a11 .C11(A)+ a12 .C12(A)+ a13 .C13(A)
= a11 .(-1)1+1
.M11(A)+ a12 .(-1)1+2
.M12(A)+ a13 .(-1)1+3
.M13(A)
สมบัติของดีเทอร์มิแนนต์
ให้ A = nxn โดยที่ n 2
1.) det A = 0 เป็น๶มทริกซ์เอกฐาน เพราะหา A-1
ไม่ได้
det A 0 เป็น๶มทริกซ์ไม่เอกฐาน เพราะหา A-1
ได้
2.)ถ้าสมาชิกในแถวใดแถวหนึ่ง หรือ หลักใดหลักหนึ่ง ใน A เป็น 0ทุกตัว จะได้ det A = 0
เช่น A = หรือ A = จะได้ det A = 0
3.)ถ้า ๶มทริกซ์ B เกิดจากการสลับกันระหว่าง 2 แถว หรือ 2 หลัก ของ๶มทริกซ์ A จะได้ det B = -det A
เช่น A = และ B =
จะได้ det B = -det A
4.)ถ้า ๶มทริกซ์ A มีแถว 2 แถว เหมือนกัน หรือ มีหลัก 2 หลัก เหมือนกันทุกตัว จะได้ det A = 0
เช่น A = จะได้ det A = 0
5.) ถ้านาค่าคงตัวไปคูณกับแถวใดแถวหนึ่ง แล้วนาไปบวกหรือลบกับอีกแถวหนึ่ง
จะได้ว่า ค่าดีเทอร์มิแนนต์ของ๶มทริกซ์ใหม่นั้นมีค่าเท่าเดิม (ระหว่างหลักกับหลักสมบัตินี้ก้สามารถใช้ได้)
เช่น =
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
6.) ถ้านาค่าคงตัว k ไปคูณกับแถวใดแถวหนึ่ง หรือ หลักใดหลักหนึ่งของ๶มทริกซ์ A
จะได้ว่า ค่าดีเทอร์มแนนต์ขงเทรกซ์ใหม่ เท่ากับ k det A
เช่น = k
7.) det(At
) = det(A)
8.) det(AB) = det A . det B
9.) det(Am
) = (det(A))m
โดย m เป็นจานวนเต็มบวกใดๆ
10.) det(kA) = kn
(det(A)) โดย A มีมิติ n x n
11.) det(A-1
) = โดย det(A) 0
12.) det(I)= 1 โดย I คือ๶มทริกซ์เอกลักษณ์
อธิบายเพิ่มเติม
๶มทริกซ์ผูกพัน ( adj(A))
๶มทริกซ์ผูกพัน (Adjoint Matrix) มิติ n x n ,n = 2,3…คือ ทรานสโพสของโคแฟคเตอร์ของ๶มทริกซ์นั้น
สมบัติ A(adjA) = (adjA)A = (det A )Inxn
ให้ A =
จะได้ adj(A) = t
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
อธิบายเพิ่มเติม
ตัวผกผันการคูณของ๶มทริกซ์ ( A-1
)
ให้ A มีมิติเป็น n x n และ A-1
จะมีมิติ n x n ด้วย
จะได้ A.A-1
= A-1
.A = In
การหา A-1
ของ ๶มทริกซ์ มิติ 2 x 2
A =
จะหา A-1
ได้ ก็ต่อเมื่อ ad – bc 0
และ A-1
=
–
หรือ A-1
= . adj(A)
เทียบกันแล้วจะได้ว่า
det(A) = ad – bc และ
adj(A) =
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
การหา A-1
ของ ๶มทริกซ์ มิติ 3 x 3
ให้ A มีมิติ n x n โดยที่ det(A) 0
A-1
= . adj(A)
สมบัติ
ถ้า A , B และ C เป้ น๶มทริกซ์ที่มีอินเวอร์สการคูณ
1.) AB = AC จะได้ A-1
AB = A-1
AC จะได้ IB = IC จะได้ B= C
2.) (A-1
)-1
= A
3.) (An
)-1
= (A-1
)n
= A-n
4.) (kA)-1
= k-1
. A-1
= . A-1
5.) (AB)-1
= B-1
. A-1
และ (ABC)-1
= C-1
. B-1
. A-1
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
14.Roll operation
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
อธิบายเพิ่มเติม
การดาเนินการตามแถว
เช่น =
=
5R1 R12 R2 – 2R1
Note
ถ้า
จะได้ว่า
B = A-1
ตัวอย่างโจทย์ เรื่อง ๶มทริกซ์
1. กําหนด A = ค่าของ A + 2A
ก. A
t
ข. A
ค. –A
t
ง. 2A
t
2. ให้ A = , B = , C = และ 3A –B + 2C = แล้ว ค่าของ 2a-
b+c+d เท่ากับข้อใด
ก. 4
ข. 10
ค. 24
ง. 30
3. กําหนด A = , B = และ C = ค่า a ที่สอดคล้องกับสมการ
(At
)t
B + (Bt
A)t
= (4C)t
ก. 4
คือข้อใด
ข. 3
ค. 2
ง. 1
