ݺߣ

ݺߣShare a Scribd company logo
2
Most read
MCI 414 การฝึกปฏิบัติการสอนในชันเรียน เสนอ ผศ.ดร.เกศสุดา รัชฎาวิศิษกุล
จัดทําโดย นางสาวดวงเด่น แสนดี รหัส 6053200012
ทฤษฎีของไวก็อตสกี(Vygotskys Theory)
ประวัติ ไวก็อตสกี(Vygotsky) •เป็นนักจิตวิทยาชาวรัสเซีย เชือสายยิว •เกิดในปี ค.ศ. 1896
•สร้างแนวคิดทางจิตวิทยาขึนมาใหม่ตามแนวทางมาร์กซิสต์และประยุกต์ใช้จิตวิทยา
โดยเฉพาะในสาขาจิตวิทยาการศึกษา •ในปี ค.ศ. 1962 ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือของเขาในรูปแบบฉบับย่อ ภายใต้ชือเรือง
การคิดและภาษา(Thought and Language •เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 38 ปีเท่านัน
ทฤษฏีพืนทีรอยต่อพัฒนาการของไวก็อตกี( Zone of ProximalDevelopment )
ไวก็อตสกี อธิบายว่า การจัดการเรียนรู้จะต้องคํานึงถึงระดับพัฒนาการ 2 ระดับ คือ ระดับพัฒนาการทีเป็นจริง(Actual
Development Level) และระดับพัฒนาการทีสามารถจะเป็ นไปได้(Potential Development Level) ระยะห่างระหว่างระดับ
พัฒนาการทีเป็นจริงและระดับพัฒนาการทีสามารถจะเป็นไปได้เรียกว่า พืนทีรอยต่อพัฒนาการ(Zone of Proximal Development)
ซึงไวก็อตสกีเปรียบเทียบการเรียนรู้กับพัฒนาการไว้ดังนี
Past Learning : Actual Development Level
Present Learning : Zone of Proximal Development
Future Learning : Potential Development Level
พืนทีรอยต่อพัฒนาการ คือบริเวณทีเด็กกําลังจะเข้าใจในบางสิงบางอย่าง ไวก็อตสกีได้ให้คํานิยามพืนทีรอยต่อพัฒนาการนีว่า
“ระยะห่างระหว่างระดับพัฒนาการทีแท้จริง ซึงกําหนดโดยลักษณะการแก้ปัญหาของแต่ละบุคคลกับระดับของศักยภาพแห่ง
พัฒนาการที “พืนทีรอยต่อพัฒนาการในวันนีจะเป็นระดับของพัฒนาการในวันพรุ่งนีอะไรก็ตามทีเด็กสามารถทําได้โดยอยู่ภายใต้
ความช่วยเหลือในวันนีวันพรุ่งนีเขาจะสามารถทําได้ด้วยตัวของเขาเองเพียงได้รับการเรียนรู้ทีดีก็จะนํามาซึงพัฒนาการทีเจริญขึน”
การเรียนรู้ในพืนทีรอยต่อพัฒนาการ
ไวก็อตสกีอธิบายว่า พัฒนาการและการเรียนรู้มีลักษณะทีเอือประโยชน์ซึงกันและกัน การเรียนรู้นําไปสู่พัฒนาการ
สนับสนุนพัฒนาการ หรือผลักดันให้พัฒนาการเป็นไปในระดับทีสูงขึน เป็นการขยายระดับพัฒนาการออกไปอย่างไม่มีขีดจํากัด
โดยเกิดจากการเรียนรู้มโนทัศน์ 2 ประเภท คือ มโนทัศน์โดยธรรมชาติ (Spontaneous or Everyday Concepts) และ มโนทัศน์ที
เป็นระบบ (Scientific or Schooled Concepts)
พืนทีรอยต่อจะประสบผลสําเร็จต้องขึนอยู่กับองค์ประกอบ 5 ประการ ดังนี
1. ภาษา (Language)
ไวก็อตสกีได้แสดงทัศนะไว้ว่า ภาษาเกิดขึนครังแรกเป็นภาษา
ทีไม่ได้แสดงถึงความคิด เป็นช่วงระยะเวลาทีความคิดกับภาษาไม่มีความสัมพันธ์กัน แต่เมือเด็กมีพัฒนาการมากขึน ความคิดกับ
ภาษาจะเริมมีความสัมพันธ์กันมากขึน ความคิดถูกแสดงให้เห็นออกมาผ่านทางภาษา ซึงภาษาทีแสดงออกมาจะมีความเป็นเหตุ
เป็นผลมากขึน ก็เป็นผลสืบเนืองจากการใช้ความคิดทีมากขึน ดังนัน ภาษาจึงเป็นเครืองมือในการพัฒนาความคิด และใน
