ݺߣ
Submit Search
งาȨำเสนอคำไวพจน์
•
1 like
•
7,464 views
phornphan1111
Follow
1 of 24
Download now
Downloaded 25 times
More Related Content
งาȨำเสนอคำไวพจน์
1.
เรื่อง ความงามของภาษา
การสรรคา และการเรียบเรียงถ้อยคา
2.
ความงามของภาษา ภาษามีความงามได้เพราะประกอบด้วยถ้อยคา
การสรร ถ้อยคาที่มีเสียไพเราะมีความหมายดีเด่น ให้ภาพชัดเจน และเรียบเรียงถูกตามหลักเกณฑ์และความนิยมของภาษา โดยอาศัยศิลปะการประพันธ์เข้าช่วย
3.
ถ้อยคา ถ้อยคาในภาษาไทยที่จะสรรมาใช้เพื่อให้เกิดความงามในภาษาได้
มีดังนี้ ๑. คาประสม ที่สะท้อนจินตนาการของผู้คิดคา คาประสม ประเภทนี้ให้ ภาพได้ชัดเจน เช่น น้าตก มีดพับ สมเสร็จ หงอนไก่
4.
๒. คาสมาส
เป็นคาที่กะทัดรัด สื่อความหมายได้ดี และ ออกเสียงได้ ไพเราะ เช่น พุทธโอวาท อุบัติเหตุ ๓. คาซ้อนสี่คา มีเสียงสัมผัสไพเราะ เช่น ลายลักษณ์ อักษร เก็บหอมรอมริบ แคล่วคล่องว่องไว น้าพักน้าแรง
5.
๔. คามูลสี่พยางค์
เช่น กระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง กระจุยกระจาย ระหองระเเหง ตุปัดตุป่อง
6.
๕. คาไวพจน์ คือคาที่ความหมายเหมือนกัน เช่น คาไวพจน์ของดวงอาทิตย์ ได้แก่ รวิ รวี รพี ราไพ ไถง อังศุ มาลิน สุริยะ สุริยา สุริโย สุริยัน ทิพากร ทิวากรตะวัน ตา วัน เป็นต้น
7.
เสียง เสียงในภาษาไทยที่ก่อให้เกิดความงามของภาษามี ๓
ประเภท คือ ๑.เสียงสัมผัส ๑.๑ เสียงสัมผัสสระ คือมีเสียงเหมือนกัน ถ้าเป็นพยางค์ ปิดต้องมีเสียงพยัญชนะท้ายเหมือนกันด้วย เช่น ดูน้าวิ่ง กลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก ๑.๒ เสียงสัมผัสอักษร (หรือสัมผัสพยัญชนะ) คือ มีเสียง พยัญชนะต้นเหมือนกัน เช่น อย่าหยิ่งเย่อยกย่อง ลาพองพิษ
8.
๒.เสียงวรรณยุกต์ ก่อให้เกิดเสียงดนตรีที่ไพเราะ คาประพันธ์
ไทยมี ๕ ประเภท ในจานวนนีมี ๓ ประเภทบังคับการใช้วรรณยุกต์ คือ ้ -โคลง บังคับคาเอก คาโท -ร่ายบังคับคาที่ส่งสัมผัสท้ายวรรคกับคาที่รับสัมผัสต้องใช้คาที่มีรูป วรรณยุกต์เดียวกัน -กลอน บังคับเสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรคทุกวรรค การบังคับเช่นนี้เพื่อให้มีเสียงไพเราะก่อให้เกิดความงามของภาษา
9.
๓. เสียงหนักเบาและจังหวะอันเกิดจากการอ่าน ๓.๑
การอ่านร้อยแก้ว ผู้อ่านเน้นเสียงหนักเบาให้เหมาะสม กับเนื้อความ ที่อ่าน มีการทอดเสียง เว้นวรรคเหมาะสม จะก่อให้เกิดความงามขึ้น ๓.๒ การอ่านร้อยกรอง ร้อยกรองประเภทฉันท์จะมีการ กาหนดเสียง หนักเบาได้แน่นอน เมื่ออ่านเป็น ทานองเสนาะจะก่อให้เกิดเสียงทีj เป็นจังหวะและลานาอัน ไพเราะงดงาม
10.
๑.ความหมายในบริบท เช่น
เกาะ มีความหมายหลายอย่าง ตัวอย่าง นกเกาะกิ่งไม้ ฉันไปเที่ยวเกาะภูเก็ต ๒.ความหมายในสาร หากผู้อ่านมีประสบการณ์และจินตนาการใกล้เคียงกับผูแต่ง ้ ก็จะเข้าใจสารเป็นอย่างดี ๓.ความหมายในกวีโวหาร การอ่านต้องตีความก่อนจึงจะเข้าใจ
11.
๑.เลือกคาที่มีความหมายเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
เช่น เรื่องที่เป็นนิทาน นิราศ อาศิรวาท ย่อมต้องใช้คาต่างๆกันไปให้ เหมาะสม ๒.การเลือกคาโดยเพ่งเล็งเสียงของคา ใช้ศิลปะการประพันธ์ดังนี้ สัทพจน์ หรือการใช้เลียนเสียงธรรมชาติและเสียงต่างๆ การเล่นคา คือการใช้คาพ้องเสียงหรือคาที่มีเสียงเหมือนกัน การซ้าคา การใช้คาให้เกิดเสียงไพเราะ และได้น้านักของความหมาย
12.
การเล่นคา คือการใช้คาพ้องเสียงหรือคาที่มีเสียงเหมือนกัน
การซ้าคา การใช้คาให้เกิด เสียงไพเราะ และได้น้านักของ ความหมาย เช่น เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ การซ้าเล่นคา คือการซ้า และเล่นคากันด้วย เช่น
13.