4. ให้ A , B และ C เป็นเมตริกซ์มิติ 3*3
ถ้า det(A) = -4 และ At
B – 2At
Ct
= -4A-1
แล้ว det(2C-Bt
ก. -2
) เท่ากับข้อใดต่อไปนี้
ข. -4
ค. 2
ง. 4
5. กําหนดให้ a, b, c เป็นจํานวนจริง และ A = ถ้า C12
ก. -4
(A) = 1 และ det(A) = -9 แล้วค่า
ของ a ตรงกับข้อใด
ข. -3
ค. 3
ง. 4
6. จากผลคูณ๶มทริกซ์ที่กําหนดให้
ส่งผลให้เกิด ค่า det(c) = = 6
จงหาค่า a เมื่อ a > 0
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
7. กําหนด A และ B เป็น๶มทริกซ์ 4 × 4
โดยที่ A+B = AB det(A-I) = 97 จงหา 194det(B-I)
ก. 1
ข. 2
ค. 3
ง. 4
8. กําหนด เมื่อสมาชิกทุกตัวใน๶มทริกซ์ є R
จะได้ f1(x) = (a31+a21)x2
f
; x≥ 0
2(x) = (a11-a33)x2
f
+8 ; x≥0
3(x) = ; y ≥0
ข้อใดถูกต้องในช่วง [5, )
1. f1 เป็นฟังก์ชันเพิ่ม 2. f2 เป็นฟังก์ชันลด 3. f3 เป็นฟังก์ชันเพิ่ม
4. f1,f2,f3 เป็น f
ก. 1,2 ถูก
1-1
ข. 3,4 ถูก
ค. 1 เท่านั้น
ง. 2,4 ถูก
9. ให้ A = จงหาค่า det(adj(A+A2
+A3
+…+A10
ก. 1
))
ข. 25
ค. 55
ง. 100
10. ให้ g(x) = 3x+5
f( ) = (1+ )+1 ซึ่ง h(x)= k(x+2) โดยที่ k3
-7k2
จาก f ข้างต้นทําให้เกิด
+21k-294 =0
A =
จงหา
ก.
ข.
ค.
ง.
11. กําหนดสมการวงกลม
X2
+y2
ก่อให้เกิด A =
-2x-6y-6 = 0
เมื่อ r คือ รัศมีของวงกลม
ซึ่งมี B =
จงหา det(2(adj(AB+A))det[5](A-1
)t
)t
ก.
ข. 1,000
ค. 2,500
ง.
1. จงตรวจสอบประพจน์ต่อไปนี้
แถม
1.)
2.)
3.)
เมื่อ A,B เป็น๶มทริกซ์ non-singular มิติ 2×2
ซึ่ง detA + detB = 3 ------------(1)
detA – detB = 1 ------------(2)
4.)
ข้อใดเป็นประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็น
ก. 1.) และ 2.)
จริง
ข. 2.) และ 3.)
ค. 1.) และ 3.)
ง. 2.) และ 4.)
2. กําหนด
จงหา (- ] [y, เป็นสับเซตช่วงใด เมื่อ y อยู่ในช่วง (- ]
1)
2)
3) [-10,-3]
4) (- ]
ก. 1) และ 2)
ข. 1) และ 3)
ค. 2) และ 4)
ง. 3) และ 4)
เฉลยโจทย์เมตริกซ์
1. ตอบ ข.
วิธีทํา จากโจทย์จะเห็นได้ว่า๶มทริกซ์ A เป็น๶มทริกซ์ เสมือนสมมาตร ซึ่ง At
ดังนั้น A + 2A
จะมีค่าเท่ากับ –A
t
= A + (-2A)
= A + 2(-A)
= A – 2A
= -A = At
2. ตอบ ก.
วิธีทํา
3A =
หาค่าของ 3A
=
หาค่าของ 2C
2C = =
หาค่าของ 3A – B + 2C
- + = =
ดังนั้น a = 7 b = 10 c = -9 d = 9
หาค่าของ 2a-b+c+d = 2(7) – 10 + (-9) + 9 = 4
3. ตอบ ก.
วิธีทํา จัดรูปสมการจะได้ (A)B + (At
)B = 4(Ct
(A+A
)
t
)B = 4(Ct
)
ดังนั้น 4a-16 = 0 และ 6a-8 = 16
a = 4 a = 4
จะได้ว่า a = 4
4. ตอบ ง.
วิธีทํา
det(A
จัดการใส่ det ทั้ง2 ข้าง
t
B – 2At
Ct
) = det(-4A-1
det(A
)
t
(B – 2Ct
)) = (-4)3
(det(A-1
(detA
))
t
)(det(B – 2Ct
)) = -64 ( )
-4 (det(B – 2Ct
det(-2C + B
) = 16
t
)t
det((-1)(2C – B
= -4
t
))t
(-1)
= -4
3
det(2C – Bt
det(2C – B
) = -4
t
) = 4
5. ตอบ ง.
วิธีทํา ดูที่ C12
C
(A) = 1 ก่อน
12(A) = (-1)1+2
(M12(A)) = 1 ดังนั้น M12
M
(A) = -1
12(A) = -1  
จะได้ว่า –b – c = -1 ------------
พิจารณา det(A) = -9
= - a – c + 0 – 0 – a – b = -9
-2a – b – c = -9
จาก จะได้
-2a -1 = -9
-2a = -8
ดังนั้น a = 4
จากการคูณ๶มทริกซ์ที่กําหนดให้จะได้ว่า
6. ตอบ ง.