ขณะเดียวกันเราก็พัฒนาภาษาโดยผ่านทางการคิดด้วยเช่นกัน ความสัมพันธ์ทีเอือประโยชน์ซึงกันและกันนี ทําให้เกิดความเชือ
ทีว่าพฤติกรรมทางสังคมซึงเกียวข้องกับการใช้ภาษา สามารถนําไปสู่การเพิมพัฒนาการทางความคิดได้และนีเป็นสิงสําคัญทีทํา
ให้ทฤษฎีของไวก็อตสกีมีความแตกต่างไปจากนักจิตวิทยารุ่นเดียวกันกับเขา
2. ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม(Social Interaction)
การทีเด็กมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (SocialInteraction) กับพ่อแม่ ครู และคนอืนๆ ทีให้ความเอาใจใส่ ดูแล ช่วยเหลือแก่เด็ก จะ
ช่วยทําให้เด็กได้สร้างและเด็กสามารถเรียนรู้ได้เด็กจะพัฒนาในกลุ่มของสังคมทีจัดขึน การใช้เทคโนโลยีทีเหมาะสมควรจะเชือม
ความสัมพันธ์ระหว่างกันมากกว่าทีจะแยกผู้เรียนจากคนอืนๆ ครูควรจะสร้างบริบทสําหรับการเรียนรู้ทีผู้เรียนสามารถได้รับการ
ส่งเสริมในกิจกรรมทีน่าสนใจซึงกระตุ้นและเอืออํานวยต่อการเรียนรู้แทนทีครูผู้สอนทีเข้ามาสู่กิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียน
ไม่ใช่เข้ามายืนมองเด็กสํารวจและค้นพบเท่านัน แต่ครูควรแนะนําเมือผู้เรียนประสบปัญหา กระตุ้นให้ผู้เรียนปฏิบัติ
3. วัฒนธรรม (Culture)
ไวก็อตสกี อธิบายว่า เด็กจะปรับเปลียนความคิดความเข้าใจไปตามประสบการณ์ทีได้รับจากสังคมและวัฒนธรรมของเขา
จนกระทังสร้างความรู้ขึนมา ทําาให้เด็กมีกระบวนการทางปัญญาในระดับทีสูงขึน (HigherMental Functions)
4. การเลียนแบบ(Imitation) ไวก็อตสีกีอธิบายว่า บทบาทของการเลียนแบบมีความสําาคัญต่อการเรียนรู้และพัฒนาการ เช่น
ถ้าเด็กกําาลังเกิดอุปสรรคในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ครูจึงจําาเป็นต้องแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์นันหลายๆ ครัง
เพือให้เด็กค่อยๆ เลียนแบบวิธีการแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
5. การชีแนะหรือการช่วยเหลือ(Guidance or Assistance) เป็นการร่วมมือทางสังคม(Social Collaborative) ทีสนับสนุนให้
พัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจเกิดการเจริญงอกงาม
ตารางวิเคราะห์ทฤษฏี ไวก๊อตสกี กับกระบวนการ
ขันพัฒนาการ องค์ประกอบ เหตุผล
1. ภาษา ความเชือถือและความไว้วางใจ การทําให้เด็กสามารถก้าวข้ามพืนทีรอยต่อของพัฒนาการไปได้นันต้องอาศัย
บุคคลทีไม่เฉพาะครูแต่ยังมีพ่อแม่
2. ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ความอาทรและห่วงใย การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กย่อมเกิดจากความอาทร และห่วงใยของพ่อ
แม่ ครู และคนอืนๆทีให้ความ
3. วัฒนธรรม การยอมรับนับถือ เด็กจะปรับเปลียนความคิดความเข้าไปตามประสบการณ์ทีได้รับจากสังคม
และวัฒนธรรมที
4. การเลียนแบบ การมองโลกในแง่ดี ไวก๊อตสกีอธิบายว่าบทบาทการเลียนแบบมีความสําคัญต่อการเรียนรู้และ
พัฒนาการของเด็กเพราะเมือครูเป็นแบบอย่างทีดีในการแก้ปัญหา
5. การชีแนะหรือการ
ช่วยเหลือ
