More Related Content
What's hot (15)
Viewers also liked (20)
Similar to บทที่ 4.1 (20)
บทที่ 4.1
- 1. บทที่ 4 ผลการวิจัย การพัฒนาแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์มีผลการวิเคราะห์ ข้อมูลตามลาดับ ดังนี้ แบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ สรุปลักษณะและโครงสร้างของแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ มีลักษณะเป็นแบบทดสอบ ที่มีอุปกรณ์และแบบบันทึกคะแนนจากการทดสอบ โดยทาการ ทดสอบเป็นรายบุคคล ประกอบด้วยแบบคัดแยกย่อย จานวน 6 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านการจาแนกทางสายตา เป็นการทดสอบการจาแนกทางสายตาเกี่ยวกับ ตัวเลข มีจานวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน โดยให้นักเรียนดูตัวเลขบนแผ่นภาพ แล้วให้นักเรียน ชี้ที่ตัวเลขคาตอบซึ่งมีตัวเลือกให้นักเรียนสองตัวเลือก ว่าเห็นตัวเลขใด แต่ละข้อใช้เวลา 3 วินาที ตัวเลขที่ใช้เป็นตัวเลขที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น 6 กับ 9 8 กับ 3 2. ด้านกระบวนการนับ เป็นการทดสอบกระบวนการที่นักเรียนใช้ในการนับ มีจานวน 13 ข้อ คะแนนเต็ม 13 คะแนน โดยการทดสอบให้นักเรียนสังเกตวิธีการนับแผ่นพลาสติกของหุ่นมือ ว่านับได้ถูกต้องหรือไม่ การนับในแต่ละครั้งจะใช้วิธีการนับจากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้าย นับซ้าแผ่นพลาสติกแผ่นแรก และการนับจากแผ่นพลาสติกลาดับที่สองก่อนจึงวนกลับมานับแผ่น ที่หนึ่ง 3. ด้านการแทนค่าประจาหลัก เป็นการทดสอบการรู้จักค่าประจาหลักของตัวเลข โดย การบอกค่าประจาหลัก และการวงกลมรอบภาพที่แทนค่าประจาหลัก มีจานวน 14 ข้อ คะแนน เต็ม 14 คะแนน 4. ด้านกระบวนการบวก เป็นการทดสอบความถูกต้องการการคานวณเลขในใจ และ วิธีการที่ใช้ในการบวก มีจานวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน โดยการทดสอบให้นักเรียน หาคาตอบให้เร็วที่สุด จากโจทย์เลขที่ครูวางให้นักเรียนดูทีละข้อ นักเรียนสามารถใช้วิธีการนับ นิ้วมือ คิดในใจ หรือการตอบได้ทันที ผู้ทดสอบต้องบันทึกวิธีการที่ใช้ในการคานวณของนักเรียน ใช้เพื่อประกอบการประเมินแต่ไม่นามาเป็นคะแนน 5. ด้านโจทย์ปัญหา เป็นการทดสอบการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา และการแก้โจทย์ปัญหาที่ มีรูปแบบต่างกัน ได้แก่ แบบเปลี่ยน (Change Problem) แบบรวม (Combine Problem)
- 2. 27 แบบเปรียบเทียบ (Compare Problem) มีจานวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ในการ ทดสอบนักเรียนสามารถใช้เหรียญเงินที่จัดไว้ช่วยในการคิดคานวณได้ 6. ด้านการบวกและการลบตามแนวตั้งและแนวนอน เป็นการทดสอบการบวก และ การลบ ตามแนวตั้งและตามแนวนอน โดยแสดงวิธีทา มีจานวน 39 ข้อ คะแนนเต็ม 39 คะแนน แบบทดสอบกาหนดโจทย์บวก และโจทย์ลบ เรียงลาดับจากง่ายไปหายาก นักเรียนแสดงวิธีทา ลงในแบบทดสอบ ค่าความเชื่อมั่นของแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ หาค่าด้วยวิธีการสอบซ้า (Test – Retest Method) โดยเว้นระยะห่าง 2 สัปดาห์ มีผล การวิเคราะห์ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 ค่าความเชื่อมั่นของแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ รายด้าน ด้าน ค่าความเชื่อมั่น การจาแนกตัวเลข กระบวนการนับ การแทนค่าประจาหลัก กระบวนการบวก โจทย์ปัญหา การบวกและการลบตามแนวตั้ง / แนวนอน 0.69 0.80 0.89 0.78 0.71 0.68 รวม 6 ด้าน 0.98 จากตาราง 1 แสดงว่า แบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ มีค่า ความเชื่อมั่นต่างกัน คือ ค่าความเชื่อมั่นของแบบคัดแยกด้านการจาแนกทางสายตา เท่ากับ 0.69 ด้านกระบวนการนับ เท่ากับ 0.80 ด้านการแทนค่าประจาหลัก เท่ากับ 0.89 ด้าน กระบวนการบวก เท่ากับ 0.78 ด้านโจทย์ปัญหา เท่ากับ 0.71 ด้านการบวกและการลบ ตามแนวตั้งและแนวนอน เท่ากับ 0.86 รวมทั้งชุดมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.98 เกณฑ์ตัดสินแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ เกณฑ์การตัดสินแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ สาหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 สังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา นาคะแนนที่ได้จากการทดสอบ
- 3. 28 มาคานวณหาจุดตัดในรูปของเปอร์เซ็นไทล์ (percentile) โดยกาหนดเกณฑ์ตัดสินที่ ระดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10 ตารางที่ 2 เกณฑ์ตัดสินแบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์สาหรับ นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 2 สังกัดเทศบาลนครนครราชสีมา ในรูปแบบเปอร์เซ็นไทล์ (N= 347) เปอร์เซ็นไทล์ที่ ระดับคะแนน ด้านการจาแนก ตัวเลข ระดับคะแนน ด้านการนับ ระดับคะแนน ด้านการแทนค่า ประจาหลัก ระดับคะแนน ด้านกระบวน การบวก ระดับคะแนน ด้านโจทย์ ปัญหา ระดับคะแนน ด้านบวกลบ แนวตั้ง แนวนอน 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 18 19 19 20 20 20 20 20 20 20 6 8 9 9 10 11 12 13 13 13 5 6 7 7 7 9 11 13 14 14 15 17 18 19 19 20 20 20 20 20 2 3 5 6 7 7 8 9 9 10 16 21 22 24 25 26 28 29 30 32 ตารางที่ 2 แสดงถึงการใช้เกณฑ์การตัดสิน ณ ตาแหน่งเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10 สาหรับ แบบคัดแยกเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ทั้ง 6 ด้าน สาหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีแนวโน้มปัญหาทางการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ ซึ่งถ้านักเรียนมีคะแนนต่า กว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 10 จะถือว่ามีแนวโน้มที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ด้านการอ่าน คือ ได้คะแนน ต่ากว่า 18 ของด้านการจาแนกตัวเลข ได้คะแนนต่ากว่า 6 ของด้านการนับ ได้คะแนนต่ากว่า 5
- 4. 29 ของด้านการแทนค่าประจาหลัก ได้คะแนนต่ากว่า 15 ของด้านกระบวนการบวก ได้คะแนนต่า กว่า 2 ของด้านโจทย์ปัญหา และได้คะแนนต่ากว่า 16 ของด้านการบวกและการลบตามแนวตั้ง และแนวนอน