สามารถสรุปเป็นสมการ การเท่ากันของตําแหน่งในเมตริกซ์
x+ y+ z = 6 -------- (1)
-2x+ 3y+ 19z = 61 -------- (2)
x+ 7y+ 8z = 39 -------- (3)
(1)×8 ; 8x+ 8y+ 8z = 48 -------- (4)
(4)-(3); 7x+y = 9 -------- (5)
(1)×19; 19x+ 19y+ 19z = 114 ------ (6)
(6)-(2); 21x+ 16y = 53 ------- (7)
(5) ×3 ; 21x+ 3y = 27 ------- (8)
(7)-(8); 13y = 26 y=2
x =1 , z = 3
det(C) = (y+a)(a-z)-0 = 6
(2+a)(a-3)= 6
a2
(a-4)(a+3)= 0
–a – 12 = 0
a = -3,4 จากโจทย์ a>0 จึงต้องตอบตัวเลือก ง. 4
A+B = AB
7. ตอบ ข.
แล้ว A = AB-B
A = (A-I) B
detA = det(A-I)detB
detA = 97detB ----------------(1) จาก det(A-I) = 97
B = AB-A
B = A(B-I)
detB = detAdet(B-I)-----------(2)
detB = 97detBdet(B-I) แทน(1) ใน(2)
det(B-I) = 194det(B-I) = 2 ในตัวเลือก ข.
กําหนด
8. ตอบ ง.
A A
จาก (A
-1
-1
)-1
จะได้ A =
=A
f1(x) = (a31+a21)x2
f
; x≥ 0
1(x) = (0+0)x2
f
; x≥ 0
1
คือ แกน +x ไม่ใช่ฟังก์ชันเพิ่มหรือลด เป็นฟังก์ชันคงตัว
(x) = 0
f2(x) = (a11-a33)x2
f
+8 ; x≥0
2(x) = (1-(-1))x2
= 2x
+8 ; x≥0
2
เป็นฟังก์ชันเพิ่ม
+ 8
f3(x) = ; y ≥0
f3(x) = ; y ≥0
y2
เป็นฟังก์ชันเพิ่ม
= 23x ; y ≥0
แสดงว่า 1. ผิด 2. ถูก 3. ผิด 4. ถูก ตอบ ง. 2, 4 ถูก
ให้ A =
9. ตอบ ง.
จงหาค่า det(adj(A+A2
+A3
+…+A10
A
))
2
= A2
=
A3
=
…
A10
=
ไม่มีผลต่อ det det(adj(A+A2
+A3
+ … + A10
)) = det 2-1
= 100
ให้ g(x) = 3x+5
10. ตอบ ข.
f( ) = (1+ )+1
ซึ่ง h(x) = k(x+2) โดยที่ k3
-7k2
สามารถใช้ทฤษฎีเศษ (k-3)(k
+21k-294 =0
2
k = 3
-4k+98) = 0
h(x)= 3x+6 f(x)=x+1
A =
= = ตัวเลือก ข.
กําหนดสมการวงกลม
11. ตอบ ข.
X2
+y2
(x-1)
-2x-6y-6 = 0
2
+(y-3)2
= 42
ก่อให้เกิด A =
r = 4
B =
det(2(adj(AB+A))det[5](A-1
)t
)
= 2
t
2
det(A)2-1
det(B+I)2-1
52
=4det(B+ I)25
=100(10)= 1,000 ตัวเลือก ข.
1. ตอบ ค.
เฉลยแถม
จาก 1.)
ประพจน์นี้มีค่าความจริงเป็นจริงอยู่แล้ว จากนิยาม det ของ๶มทริกซ์ 1×1
เพราะฉะนั้น จากตารางค่าความจริง ถ้าจริง แล้ว เท็จ ย่อมมีค่าความจริงเป็น
2.)
จริง
จริง แต่เมื่อ B ≠ A-1
ทําให้ AB ≠ I ประพจน์นี้ค่าความจริงเป็นเท็จ
เพราะฉะนั้น จากตารางค่าความจริง เท็จ ก็ต่อเมื่อ จริง ย่อมมีค่าความจริงเป็น เท็จ
3.)
เมื่อ A,B เป็น๶มทริกซ์ non-singular มิติ 2×2
ซึ่ง detA + detB = 3 ------------(1)
detA – detB = 1 ------------(2)
เมื่อ A,B เป็น๶มทริกซ์ non-singular มิติ 2×2
ซึ่ง detA + detB = 3 ------------(1)
detA – detB = 1 ------------(2)
จะได้ว่า detA = 2
detB = 1
ประพจน์แรกมีค่าความจริงเป็นจริง
จากสมบัติการสลับแถวและหลัก
ประพจน์ที่สองจึงมีค่าความจริงเป็นจริง จริงและจริง ได้
4.)
จริง
ประพจน์แรก ค่า det ≠ ๶มทริกซ์ อยู่แล้วจึงมีค่าความจริงเป็นเท็จ
ประพจน์ที่สอง -2C1 =C3 ทําให้ det = 0 เป็น๶มทริกซ์ singular จึงหา A-1
จึงมีค่าความจริงเป็นเท็จ
ไม่ได้
เท็จหรือเท็จ ได้
จึงสามารถสรุปได้ว่า ประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็น
เท็จ
จริง
2. ตอบ ง.
คือ ข้อ 1. และ 3. ตัวเลือก ค.