การมีจุดหมายและเจตนา การชีแนะหรือการช่วยเหลือเป็นความร่วมมือทางสังคมทีสนับสนุนให้เด็กมี
พัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจ การไปถึงซึงจุดหมาย และเจตนาในการ
คุณลักษณะของผู้เรียนตามทฤษฏีพืนทีรอยต่อพัฒนาการ
•ผู้เรียนมีความสามารถในการสือสารทางภาษาอย่างน้อย 2 ภาษา •ผู้เรียนเป็นผู้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อืนในทางบวก
•ผู้เรียนเป็นผู้ตระหนักในความสําคัญของปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิน •ผู้เรียนมีจิตอาสา
•ผู้เรียนเป็นผู้เสียสละมีนําใจและให้อภัย •ผู้เรียนอยู่ร่วมกับผู้อืนได้อย่างมีความสุข
•ผู้เรียนมีความเชือมันในตนเอง •ผู้เรียนมีความคิดริเริมสร้างสรรค์
•ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้
Ad

Recommended

การปฐมพยาบาล๶บื้องต้นตามหลักการที่ถูกต้อง
การปฐมพยาบาล๶บื้องต้นตามหลักการที่ถูกต้อง
pongppmaesuai
การออกกำลังกาย๶พื่อสุขภาพ
การออกกำลังกาย๶พื่อสุขภาพ
Winthai Booloo
ใบงานที่ 1-5 ม.1 1/61
ใบงานที่ 1-5 ม.1 1/61
Beerza Kub
Froebel's Kindergarten System
Froebel's Kindergarten System
johnnajoo
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
Nattayaporn Dokbua
กรอบแนวคิดในการวิจัย
กรอบแนวคิดในการวิจัย
NU
Diabetes Mellitus
Diabetes Mellitus
MD Abdul Haleem
Power Point Presentation on Artificial Intelligence
Power Point Presentation on Artificial Intelligence
Anushka Ghosh
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
Proud N. Boonrak
องค์ประกอบของหลักสูตร
องค์ประกอบของหลักสูตร
Sunisa199444
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
ณัฐพล แสงทวี
ոารจำแนกจุดมุ่งหมายการศึกษา
ոารจำแนกจุดมุ่งหมายการศึกษา
NU
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
rewat Chitthaing
ตัวอย่างโครงการสอน
ตัวอย่างโครงการสอน
Krupol Phato
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
wanchalerm sotawong
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
คำกล่าวเปิึϸ่ายจริยธรรม
คำกล่าวเปิึϸ่ายจริยธรรม
niralai
ข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัย
NU
แบบประ๶มิȨลชิ้Ȩาน
แบบประ๶มิȨลชิ้Ȩาน
pacharawalee
แบบประ๶มิȨิ้Ȩาน
แบบประ๶มิȨิ้Ȩาน
krunueng1
การเคลื่อนที่ྺองสิ่งมีชีวิตเซลล์๶ึϸยว
การเคลื่อนที่ྺองสิ่งมีชีวิตเซลล์๶ึϸยว
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
Rawinnipha Joy
๶อกสารประกอบการสอȨรื่องเสียง
๶อกสารประกอบการสอȨรื่องเสียง
Wijitta DevilTeacher
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
Dr.Krisada [Hua] RMUTT
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
Ploykarn Lamdual
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
Chantana Papattha
กิจกรรมสะเต็มศึกษา (สสวท.)
กิจกรรมสะเต็มศึกษา (สสวท.)