รอȨอนสุริยะโอ้
อัสดง เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค้าแล้ว รอนรอนจิตจานง นุชพี่ เพียงแม่ เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ว คลับคล้ายเรียมเหลียว “รอนรอน”ในบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ กับ “เรื่อยเรื่อย” ใน บาทที่ ๒ และบาทที่ ๔ ซ้าคาเล่นคา
14.
อัพภาส คือคาซ้านิดหนึ่ง
เช่น วะวับ ระรื่น การใช้อัพภาสจะทาให้ เสียงไพเราะเช่น ยะแย้มยิ้มพิมพ์ใจให้วาบหวาม วะวาววับตางาม ทรามสงวน การเล่นเสียงสัมผัส มีทั้งเล่นเสียงสัมผัสสระและเสียงสัมผัสอักษร (หรือสัมผัสพยัญชนะ) ในวรรคเดียวกัน หรือในตาแหน่งที่ไม่ใช่ สัมผัสบังคับ
15.
การเล่นเสียงวรรณยุกต์ คือ
การไล่เสียงวรรณยุกต์ ก่อให้เกิดเสียงดนตรีที่ไพเราะ ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน เมืองชื่อกาญจนบุรี ว่างว้าง จะจับจองจ่องจ้องสิ่งใดนั้น ดูสาคัญคั่นคั้นอย่างันฉงน
16.
๑.คนที่พูดจา….จะไม่ใช้วาจาที่ระคายเคืองหูผู้อื่น ควรใช้คาซ้อนในข้อใดเติมลงในช่องว่างข้างต้น
ก.อ่อนน้อม ข.อ่อนโยน ค.อ่อนหวาน ง.อ่อนช้อย
17.
๒.ข้อใดเรียงคาให้ได้ดุลของเสียงและความหมาย
ก่อให้เกิดความงามในภาษา ก.เข้าป่าอย่าเสียเหมือง เข้าเมืองอย่าเสียขุน ข.สิบทิศทั่วลือละเวง หวั่นเดชท่านนา ค.สองฝ่ายหาญใช่ช้า คือสีห์สู้สีหกล้า ์ ง.พระพรายชายพัดมาเชยชื่น หอมระรื่นรอบในไพร ระหง
18.
๓.”ครืนครืนใช่ฟ้าร้อง เรียมครวญ
หึ่งหึ่งให้ลมหวน พี่ให้” คาประพันธ์ข้างต้นนี้ใช้ศิลปะการปะพันธ์ตรงกับข้อใด ก.สัทพจน์ ข.เล่นคา ค.อัพภาส ง.เล่นคาซ้าคา ๔.การใช้คาอัพภาสให้ความไพเราะทางด้านใด ก.ความหมาย ข.ความคล้องจอง ค.จังหวะหนักเบา ง.ความสะเทือนอารมณ์
19.
๕.ภาพที่ปรากฏในจินตนาการหรือในความรูสึก ้ ของบุคคลตามที่บุคคลนั้นๆเคยมีประสบการณ์ เรียกว่าอะไร ก.จินตภาพ ข.มโนภาพ ค.ภาพพจน์ ง.ภาพลักษณ์
20.
๖.ข้อใดเป็นอติพจน์ ก.เฉลิมพระชนมพรรษาสิงหามาส
ข้าพระบาทบังคมก้มเกศี ข.แม่เป็นมิงขวัญแผ่นดินทอง ่ แม่เป็นแสงโสมส่องแผ่นดิน ธรรม ค.ขอเดชะปวงข้าประชาราษฏร์ กราบพระบาทถวายพรภิญโญป ถัมภ์ ง.ขอพระชนม์ยืนนานจารใจจา คู่ถิ่นธรรมถินทองของไทย ่ เทอญ
21.
๗.เสียงสัมผัสในสานวนข้อใดที่ต่างกับขออื่น
ก.บัวไม่ให้ช้า น้าไม่ให้ขุ่น ข.มะพร้าวตื่นดก ยาจกตื่นมี ค.ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดดยาก ั ง.เรือร่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่ ๘.” งานนี้ยิ่งทาเสร็จเร็ว … ก็ยิ่งดีเท่านั้น” ควรใช้คาในข้อใดเติมลงในช่องว่างข้างต้น จึงได้ดุลของเสียงและ ความหมาย ก.เมื่อไร ข.ฉันใด ค.เท่าไร ง.เพียงใด
22.
๘.” งานนี้ยิ่งทาเสร็จเร็ว
… ก็ยิ่งดีเท่านั้น” ควรใช้คาในข้อใดเติมลงในช่องว่างข้างต้น จึงได้ดุล ของเสียงและความหมาย ก.เมื่อไร ข.ฉันใด ค.เท่าไร ง.เพียงใด
23.
คาประพันธ์ข้างต้นนี้ใช้ศิลปะการปะพันธ์ตรงกับข้อใด ก.สัทพจน์ ข.เล่นคา ค.อัพภาส ง.เล่นคาซ้าคา ๑๐.”กิรดังได้สดับมา ยังมีกระทาชายนายหนึ่ง เ ดินทางร่อนเร่….” ก.นิทาน ข.ตานาน ค.เรื่องสั้น ง.นวนิยาย
24.
ข้อ ๑.ค
ข้อ๒.ก ข้อ๓.ก ข้อ๔.ค ข้อ๕.ก ข้อ๖.ง ข้อ๗.ก ข้อ๘.ค ข้อ๙.ค ข้อ๑๐.ก
Download