จะได้ว่า xy = 30 ---------(1)
-1(2x+y) = 16 --------(2)
-2x – y = 16
y = -2x-16 ----(3) แทนใน(1)
(-2x-16)x = 30
(x+8)x = -15
x2
(x+3)(x+5) = 0
+8x +15 = 0
x = -3,-5 y = -10, -6
ต้องเลือกกรณี x =-3 y = -10 จากช่วง y = (- ]
(- ] [y, = (- ] [-10, =[-10,-3]
ซึ่ง 1) =
2) = [8,9]
3) [-10,-3]
4) (- ] พบว่า [-10,-3] เป็นสับเซตของ 3) และ 4) พอดี จึงตอบตัวเลือก ง.

More Related Content

What's hot (20)

การแก้ปัญหา
การแก้ปัญหาการแก้ปัญหา
การแก้ปัญหา
Jintana Kujapan
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
โครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอก
โครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอกโครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอก
โครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอก
Ratarporn Ritmaha
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
คุณครูพี่อั๋น
การจัดหมู่
การจัดหมู่การจัดหมู่
การจัดหมู่
supamit jandeewong
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรมฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรม
krookay2012
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
kaoijai
โจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหาโจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหา
Aon Narinchoti
4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน
4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน
4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน
Apirak Potpipit
ใบงาȨอลิเมอร์
ใบงาȨอลิเมอร์ใบงาȨอลิเมอร์
ใบงาȨอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
การเขียนกราฟของอสมการ
การเขียนกราฟของอสมการการเขียนกราฟของอสมการ
การเขียนกราฟของอสมการ
ทับทิม เจริญตา
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริงค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
kroojaja
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdfเรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
ssusereb21c61
แบบฝึกทบทวȨรื่องเซต
แบบฝึกทบทวȨรื่องเซตแบบฝึกทบทวȨรื่องเซต
แบบฝึกทบทวȨรื่องเซต
kroojaja
รูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงานรูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงาน
AjBenny Pong
กรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สองกรณฑ์ที่สอง
กรณฑ์ที่สอง
Ritthinarongron School
ค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริง
ค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริงค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริง
ค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริง
Aon Narinchoti
การแก้ปัญหา
การแก้ปัญหาการแก้ปัญหา
การแก้ปัญหา
Jintana Kujapan
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชันแบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
แบบทดสอบ พร้อมเฉลย ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน
phaephae
โครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอก
โครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอกโครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอก
โครงสร้างและการเจริญ๶ติบโตྺองพืชดอก
Ratarporn Ritmaha
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
ข้อสอบคณิตศาสตร์ ม.2 เทอม 2 ชุดที่ 2
คุณครูพี่อั๋น
ฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรมฮิสโทแกรม
ฮิสโทแกรม
krookay2012
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนเคน คีน ไคน์
kaoijai
โจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหาโจทย์ปัญหา
โจทย์ปัญหา
Aon Narinchoti
4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน
4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน
4. โจทย์ปัญหาการซื้อขาย กำไร ขาดทุน
Apirak Potpipit
ใบงาȨอลิเมอร์
ใบงาȨอลิเมอร์ใบงาȨอลิเมอร์
ใบงาȨอลิเมอร์
Jariya Jaiyot
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริงค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
ค่ารากที่ N ของจำนวนจริง
kroojaja
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdfเรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
เรื่อง สมการกำลังสอง.pdf
ssusereb21c61
แบบฝึกทบทวȨรื่องเซต
แบบฝึกทบทวȨรื่องเซตแบบฝึกทบทวȨรื่องเซต
แบบฝึกทบทวȨรื่องเซต
kroojaja
รูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงานรูปเล่มวิชาโครงงาน
รูปเล่มวิชาโครงงาน
AjBenny Pong
ค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริง
ค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริงค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริง
ค่าสัมบูรณ์ྺองจำȨȨริง
Aon Narinchoti

Similar to ๶Ȩ้อหา๶มทริกซ์ (20)

Matrix53
Matrix53Matrix53
Matrix53
Aon Narinchoti
๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)
๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)
๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)
Thanuphong Ngoapm
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
wisita42
ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)
ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)
ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)
kroojaja
Matrix problem p
Matrix problem pMatrix problem p
Matrix problem p
Thanuphong Ngoapm
Integer
IntegerInteger
Integer
ไพรวัล ดวงตา
Cartesian
CartesianCartesian
Cartesian
ไพรวัล ดวงตา
Cartesian
CartesianCartesian
Cartesian
ไพรวัล ดวงตา
Pat15810
Pat15810Pat15810
Pat15810
Theerapong Ketsingnoi
สรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋า
สรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋าสรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋า
สรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋า
๶มทริกซ์ง่ายๆ
46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์
46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์
46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์
Krudodo Banjetjet
สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์
สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์
สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์
pohn
Pat15903
Pat15903Pat15903
Pat15903
Theerapong Ketsingnoi
1.pdf
1.pdf1.pdf
1.pdf
rathachokharaluya
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
Unity' Aing
Set
SetSet
Set
nutkanthida
๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)
๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)
๶มทริกซ์ระดับชั้นมัธยมปลาย(Matrix)
Thanuphong Ngoapm
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์สรุปสูตรคณิตศาสตร์
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
wisita42
ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)
ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)
ตัวกำหȨ(ٱٱԲԳ)
kroojaja
สรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋า
สรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋าสรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋า
สรุป๶มทริกซ์ม.5 ง่ายๆ สไตล์คนคูลเก๋ๆเก๋า
๶มทริกซ์ง่ายๆ
46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์
46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์
46497232 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรขาคณิตวิเคราะห์
Krudodo Banjetjet
สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์
สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์
สิ่งพิมพ์ เรื่อง ๶มทริกซ์
pohn
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
Unity' Aing

๶Ȩ้อหา๶มทริกซ์

  • 1. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 เมตริกซ์ เมตริกซ์ คือการแสดงข้อมูลหรือตัวเลขชุดหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งด้วยการจัดลาดับของตัวเลขให้อยู่ใน รูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่ประกอบด้วยแถวนอนและแถวตั้ง ความรู้เกี่ยวกับเมตริกซ์ จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการแก้ปัญหาระบบสมการเส้นตรงโดยในบทนี้จะ เริ่มจากการอธิบายคาจากัดความของเมตริกซ์ ขนิดของเมตริกซ์ การดาเนินการบนเมตริกซ์ ทรานสโพส ของเมตริกซ์ เมตริกนอนซิงกูลาร์และซิงกูลาร์ ดีเทอร์มินันต์ และการแก้ไขสมการโดยใช้เมตริกซ์และ ดีเทอมินันต์ MATRIX
  • 4. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 อธิบายเพิ่มเติม ไมเนอร์ (Mij(A)) และ โคแฟกเตอร์(Cij(A)) ไมเนอร์ (Mij(A)) คือ ค่าของดีเทอร์มิเนนต์ของ๶มทริกซ์ ซึ่งได้จากการตัดแถวที่ i และ ตัดหลักที่ j ของ๶มทริกซ์ A ออก เช่น ให้ A = M23(A) = = = 8-14 = -6 โคแฟกเตอร์(Cij(A)) คือ Cij(A) = (-1)i+j .Mij(A) I+j เลขคู่แล้ว Cij = Mij I+j เลขคี่แล้ว Cij = - Mij เช่น จากตัวอย่างก่อนหน้า C23(A) = (-1)2+3 .M23(A) = (-1)5 .(-6) = (-1).(-6) = 6 ดีเทอร์มิแนนต์ (det A , ) นิยาม ดีเทอร์มิแนนต์ คือ ฟังก์ชันจากเซตของ๶มทริกซ์จัตุรัสทั้งหลายซึ่งมีขนาด n x n ไปยังเซตของจานวนจริง สามารถเขียนแทนดีเทอร์มิแนนต์ของ๶มทริกซ์ A ด้วย det(A) หรือ ก็ได้ การหาค่าดีเทอร์มิแนนต์ของเมตริกซ์ 1. เมตริกซ์ 1 x 1 ถ้า A = [a] จะได้ว่า det(A) = a กล่าวง่ายๆ คือ ดีเทอร์มิแนนต์ของ๶มทริกซ์ที่มีสมาชิกเพียงตัวเดียว จะมีค่าเท่ากับ สมาชิกตัวนั้น
  • 5. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 ad -(bc) (a31.a22.a13)+ (a32.a23.a11)+ (a33.a21.a12) = k2 2. เมตริกซ์ 2 x 2 ถ้า A = det A = = ad – bc จะได้ว่า det(A) = ad - bc 3. ๶มทริกซ์ 3 x 3 วิธีที่1 หลักต่อแถววิธีนี้ใช้คิดได้เฉพาะ๶มทริกซ์ที่มีมิติ3x3เท่านั้น กาหนดให้ A = โดยการนาแถวที่1และ2มาต่อท้าย แล้วคูณทแยงเหมือนกับ 2 X 2 A = แล้วนา k1- k2 ก็จะได้ det A ***ข้อสังเกต 1.)ถ้า๶มทริกซ์ มีสมาชิกแถวใดแถวหนึ่ง หรือ หลักใดหลักหนึ่งเป็น 0 det นั้น ตอบ 0 เช่น = 0 2.)ถ้า๶มทริกซ์ มีสมาชิก 2 แถวใดๆ เหมือนกันทุกตัวแล้ว det นั้น ตอบ 0 เช่น = 0 3.)ถ้า๶มทริกซ์ มีสมาชิก 2 แถวใดๆ หรือ 2 หลักใดๆ เป็นสัดส่วนกันแล้ว det นั้น ตอบ 0 เช่น = 0 (a11.a22.a33)+ (a12.a23.a31)+ (a13.a21.a32) = k1