kroofon fon
จิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์
จิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์
natthiida
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
itedu355

More Related Content

What's hot (20)

ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
Proud N. Boonrak
องค์ประกอบของหลักสูตร
องค์ประกอบของหลักสูตร
Sunisa199444
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
ณัฐพล แสงทวี
ոารจำแนกจุดมุ่งหมายการศึกษา
ոารจำแนกจุดมุ่งหมายการศึกษา
NU
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
rewat Chitthaing
ตัวอย่างโครงการสอน
ตัวอย่างโครงการสอน
Krupol Phato
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
wanchalerm sotawong
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
คำกล่าวเปิึϸ่ายจริยธรรม
คำกล่าวเปิึϸ่ายจริยธรรม
niralai
ข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัย
NU
แบบประ๶มิȨลชิ้Ȩาน
แบบประ๶มิȨลชิ้Ȩาน
pacharawalee
แบบประ๶มิȨิ้Ȩาน
แบบประ๶มิȨิ้Ȩาน
krunueng1
การเคลื่อนที่ྺองสิ่งมีชีวิตเซลล์๶ึϸยว
การเคลื่อนที่ྺองสิ่งมีชีวิตเซลล์๶ึϸยว
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
Rawinnipha Joy
๶อกสารประกอบการสอȨรื่องเสียง
๶อกสารประกอบการสอȨรื่องเสียง
Wijitta DevilTeacher
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
Dr.Krisada [Hua] RMUTT
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
Ploykarn Lamdual
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
Chantana Papattha
กิจกรรมสะเต็มศึกษา (สสวท.)
กิจกรรมสะเต็มศึกษา (สสวท.)
kroofon fon
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
ทฤษฏีไวก็อตสกี้
Proud N. Boonrak
องค์ประกอบของหลักสูตร
องค์ประกอบของหลักสูตร
Sunisa199444
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
คำกริยาที่บ่งบอกพฤติกรรมการเรียนรู้ KPA
ณัฐพล แสงทวี
ոารจำแนกจุดมุ่งหมายการศึกษา
ոารจำแนกจุดมุ่งหมายการศึกษา
NU
Casestudy การศึกษารายกรณี
Casestudy การศึกษารายกรณี
rewat Chitthaing
ตัวอย่างโครงการสอน
ตัวอย่างโครงการสอน
Krupol Phato
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
ตัวอย่างการสร้างข้อสอบ
wanchalerm sotawong
การเขียนบรรณานุกรม
การเขียนบรรณานุกรม
Supaporn Khiewwan
คำกล่าวเปิึϸ่ายจริยธรรม
คำกล่าวเปิึϸ่ายจริยธรรม
niralai
ข้อสอบอัตนัย
ข้อสอบอัตนัย
NU
แบบประ๶มิȨลชิ้Ȩาน
แบบประ๶มิȨลชิ้Ȩาน
pacharawalee
แบบประ๶มิȨิ้Ȩาน
แบบประ๶มิȨิ้Ȩาน
krunueng1
การเคลื่อนที่ྺองสิ่งมีชีวิตเซลล์๶ึϸยว
การเคลื่อนที่ྺองสิ่งมีชีวิตเซลล์๶ึϸยว
กมลรัตน์ ฉิมพาลี
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
โครงงาȨาษาไทย๶รื่องนิทาน
Rawinnipha Joy
๶อกสารประกอบการสอȨรื่องเสียง
๶อกสารประกอบการสอȨรื่องเสียง
Wijitta DevilTeacher
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
ตัวอย่างการนำเสนอโครงร่างวิจัย 3 บท
Dr.Krisada [Hua] RMUTT
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
IS1 - 1.2 การตั้งประเด็นปัญหาหรือคำถาม
Ploykarn Lamdual
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning theory)
Chantana Papattha
กิจกรรมสะเต็มศึกษา (สสวท.)
กิจกรรมสะเต็มศึกษา (สสวท.)
kroofon fon

Similar to ทฤษฎีของไวก็อตสกี้(Vygotskys Theory) (20)

จิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์
จิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์
natthiida
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
itedu355
ทฤษฎีจิตวิทยาྺองกลุ่มเกสตัลท์
ทฤษฎีจิตวิทยาྺองกลุ่มเกสตัลท์
PomPam Comsci
จิตวิทยาการสอน
จิตวิทยาการสอน
phatcom10
จิตวิทยาการเรียนรู้ 2
จิตวิทยาการเรียนรู้ 2
team00428
09.chapter6 the learning sciences
09.chapter6 the learning sciences
KruBeeKa
Power point นำเสนองาȨิจัย
Power point นำเสนองาȨิจัย
ชัชจิรา จำปาทอง
Presentation 5
Presentation 5
moohmed
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
suweeda
ทฤษฎีหลักการแนวคิด๶กี่ยวกับการคิดและพัฒȨการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิด๶กี่ยวกับการคิดและพัฒȨการคิด
Note Na-ngam
สรุปสถานการณ์ปัญหาตามทฤษฎีพุทธิปัญญาȨยม
สรุปสถานการณ์ปัญหาตามทฤษฎีพุทธิปัญญาȨยม
jeerawan_l
๶พา๶วอร์พอย
๶พา๶วอร์พอย
Naree50
Ku 620507
Ku 620507
Pattie Pattie
ระึϸบครูปฏิบัติการ
ระึϸบครูปฏิบัติการ
FuangFah Tingmaha-in
กระบวนทัศน์ྺองการออกแบบการสอȨป็Ȩย่างไร
กระบวนทัศน์ྺองการออกแบบการสอȨป็Ȩย่างไร
Albert Sigum
กระบวนทัศน์ของการออกแบบการสอนเป็น อ.ต้าร์
กระบวนทัศน์ของการออกแบบการสอนเป็น อ.ต้าร์
Albert Sigum
จิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์
จิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์
natthiida
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
ความหมาย ทฤษฎีด้านนวัตกรรมเพื่อการศึกษา
itedu355
ทฤษฎีจิตวิทยาྺองกลุ่มเกสตัลท์
ทฤษฎีจิตวิทยาྺองกลุ่มเกสตัลท์
PomPam Comsci
จิตวิทยาการสอน
จิตวิทยาการสอน
phatcom10
จิตวิทยาการเรียนรู้ 2
จิตวิทยาการเรียนรู้ 2
team00428
09.chapter6 the learning sciences
09.chapter6 the learning sciences
KruBeeKa
Presentation 5
Presentation 5
moohmed
เฟียเจท์ 1
เฟียเจท์ 1
suweeda
ทฤษฎีหลักการแนวคิด๶กี่ยวกับการคิดและพัฒȨการคิด
ทฤษฎีหลักการแนวคิด๶กี่ยวกับการคิดและพัฒȨการคิด
Note Na-ngam
สรุปสถานการณ์ปัญหาตามทฤษฎีพุทธิปัญญาȨยม
สรุปสถานการณ์ปัญหาตามทฤษฎีพุทธิปัญญาȨยม
jeerawan_l
๶พา๶วอร์พอย
๶พา๶วอร์พอย
Naree50
ระึϸบครูปฏิบัติการ
ระึϸบครูปฏิบัติการ
FuangFah Tingmaha-in
กระบวนทัศน์ྺองการออกแบบการสอȨป็Ȩย่างไร
กระบวนทัศน์ྺองการออกแบบการสอȨป็Ȩย่างไร
Albert Sigum
กระบวนทัศน์ของการออกแบบการสอนเป็น อ.ต้าร์
กระบวนทัศน์ของการออกแบบการสอนเป็น อ.ต้าร์
Albert Sigum
Ad

More from DuangdenSandee (20)

คำถามแบบโสกราตีส (Socratic questioning)
คำถามแบบโสกราตีส (Socratic questioning)
DuangdenSandee
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ Professional Learning Community (PLC)
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ Professional Learning Community (PLC)
DuangdenSandee
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research : PAR)
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research : PAR)
DuangdenSandee
แผȨัฒȨงาȨิชาการ
แผȨัฒȨงาȨิชาการ