  • 6. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 วิธีที่2 ใช้โคแฟกเตอร์  วิธีนี้สามารถใช้ได้กับ๶มทริกซ์จัตุรัสทุกขนาด กาหนดให้ A = ให้เลือกแถวใดแถวหนึ่ง หรือหลักใดหลักหนึ่งมาคิด สมมติว่าเลือกแถวที่1 จะได้ det(A) = a11 .C11(A)+ a12 .C12(A)+ a13 .C13(A) = a11 .(-1)1+1 .M11(A)+ a12 .(-1)1+2 .M12(A)+ a13 .(-1)1+3 .M13(A) สมบัติของดีเทอร์มิแนนต์ ให้ A = nxn โดยที่ n 2 1.) det A = 0 เป็น๶มทริกซ์เอกฐาน เพราะหา A-1 ไม่ได้ det A 0 เป็น๶มทริกซ์ไม่เอกฐาน เพราะหา A-1 ได้ 2.)ถ้าสมาชิกในแถวใดแถวหนึ่ง หรือ หลักใดหลักหนึ่ง ใน A เป็น 0ทุกตัว จะได้ det A = 0 เช่น A = หรือ A = จะได้ det A = 0 3.)ถ้า ๶มทริกซ์ B เกิดจากการสลับกันระหว่าง 2 แถว หรือ 2 หลัก ของ๶มทริกซ์ A จะได้ det B = -det A เช่น A = และ B = จะได้ det B = -det A 4.)ถ้า ๶มทริกซ์ A มีแถว 2 แถว เหมือนกัน หรือ มีหลัก 2 หลัก เหมือนกันทุกตัว จะได้ det A = 0 เช่น A = จะได้ det A = 0 5.) ถ้านาค่าคงตัวไปคูณกับแถวใดแถวหนึ่ง แล้วนาไปบวกหรือลบกับอีกแถวหนึ่ง จะได้ว่า ค่าดีเทอร์มิแนนต์ของ๶มทริกซ์ใหม่นั้นมีค่าเท่าเดิม (ระหว่างหลักกับหลักสมบัตินี้ก้สามารถใช้ได้) เช่น =
  • 7. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 6.) ถ้านาค่าคงตัว k ไปคูณกับแถวใดแถวหนึ่ง หรือ หลักใดหลักหนึ่งของ๶มทริกซ์ A จะได้ว่า ค่าดีเทอร์มแนนต์ขงเทรกซ์ใหม่ เท่ากับ k det A เช่น = k 7.) det(At ) = det(A) 8.) det(AB) = det A . det B 9.) det(Am ) = (det(A))m โดย m เป็นจานวนเต็มบวกใดๆ 10.) det(kA) = kn (det(A)) โดย A มีมิติ n x n 11.) det(A-1 ) = โดย det(A) 0 12.) det(I)= 1 โดย I คือ๶มทริกซ์เอกลักษณ์ อธิบายเพิ่มเติม ๶มทริกซ์ผูกพัน ( adj(A)) ๶มทริกซ์ผูกพัน (Adjoint Matrix) มิติ n x n ,n = 2,3…คือ ทรานสโพสของโคแฟคเตอร์ของ๶มทริกซ์นั้น สมบัติ A(adjA) = (adjA)A = (det A )Inxn ให้ A = จะได้ adj(A) = t
  • 8. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 อธิบายเพิ่มเติม ตัวผกผันการคูณของ๶มทริกซ์ ( A-1 ) ให้ A มีมิติเป็น n x n และ A-1 จะมีมิติ n x n ด้วย จะได้ A.A-1 = A-1 .A = In การหา A-1 ของ ๶มทริกซ์ มิติ 2 x 2 A = จะหา A-1 ได้ ก็ต่อเมื่อ ad – bc 0 และ A-1 = – หรือ A-1 = . adj(A) เทียบกันแล้วจะได้ว่า det(A) = ad – bc และ adj(A) =
  • 9. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 การหา A-1 ของ ๶มทริกซ์ มิติ 3 x 3 ให้ A มีมิติ n x n โดยที่ det(A) 0 A-1 = . adj(A) สมบัติ ถ้า A , B และ C เป้ น๶มทริกซ์ที่มีอินเวอร์สการคูณ 1.) AB = AC จะได้ A-1 AB = A-1 AC จะได้ IB = IC จะได้ B= C 2.) (A-1 )-1 = A 3.) (An )-1 = (A-1 )n = A-n 4.) (kA)-1 = k-1 . A-1 = . A-1 5.) (AB)-1 = B-1 . A-1 และ (ABC)-1 = C-1 . B-1 . A-1
  • 10. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 14.Roll operation
  • 11. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824
  • 12. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ๶มทริกซ์ จัดทาโดย นักเรียนห้อง 824 อธิบายเพิ่มเติม การดาเนินการตามแถว เช่น = = 5R1 R12 R2 – 2R1 Note ถ้า จะได้ว่า B = A-1
  • 13. ตัวอย่างโจทย์ เรื่อง ๶มทริกซ์ 1. กําหนด A = ค่าของ A + 2A ก. A t ข. A ค. –A t ง. 2A t 2. ให้ A = , B = , C = และ 3A –B + 2C = แล้ว ค่าของ 2a- b+c+d เท่ากับข้อใด ก. 4 ข. 10 ค. 24 ง. 30 3. กําหนด A = , B = และ C = ค่า a ที่สอดคล้องกับสมการ (At )t B + (Bt A)t = (4C)t ก. 4 คือข้อใด ข. 3 ค. 2 ง. 1 4. ให้ A , B และ C เป็นเมตริกซ์มิติ 3*3 ถ้า det(A) = -4 และ At B – 2At Ct = -4A-1 แล้ว det(2C-Bt ก. -2 ) เท่ากับข้อใดต่อไปนี้ ข. -4 ค. 2 ง. 4
  • 14. 5. กําหนดให้ a, b, c เป็นจํานวนจริง และ A = ถ้า C12 ก. -4 (A) = 1 และ det(A) = -9 แล้วค่า ของ a ตรงกับข้อใด ข. -3 ค. 3 ง. 4 6. จากผลคูณ๶มทริกซ์ที่กําหนดให้ ส่งผลให้เกิด ค่า det(c) = = 6 จงหาค่า a เมื่อ a > 0 ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 7. กําหนด A และ B เป็น๶มทริกซ์ 4 × 4 โดยที่ A+B = AB det(A-I) = 97 จงหา 194det(B-I) ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
  • 15. 8. กําหนด เมื่อสมาชิกทุกตัวใน๶มทริกซ์ є R จะได้ f1(x) = (a31+a21)x2 f ; x≥ 0 2(x) = (a11-a33)x2 f +8 ; x≥0 3(x) = ; y ≥0 ข้อใดถูกต้องในช่วง [5, ) 1. f1 เป็นฟังก์ชันเพิ่ม 2. f2 เป็นฟังก์ชันลด 3. f3 เป็นฟังก์ชันเพิ่ม 4. f1,f2,f3 เป็น f ก. 1,2 ถูก 1-1 ข. 3,4 ถูก ค. 1 เท่านั้น ง. 2,4 ถูก 9. ให้ A = จงหาค่า det(adj(A+A2 +A3 +…+A10 ก. 1 )) ข. 25 ค. 55 ง. 100 10. ให้ g(x) = 3x+5 f( ) = (1+ )+1 ซึ่ง h(x)= k(x+2) โดยที่ k3 -7k2 จาก f ข้างต้นทําให้เกิด +21k-294 =0 A = จงหา ก. ข. ค. ง.