DuangdenSandee
การนำหลักสูตรไปใช้
การนำหลักสูตรไปใช้
DuangdenSandee
การวัดผลและประ๶มิȨลการ๶รียนรู้
การวัดผลและประ๶มิȨลการ๶รียนรู้
DuangdenSandee
การประกัȨุณภาพการศึกษา
การประกัȨุณภาพการศึกษา
DuangdenSandee
ตัวอย่างข้อสอบ
ตัวอย่างข้อสอบ
DuangdenSandee
ข้อสอบแบบอัตȨย
ข้อสอบแบบอัตȨย
DuangdenSandee
Cippa model
Cippa model
DuangdenSandee
แบบสอบถาม
แบบสอบถาม
DuangdenSandee
การนำเสนอรายงาȨารวิจัย
การนำเสนอรายงาȨารวิจัย
DuangdenSandee
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล
DuangdenSandee
การเก็บรวบรวมྺ้อมูล
การเก็บรวบรวมྺ้อมูล
DuangdenSandee
แนวคิด๶กี่ยวกับการวัดและྺ้อมูล
แนวคิด๶กี่ยวกับการวัดและྺ้อมูล
DuangdenSandee
การตั้งสมมติฐาȨละการกำหȨตัวแปร
การตั้งสมมติฐาȨละการกำหȨตัวแปร
DuangdenSandee
กรอบแนวคิดและแบบจำลองการวิจัย
กรอบแนวคิดและแบบจำลองการวิจัย
DuangdenSandee
การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวྺ้อง
การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวྺ้อง
DuangdenSandee
การกำหȨหัวྺ้อและประ๶ึϹȨัญหาการวิจัย
การกำหȨหัวྺ้อและประ๶ึϹȨัญหาการวิจัย
DuangdenSandee
หลักการพัฒȨแสวงหาความรู้ྺองมนุษย์
หลักการพัฒȨแสวงหาความรู้ྺองมนุษย์
DuangdenSandee
คำถามแบบโสกราตีส (Socratic questioning)
คำถามแบบโสกราตีส (Socratic questioning)
DuangdenSandee
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ Professional Learning Community (PLC)
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ Professional Learning Community (PLC)
DuangdenSandee
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research : PAR)
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research : PAR)
DuangdenSandee
แผȨัฒȨงาȨิชาการ
แผȨัฒȨงาȨิชาการ
DuangdenSandee
การนำหลักสูตรไปใช้
การนำหลักสูตรไปใช้
DuangdenSandee
การวัดผลและประ๶มิȨลการ๶รียนรู้
การวัดผลและประ๶มิȨลการ๶รียนรู้
DuangdenSandee
การประกัȨุณภาพการศึกษา
การประกัȨุณภาพการศึกษา
DuangdenSandee
ตัวอย่างข้อสอบ
ตัวอย่างข้อสอบ
DuangdenSandee
ข้อสอบแบบอัตȨย
ข้อสอบแบบอัตȨย
DuangdenSandee
การนำเสนอรายงาȨารวิจัย
การนำเสนอรายงาȨารวิจัย
DuangdenSandee
การวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล
DuangdenSandee
การเก็บรวบรวมྺ้อมูล
การเก็บรวบรวมྺ้อมูล
DuangdenSandee
แนวคิด๶กี่ยวกับการวัดและྺ้อมูล
แนวคิด๶กี่ยวกับการวัดและྺ้อมูล
DuangdenSandee
การตั้งสมมติฐาȨละการกำหȨตัวแปร
การตั้งสมมติฐาȨละการกำหȨตัวแปร
DuangdenSandee
กรอบแนวคิดและแบบจำลองการวิจัย
กรอบแนวคิดและแบบจำลองการวิจัย
DuangdenSandee
การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวྺ้อง
การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวྺ้อง
DuangdenSandee
การกำหȨหัวྺ้อและประ๶ึϹȨัญหาการวิจัย
การกำหȨหัวྺ้อและประ๶ึϹȨัญหาการวิจัย
DuangdenSandee
หลักการพัฒȨแสวงหาความรู้ྺองมนุษย์
หลักการพัฒȨแสวงหาความรู้ྺองมนุษย์
DuangdenSandee
Ad

ทฤษฎีของไวก็อตสกี้(Vygotskys Theory)

  • 1. MCI 414 การฝึกปฏิบัติการสอนในชันเรียน เสนอ ผศ.ดร.เกศสุดา รัชฎาวิศิษกุล จัดทําโดย นางสาวดวงเด่น แสนดี รหัส 6053200012 ทฤษฎีของไวก็อตสกี(Vygotskys Theory) ประวัติ ไวก็อตสกี(Vygotsky) •เป็นนักจิตวิทยาชาวรัสเซีย เชือสายยิว •เกิดในปี ค.ศ. 1896 •สร้างแนวคิดทางจิตวิทยาขึนมาใหม่ตามแนวทางมาร์กซิสต์และประยุกต์ใช้จิตวิทยา โดยเฉพาะในสาขาจิตวิทยาการศึกษา •ในปี ค.ศ. 1962 ได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือของเขาในรูปแบบฉบับย่อ ภายใต้ชือเรือง การคิดและภาษา(Thought and Language •เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 38 ปีเท่านัน ทฤษฏีพืนทีรอยต่อพัฒนาการของไวก็อตกี( Zone of ProximalDevelopment ) ไวก็อตสกี อธิบายว่า การจัดการเรียนรู้จะต้องคํานึงถึงระดับพัฒนาการ 2 ระดับ คือ ระดับพัฒนาการทีเป็นจริง(Actual Development Level) และระดับพัฒนาการทีสามารถจะเป็ นไปได้(Potential Development Level) ระยะห่างระหว่างระดับ พัฒนาการทีเป็นจริงและระดับพัฒนาการทีสามารถจะเป็นไปได้เรียกว่า พืนทีรอยต่อพัฒนาการ(Zone of Proximal Development) ซึงไวก็อตสกีเปรียบเทียบการเรียนรู้กับพัฒนาการไว้ดังนี Past Learning : Actual Development Level Present Learning : Zone of Proximal Development Future Learning : Potential Development Level พืนทีรอยต่อพัฒนาการ คือบริเวณทีเด็กกําลังจะเข้าใจในบางสิงบางอย่าง ไวก็อตสกีได้ให้คํานิยามพืนทีรอยต่อพัฒนาการนีว่า “ระยะห่างระหว่างระดับพัฒนาการทีแท้จริง ซึงกําหนดโดยลักษณะการแก้ปัญหาของแต่ละบุคคลกับระดับของศักยภาพแห่ง พัฒนาการที “พืนทีรอยต่อพัฒนาการในวันนีจะเป็นระดับของพัฒนาการในวันพรุ่งนีอะไรก็ตามทีเด็กสามารถทําได้โดยอยู่ภายใต้ ความช่วยเหลือในวันนีวันพรุ่งนีเขาจะสามารถทําได้ด้วยตัวของเขาเองเพียงได้รับการเรียนรู้ทีดีก็จะนํามาซึงพัฒนาการทีเจริญขึน” การเรียนรู้ในพืนทีรอยต่อพัฒนาการ ไวก็อตสกีอธิบายว่า พัฒนาการและการเรียนรู้มีลักษณะทีเอือประโยชน์ซึงกันและกัน การเรียนรู้นําไปสู่พัฒนาการ สนับสนุนพัฒนาการ หรือผลักดันให้พัฒนาการเป็นไปในระดับทีสูงขึน เป็นการขยายระดับพัฒนาการออกไปอย่างไม่มีขีดจํากัด โดยเกิดจากการเรียนรู้มโนทัศน์ 2 ประเภท คือ มโนทัศน์โดยธรรมชาติ (Spontaneous or Everyday Concepts) และ มโนทัศน์ที เป็นระบบ (Scientific or Schooled Concepts) พืนทีรอยต่อจะประสบผลสําเร็จต้องขึนอยู่กับองค์ประกอบ 5 ประการ ดังนี 1. ภาษา (Language) ไวก็อตสกีได้แสดงทัศนะไว้ว่า ภาษาเกิดขึนครังแรกเป็นภาษา ทีไม่ได้แสดงถึงความคิด เป็นช่วงระยะเวลาทีความคิดกับภาษาไม่มีความสัมพันธ์กัน แต่เมือเด็กมีพัฒนาการมากขึน ความคิดกับ ภาษาจะเริมมีความสัมพันธ์กันมากขึน ความคิดถูกแสดงให้เห็นออกมาผ่านทางภาษา ซึงภาษาทีแสดงออกมาจะมีความเป็นเหตุ เป็นผลมากขึน ก็เป็นผลสืบเนืองจากการใช้ความคิดทีมากขึน ดังนัน ภาษาจึงเป็นเครืองมือในการพัฒนาความคิด และใน ขณะเดียวกันเราก็พัฒนาภาษาโดยผ่านทางการคิดด้วยเช่นกัน ความสัมพันธ์ทีเอือประโยชน์ซึงกันและกันนี ทําให้เกิดความเชือ ทีว่าพฤติกรรมทางสังคมซึงเกียวข้องกับการใช้ภาษา สามารถนําไปสู่การเพิมพัฒนาการทางความคิดได้และนีเป็นสิงสําคัญทีทํา ให้ทฤษฎีของไวก็อตสกีมีความแตกต่างไปจากนักจิตวิทยารุ่นเดียวกันกับเขา