  • 16. 11. กําหนดสมการวงกลม X2 +y2 ก่อให้เกิด A = -2x-6y-6 = 0 เมื่อ r คือ รัศมีของวงกลม ซึ่งมี B = จงหา det(2(adj(AB+A))det[5](A-1 )t )t ก. ข. 1,000 ค. 2,500 ง.
  • 17. 1. จงตรวจสอบประพจน์ต่อไปนี้ แถม 1.) 2.) 3.) เมื่อ A,B เป็น๶มทริกซ์ non-singular มิติ 2×2 ซึ่ง detA + detB = 3 ------------(1) detA – detB = 1 ------------(2) 4.) ข้อใดเป็นประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็น ก. 1.) และ 2.) จริง ข. 2.) และ 3.) ค. 1.) และ 3.) ง. 2.) และ 4.) 2. กําหนด จงหา (- ] [y, เป็นสับเซตช่วงใด เมื่อ y อยู่ในช่วง (- ] 1) 2) 3) [-10,-3] 4) (- ] ก. 1) และ 2) ข. 1) และ 3) ค. 2) และ 4) ง. 3) และ 4)
  • 18. เฉลยโจทย์เมตริกซ์ 1. ตอบ ข. วิธีทํา จากโจทย์จะเห็นได้ว่า๶มทริกซ์ A เป็น๶มทริกซ์ เสมือนสมมาตร ซึ่ง At ดังนั้น A + 2A จะมีค่าเท่ากับ –A t = A + (-2A) = A + 2(-A) = A – 2A = -A = At 2. ตอบ ก. วิธีทํา 3A = หาค่าของ 3A = หาค่าของ 2C 2C = = หาค่าของ 3A – B + 2C - + = = ดังนั้น a = 7 b = 10 c = -9 d = 9 หาค่าของ 2a-b+c+d = 2(7) – 10 + (-9) + 9 = 4 3. ตอบ ก. วิธีทํา จัดรูปสมการจะได้ (A)B + (At )B = 4(Ct (A+A ) t )B = 4(Ct ) ดังนั้น 4a-16 = 0 และ 6a-8 = 16 a = 4 a = 4 จะได้ว่า a = 4
  • 19. 4. ตอบ ง. วิธีทํา det(A จัดการใส่ det ทั้ง2 ข้าง t B – 2At Ct ) = det(-4A-1 det(A ) t (B – 2Ct )) = (-4)3 (det(A-1 (detA )) t )(det(B – 2Ct )) = -64 ( ) -4 (det(B – 2Ct det(-2C + B ) = 16 t )t det((-1)(2C – B = -4 t ))t (-1) = -4 3 det(2C – Bt det(2C – B ) = -4 t ) = 4 5. ตอบ ง. วิธีทํา ดูที่ C12 C (A) = 1 ก่อน 12(A) = (-1)1+2 (M12(A)) = 1 ดังนั้น M12 M (A) = -1 12(A) = -1   จะได้ว่า –b – c = -1 ------------ พิจารณา det(A) = -9 = - a – c + 0 – 0 – a – b = -9 -2a – b – c = -9 จาก จะได้ -2a -1 = -9 -2a = -8 ดังนั้น a = 4
  • 20. จากการคูณ๶มทริกซ์ที่กําหนดให้จะได้ว่า 6. ตอบ ง. สามารถสรุปเป็นสมการ การเท่ากันของตําแหน่งในเมตริกซ์ x+ y+ z = 6 -------- (1) -2x+ 3y+ 19z = 61 -------- (2) x+ 7y+ 8z = 39 -------- (3) (1)×8 ; 8x+ 8y+ 8z = 48 -------- (4) (4)-(3); 7x+y = 9 -------- (5) (1)×19; 19x+ 19y+ 19z = 114 ------ (6) (6)-(2); 21x+ 16y = 53 ------- (7) (5) ×3 ; 21x+ 3y = 27 ------- (8) (7)-(8); 13y = 26 y=2 x =1 , z = 3 det(C) = (y+a)(a-z)-0 = 6 (2+a)(a-3)= 6 a2 (a-4)(a+3)= 0 –a – 12 = 0 a = -3,4 จากโจทย์ a>0 จึงต้องตอบตัวเลือก ง. 4 A+B = AB 7. ตอบ ข. แล้ว A = AB-B A = (A-I) B detA = det(A-I)detB detA = 97detB ----------------(1) จาก det(A-I) = 97 B = AB-A B = A(B-I) detB = detAdet(B-I)-----------(2) detB = 97detBdet(B-I) แทน(1) ใน(2) det(B-I) = 194det(B-I) = 2 ในตัวเลือก ข.
  • 21. กําหนด 8. ตอบ ง. A A จาก (A -1 -1 )-1 จะได้ A = =A f1(x) = (a31+a21)x2 f ; x≥ 0 1(x) = (0+0)x2 f ; x≥ 0 1 คือ แกน +x ไม่ใช่ฟังก์ชันเพิ่มหรือลด เป็นฟังก์ชันคงตัว (x) = 0 f2(x) = (a11-a33)x2 f +8 ; x≥0 2(x) = (1-(-1))x2 = 2x +8 ; x≥0 2 เป็นฟังก์ชันเพิ่ม + 8 f3(x) = ; y ≥0 f3(x) = ; y ≥0 y2 เป็นฟังก์ชันเพิ่ม = 23x ; y ≥0 แสดงว่า 1. ผิด 2. ถูก 3. ผิด 4. ถูก ตอบ ง. 2, 4 ถูก ให้ A = 9. ตอบ ง. จงหาค่า det(adj(A+A2 +A3 +…+A10 A )) 2 = A2 = A3 = … A10 = ไม่มีผลต่อ det det(adj(A+A2 +A3 + … + A10 )) = det 2-1 = 100
  • 22. ให้ g(x) = 3x+5 10. ตอบ ข. f( ) = (1+ )+1 ซึ่ง h(x) = k(x+2) โดยที่ k3 -7k2 สามารถใช้ทฤษฎีเศษ (k-3)(k +21k-294 =0 2 k = 3 -4k+98) = 0 h(x)= 3x+6 f(x)=x+1 A = = = ตัวเลือก ข. กําหนดสมการวงกลม 11. ตอบ ข. X2 +y2 (x-1) -2x-6y-6 = 0 2 +(y-3)2 = 42 ก่อให้เกิด A = r = 4 B = det(2(adj(AB+A))det[5](A-1 )t ) = 2 t 2 det(A)2-1 det(B+I)2-1 52 =4det(B+ I)25 =100(10)= 1,000 ตัวเลือก ข.
  • 23. 1. ตอบ ค. เฉลยแถม จาก 1.) ประพจน์นี้มีค่าความจริงเป็นจริงอยู่แล้ว จากนิยาม det ของ๶มทริกซ์ 1×1 เพราะฉะนั้น จากตารางค่าความจริง ถ้าจริง แล้ว เท็จ ย่อมมีค่าความจริงเป็น 2.) จริง จริง แต่เมื่อ B ≠ A-1 ทําให้ AB ≠ I ประพจน์นี้ค่าความจริงเป็นเท็จ เพราะฉะนั้น จากตารางค่าความจริง เท็จ ก็ต่อเมื่อ จริง ย่อมมีค่าความจริงเป็น เท็จ 3.) เมื่อ A,B เป็น๶มทริกซ์ non-singular มิติ 2×2 ซึ่ง detA + detB = 3 ------------(1) detA – detB = 1 ------------(2) เมื่อ A,B เป็น๶มทริกซ์ non-singular มิติ 2×2 ซึ่ง detA + detB = 3 ------------(1) detA – detB = 1 ------------(2) จะได้ว่า detA = 2 detB = 1 ประพจน์แรกมีค่าความจริงเป็นจริง จากสมบัติการสลับแถวและหลัก
  • 24. ประพจน์ที่สองจึงมีค่าความจริงเป็นจริง จริงและจริง ได้ 4.) จริง ประพจน์แรก ค่า det ≠ ๶มทริกซ์ อยู่แล้วจึงมีค่าความจริงเป็นเท็จ ประพจน์ที่สอง -2C1 =C3 ทําให้ det = 0 เป็น๶มทริกซ์ singular จึงหา A-1 จึงมีค่าความจริงเป็นเท็จ ไม่ได้ เท็จหรือเท็จ ได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า ประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็น เท็จ จริง 2. ตอบ ง. คือ ข้อ 1. และ 3. ตัวเลือก ค. จะได้ว่า xy = 30 ---------(1) -1(2x+y) = 16 --------(2) -2x – y = 16 y = -2x-16 ----(3) แทนใน(1) (-2x-16)x = 30 (x+8)x = -15 x2 (x+3)(x+5) = 0 +8x +15 = 0 x = -3,-5 y = -10, -6 ต้องเลือกกรณี x =-3 y = -10 จากช่วง y = (- ] (- ] [y, = (- ] [-10, =[-10,-3] ซึ่ง 1) = 2) = [8,9] 3) [-10,-3] 4) (- ] พบว่า [-10,-3] เป็นสับเซตของ 3) และ 4) พอดี จึงตอบตัวเลือก ง.