  • 2. 2. ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม(Social Interaction) การทีเด็กมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (SocialInteraction) กับพ่อแม่ ครู และคนอืนๆ ทีให้ความเอาใจใส่ ดูแล ช่วยเหลือแก่เด็ก จะ ช่วยทําให้เด็กได้สร้างและเด็กสามารถเรียนรู้ได้เด็กจะพัฒนาในกลุ่มของสังคมทีจัดขึน การใช้เทคโนโลยีทีเหมาะสมควรจะเชือม ความสัมพันธ์ระหว่างกันมากกว่าทีจะแยกผู้เรียนจากคนอืนๆ ครูควรจะสร้างบริบทสําหรับการเรียนรู้ทีผู้เรียนสามารถได้รับการ ส่งเสริมในกิจกรรมทีน่าสนใจซึงกระตุ้นและเอืออํานวยต่อการเรียนรู้แทนทีครูผู้สอนทีเข้ามาสู่กิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียน ไม่ใช่เข้ามายืนมองเด็กสํารวจและค้นพบเท่านัน แต่ครูควรแนะนําเมือผู้เรียนประสบปัญหา กระตุ้นให้ผู้เรียนปฏิบัติ 3. วัฒนธรรม (Culture) ไวก็อตสกี อธิบายว่า เด็กจะปรับเปลียนความคิดความเข้าใจไปตามประสบการณ์ทีได้รับจากสังคมและวัฒนธรรมของเขา จนกระทังสร้างความรู้ขึนมา ทําาให้เด็กมีกระบวนการทางปัญญาในระดับทีสูงขึน (HigherMental Functions) 4. การเลียนแบบ(Imitation) ไวก็อตสีกีอธิบายว่า บทบาทของการเลียนแบบมีความสําาคัญต่อการเรียนรู้และพัฒนาการ เช่น ถ้าเด็กกําาลังเกิดอุปสรรคในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ครูจึงจําาเป็นต้องแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์นันหลายๆ ครัง เพือให้เด็กค่อยๆ เลียนแบบวิธีการแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป 5. การชีแนะหรือการช่วยเหลือ(Guidance or Assistance) เป็นการร่วมมือทางสังคม(Social Collaborative) ทีสนับสนุนให้ พัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจเกิดการเจริญงอกงาม ตารางวิเคราะห์ทฤษฏี ไวก๊อตสกี กับกระบวนการ ขันพัฒนาการ องค์ประกอบ เหตุผล 1. ภาษา ความเชือถือและความไว้วางใจ การทําให้เด็กสามารถก้าวข้ามพืนทีรอยต่อของพัฒนาการไปได้นันต้องอาศัย บุคคลทีไม่เฉพาะครูแต่ยังมีพ่อแม่ 2. ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ความอาทรและห่วงใย การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กย่อมเกิดจากความอาทร และห่วงใยของพ่อ แม่ ครู และคนอืนๆทีให้ความ 3. วัฒนธรรม การยอมรับนับถือ เด็กจะปรับเปลียนความคิดความเข้าไปตามประสบการณ์ทีได้รับจากสังคม และวัฒนธรรมที 4. การเลียนแบบ การมองโลกในแง่ดี ไวก๊อตสกีอธิบายว่าบทบาทการเลียนแบบมีความสําคัญต่อการเรียนรู้และ พัฒนาการของเด็กเพราะเมือครูเป็นแบบอย่างทีดีในการแก้ปัญหา 5. การชีแนะหรือการ ช่วยเหลือ การมีจุดหมายและเจตนา การชีแนะหรือการช่วยเหลือเป็นความร่วมมือทางสังคมทีสนับสนุนให้เด็กมี พัฒนาการทางความรู้ความเข้าใจ การไปถึงซึงจุดหมาย และเจตนาในการ คุณลักษณะของผู้เรียนตามทฤษฏีพืนทีรอยต่อพัฒนาการ •ผู้เรียนมีความสามารถในการสือสารทางภาษาอย่างน้อย 2 ภาษา •ผู้เรียนเป็นผู้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อืนในทางบวก •ผู้เรียนเป็นผู้ตระหนักในความสําคัญของปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิน •ผู้เรียนมีจิตอาสา •ผู้เรียนเป็นผู้เสียสละมีนําใจและให้อภัย •ผู้เรียนอยู่ร่วมกับผู้อืนได้อย่างมีความสุข •ผู้เรียนมีความเชือมันในตนเอง •ผู้เรียนมีความคิดริเริมสร้างสรรค์ •ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้